Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
2K
ชม
34
บท

หนึ่งคนเริ่มต้นทุกอย่างด้วยความรัก ความภักดี มอบให้ทั้งกายและใจ สุดท้ายสิ่งที่อีกฝ่ายตอบแทนมีแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น หนึ่งคนที่เริ่มต้นทุกอย่างด้วยความใคร่ ความปรารถณาของร่างกาย ไม่เคยสนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย และเมื่อความรู้สึกมันสวนทางกันตั้งแต่ต้นแบบนี้แล้ว เรื่องทุกอย่างมันจะจบลงยังไงคงไม่มีใครรู้นอกจากเขาทั้งสองเอง จุดจบจะเป็นเช่นไรติดตามได้ใน เพียงรัก

บทที่ 1 ผมจะเอาเขากลับมา

"แม่ขา" เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กวัย 3 ขวบ ร้องเรียกผู้เป็นแม่พร้อมกับวิ่งโผลเข้ากอดจนผู้เป็นแม่เกือบจะหงายหลัง เพราะเจ้าตัวน้อยเล่นทิ้งน้ำนักตัวทั้งหมดไปที่แม่ของตน

"ว่าไงคะคนเก่งของแม่ วันนี้ดื้อไหมคะ" ผู้เป็นแม่เอื่อยถามสาวน้อยแก้มซาลาเปาตรงหน้า พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้และหอมแก้มนุ่มนิ่มของลูกสาวตัวแสบไปหลายฟอด

"ไม่ดื้อเลยค่ะ มีแต่เพื่อนที่ดื้อ" เจ้าตัวแสบรีบโบ้ยความผิดให้เพื่อนทันที

"จริงเหรอคะ แม่เชื่อหนูได้แค่ไหนเนี่ย" ร่างบางเอ่ยถามลูกน้อยในอ้อมกอดของตน ใช่ว่าตนจะไม่รู้ฤทธิ์ของแม่สาวน้อยคนนี้

"จริงๆ คะ" เจ้าตัวยังคงยืนยันอย่างนักแน่นว่าตนเองนั้นไม่ได้ดื้อเลยซักนิด

"โอเค จริงก็จริง"

"แม่ขาหนูหิวแล้วอ่ะ" และหลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนเจ้าต้วน้อยก็เป็นต้องหิวทุกที นี่แหละเด็กกำลังโต "งั้นเราเข้าบ้านไปหาคุณยายกันดีกว่า ป่ะ" ว่าจบ ร่างบางก็จูงมือลูกน้อยเข้าบ้าน เพื่อพาตัวแสบไปหาของกินทันที

"ยายจ๋า หนูหิวจังเลย" พอเดินเข้ามาในครัวเห็นคุณยายกำลังเอาขนมที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ ก็สะบัดมือของตนออกจากมือของแม่ทันทีและวิ่งเข้าไปเกาะขาของคุณยายเพื่ออ้อนขอกินขนม

"พอดีเลย ยายเพิ่งอบขนมเสร็จ หนูไปนั่งรอยายที่โต็ะนะ เดี๋ยวยายเอาให้"

"รับทราบค่ะ" เด็กน้อยรับคำพร้อมกับทำท่าตะเบ๊ะก่อนจะวิ่งไปนั้งรอตามที่คุณยายบอก

"เดินเอาก็ได้ลูก เดี๋ยวก็ล้มหรอก" ร่างบางว่าก่อนจะหันไปคุยกับแม่ของตน

"งั้นญาฝากเจ้าตัวเล็กด้วยนะแม่ เดี๋ยวเข้างานสาย" "ไปเถอะไม่ต้องห่วง" ว่าจบทั้งสองก็แยกย้าย ร่างบางเดินขึ้นชั้นบนเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปทำงาน ส่วนแม่ของตนก็เอาขนมไปให้หลานสาวสุดที่รักกิน เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ร่างบางก็เดินลงมาจากชั้นบนและเดินไปบอกลาลูกน้อยก่อนไปทำงาน

"แม่ไปทำงานแล้วนะคะ อย่าดื้อกับคุณยายนะรู้ไหม" ร่างบางยังไม่วายสั่งเจ้าตัวน้อยที่ยืนหน้ามุ้ยอยู่ข้างคุณยาย

"หนูไม่ดื้อซะหน่อย ไม่เชื่อแม่ถามยายดูเลย" เจ้าตัวทำแก้มพองลมเมื่อแม่พูดเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ดื้อมาก "จ้า ไม่ดื้อก็ไม่ดื้อ จุ๊บ" ร่างบางหอมแก้มลูกอีกครั้งก่อนจะหันไปพดูกับแม่ของตน

"ญาไปแล้วนะแม่"

"จ้า" ร่างบางทำงานหลางคืนอยู่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งแถวบ้าน ด้วยเหตุผลที่อยากอยู่ใกล้ลูก ถึงแม่ว่ารายได้จะไม่เยอะแยะอะไร แต่ก็พออยู่พอกิน และแน่นอนว่าการทำงานกลางคืนย่อมต้อมมีข้อเสียมากกว่าข้อดี ข้อแรกเลยก็คือ คนส่วนมากจะมองพวกเขาเป็นเด็กขาย ส่วนอีกข้อคือ ไม่สามารถเลี่ยงไม่ให้โดนลวนลามได้ แต่อย่างน้อยตนก็โชคดีที่มีเจ้านายดี มีเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก

"อ้าวญา ทำไมวันนี้มาเร็วจังล่ะ ไม่ได้ไปรับลูกเหรอ?" ก้อง เพื่อนสาวประเภทสองที่ทำงาาเป็นเด็กเสิร์ฟเอ่ยถามขึ้น

"ไม่ต้องแล้วล่ะ แม่เราให้ไป-กลับรถโรงเรียนเอาน่ะ แม่แกกลัวเราจะมาทำงานไม่ทัน" ร่างบางบอกก่อนจะขอตัวไปทำงานของตน เพราะเด็กเสิร์ฟแต่ล่ะคนมีหน้าที่ที่ต้องทำก่อนร้านจะเปิด นั่นก็คือทำความสะอาดโซนที่ตัวเองรับผิดชอบ ร่างบางใช้เวลาทำความสะอาดโซนของตัวเองไม่นานก็เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงมานั้งพัก ร้านเหล้าแห่งนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ร้านใหญ่โตอะไร แต่ก็มีสวัสดิการให้กับลูกจ้างเหมือนกับร้านใหญ่ๆ บางร้าน นั่นคือมีอาหารให้สองมื้อ มีวันหยุดอาทิตย์ละ 1 วัน เข้างานสายได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง เงินเดือนก็ได้ตามมาตรฐานค่าแรงขั้นต่ำ แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับคนที่จบแค่ ม.6 อย่างตน

"ญา ได้เวลากินข้าวแล้ว ป่ะ" เป็นก้องนั่นเองที่เดินมาตามร่างบางไปกินข้าว

"อืม" ร่างบางขานรับเบาๆ ก่อนจะลุกเดินตามเพื่อนสาวไป

"อื้อหือ วันนี้กระเพราไข่ดาวด้วย ของโปรดพี่เลย" เจน เพื่อนร่วมงานอีกคนเอ่ยขึ้น และเมื้อเหล่าพนักงานทั้งหมดกินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็เข้าประจำโซนของตัวเองเพื่อรอบริการลูกค้าที่มาใช้บริการ และอย่างที่บอกว่าร้านนี้ไม่ใช่ร้านเหล่าที่ใหญ่อะไร จึงมีพนักงานไม่มาก มีผู้จักการร้าน 1 คน พีอาร์ 2 คน เด็กเสิร์ฟ 5 คน แม่ครัว 3 คน และคนรับรถอีก 2 คน และพวกเขาทั้งหมดคือเพื่อนสมัยเรียนมัธยมของร่างบาง ยกเว้นผู้จัดการกับพีอาร์ดท่านั้นที่ไม่ใช่เพื่อนและตนไม่สนิทด้วย แต่คนที่ร่างบางสนิทด้วยที่สุดก็จะเป็นก้อง เจน และภูมิ นอกนั้นก็จะทักทายกันปกติ แน่นอนว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนรู้ว่าตนนั้นมีลูกแล้ว แต่ก็คิดว่าตนนั้นคงจะไปทำผู้หญิงท้องแล้วเลิกรากันไปจนต้องเอาลูกมาเลี้ยงเอง ซึ่งร่างบางก็ปล่อยเลยตามเลยไม่คิดจะอธิบายอะไร จะมีก็แต่คนที่สนิทกับตนจริงๆ จะรู้ว่าเด็กคนนั้นตนเป็นคนอุ้มท้องและคลอดออกมาเอง

"โอ้ยเหนื่อยจัง ทำไมวันนี้ลูกค้าถึงได้เยอะแบบนี้ ไปอดอยากปากแห้ง เสี้ยนเหล้ามาจากไหนกัน" เจนบ่นขึ้นหลังจากที่เก็บกวาดทำความสะอาดร้านเรียบร้อยแล้ว มือหนึ่งถือขวดน้ำอีกมือสางผมที่ยุ่งเหยิงของตน "แกจะบ่นทำไมคะนังชะนี ลูกค้าเยอะก็ดีแล้วไง" ก้องพูดอย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้ลูกค้าเยอะก็ทำให้เขาได้ทิปเยอะไปด้วย

"จริงของก้องมัน" ภูมิพูดเสริมขึ้นอย่างเห็นด้วย ขนาดตนที่เป็นแค่เด็กรับรถยังได้ทิปมาไม่น้อยเลย

"พวกแกมันไม่เข้าใจสุนทรียะของหญิงสาวผู้บอบบางอย่างฉัน" เจนโอดครวญออกมาเมื่อโดนเพื่อนๆ รุมบ่นให้ตร

"แกมันเทยถึกอีก้อง ส่วนแกเป็นผู้ชายไม่ได้เรื่องไอ่ภูมิ" "พาลนี่หว่า" ภูมิพูดด้วยสีหน้างงๆ ทำไม่แค่นี้ต้องว่ากันด้วยวะ

"นั่นดิ พาลเนาะภูมิเนาะ"

"พอได้แล้ว ไหนบอกว่าเหนื่อย พูดมากไม่เหนื่อยกันรึไง" ร่างบางพูดขึ้นหลังจากที่มองดูเพื่อนโต้เถียงกันไปมา

"นี่แก่ว่าฉันพูดมากเหรอญา" เจน ก้อง และภูมิพูดออกมาอย่างพร้อมเพียงเมื่อร่างบางพูดจบ

"เออ ชัดยัง"

"ชัด" ทั้งสามตอบเบาๆ

"นี่พวกเธอ เราจะไปถนนคนเดินไปด้วยกันไหม" เพื่อนร่วมงานคนนี้เป็นพีอาร์ของร้าน ความสวยจัดว่าอยู่ในระดับหน้าตาดีเลยทีเดียง

"ไม่เป็นไร เกรงใจ พวกเธอไปกันเถอะ" ก้องพูดปฏิเสธไปทันที

"ไม่ต้องเกรงใจหรอก วันนี้เราได้ทิปเยอะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว ไปเถอะนะ ไปด้วยกันหลาย ๆ คนสนุกดี"

"ไว้โอกาสหน้าดีกว่านะ วันนี้เรามีธุระแล้ว" ร่างบางรู้ว่าเพื่อนไม่ชอบพีอาร์ทั้งสองคนนี้ตนจึงพูดปฏิเสธไปเมื่อเห็นว่าทั้งก้องและเจนเริ่มจะเก็บอาการไม่อยู่แล้ว

"งั้นเหรอ น่าเสียดายจังไม่เป็นไรจ๊ะ ครั้งหน้าก็ได้เนาะ งั้นเราไปก่อนนะ บ๊ายบาย" หลังจากทีาพีอาร์ทั้งสองจากไป ก้องและเจนก็หันไปทำตาขวางใส่ร่างบางทันที "ญา แกไปพูดแบบนั้นกับมันทำไม เดี๋ยวครั้งหน้ามันก็มาชวนแกไปอีก" เจนเปิดบทสนทนาจึ้นก่อนที่ก้องจะรับช่วงต่อ

"นั่นสิ แกไม่รู้รึไงว่าสองคนนั้นมันสตอเบอรี่ญี่ปุ่นแค่ไหน"

"เราแค่บอกปัดไปแค่นั้นเอง" ร่างบางพูดขึ้นอย่างเหนื่อยๆ เมื่อเห็นเพื่อนทำท่าเหนื่อยอกเหนื่อยใจก้องและเจนก็ไม้ได้พูดอะไรต่อ

"หายเหนื่อยกันยัง" ภูมิถามขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน "ถ้าหายเหนื่อยแล้ว ก็กลับบ้านกัน"

"อื้อ ป่ะ" จากนั้นพวกเขาทั้งสี่ก็เดินกลับบ้านพร้อมกัน เนื่องจากบ้านของพวกเขาอยู่ในซอยเดียวกัน ใช้เวลาเดินไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงบ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านร่างบางก็ไมาได้นอนทันที เขาจะต้องช่วยแม่ทำกับข้าวไปขายที่ตลาด แรกๆ ก็ไม่ชินหรอก แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มจะชินกับวิถีชีวิตแบบนี้ซะแล้ว

"ญาไปนอนได้แล้วลูก อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว" เมื่อเห็นว่าลูกนั่งหาวนางจึงบอกให้ลูกไปนอน เพราะเหลือเก็บกวาดอีกนิดหน่อยก็จะเสร็จแล้ว

"ไม่เป็นไรหรอกแม่ อีกนิดเดียวเอง" ร่างบางบอกแม่ก่อนจะเก็บกวาดเศษขยะใส่ที่โกยแล้วเอาไปทิ้ง

"อ่ะ เสร็จแล้ว"

"งั้นลูกก็ไปนอนได้แล้ว ทำงานมาเหนื่อยๆ ยังต้องมาช่วยแม่อีก"

"แค่นี้ไม่เหนื่อยเลยแม่ สบายมาก" ร่างบางทำท่าเบ่งกล้ามให้แม่ดูว่าตัวเองนั้นแข็งแรงขนาดไหน ทำแค่นี้สบายมาก

"จ้าเก่ง แม่ไปแล้วนะ" ร่างบางมองดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาตีห้ากว่าแล้วจึงยังไม่ไปนอน เตรียมของทำอาหารเช้าให้ลูกสาวตัวน้อยของตน เมื่อทำเสร็จก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ตัวแสบตื่นพอดี ร่างบางจักการอาบน้ำและป้อนข้าวให้ลูกสาวก่อนจะไปส่งที่หน้าบ้านเมื่อรถโรงเรียนมารับ

"หนูไปแล้วนะคะ จุ๊บ" เมื่อบอกลาแม่เสร็จก็วิ่งไปหาคุณครูที่รออยู่ทันที ก่อนรถจะออกตัวเจ้าตัวยังหันมาโบกมือให้ตนอีกด้วย

"บายจ๊ะ" เมื่อรถโรงเรียนเคลื่อนตัวออกไปร่างบางก็หันหลังเดินเข้าบ้านและตรงขึ้นชั้นบนทันที เมื่อเข้ามาถึงในห้องก็ล้มตัวลงนอนและเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว อีกด้านหนึ่งที่ประตูรั้วหน้าบ้าน

"ถึงแม้ว่าเขาจะลำบากไปซักหน่อย แต่เขาก็ดูมีความสุขดีนะ ว่าไหม?" ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปถามชายที่ยืนอยู่ข้างตัวเอง

"ผมคิดถึงญา" แต่ดูเหมือนว่าอีคนจะไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดเลย

"คิดถึงเหรอ แล้วเขาคิดถึงมึงแบบที่มึงคิดถึงเขารึเปล่า" น้ำเสียงที่เปร่งออกมาเต็มไปด้วยความเย้ยยั้นอย่างชัดเจน

"ผมรักญา" เป็นอีกครั้งที่ทำพูดของตนถูกเมิน

"หึ" เมื่ออีกคนไม่สนใจคำพูดของตน ตนก็ไม่มีอะไรจะพูด

"พี่เป็นพี่ผมป่ะเนี่ย" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงพูดถากถางตนอยู่จึงหันไปถามด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว

"เพราะกูเป็นพี่มึงไงถึงได้พูดแบบนี้ มึงจำได้ไม่ว่ามึงทำอะไรกับญาเขาไว้บ้าง มึงจำได้ไหมวันที่เขาเดินจากมามึงพูดว่าไง แล้วทำไมทีตอนนี้บอกว่าคิดถึงเขา รักเขา" เขาพูดดึงสติอีกคนด้วยการพูดถึงอดีตที่คนคนนี้เคยทำไว้กับอีกคนที่เดินเข้าบ้านไปเมื่อครู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์

"ผมรู้ว่าผมผิด ตอนนี้ผมถึงพยามแก้ไขมันอยู่นี่ไง" "เรื่องของมึงเถอะ กูไม่ขอยุ่ง" ตนพูดตัดบทอีกฝ่ายก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

"พี่จะเอาญากับมาเป็นของพี่เหมือนเดิมให้ได้ ต่อให้ต้องแลกกับอะไรพี่ก็ยอม" พูดจบก็เดินตามอีกคนไปที่รถแล้วขับรถออกไปจากตรงนั้นทันที

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ คะนึงหา

ข้อมูลเพิ่มเติม
วุ่นนักรักของยัยปีศาจ

วุ่นนักรักของยัยปีศาจ

เมืองแฟนตาซี

5.0

ฮุ่ยหลิง มีอายุมากกว่าพันปี เธอใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด เพราะคนรอบข้างและคนที่รักล้มหายตายจากกันไปทีละคนจรไม่เหลือใครเลย แต่เธอก็ยังคงหวังว่าสักวันจะได้พบกับพวกเขาอีกครั้ง ณ ที่ใดสักแห่งบนโลกใบนี้ และแล้วความปราถนาของเธอก็เป็นจริง เพราะเธอได้พบกับคนที่เฝ้าตามหามานานคนนั้นแล้ว ความรัก ความโหยหา ความปราถนาที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มันระเบิดอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ จนทำให้เธอเผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมัน แล้วความรักระหว่างคนและปีศาจจะจบลงเช่นไร เอาใจช่วยได้ใน วุ่นนักรักของยัยปีศาจ

ลิขิตรักนางพญา

ลิขิตรักนางพญา

โรแมนติก

5.0

คำโปรย เพราะการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของน้องสาวเพียงคนเดียว ทำให้เธอครั่ง และออกล่าทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายในครั้งนี้ และการกลับมาของเธอในครั้งนี้ทำให้เธอได้พบกับชายที่จะเปลียนชีวิตของเธอไปตลอดกาล เมื่อความรักที่มาพร้อมกับการแก้แค้นเธอจะเลือกสิ่งไหน หรือเธอจะคว้ามันไว้ทั้งสองอย่าง …………… โปรดแวะอ่านตรงนี้นิดนึ่งนะคะ 1. นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของตัวนักเขียนเอง เนื้อเรื่องบางฉากบางตอนอาจไม่มีความเมคเซ้นต์เลย 2. ใครที่รับไม่ได้ที่นางเอกแก่กว่าพระเอก นางเอกสายชั่ว นางเอกที่เคยผ่านมือชายอื่นมาก่อนที่จะได้กับพระเอก ให้กด่านได้เลยนะค่ะ (รับไม่ได้กด X) 3. เนื้อเรื่องมีความเวอร์วังเกินจริงไปมากจนเกือบจะกลายเป็นแนวเทพเซียนประมาณนั้นเลย 4. มีคำพูดหยาบคายอยู่ค่อนข้างมาก 5. สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสุนนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สุดที่รักของจักรพรรดิ

สุดที่รักของจักรพรรดิ

โรแมนติก

5.0

หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

เมืองแฟนตาซี

5.0

เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เพียงรัก
1

บทที่ 1 ผมจะเอาเขากลับมา

30/12/2021

2

บทที่ 2 ป๋ามิคคาเอล

03/01/2022

3

บทที่ 3 คนรักเก่า

03/01/2022

4

บทที่ 4 คนรักใหม่

03/01/2022

5

บทที่ 5 อำนาจของคนวิปริต

06/01/2022

6

บทที่ 6 บ้านใหม่

06/01/2022

7

บทที่ 7 สกิลอ่อยไม่ธรรมดา

06/01/2022

8

บทที่ 8 มาทำน้องให้ลูกกัน(nc18+)

06/01/2022

9

บทที่ 9 ต้องตัดไฟแต่ต้นลม

06/01/2022

10

บทที่ 10 ก็คนมันหึง

06/01/2022

11

บทที่ 11 ทำยังไงดีมีเมียขี้อ่อย nc18+

11/01/2022

12

บทที่ 12 คิดได้เมื่อสายไป

12/01/2022

13

บทที่ 13 กำจัดให้พ้นทาง

12/01/2022

14

บทที่ 14 เป็นข่าว

14/01/2022

15

บทที่ 15 จดทะเบียน (nc18+)

17/01/2022

16

บทที่ 16 ใครกันแน่ที่เป็นเมียน้อย

19/01/2022

17

บทที่ 17 เพราะเราคือเพื่อน

19/01/2022

18

บทที่ 18 ปาร์ตี้ครอบครัว

19/01/2022

19

บทที่ 19 เรื่องนี้ต้องมีคนเจ็บตัว

19/01/2022

20

บทที่ 20 ฝีมือใครกันแน่

22/01/2022

21

บทที่ 21 ตั้งแต่เมื่อไหร่

22/01/2022

22

บทที่ 22 พ่อขาหนูอยากได้น้อง (nc18+)

23/01/2022

23

บทที่ 23 มาทำน้องให้ลูกกัน (nc18+)

23/01/2022

24

บทที่ 24 พ่อขาน้องมาหรือยัง (nc18+)

23/01/2022

25

บทที่ 25 ลักพาตัว

23/01/2022

26

บทที่ 26 ช่วย

23/01/2022

27

บทที่ 27 บทลงโทษของปีศาจ

29/01/2022

28

บทที่ 28 พักฟื้น

09/02/2022

29

บทที่ 29 คุณพ่อ

09/02/2022

30

บทที่ 30 ฉลอง

09/02/2022

31

บทที่ 31 คุณพ่อ คุณแม่

09/02/2022

32

บทที่ 32 บทส่งท้าย

09/02/2022

33

บทที่ 33 บทส่งท้าย2

09/02/2022

34

บทที่ 34 ตอนจบ

09/02/2022