ฉันสูญเสียความทรงจำ ชีวิตในแต่ละวันของฉันต้องพึ่งพาโพสต์อิทสีเหลืองที่แปะอยู่เต็มผนังบ้าน มันคือโลกทั้งใบที่แตกสลายของฉัน จนกระทั่งพศิน แฟนเก่าที่ฉันทิ้งไปเมื่อเจ็ดปีก่อน กลับมาพร้อมคู่หมั้นของเขา เขาตราหน้าว่าฉันเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินที่ทิ้งเขาไปหาเสี่ยรวยๆ อย่างเลือดเย็น พวกเขาใช้ฉันเป็นเครื่องมือในรายการเรียลลิตี้ สร้างเรื่องราวให้ฉันถูกคนทั้งประเทศเกลียดชัง บังคับให้ฉันสารภาพผิดในสิ่งที่ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันถูกประจานให้อับอาย ถูกผลักลงไปในตู้กระจกที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งในพิธี "ชำระล้างบาป" ต่อหน้าคนนับล้าน จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด พี่ชายของฉันที่พยายามเข้ามาปกป้องก็ถูกทำร้ายและใส่ร้ายไปด้วย แต่สายตาของพศินที่มองมายังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ในเมื่อความทรงจำของฉันมันว่างเปล่าไปหมดแล้ว ทำไมเขาถึงต้องกลับมาทำลายชีวิตฉันให้ย่อยยับถึงขนาดนี้? เจ็ดปีที่แล้ว... มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ฉันสูญเสียความทรงจำ ชีวิตในแต่ละวันของฉันต้องพึ่งพาโพสต์อิทสีเหลืองที่แปะอยู่เต็มผนังบ้าน มันคือโลกทั้งใบที่แตกสลายของฉัน
จนกระทั่งพศิน แฟนเก่าที่ฉันทิ้งไปเมื่อเจ็ดปีก่อน กลับมาพร้อมคู่หมั้นของเขา เขาตราหน้าว่าฉันเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินที่ทิ้งเขาไปหาเสี่ยรวยๆ อย่างเลือดเย็น
พวกเขาใช้ฉันเป็นเครื่องมือในรายการเรียลลิตี้ สร้างเรื่องราวให้ฉันถูกคนทั้งประเทศเกลียดชัง บังคับให้ฉันสารภาพผิดในสิ่งที่ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ฉันถูกประจานให้อับอาย ถูกผลักลงไปในตู้กระจกที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งในพิธี "ชำระล้างบาป" ต่อหน้าคนนับล้าน จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
พี่ชายของฉันที่พยายามเข้ามาปกป้องก็ถูกทำร้ายและใส่ร้ายไปด้วย แต่สายตาของพศินที่มองมายังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ฉันไม่เข้าใจ
ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ในเมื่อความทรงจำของฉันมันว่างเปล่าไปหมดแล้ว ทำไมเขาถึงต้องกลับมาทำลายชีวิตฉันให้ย่อยยับถึงขนาดนี้? เจ็ดปีที่แล้ว... มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
บทที่ 1
กุลธิดา (กุล) POV:
ฉันจำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ความทรงจำของฉันเหมือนภาพตัดต่อที่ไม่สมบูรณ์ มีแต่ชิ้นส่วนกระจัดกระจายที่ปะติดปะต่อกันไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันจำได้แม่นยำคือโพสต์อิทสีเหลืองที่แปะเต็มผนังบ้าน มันคือชีวิตของฉัน เป็นเส้นทางที่นำทางฉันให้ผ่านพ้นแต่ละวันไปได้
วันนี้เป็นอีกวันที่เหมือนจะปกติ จนกระทั่งเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ฉันต้องเดินไปที่ประตูบ้าน โพสต์อิทแผ่นหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเขียนว่า "เปิดประตูต้อนรับแขกให้สุภาพ" ฉันพยักหน้ากับตัวเองแล้วเอื้อมมือไปบิดลูกบิด
ประตูเปิดออก และภาพตรงหน้าทำให้ฉันต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามาพร้อมกับเงาร่างสูงของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา สวมเสื้อเชิ้ตราคาแพงที่ดูไม่เข้ากับย่านเก่าๆ แห่งนี้เลย
ข้างๆ เขามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เธอสวยมาก สวมชุดเดรสพลิ้วไหวราวกับนางฟ้า ดวงตาของเธอจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่ฉันอ่านไม่ออก
"กุลธิดา?" ชายคนนั้นเอ่ยชื่อฉัน เสียงของเขาคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหน
ฉันมองไปที่เขา พยายามค้นหาใบหน้าของเขาในส่วนที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำที่แตกสลายของฉัน แต่มันว่างเปล่า ฉันจำไม่ได้จริงๆ
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาไล่สำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าเก่าๆ ที่ฉันสวมอยู่ดูเหมือนจะทำให้เขาไม่พอใจ
"สภาพเธอ... ดูไม่ได้เลยนะ" เขาพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันราวกับว่าฉันเป็นตัวตลก
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องพูดแบบนั้น
"เจ็ดปีแล้วนะ กุลธิดา เธอก็ยังเหมือนเดิม ไม่สิ แย่กว่าเดิมเยอะ" เขายิ้มเหยียด "ยังจำเรื่องที่เธอทิ้งฉันไปหาเสี่ยรวยๆ ได้ไหมล่ะ?"
คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกสับสนในสมองของฉันมีแต่คำว่าเสี่ยรวยๆ แต่มันเชื่อมโยงกับฉันไม่ได้เลย
"คุณ... คือใครคะ?" ฉันถามออกไปอย่างสุภาพตามที่โพสต์อิทบอกไว้
เขาหัวเราะเบาๆ เป็นเสียงหัวเราะที่เย็นชาจนฉันรู้สึกหนาวสะท้านเข้าไปในกระดูก
ผู้หญิงข้างๆ เขาเข้ามาโอบแขนเขา ดวงตาของเธอเหลือบมองมาที่ฉันแล้วยิ้มอย่างเย้ยหยัน
"สมองเธอคงพังไปแล้วจริงๆ สินะ กุลธิดา" ชายคนนั้นพูดขึ้น "คงเพราะกรรมตามสนองที่เธอทำกับฉันไว้เมื่อเจ็ดปีที่แล้วสินะ?"
ฉันส่ายหน้าช้าๆ ความสับสนตีตื้นขึ้นมาจนรู้สึกปวดหัว
"คุณอยากดื่มอะไรไหมคะ?" ฉันเปลี่ยนเรื่อง พยายามทำตัวให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี โพสต์อิทอีกแผ่นเขียนไว้ว่า "เสนอเครื่องดื่มให้แขก"
ฉันหันไปที่ผนังบ้าน มองหาโพสต์อิทที่เขียนเกี่ยวกับเครื่องดื่ม โพสต์อิทแผ่นนั้นอยู่ตรงมุมห้องครัว
"อยู่ในครัวนะคะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้" ฉันพูดแล้วเดินโซซัดโซเซเข้าไปในครัว
ฉันเอื้อมมือไปหยิบแก้ว แต่แก้วในมือของฉันสั่นเทาจนแทบจะจับไม่อยู่ ฉันพยายามมองหาโพสต์อิทที่เขียนว่า "แก้วน้ำอยู่ตรงไหน" แต่มันไม่มี ฉันจำไม่ได้ว่าฉันเคยแปะไว้หรือไม่
ฉันใช้เวลาสักพักกว่าจะหาแก้วเจอ จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เย็น เปิดออกแล้วหยิบขวดน้ำเย็นออกมา รินใส่แก้วอย่างระมัดระวัง แต่ทว่ามือของฉันยังคงสั่นไม่หยุด
"นานไปแล้วนะ กุลธิดา" เสียงของเขาดังมาจากด้านหลัง ทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก
"แค่รินน้ำแก้วเดียวนานขนาดนี้เลยเหรอ?" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ฉันรีบเดินถือแก้วออกไปจากครัว มือของฉันสั่นหนักกว่าเดิม น้ำเย็นในแก้วกระฉอกหกเลอะถาดรองเล็กน้อย
เขาจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่เฉยชา ขณะที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งหยิบถาดน้ำไปจากมือของฉันอย่างรวดเร็ว
"ดูสิคะชิน สภาพเธอแย่ขนาดไหน" ผู้หญิงคนนั้นพูด เธอหันไปพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เสแสร้ง "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ็ดปีจะทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้"
เธอหยิบแก้วน้ำอีกแก้วขึ้นมา แล้วรินน้ำให้เขาอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็ยื่นให้เขา
ส่วนแก้วของฉัน เธอวางกระแทกลงบนโต๊ะตรงหน้าฉันอย่างแรงจนน้ำกระเด็นออกมา
ฉันมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ความรู้สึกสับสนยังคงตีตื้น
"คุณ... คือใครคะ?" ฉันถามออกไปอีกครั้ง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งค้างไปชั่วขณะ เธอโอบแขนชายคนนั้นแน่นขึ้น
"ฉันชื่อศุภลักษณ์ และฉันคือคู่หมั้นของพศิน" เธอพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ "เรากำลังจะแต่งงานกัน และตั้งใจกลับมาบอกข่าวดีกับทุกคนที่นี่"
ฉันพยักหน้าช้าๆ
"ยินดีด้วยนะคะ" ฉันพูดออกไปตามมารยาท ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอีก
ฉันก้มหน้าลง กำมือทั้งสองข้างบีบชายเสื้อของตัวเองแน่น รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินในห้องนี้
ชายคนนั้นวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะเสียงดังโครมคราม
"เธอมีสิทธิ์อะไรมายินดีกับเรา กุลธิดา?" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่กราดเกรี้ยว
"อย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกเลย ที่เธอเป็นแบบนี้เพราะเธอสมควรได้รับมัน!"
เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
"จำได้ไหมว่าเธอทิ้งฉันไปเพราะเงิน? เงินที่ผู้ชายคนอื่นเสนอให้เธอมากกว่าฉัน"
"ตอนนี้ฉันมีทุกอย่างที่เธอเคยใฝ่หา และฉันก็อยู่สูงเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึง"
"อย่ามาแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมเพื่อเรียกร้องความสงสารอีกเลย เธอไม่มีทางหลอกฉันได้หรอก!"
"ฉันไม่มีทางให้ความเมตตาหรือกลับไปหาเธออีกแน่!"
เขาคว้าคางของฉันเงยขึ้น บังคับให้ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟแค้นของเขา
"หน้าเธอ... ฉันไม่อยากมองเลยจริงๆ" เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรังเกียจ
ดวงตาของฉันพร่าเลือน คางของฉันรู้สึกเจ็บจนชาไปหมด
"เจ็บ...เจ็บค่ะ" ฉันพูดออกมาเสียงแผ่ว
"เจ็บงั้นเหรอ? เธอยังรู้สึกเจ็บได้อีกหรือไง กุลธิดา!" เขาถามกลับ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันราวกับว่าฉันกำลังเล่นละคร
"เจ็ดปีที่แล้วที่เธอทิ้งฉันไป เธอไม่รู้สึกเจ็บใช่ไหม? ตอนที่เธอหักหลังความรักของเรา เธอรู้สึกสะใจใช่ไหม?"
คำพูดของเขาเหมือนคมมีดที่กรีดแทงเข้ามาในสมองของฉัน มันเจ็บปวดจนฉันแทบจะทนไม่ไหว
ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดเลยจริงๆ
"คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ?" ฉันถามไปทั้งน้ำตา โดยไม่รู้เลยว่าคำถามของฉันยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก
"ยังจะมาถามอีกงั้นเหรอ!" เขาตะคอกใส่หน้าฉัน
"เธอคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยใช่ไหม กุลธิดา?"
เขาปล่อยคางฉันออกอย่างแรงจนศีรษะของฉันกระแทกกับพนักเก้าอี้
ฉันรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา แต่ฉันก็ยังคงสับสนกับสิ่งที่เขากำลังพูดถึง
เขาจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่ดำมืดราวกับพายุที่กำลังก่อตัว
"จำได้ไหมว่าเธอทำให้ฉันเจ็บปวดขนาดไหน?"
เขาหรี่ตาลง น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบจนฉันรู้สึกหนาวสะท้านถึงขั้วหัวใจ เขากำลังจะทำอะไรบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
หนังสืออื่นๆ ของ Gavin
ข้อมูลเพิ่มเติม