Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เรือนรักเรือนใจ (เรือนคุณพระนาย)

เรือนรักเรือนใจ (เรือนคุณพระนาย)

ชนิตร์นันท์

5.0
ความคิดเห็น
1.1K
ชม
78
บท

ประตูบานใหญ่ปิดลง ทว่าคนที่ยืนพิงกลับมีรอยยิ้มกว้างระบายขึ้นบนใบหน้า ทองยิ้มอย่างหยุดไม่ได้ แม้ยังไม่รู้ว่าใช่แน่หรือไม่ แต่หัวใจเขาก็เต้นรัวเร็วอย่างห้ามไม่อยู่ คือความตื่นเต้น ยินดี ชุ่มชื่นใจ เสมือนหัวใจนี้กำลังเติบโต ผลิใบและออกดอก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แห้งแล้งเหลือทน ทองรับรู้ได้ว่าทั่วทั้งร่างสะท้าน มีความอบอุ่นแผ่ซ่านทุกอณูเนื้อ รอบกายราวเกิดแสงน้อยใหญ่เสมือนมีหิ่งห้อยนับร้อยกะพริบระยิบระยับอยู่ตรงหน้า ด้วยหญิงสาวร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มที่นั่งเคียงข้างคุณป้าส้มจีนนั้น... ลูกจันทร์เหลือบตาขึ้นมองคุณพระนายรูปงามก่อนจะรีบหลุบตาลง ด้วยสายตาหยอกเย้านั้นส่งผลให้ขนกายทั่วตัวลุกพึ่บ อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวเข้าจู่โจมกายหล่อนอีกครั้ง เข้าใจได้ในครานี้ว่าอาการที่หล่อนเป็นเรียกว่า ‘สะท้านสายตาชาย’ นี่คือ ‘สิ่งต้องห้าม’ สำหรับแม่สื่อตามที่คุณป้าสอน หล่อนจะพึงใจในชายผู้ว่าจ้างไม่ได้ จำต้องรีบสลัดไล่ความรู้สึกนี้ให้เร็วไว เพราะหล่อนมีหน้าที่เป็น ‘แม่สื่อแม่ชัก’ มิใช่มานั่งให้คุณพระนายดูตัว

บทที่ 1 EP.1

“เฮ้ย! อย่าหนีนะ เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้!”

เสียงโหวกเหวกของผู้คนและเสียงตะโกนลั่นของผู้หญิงที่ดังกว่าใครส่งผลให้มือที่กำลังเอื้อมหยิบ ‘เอี๊ยวโก้ว’ ซึ่งวางขายอยู่ด้านข้างจักจั่นสีสดใสชะงักค้าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันฉงนเล็กน้อย เพราะคาดว่าเจ้าของเสียงแหลมเล็กนั้นเป็นหญิงสาวรุ่นอย่างแน่นอน เหตุใดหล่อนไม่รักษากิริยาที่สตรีพึงมีกลับส่งเสียงล้งเล้งดังข้ามฟากคลองแบบนี้ แต่แล้วเสียงที่ตะโกนตามมาก็ทำให้เขาคลายความสงสัย

“ขโมย! อ้าวเฮ้ย! ช่วยกันจับขโมยหน่อย เฮ้ย! หยุดนะ”

ใบหน้าคมคายหันมองต้นเสียงอีกฟากคลอง ที่เห็นคือหญิงสาวร่างเล็กใส่เสื้อคอปิดแขนยาวสีมอครามและสวมกางเกงสีครามออกเข้ม หล่อนเป็นต้นเสียงที่ตะโกนโหวกเหวกและกำลังวิ่งไล่ตามชายร่างเล็กเนื้อตัวขะมุกขะมอม หล่อนวิ่งไปก็ตะโกนให้คนช่วยจับขโมยไปด้วย แต่เจ้าขโมยก็ปราดเปรียววิ่งหลบวิ่งหลีกมาจนถึงท่าเรือฝั่งตรงกันข้ามกับเขา

หญิงสาววิ่งมาทัน แต่ชายร่างเล็กเลือกทางหนีโดยการกระโดดลงไปเหยียบหัวเรือที่จอดเรียงรายค้าขายอยู่บริเวณนั้น จากเรือขายส้มโอก็กระโดดไปหาเรือขายมะพร้าว แล้วกระโดดต่อไปที่เรือขายก๋วยเตี๋ยว เสียงแม่ค้าในเรือร้องวี้ดว้ายตามมาด้วยเสียงด่าขรมที่หัวขโมยเกือบทำให้เรือขายของล่ม

‘ต้องช่วยหล่อน’ คิดดังนั้นร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเรียบหรูสีนวลมองตรงไปยังสะพานใกล้สุด เขาต้องวิ่งข้ามสะพานไปเพราะถ้าให้เขากระโดดเหยียบหัวเรืออย่างขโมยนั่น มีหวังได้ตกน้ำก่อนไปช่วยหล่อนแน่ ทว่ายังไม่ทันได้ขยับก็เห็นชายฉกรรจ์หลายสิบคนวิ่งมาสมทบกับหล่อน ‘หล่อนได้ผู้ช่วยแล้ว’

หล่อนทำสัญญาณมือพร้อมพูดบางอย่างที่เขาเดาว่าหล่อนกำลังตระเตรียมการกับชายฉกรรจ์เหล่านั้นให้วิ่งไปดักชายร่างเล็กทุกทาง นั่นยิ่งทำให้เขาฉงน เพราะชายฉกรรจ์เหล่านั้นอายุมากกว่าหล่อนอย่างแน่นอน แต่กลับรับคำสั่งและทำตามหล่อนราวกับว่าหล่อนเป็น ‘ตั่วเจ้’ ของพวกเขาเสียอย่างนั้น

ชายเหล่านั้นแยกเป็น 2 กลุ่ม ตามหล่อนชี้นิ้ว กลุ่มหนึ่งกระโดดลงเรือไล่ต้อนชายร่างเล็ก อีกกลุ่มวิ่งต้อนบนบกไม่ให้ขึ้นฝั่งได้ พวกแม่ค้าในเรือก็พร้อมใจกันหยิบผลไม้และพืชผักที่ตนเองขายขว้างปา นั่นทำให้ชายร่างเล็กเร่งหนี กระโดดเหยียบหัวเรือพายขายของแต่ละลำไปตามเส้นทางที่ถูกต้อน ก่อนจะปีนเข้าไปในเรือโยงบรรทุกข้าวสาร

เขาละสายตาจากหัวขโมยมองตรงไปยังหญิงสาว หล่อนออกมายืนจังก้าอยู่ที่หัวตะพาน หน้าตาจิ้มลิ้มบึ้งตึงแต่กลับทำให้เขาฉงน เพราะไม่เคยเห็นทีท่าหญิงใดเป็นเยี่ยงนี้มาก่อน หล่อนดูก๋ากั่นทว่า... น่ามองเป็นที่สุด

หล่อนชี้นิ้วออกคำสั่งอีกครา นั่นล่ะเขาได้ยินเสียงตุ๊บตั๊บสลับกับเสียงร้องโอดโอย ซึ่งคงไม่ใช่เสียงร้องของชายฉกรรจ์เหล่านั้นแน่ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงก่นด่าสมน้ำหน้าจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าที่มาจับจ่ายซื้อของ

แค่อึดใจ ชายฉกรรจ์ 2 คนก็หิ้วปีกชายร่างเล็กขึ้นมาจากเรือโยง ก่อนจะนำมาคุกเข่าตรงหน้าหล่อน

ใบหน้าจิ้มลิ้มไม่บึ้งตึงเหมือนเมื่อครู่แต่กลับดูเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ หล่อนทำหน้านิ่งค้อมกายเล็กน้อยราวข่มขวัญ ริมฝีปากกระจับน้อยๆ ขยับพูดบางอย่างกับชายร่างเล็ก อากัปกิริยาดุดันกว่าที่สั่งการชายฉกรรจ์เมื่อครู่ ทั้งยังชี้นิ้วและทำท่าปาดคอจนเจ้าหัวขโมยก้มหน้างุด

ท่าทีของหล่อนดุจนางพญากำลังสั่งสอนข้าทาสบริวาร หรืออาจเป็นมัจจุราชร้ายที่จะมาพร่าวิญญาณชายร่างเล็กที่นั่งสั่นงันงกยกมือไหว้หล่อนปลกๆ ก็ได้

หล่อนช่างแปลกไปจากหญิงสาวที่เขาเคยเห็น แต่เขากลับล่ะสายตาจากดวงหน้าจิ้มลิ้มไม่ได้เลย และระยะที่ไกลพอควรก็ทำให้เขาจ้องหล่อนได้เต็มที่โดยไม่ต้องเกรงคำครหา เขาอยากได้ยินสิ่งที่หล่อนพูดแต่ด้วยอยู่คนละฟากคลองก็จนใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เดาได้ แม้ไม่ได้ยินเสียงแต่เขาเห็นภาพ

ใบหน้าจิ้มลิ้มเรียบนิ่งแต่แววเจ้าเล่ห์ยังอยู่ ดวงตาคมเข้มจับจ้องมองริมฝีปากสีเกสรชมพู่ขยับขึ้นขยับลงจนจับคำพูดได้ว่า ‘เข้าใจไหม’ และชายร่างเล็กก็พยักหน้ารับ ทว่าชายรุ่นราวคราวเดียวกับเขาที่ยืนอยู่ใกล้หล่อนที่สุดเหมือนจะทักท้วง แต่เจ้าหล่อนส่ายนิ้วชี้ว่าไม่ ชายที่ยืนด้านข้างจึงหันบอกบางอย่างกับชาย 2 คนที่หิ้วปีกขโมยมา จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปจับแขนที่อ่อนแรงกึ่งดึงกึ่งลากไป

อีกครั้งที่เขาได้เห็นสีหน้าของหล่อนอีกแบบ ‘หล่อนสมใจ’ รอยยิ้มละไมกระจ่างบนใบหน้าขาวนวลดุจจันทร์วันเพ็ญ ทว่าหล่อนไม่ได้ยิ้มให้เขา หล่อนยิ้มราวจะประจบชายคนนั้นก่อนจะเดินกลับไปยังทิศทางที่หล่อนวิ่งมา

‘ทอง’ ไม่รู้ตัวเลยว่าก้าวเท้าตามหล่อนเป็นคู่ขนานคนละฟากคลอง จนได้ยินเสียงเรียกจากเจ้าของร้านชำ จึงได้สติ เพราะเขาเลือกของไว้แล้วยังไม่จ่ายเงิน

“คุณ... ของที่เลือกไว้จะเอาไหม”

“เอา... เอาครับแป๊ะ เท่าไรครับ”

“สิบสตางค์น่ะคุณ ใส่ถุงเลยไหม”

“ครับแป๊ะ ใส่เลยครับ”

ทองรับคำหยิบเงินออกมายื่นให้อาแป๊ะเจ้าของร้านหน้าตาใจดี ทว่าเมื่อหันมองหล่อนอีกคราก็คลาดกันแล้ว แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ถามชื่อแซ่ แต่ด้วยมารยาทเขาก็ต้องรออาแป๊ะเอาของใส่ถุงให้เรียบร้อยเสียก่อน ระหว่างนั้นหญิงร่างท้วมที่เพิ่งข้ามสะพานมาจากอีกฝั่งก็เดินเข้ามาในร้าน หยิบจับเลือกหาข้าวของ อาแป๊ะที่เดินออกมาพอดีก็เอ่ยทัก

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ ชนิตร์นันท์

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ