เมื่อ ภูผา ทายาทนักธุรกิจพันล้าน ถูกส่งตัวมาอยู่ที่บ้านนอกกลางทุ่งนา เขาต้องใช้ชีวิตร่วมชายคากับ ดาหลา ลูกสาวกำนันจอมแก่นที่มองเขาเป็นแค่ "หนุ่มกรุงไม่เอาไหน" จากความหมั่นไส้ กลายเป็นความห่วงใย... จากแผงผักริมตลาดนัด สู่แผนเปิดโปงที่เขย่าทั้งวงการธุรกิจ เมื่อหนุ่มเจ้าสำอางต้องมาเลี้ยงน้องควายทองแท้ที่ชอบให้ขัดหลังเสียเหลือเกิน แท้จริงคือ CEO ตัวจริงเสียงจริง! ความรัก ความลับ และแผนร้ายที่ซ่อนอยู่หลังรอยยิ้มจะพาทุกหัวใจอบอุ่นไปพร้อมกลิ่นหอมของไอดิน และคำว่ารักที่งอกงามกลางทุ่งนา เพราะบางที...ควายตัวเดียว ก็พาเราพบรักแท้ได้
เสียงเครื่องยนต์หรูของรถยนต์ตระกูลยุโรปคันสีดำเงาวับดังสะท้อนกับถนนดินแดงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตแบรนด์ดังสวมแว่นกันแดดเรแบนต์ ราคาเหยียบสองหมื่น ยืนกอดอกอยู่ข้างรถ พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีโลโก้ LV ชัดเจน
“โอ๊ย! พ่อคิดอะไรของพ่อเนี่ย ส่งผมมาอยู่กับ ‘กำนัน’ กลางทุ่งแบบนี้ มันก็เกินไปหน่อยไหม!” ภูผา คุณชายเพลย์บอยแห่งกรุงเทพฯ พึมพำอย่างหงุดหงิด
เขาถูกบังคับให้มาใช้ชีวิตในชนบทกับ ‘เพื่อนรักของพ่อ’ ผู้เป็นกำนันของหมู่บ้าน โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ ถ้าอยู่ครบสามเดือนโดยไม่หนีกลับ จะได้รับทรัพย์สินและกิจการส่วนหนึ่งของพ่อเป็นของขวัญ
“แค่สามเดือน แค่สามเดือน จะไปยากอะไร ยังไงก็ต้องรอดให้ได้” เขากำหมัดแน่นพึมพำกับตัวเอง ขณะสายตาเหลือบไปเห็นบ้านไม้หลังใหญ่ลึกเข้าไปกลางทุ่งนา ที่นั่นเองคือ ‘บ้านกำนัน’
เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากหลังรั้วไม้เก่า ๆ พร้อมเสียงน้ำเล่นดินอย่างสนุกสนาน
“เฮ้ย! ทำไมเอาโคลนมาทาหน้าเล่นแบบนั้น เดี๋ยวหน้าก็พังหรอก” เสียงแหววเพื่อนสาวบ้านใกล้เรือนเคียงดังขึ้น
“โคลนนี่แหละของดี หน้าจะได้เนียน ๆ ไง ฮิ ๆ”
ดาหลาลูกสาวกำนันหน้าหวาน ผิวเนียนละเอียด ผมเปียยาว สวมเสื้อลายดอกกับผ้าถุงทอมือ กำลังนั่งพอกโคลนอย่างสบายใจอยู่ข้างโอ่งน้ำหน้าบ้าน ก่อนจะชะงักหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงรถหรูเคลื่อนเข้ามาใกล้บ้าน
“เฮ้ย! มาแล้วเหรอคุณชายเมืองกรุงลูกชายของเพื่อนพ่อ”
แหววกับแจ๋วหัวเราะแผ่วๆ ขณะที่ดาหลาเดินออกไปต้อนรับทั้งที่ยังไม่ล้างโคลนออกจากใบหน้า
ภูผามองเงาดำๆ ที่เดินเข้ามาหา สาวร่างเล็กใส่ผ้าถุงเดินเท้าเปล่า มาร์กโคลนเต็มหน้า ทำเอาเขาสะดุ้งสุดตัว
“มาแล้วเหรอคุณชายหลงกรุง” เธอพูดแบบไม่เกรงใจ ทั้งที่ยังไม่เคยเจอกัน แต่ได้ยินบิดาเล่าว่าคนตรงหน้าไม่เอาไหน จนบิดาไม่กล้าฝากอนาคตครอบครัวและธุรกิจเอาไว้ในมือ เลยอยากให้มาฝึกการเอาตัวรอดที่นี่ก่อน ถ้าผ่านก็จะยกมรดกให้ เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าทำไมต้องมาฝึกการใช้ชีวิตแสนลำบากในชนบทกับพ่อเธอด้วย แต่เธอก็พร้อมจะช่วยบิดาฝึกเขาอย่างเต็มที่ เอาให้เผ่นแนบกลับบ้านแทบไม่ทัน
“เธอเป็นใคร” ภูผาขมวดคิ้ว ถอยห่างเล็กน้อยเพราะกลิ่นโคลนที่ลอยมากระทบจมูก
“ฉันชื่อดาหลา ลูกกำนันเรือง เจ้าของบ้านหลังนี้ที่นายจะต้องมาอาศัยอยู่อีกสามเดือนข้างหน้า”
“โอเคเข้าใจแล้ว เธอชื่อดาหลาหรือเรียกสั้น ๆ ว่านางสาวโคลน” เขาแซวแล้วหัวเราะเบา ๆ
“นี่นาย!”
“ทำไม หรือไม่จริง แต่แบบเธอนี่ต่อให้พอกโคลนหมดทั้งทุ่งหน้าตาก็คงพอไปวัดไปวาได้ตอนพลบค่ำ”
“ไอ้ ไอ้ ไอ้!” เธอด่าไม่ออกเพราะไม่คิดว่าเขาจะปากปีจอถึงเพียงนี้
นึกว่าหล่อนักหรือไง ได้! ในเมื่อปากเสียนัก ก็ต้องเจอแบบนี้!
ข้าวของของภูผาถูกยกเข้าห้องพักเล็ก ๆ ข้างเรือนใหญ่ เขาถึงกับยืนตะลึงเมื่อพบว่า ไม่มีแอร์ ไม่มีเตียงนุ่ม ไม่มีน้ำอุ่น มีแค่ฟูกบาง ๆ กับพัดลมที่ดูเหมือนจะอายุมากกว่ารถของเขาเสียอีก
“โอ๊ย! พ่อครับโหดไปแล้ว !” เขาบ่นพร้อมทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง แต่ยังไม่ทันได้หายใจเต็มปอด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
“มีอะไร เฮ้ย!” เขาตกใจที่รอบหน้าคนหน้าประตูพอกหน้าสีขาวทั้งหน้า ทำเอาร่างสูงถึงกับสะดุ้ง
“ตกใจอะไรของคุณนักหนา”
“มาแต่ทีมาแบบหน้าปกติบางไม่ได้เหรอ” เขาบ่นอุบ นี่ถ้าเจอตอนกลางคืนได้วิ่งป่าราบแน่ ๆ
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหน”
“ไปแปลงผักไง ไปช่วยกันรดน้ำต้นไม้หน่อย”
“ตอนนี้เหรอ ฉันเพิ่งมาถึงนะ!” เขาโวยวายเสียงดัง
“ตะวันยังไม่ตก ทำงานไปค่ะคุณชาย!” น้ำเสียงของเธอร่าเริง แต่แฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ
“หรือว่าทำไม่เป็น ก็อย่างว่าล่ะนะ คุณชายเมืองกรุงฯ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”
“ก็ได้ แค่รดน้ำต้นไม้ จะไปยากอะไร” เขาเป็นพวกไม่ชอบให้ใครมาหยาม
รดน้ำต้นไม้ไม่ยากนัก ถ้าภูผาไม่โดนแอบต่อสายยางเป็นแบบ ‘น้ำพุ’ จนน้ำกระฉูดเข้าเต็มหน้า
“ว้าย! ขอโทษค่า ฉันไม่ได้ตั้งใจ สายยางมันรั่วนิดหน่อย ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ” ดาหลาพูดพลางกลั้นหัวเราะ
“เธอตั้งใจแน่!” ภูผาเช็ดใบหน้าที่เปียกปอน ด้วยเสื้อแบรนด์ดังอย่างระทมใจ
“เปล่าจริง ๆ นะคะ แต่ถ้านายจะยัดเยียดให้ฉันผิด ฉันก็คงต้องผิดแหละ” เธอเน้นเสียงหวานเชือดเฉือน แล้วเดินจากไปโดยไม่รอคำตอบ
“พระเจ้าช่วยกล้วยทอด” เขาสบถพลางเหลือบมองทุ่งนาเบื้องหน้าอย่างสิ้นหวัง
ตกเย็น ภูผากำลังนั่งกินข้าวพร้อมครอบครัวกำนัน อาหารบ้าน ๆ อย่างต้มจืดไข่น้ำ ปลาทอด น้ำพริก ผักลวกวางเรียงเต็มโต๊ะ
“เป็นยังไงบ้างล่ะพ่อผา ชอบที่นี่ไหม ที่นี่อากาศดีนะ แต่แสงสีเหมือนเมืองกรุงไม่มีหรอก” กำนันเรืองเอ่ยถามลูกชายเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดู
“ก็ดีครับ”
“ลุงขอโทษด้วยที่ไม่ได้อยู่รอต้อนรับ พอดีมีธุระหลายอย่างต้องไปจัดการ เราคงไม่ว่าอะไรนะ”
“ไม่หรอกครับ แค่คุณลุงให้ที่พักก็ดีมากแล้วครับ”
หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN
ข้อมูลเพิ่มเติม