Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
นางบำเรอกับจอมบงการ

นางบำเรอกับจอมบงการ

B.J.BEN

4.7
ความคิดเห็น
389.6K
ชม
87
บท

ธัญญ์... ชายหนุ่มที่เจ็บช้ำกับความรักเมื่อครั้งอดีต วิธาดา... หญิงสาวร้ายกาจที่แอบรักเขาหมดหัวใจ หญิงสาวมองสบตากับเขาในระยะกระชั้นชิด หัวใจบอบบางเรียกร้องให้เธอเปิดเผยความจริงในส่วนลึกของจิตใจ “ฉันรักนายนะธัญญ์ รักนายมานานแล้ว” หล่อนคิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเขาจะต้องทำหน้าตกใจ แม้จะทำใจเอาไว้แล้ว แต่เธอรู้สึกเจ็บปวด มีผู้ชายหลายคนอยากสานสัมพันธ์กับเธอ แต่เธอก็สลัดทิ้ง แต่เขา... คนที่เธอแอบรัก เขากลับมีใจให้น้องสาวของเธอ เขากลับไม่ต้องการความรักของเธอ เขากลับตกใจและมองเธอเหมือนตัวประหลาด “เธอพูดอะไรของเธอ” ธัญญ์ทั้งมึนงง ทั้งตกใจในคำพูดของหญิงสาว “พูดความจริง นายคงไม่เคยรู้มาก่อน นายเป็นผู้ชายคนแรกของฉัน คืนนั้น...” เธอพูดอย่างหมดเปลือก เขาจะดูถูกยังไงก็ช่าง แต่เธอเป็นคนพูดตรงๆ เธออยากให้เขารับรู้และเข้าใจ “แต่ฉันไม่ได้รักเธอ ไม่แม้แต่จะคิด”

บทที่ 1 1

สายตาเศร้าสร้อยของวิธาดามองธัญญ์อยู่ไกลๆ แม้เธอจะมาส่งเขาที่สนามบินเหมือนดังเช่นคนอื่นๆ แต่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปใกล้ ได้เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่างๆ เขาเพียงกลับมางานสำคัญของพี่ชายและกำลังจะกลับไปเรียนต่อ ซึ่งเธอคงไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกหลายปี

เธอไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้อยู่แก่ใจ ไม่รู้จะตอกย้ำให้เสียใจทำไมกัน แม้จะบอกให้ตัดใจ แต่ตัดใจจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยสักที

เธอควรเฝ้ามองดูเขามีอนาคตที่ดี เรียนจบกลับมา เขาต้องมาดูแลกิจการของครอบครัว เธอเคยดูถูกเหยียดหยามว่าเขาจน ต่ำต้อย ทำให้รู้ว่าคนเรามองกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

บางคนทำตัวร่ำรวยแต่เป็นหนี้สิน รวยแค่เปลือกนอก ไม่ได้ร่ำรวยจริง บางคนมีเงินทองมากมายแต่ไม่อวดอ้าง

... แต่ถึงอย่างไร ในสายตาของเขา มีแต่ผู้หญิงอีกคนอยู่เต็มหัวใจ จนไม่มีพื้นที่ไว้มองผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว

ผู้หญิงคนนั้นคือ พิณทิรา น้องสาวของเธอนั่นเอง

ร่างอรชรหันหลังกลับเมื่อเธอยืนส่งเขาจนพอใจ วิธาดาเดินไปยังรถของตัวเอง ก่อนสตาร์ทรถขับออกมาด้วยความรู้สึกบรรยายไม่ถูก

จริงๆ แล้ว ลึกๆ เธอไม่รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายชีวิตยังไงกันแน่ เมื่อก่อนแทบไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำ แค่ใช้เงินไปวันๆ สังสรรค์เฮฮากับเพื่อน เที่ยวเตร่ตามประสา แต่ตอนนี้ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนแปลงไปหมด

เธอไม่ได้มีความสุขเหมือนอย่างที่แสดงออก ชีวิตยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดแรงลึก สิ่งที่เธอต้องทำคือเรียนให้จบ

นั่นสินะ... เธอทิ้งการเรียนไม่สนใจมานานมากแล้ว

หลายปีผ่านไป...

“ทางนี้เพื่อน” ณัฐโบกไม้โบกมือให้ธัญญ์เพื่อนสนิทที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ

“ขอบใจมากเพื่อนที่มารับ”

ธัญญ์เอ่ยขอบใจเพื่อนที่ยอมสละเวลามารับเขาถึงสนามบิน นี่เป็นระยะเวลาหลายปีที่เขาได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากงานแต่งงานของพี่ชายและเพื่อนรักก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

“ไม่เป็นไร นายจะทำให้คนที่บ้านเซอร์ไพรส์หรือไง ถึงไม่ยอมบอกว่ากลับมาแล้ว”

“ก็ใช่ กะว่าจะทำให้ทุกคนประหลาดใจเสียหน่อย”

ณัฐเดินทางไปเรียนต่อพร้อมกับธัญญ์ แต่เขาเรียนจบและเดินทางกลับมาก่อน เนื่องจากต้องกลับมาดูแลกิจการโรงแรมของบิดา เพราะท่านเสียชีวิตกะทันหัน

ส่วนธัญญ์นั้นขออยู่ต่างประเทศต่อ เหตุผลคือยังทำใจเรื่องพิณทิรา หญิงสาวที่กลายมาเป็นพี่สะใภ้ไม่ได้ และเพื่อทำงานเรียนรู้งานที่โน้นอีกระยะ

แต่ในที่สุดบุญคุณที่พยัคฆ์ส่งเสียเลี้ยงดูก็ทำให้ธัญญ์จำต้องกลับมา แม้เขาจะทำงานทำการแล้ว แต่ลุงที่มีพระคุณท่วมหัวยังส่งเงินไปให้เขาเสมอ แล้วเขาจะเนรคุณไม่ยอมกลับมาช่วยงานท่าน ดูจะเป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

“กลับมาก็ดี คืนนี้ไปฉลองกันหน่อย นานๆ จะได้เจอกันสักที”

“ได้สิ ไม่ได้กลับเมืองไทยหลายปี รู้สึกคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ” ธัญญ์เอ่ยยิ้มๆ

ธัญญ์เข้าพักที่โรงแรมของเพื่อนพร้อมกับการต้อนรับเป็นอย่างดี เขาลงมายังไนต์คลับด้านล่างตามคำชักชวนของณัฐในเวลาสามทุ่มเศษ

“กิจการโรงแรมของนายเป็นยังไงบ้าง” ธัญญ์เอ่ยถามขณะกวาดสายตามองรอบกาย เขาคิดว่าที่นี่ดึงดูดนักเที่ยวได้มาก อาหาร เครื่องดื่มพร้อมสรรพ บรรยากาศดี เพลงเพราะ แถมสาวๆ ยังบริการไม่ห่าง ณัฐหัวเราะเบาๆ ก่อนจะชนแก้วกับเพื่อน

“ก็ดี คืนนี้เอาสักกี่คนดี หรือจะแค่ชวนเธอไปเต้นรำด้วยก็ไม่ว่านะ”

“ไม่เอาดีกว่า นายบริการผู้หญิงให้แขกด้วยหรือไง”

ธัญญ์ปฏิเสธด้วยท่าทีเบื่อหน่าย แต่อดแปลกใจเสียไม่ได้

“ไม่ใช่ แค่จัดพิเศษให้นายเท่านั้น ยังตัดใจจากพิณทิราไม่ได้หรือไงวะเพื่อน ไหนๆ เค้าแต่งงานไปแล้ว แถมยังเป็นพี่สะใภ้ของนายอีก อย่าไปคิดมากเลย”

“พูดยากว่ะเพื่อน นายไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก”

“เอาๆๆ ดื่มๆ ลืมเรื่องทุกข์ใจซะ แค่ผู้หญิงคนเดียว นายเพียบพร้อมขนาดนี้ ผู้หญิงแทบอยากกระโดดเข้าใส่นายแทบทั้งนั้น”

ณัฐส่ายหน้าไปมา

“แต่คนอยากให้กระโดดเข้าใส่ดันไม่ยอมกระโดดนี่สิ”

ธัญญ์ยักไหล่ไปมาอย่างเซ็งๆ เขาชนแก้วกับเพื่อนแก้วแล้วแก้วเล่าจนรู้สึกมึนๆ ความเมาเริ่มมาเยือนเมื่อแอลกอฮอล์แทรกซึมเข้าในกระแสเลือด

อีกด้านของไนท์คลับ...

“โอ๊ย! ยัยวิ ฉันล่ะปวดหัวกับหล่อนจริงๆ เลย เดี๋ยวคุณแม่ของหล่อนก็มาถลกหนังหัวฉันหรอก”

เชอร์รี่หรือชลันธร ชายใจหญิงหรือสาวประเภทสองร้องกรีด กร๊าดอย่างขัดใจเพื่อนนัก

“ปวดหัวก็ไปนอนสิ ยัยเชอร์รี่ แกนี่โง่จริง”

คนเมาหันมาจิ้มหน้าผากเพื่อนตาปรือ

“นี่หล่อน เป็นเสียแบบนี้สิถึงไม่มีใครคบ เมื่อก่อนว่าพอมีบ้าง ตอนนี้ไม่มีเลย”

ชลันธรจิกกัดอีกฝ่าย แต่ตัวเองเลิกคบเพื่อนคนนี้ไม่ได้ แม้ วิธาดาจะดูร้ายกาจแต่จริงๆ มีหลายอย่างน่าสงสารใน เพราะมารดาเลี้ยงอย่างตามใจ ทำให้เธอเอาแต่ใจตัวเองตลอดเวลา เธอมีความอ่อนแอที่ซุกซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น มีเรื่องก็มาระบายให้ฟังอยู่เสมอ จนคิดว่าตัวเองเหมือนคนในครอบครัวเพื่อนรักคนหนึ่ง

“เลิกบ่นสักทีได้ไหม ยัยกระเชอก้นรั่ว ฉันเลี้ยงแก ฉันเป็นเจ้ามือ แกกินอย่างเดียว อย่ามาบ่น”

“ต๊ายตาย... อกอีแป้นจะแตก ปากเหรอนั่นที่พูด ฉันไม่ได้ขอให้หล่อนเลี้ยงเสียหน่อย เงินฉันน่ะมีเป็นกระบุงใช้ทั้งชาติยังไม่หมด ขึ้นห้องได้แล้ว เมาจะแย่อยู่แล้ว แล้วนี่จะนอนโรงแรมอีกกี่คืน บ้านช่องไม่รู้จักกลับ คนที่บ้านหล่อนจะเป็นห่วงแค่ไหนนี่”

ชลันธรกุมขมับอย่างเหนื่อยหน่ายใจ แค่ไม่อยากอยู่บ้านก็หนีมานอนโรงแรม แล้วเป็นเวรเป็นกรรมอะไรนี่ ที่ต้องมาเป็นเพื่อนยัยขี้เมาคนนี้ วันนี้อดกินผู้ชายเป็นอาหารเลย แต่ถ้าไม่มา รับรองยัยเพื่อนขี้เมาได้โดนลากไปงาบ เพราะมีพวกอยากงาบวิธาดาอยู่มาก ด้วยความที่หญิงสาวเป็นคนสวย แม้ภายนอกจะดูเป็นสาวเปรี้ยวขี้วีนแต่ก็ไม่เคยปล่อยตัวให้ใครจนถึงขั้นพาขึ้นเตียง

“หนาย... แตกแล้วเหรอ เฮือก”

วิธาดาหันไปบีบหน้าอกเพื่อนรักเต็มเหนี่ยว

“ยัยชะนีบ้า มาบีบหน้าอกฉันทำไมย่ะหล่อน เดี๋ยวก็เหลวหมดหรอก ฉันเพิ่งไปเสริมมานะย่ะ ต๊าย... อยากจะตายสักสิบรอบ ถ้าไม่คิดว่าหล่อนเป็นเพื่อน ฉันจะตบหล่อนให้คว่ำเลย ให้ตายเถอะ ยัยชะนีหน้าขาว ยัยขี้เมา ยัยบ้า”

ชลันธรบ่นไม่หยุดปากฮึดฮัดขัดใจเพื่อนเหลือคณา ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโหเป็นอย่างยิ่ง

วิธาดาตาปรือส่ายหน้าไปมาหัวเราะเหมือนคนบ้าเพราะเมาหนัก

“ฮ่าๆๆ ฮิฮิ ยัยกระเชอก้นรั่ว บ่นเหมือนยายแก่เลย น่านงาย... หน้าถึงหะ... เหี่ยวแบบนี้ เฮือก” คนเมาเริ่มอาละวาดหนัก ชี้นิ้วมั่วไปหมด

“ไป! ขึ้นไปนอนได้แล้ว ดึกแล้ว โอ๊ย ให้ผู้ชายลากไปขืนใจซะดีไหมนี่ มันน่านักนังชะนีขี้เมา”

ชลันธรบ่นไม่หยุดปาก รีบจ่ายเงินลากเพื่อนสาวขึ้นห้องทันที

เสียงบ่นของชลันธรได้ยินไปตลอดทาง ไม่ว่าจะเข้าลิฟต์หรือออกลิฟต์ ก่อนจะถึงหน้าห้องพักของโรงแรมหรู

“โอ๊ย! โทรศัพท์หล่นตรงไหนนี่ ซวยจริง คีย์การ์ดก็หาย ให้มันได้แบบนี้สิ อยากจะตายสักร้อยรอบ แล้วฉันจะทำยังไงกับหล่อนดีนี่นังชะนีขี้เมา”

ชลันธรกรี๊ดกราดอย่างขัดใจเมื่อโทรศัพท์หรูราคาแพงหายไปจากกระเป๋า ระหว่างทางที่พยุงเพื่อนเข้าห้อง ตบท้ายด้วยคีย์การ์ดไม่รู้ว่าไปวางลืมไว้ตรงไหน มัวแต่ห้ามคนเมาที่ขาดสติ ไม่สนใจอะไรเอาเสียเลยว่าคนอื่นจะเดือดร้อนขนาดไหน

“กรี๊ดด!!! ยัยเพื่อนบ้า มาอ้วกใส่ฉันทำไมนี่”

ชลันธรปล่อยร่างเพื่อนสาวรูดลงไปกองกับพื้นตรงระหว่างทางเดินที่จะถึงห้อง

“อุ๊บ ... แหวะ” วิธาดาอาเจียนจนหมดสภาพ

“ยัยวิ ชีอ้วกเต็มเลย โอ๊ย... อยากจะบ้าตาย นั่งรอตรงนี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา โอ๊ยๆๆๆ วันนี้มันเป็นวันอะไรนี่”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.7

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

Calv Momose
4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ