Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
สัญญารักซาตานร้าย

สัญญารักซาตานร้าย

รินวรส

5.0
ความคิดเห็น
35.8K
ชม
90
บท

‘ยัยหนูมิ้นท์ ยัยกระต่ายตื่น… ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังยิ้ม ร้องไห้ หรือหัวเราะ เมื่อได้เห็นสร้อยเส้นนี้ เธอจำได้ไหมว่ามันเป็นสร้อยที่เธออยากได้และฉันเคยจะซื้อให้แต่เธอไม่ยอมรับมัน (ที่เธอเคยบอกว่า มันราคาแพงเกินไป มิ้นท์รับไม่ได้) แต่วันนี้มันเป็นของเธอแล้วนะ ได้โปรดเถอะนะมายมิ้นท์ ฉันขอร้อง... ช่วยเก็บมันไว้ได้ไหม หากเธอไม่อยากได้มันแล้ว ก็ช่วยเก็บมันเอาไว้ให้ฉันที รอวันที่ฉันกลับมา เธอคงสงสัยสินะว่า... ฉันกำลังจะไปไหน เวลานี้... ตอนที่เธอกำลังอ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันคงกำลังอยู่ที่ไหนสักแห่งบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นี้ มินตรา... ฉันขอโทษ ฉันไม่อาจทนลาจากเธอด้วยตัวเองได้ ฉันกลัวว่าฉันจะทำใจไม่ได้หากต้องเอ่ยลาเธอด้วยตัวเอง ตอนนี้ฉันกำลังไปฝรั่งเศส ไปทำหน้าที่หลานชายที่ดีของคุณย่า ฉันหวังเพียงว่า...เธอจะเข้าใจฉัน เวลานี้เธอคงกำลังดีใจสินะ ที่ไม่ต้องคอยอยู่ใกล้รับใช้เจ้านายเจ้าอารมณ์อย่างฉันอีกต่อไป มินตรา...มายมิ้นท์...หนูมิ้นท์ของฉัน รอฉันนะ รอวันที่ฉันกลับมา ฉันสัญญาว่า...ฉันจะกลับมาบอกรักเธอ และฟังคำตอบจากเธอด้วยตัวฉันเอง ว่า...เธอเองก็รักฉัน เหมือนที่ฉันรักเธอ ฉันหวังว่าวันที่ฉันกลับมา...ฉันจะเห็นเธอสวมสร้อยเส้นนี้ไว้แทนคำตอบว่า เธอเองก็รักฉัน ลาก่อน...มายมิ้นท์ หนูมิ้นท์ของฉัน นายน้อยจอมโหดของเธอ (ฉันรู้นะว่าเธอชอบเรียกฉันแบบนี้ ยัยกระต่ายตื่น) ส่วนเบเกอรี่นี่ฉันยกให้เธอ ค่อยๆกินทีละชิ้นนะ อย่างน้อยมันอาจทำให้เธอคิดถึงฉันบ้างเวลาที่เธอกินเบเกอรี่พวกนี้ เพราะว่า แต่ละชิ้นมันเป็นตัวแทนของความคิดถึงที่ฉันมีให้เธอ ...มายมิ้นท์

บทที่ 1 ตอนที่ 1

“ปล่อยมิ้นท์ค่ะ” เสียงหวานออกสั่นนิดๆ เอ่ยราวต้องการออกคำสั่งให้อีกฝ่ายทำตาม แต่ทว่าน้ำเสียงนั้นกลับคล้ายอ้อนวอนร้องขอเสียมากกว่า คนฟังกระตุกยิ้มอย่างเป็นต่อกับท่าทีราวกลัวเขาเสียหนักหนานั้น

“ช่วยบอกเหตุผลดีๆ สักข้อสิมิ้นท์... ว่าทำไมฉันถึงต้องปล่อยเธอ” เสียงทุ้มกร้าวกังวานขึ้นราวต้องการข่มขวัญให้อีกฝ่ายหวาดหวั่น

“นายน้อย!” เสียงหวานที่เอ่ยขานนามนั้นออกสั่นน้อยๆ ยามอุทานด้วยความตื่นตระหนก หญิงสาวไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี้อย่างไร ในเมื่อใจหนึ่งเฝ้าถวิลหา แต่ใจหนึ่งกลับสั่งให้ถอยห่างเขา

“เธออยากให้ฉันปล่อยเธอจริงๆหรือมิ้นท์” เจ้าของเสียงนั้นเชยคางมนให้เธอจำต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขาทั้งสองข้างแทบสิ้นเรี่ยวแรงหยัดยืนเมื่อความหวามไหวก่อเกิดขึ้นยามประสานสบกับดวงตาหวานหยดที่จับจ้องมองมา

“มิ้นท์... ” หญิงสาวพยายามสรรหาคำตอบที่ดีที่สุดแต่จนแล้วจนรอดเสียงหวานก็หลุดเอ่ยได้แค่นามของตัวเองเท่านั้นเมื่ออีกฝ่ายยิงคำถามกระชั้นชิดหนักเข้าราวต้องการไล่ต้อนให้เธออับจนหนทางหลบหนี

“บอกฉันสิมิ้นท์... ว่าเธอพูดออกมาจากใจเธอจริงๆ ” เจ้าของเสียงทุ้มกระซิบสั่งอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาโน้มใบหน้าคมต่ำลงจนริมฝีปากแทบชิดติดกัน หญิงสาวพยายามทัดทาน แต่ทว่าก็ได้เพียงแค่ขานนามเท่านั้น

“นายน้อย...อื้อ! ” เสียงหวานถูกกลืนหายไปเมื่อริมฝีปากอวบอิ่มถูกครอบครองอย่างเอาแต่ใจจากเจ้านายหนุ่ม ภาคินใช้ฝ่ามือแข็งแรงบีบบังคับศีรษะทุยได้รูปให้แหงนเงยรับจุมพิตลงทัณฑ์จากเขา ริมฝีปากหยักเคล้าคลึงซึมซับความหอมหวานให้สมกับที่โหยหามานานปี

มินตราพยายามผลักไสร่างหนาให้ออกห่างแต่ทว่ายิ่งดิ้นกลับยิ่งเปิดทางให้เจ้านายหนุ่มประชิดตัวได้ง่ายขึ้น กำปั้นเล็กๆ ที่กระหน่ำทุบแผงอกกว้างค่อยๆคลายลงเมื่อถูกรุกเร้าหนักขึ้น

หญิงสาวเผลอครางผะแผ่วสองแขนโอบรัดต้นคอเจ้านายหนุ่มแน่นเมื่อฝ่ามือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางเบาก่อนที่จะหยุดลงตรงเอวคอดแล้วดึงรั้งโอบร่างบางให้แนบชิด

เสียงครางเบาๆ ในลำคอของชายหนุ่มแสดงความพึงพอใจเมื่อแรงต่อต้านของคนในอ้อมกอดหมดสิ้น สองร่างกอดรัดกันแนบแน่นราวกลัวว่าอีกฝ่ายจะหลุดลอยไป

“นายน้อย... ” หญิงสาวพยายามเค้นเสียงเรียกอย่างยากเย็นเมื่อริมฝีปากอิ่มเป็นอิสระ

“หืม... ” ภาคินหยุดชะงักเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่ออกอาการแหบพร่าของคนในอ้อมกอด

จมูกโด่งจรดลงตรงซอกคอตามติดด้วยริมฝีปากร้อนๆ ร่างบางในอ้อมกอดเกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นมาทันที ภาคินเดินหน้าต่ออย่างรวดเร็วเมื่ออารมณ์หนุ่มกระเจิดกระเจิง แขนแข็งแรงโอบกระหวัดช้อนร่างน้อยลอยละลิ่ว สองเท้าก้าวยาวตรงไปยังโซฟามุมห้อง

ชายหนุ่มทิ้งร่างนุ่มนิ่มบนโซฟาด้วยแรงอารมณ์ปรารถนาแต่แฝงด้วยความอ่อนโยน แต่กระนั้นไม่วายสร้างความตระหนกตกใจให้หญิงสาวที่บัดนี้ดวงตากลมโตเบิกกว้างราวกระต่ายน้อยกำลังตื่นตกใจ หญิงสาวขยับจะลุกขึ้นหลีกหนีแต่ไม่ไวเท่าร่างหนาที่ทาบทับตามลงมา

“นายน้อย!” หญิงสาวรีบท้วงเสียงสั่นเมื่อทั้งปากและจมูกของเจ้านายหนุ่มทำท่าจะฝากฝังรอยเสน่หาลงตรงเนินอกอิ่ม ฝ่ามือน้อยๆ ผลักดันใบหน้าคมเข้มไว้ได้ทันท่วงที

ภาคินชะงักงันเมื่อถูกฝ่ามือบางขวางกั้น ชายหนุ่มเงยใบหน้าหล่อเหลาขึ้น ดวงตาคู่คมจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่นั้น คิ้วเข้มยกสูงขึ้นแทนคำถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นแววตาสั่นระริกอย่างหวาดวิตกของคนในอ้อมกอด ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจเก็บกลั้นอารมณ์ปรารถนาที่คุกรุ่นไว้ ทั้งที่แทบระเบิดอยู่รอมร่อ

เจ้านายหนุ่มตัดใจดันตัวออกห่างอย่างขัดใจ ร่างหนาขยับถอยมานั่งอีกด้านหนึ่งของโซฟาหลังจากฉุดดึงร่างน้อยให้ลุกนั่งเรียบร้อย สายตาคมยังคงจับจ้องดวงหน้ากลมมนไม่วางตา ไม่ว่าจะกี่เดือนกี่ปีที่จากลาดวงหน้าจิ้มลิ้มนี้ก็ยังคงตามติดตรึงใจไม่เสื่อมคลาย

มินตราก้มหน้างุดหลบสายตาคมกล้าที่จ้องมองมา หญิงสาวทั้งขัดเขินและอับอายกับสัมผัสร้อนแรงที่เพิ่งยุติลงไม่ถึงนาทีที่ผ่านมา แม้จะเคยใกล้ชิดแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะแนบแน่นเท่าครั้งนี้มาก่อน หญิงสาวรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและลำคอ แผ่นหลังเกิดอาการเย็นวูบวาบ จุมพิตร้อนแรงราวต้องการลงทัณฑ์ให้เธอตระหนักมันช่างต่างกันกับจุมพิตวาบหวามเมื่อคราแรกสิ้นเชิง

สัมผัสแรกที่เคยแนบชิดมันเต็มไปด้วยความโหยหาอิ่มอุ่นความอิ่มเอมหวานซึ้งลึกๆ ในใจ แต่ทว่าสัมผัสครานี้กลับสร้างความตระหนกหวั่นไหว หัวใจดวงน้อยไหวระริกราวกระต่ายน้อยกำลังตกอยู่ในอุ้งบาทราชสีห์ อาการจู่โจมรวดเร็วร้อนแรงอย่างไม่ทันตั้งตัวสร้างความกังวลกึ่งกลัวกึ่งวาบหวาม ยิ่งถูกรุกเร้าหนักเข้าหัวใจสาวแทบกระเจิง หากเธอไม่มีสติพอที่จะยับยั้งมินตราไม่อยากคิดว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นนับจากวินาทีนั้น

“จะไปไหน นั่งลง!” เสียงเข้มกังวานขึ้นเมื่อร่างน้อยขยับลุกขึ้นเตรียมหลีกหนี

ร่างบางสะดุ้งชะงักงันเมื่อถูกออกคำสั่งดุดัน มินตราค่อยๆหย่อนกายลงบนโซฟาตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ทว่าขยับห่างออกไปยังโซฟาอีกตัวด้านตรงข้าม ใบหน้างามก้มหลบสายตาคมกล้าที่จ้องมาไม่วางตา สมองอันน้อยนิดเวลานี้พยายามคิดหาวิธีหลีกหนีจากเจ้านายหนุ่ม

“นี่! จะรังเกียจอะไรฉันขนาดนั้นมายมิ้นท์ ขยับมานี่! มานั่งตรงนี้!” ภาคินตบฝ่ามือลงบนโซฟาตรงที่ว่างข้างกายประกอบคำสั่งเมื่อเห็นอาการหวาดผวาของอีกฝ่าย

“มิ้นท์เปล่ารังเกียจนายน้อย แต่ว่า... ” มินตราพยายามอธิบายหน้าตาตื่น

“ไม่มีแต่... หรือจะให้ฉันไปนั่งตรงนั้นแทน”

“มะ...ไม่ต้องค่ะ มิ้นท์ไปนั่งตรงนั้นเองค่ะ” มินตรารีบทำตามอย่างง่ายดายเมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มจะทำตามอย่างที่พูดจริง

จะให้เขามานั่งโซฟาตัวเดียวกันนั่นได้ยังไง แค่นั่งคนเดียวก็แทบไม่เหลือพื้นที่แล้ว หากเจ้านายหนุ่มไปนั่งด้วยอีกคน มินตราไม่อยากนึกภาพว่ามันจะแนบชิดแค่ไหน คิดแค่นี้หญิงสาวก็ขนลุกชันไปทั้งร่าง ลำคอแห้งผากกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

“ขยับเข้ามาใกล้ๆซิ” ภาคินออกคำสั่งอีกรอบเมื่อเห็นร่างบางนั่งห่างออกไปเกือบช่วงแขน

สายตาคมจ้องมองอย่างคนเจ้าเล่ห์ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี มินตรา... มายมิ้นท์ของเขาก็ยังว่านอนสอนง่ายไม่เปลี่ยนแปลง ดูเหมือนหญิงสาวจะขาดความสามารถในการควบคุมตัวเองเวลาอยู่ใกล้เขา ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ทำอะไร หญิงสาวก็มักจะออกอาการหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งให้เธอตื่นตระหนกเล่น

แต่ทว่า... ความจริงแล้วเขาแค่อยากอยู่ใกล้ๆ ได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโตที่ฉายแววขี้ตกใจคู่นั้น อาการงกๆเงิ่นๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูกเวลาถูกเขาควบคุมออกคำสั่ง แม้กระทั่งรอยยิ้มสดใสที่แสดงอาการดีใจเวลาที่ได้ของถูกใจ เขาชอบความไร้เดียงสาของหญิงสาวที่แสดงออกมาอย่างเปิดเผยไม่เสแสร้ง

ดูเอาเถอะ! นี่ก็ทำท่ากลัวเขาเสียจนตัวสั่น เขาจะทำอย่างไรกับมายมิ้นท์ของเขาดีนะ

“มินตรา” ภาคินเรียกเสียงดุเข้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่ขยับ

“นายน้อย... มิ้นท์” มินตราเงยหน้ามองอย่างตกใจเมื่อสิ้นเสียงเรียกก็พบว่าร่างหนาขยับมานั่งใกล้ชิดติดเธอเสียแล้ว หญิงสาวมองไม่เห็นหนทางหลีกหนี ลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดตรงขมับสร้างความรู้สึกประหลาดล้ำให้ หญิงสาวมากมาย มินตราหลุบสายตาหลบต่ำลงเก็บซ่อนความรู้สึกวาบหวามที่เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

“ตกลงจะเล่นไล่จับกันอีกนานไหม มายมิ้นท์” เจ้าของเสียงทุ้มตวัดสายตาหลุบต่ำลงไปจับจ้องนิ่งนานที่เนินอกอิ่มด้วยสายตาพร่างพราวเต็มไปด้วยไฟเสน่หา

“ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะมินตรา... มายมิ้นท์... กระต่ายน้อยของฉัน ช่วยบอกหน่อยสิว่าฉันต้องทำยังไง” ภาคินเอ่ยถามราวรำพันอยู่กับตัวเอง

ปลายนิ้วแข็งแรงเชยคางมนให้หญิงสาวแหงนเงยใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นสบตาเขา ชายหนุ่มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่งามอย่างค้นคว้า ในดวงตากลมโตคู่นั้นภาคินค้นพบแวววาบหวามวูบไหว ใบหน้าคมค่อยๆโน้มเข้าหาก่อนหยุดลงเมื่อปลายจมูกแทบจรดกัน

“นายน้อย... คือ... ” มินตราพยายามหาเหตุผล แต่ทว่าภาคินกลับยิ่งรุกเร้าถามต่อไม่ยอมให้หญิงสาวได้มีโอกาสหยุดคิด

“เธออยากให้ฉันปล่อยเธอไปจริงๆหรือมิ้นท์”

“มิ้นท์” หญิงสาวพยายามต้านทานอารมณ์หวามไหวที่ก่อตัวขึ้นอีกหน ยามนี้เธอรู้สึกราวมีกองไฟร้อนระอุกำลังปะทุอยู่ในอก แต่ทว่ามันกลับให้ความรู้สึกซาบซ่านวาบหวามมากกว่าที่จะทุกข์ทรมาน

“ช่วยตอบฉันหน่อยสิ เธอสวมสร้อยเส้นนี้ไว้ทำไม ในเมื่อเธออยากให้ฉันไปจากเธอจริงๆ ” ภาคินถามหลังจากที่เลื่อนสายตาคมลงมาตามปลายนิ้วเรียวที่ลากไล้แผ่วเบาจากปลายคางมนระเรื่อยลงมาตามลำคอระหงก่อนหยุดลงตรงสร้อยคอจี้รูปหัวใจที่อยู่เหนือเนินอกอิ่ม

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ รินวรส

ข้อมูลเพิ่มเติม
หมอขาเข็มใหญ่จัง

หมอขาเข็มใหญ่จัง

โรแมนติก

5.0

‘น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าจะไม่น้อยจนเกินไปสำหรับ 'ผู้ชายขายกล้วย’ อย่างคุณ ขอบคุณค่ำคืนดีๆ ที่น่าจดจำ’ ‘เปลวตะวัน’ ฉุนจัดเมื่อตื่นมาในเช้าวันใหม่หลังผ่านค่ำคืนอัน เร่าร้อนกับแม่สาวไวไฟความเร็วเกิน 5G แล้วพบธนบัตรสีเทา ปึกหนึ่ง พร้อมจดหมายน้อยระบุข้อความถึงเขาชัดเจน!! "ห้าหมื่น! กล้าดียังไงมาตีค่าราคาฉันด้วยเศษเงินแค่นี้” คนอย่างเขาเสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้! หยามกันขนาดนี้ ต่อให้ต้องควานหาจนไกลสุดขอบฟ้า ต้องจ่ายเงินมหาศาล เขาก็จะตามล่าเธอมาลงทัณฑ์ให้ได้ นั่นคือคำประกาศก้องของ ‘หมอเปลวตะวัน’ ผู้แสนหล่อเหลา เบื้องหน้าเขาคือสูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพและอ่อนโยนในสายตาคนทั่วไป แต่เบื้องลึกเขามีอีกด้าน ตัวตนที่ไม่มีใครคาดคิด เขาแสนร้าย เร่าร้อน และดุดัน! เธออยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามีผูกมัด ‘หนุมโฮสต์’ ทรงเสน่ห์ ในค่ำคืนนั้นจึงตอบโจทย์ 'พราวชมพู' ไม่คิดว่าการตัดสินใจเลือกคำตอบข้อนี้จะนำความยุ่งยากมาให้มากขนาดนี้ เธอตาถั่วหรือสวรรค์ชังความคิดรั่วๆ ของเธอจึงแกล้งสาปส่งให้ดวงตาเธอฝ้าฟางเข้าใจไปว่าเขาคือ ผู้ชายขายกล้วย' ในคำนิยามของเธอที่นัดหมายเอาไว้ ซ้ำร้ายยังส่งเขามาตามรังควานจนหาความสงบสุขไม่ได้ เธออยากได้แค่ลูก ไม่อยากได้ผัว ใครอยากได้แม่ยกให้ฟรีๆเลยเอ้า!

ร้อยเล่ห์พรางใจ

ร้อยเล่ห์พรางใจ

โรแมนติก

5.0

ว่ากันว่า...First impression จะเกิดขึ้นใน 3 วินาทีแรก ถ้าจะทำให้ใครสักคนประทับใจต้องมัดใจเขาให้ได้ใน 3 วินาทีนั้น!! และเขาจะไม่มีวันลืมเลือน... ซ่า... “โอ๊ะ!” เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูง ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนามเมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก “นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!” “ท่านรองฯ!!” “ท่านรองฯ อะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” “ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต” “ฮะ!” ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว คนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน “ตามฉันไปที่ห้อง!” โอ้! เจ้าช่อมาลี ช่างกล้า... แบบนี้ 'ท่านรองฯ' คงประทับใจเจ้ามิรู้ลืม... 555 เรื่องแจ้ง: นิยายเรื่องนี้ช่อมาลีเป็นสาวเชียงใหม่ ธัชชาจึงมีสอดแทรกภาษาพื้นเมืองลงไปตามถิ่นเกิดของนางเอกนะคะ ทั้งนี้ธัชชาไม่ใช่คนทางนั้น ภาษาพูดที่ใส่ลงไป ธัชชาปรึกษาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนทางนั้น แต่อาจมีบางประโยคที่ธัชชาเขียนเองแต่ลืมถามเพื่อน หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ รีบท้วงมานะคะ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง “ไปกับฉันช่อมาลี ไปเป็นผู้หญิงของภีมวัจน์ ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว...ตลอดกาล” “แต่สมภารไม่กินไก่วัดนะคะ” “บังเอิญว่า ฉันไม่ใช่สมภารแล้วเธอก็ไม่ใช่ไก่วัดด้วยสิ” เขาบอกยิ้มๆ ช่อมาลีนิ่งอึ้งจ้องคนตัวโตที่ยามนี้ดวงหน้าคมของเขาโน้มต่ำลง ...ใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา ทุกขณะ! “เธอนี่จริงๆเลยนะ ไหนว่าฉันถอดเสื้อแล้วอุจาดตาไง ทำไมตอนนี้ถึงได้กอดแล้วก็ซบอกฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะฮึ” ช่อมาลีผงะ! ภีมวัจน์แกล้งคลายวงแขนออกเหมือนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ขยับห่างออกไปอีก เขาก็คว้าเอวคอดรั้งร่างเธอเข้ามากอดแล้วจู่โจมจูบเธอไม่ปล่อยให้ตั้งตัว!

พรหมจรรย์แลกรัก

พรหมจรรย์แลกรัก

โรแมนติก

5.0

‘กุลสตรี’ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาแต่ดวงตาและทรวดทรงของหล่อนนั้นเซ็กซี่เข้าขั้นขยี้ใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แบบชะงัด แต่เจ้าหล่อนกลับรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีพจวบจนกระทั่งอายุย่างเข้าสู่วัย 25 ปี เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจอย่างไร้สติของหล่อนเอง “กุลรักพี่ธีร์นะคะ รักมานานแล้ว” “พิสูจน์สิ ...ว่าเธอยังเวอร์จิ้น ถ้าใช่! ฉันจะคบกับเธอ แล้วหยุดที่เธอคนเดียว” กุลสตรีหน้าชา สายตาเขาดูหมิ่นดูแคลนหล่อนเหลือใจ หล่อนไม่เคยอับอายอะไรอย่างนี้มาก่อน นี่หล่อนทำอะไรลงไป ความตื่นตระหนกตกใจ ทำให้หล่อนก้าวผิดพลาดไปหมด อะไรที่วาดหวังวางแผนไว้ หล่อนลืมเลือนหมดสิ้น ...ลืมเลือนถึงขั้นไร้สติ เอ่ยวาจาเหมือนคนไร้สมองให้เขาเหยียดหยาม “ว่าไง...กล้าพิสูจน์ไหมล่ะ” นั่นคือคำท้า ...และหล่อนก็ใจกล้าอย่างไร้สติจริงๆ ความรักทำให้คนตาบอดฉันใด ความอยากเอาชนะและอยากครอบครองก็ทำให้คนขาดสติฉันนั้น กุลสตรีเองก็เช่นกัน หล่อนตัดสินใจทันควัน ...หล่อนจะเป็นคนรักของ ‘ธันเดอร์ ธีร์ เทย์เลอร์’ ...และเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตเขา! ฝากนิยายเรื่องแรกของ 'ธีร์ ธัชชา' ด้วยนะคะ คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้ คำเตือน 1 นิสัยและความคิดพระเอกอาจจะดูร้ายเข้าขั้นเลวบริสุทธิ์ แต่ก็นะ...ท้ายสุดก็รักนางเอก คำเตือน 2 นิสัยนางเอก คือ ความมุมานะ ลงว่าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ แต่อีกนัยคือ ความรั้น! เมื่อรักบดบังคนดวงตามืดมิด ความคิดและความรู้สึกก็เหมือนตกอยู่ในห้วงมายา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า... หลอกตัวเองไปวันๆ คำเตือน 3 'พรหมจรรย์แลกรัก' ไม่มีอยู่จริง เพราะในความเป็นจริง ความรักไม่มีอะไรสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่รักสุดท้ายอาจรักก็ได้ (เครดิต ความเห็นจาก นักอ่านท่านหนึ่งในเด้กดี ขอบคุณค่ะ) คำเตือน 4 นิยายเรื่องนี้นักเขียนจินตนาการขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและสอดแทรกมุมมองความคิด หากไม่ถูกจริตท่านใดก้ขออภัย

พระจันทร์ร่ายรัก

พระจันทร์ร่ายรัก

โรแมนติก

5.0

‘พระจันทร์’ นักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียน ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามผู้หญิง แต่สำหรับ ‘พิมพ์อัปสร’ มัคคุเทศก์สาวแสนธรรมดา เธอกลับพยศเสียจนเขาอยากเอาชนะ และเมื่อเธอกล้าใช้หัวใจของเขาเป็นสะพาน ซ้ำอาจหาญทำร้ายจิตใจน้องสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!! “ว้าย! นี่คุณจะทำอะไรปล่อยนะ” “กับผมสะดีดสะดิ้ง ทีกับนายทัดเทพคุณกลับยิ้มระรื่นนะพิมพ์” “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย!” พิมพ์อัปสรณ์ออกคำสั่งด้วยเสียงสั่นสะท้านเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับจิต “ตบผมถึงสองครั้งสองหน คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆ หรือไง” จบคำร่างบางก็ถูกโยนขึ้นเตียงกว้างพร้อมร่างหนาตามติดขึ้นไปทับทาบขึงตรึงจนไม่อาจขยับหนีได้ “กรี๊ดดด... ” “อย่า... ได้โปรด... อย่าทำพิมพ์” เสียงหวานเปลี่ยนมาเป็นร้องขอ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าหยุดฟังสักนิด พระจันทร์เหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม “ผมปล่อยคุณไปก็โง่น่ะสิพิมพ์ ฮึ!”

หัวใจรักซ่อนเร้น

หัวใจรักซ่อนเร้น

โรแมนติก

5.0

ชีวิตของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มมีเพียง One night stand เท่านั้น ไม่มีรัก ไม่ผูกพัน ‘คิมฮัน’ ไม่เคยคิดเลยว่ารักแรกพบจะมีอยู่จริง จนกระทั่ง... “ฉันจะมาทำอะไร ยังไงมันก็เรื่องของฉัน” จบคำหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดหมุนกายขยับจะหลีกหนีกลับเข้าไปในงาน แต่ทว่าเรียวแขนกลมกลึงกลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้เสียก่อน “เอ๊ะ! ปล่อยนะ นายถือดียังไงมาจับแขนฉัน” “แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นโวยวาย อยากให้ฉันทำมากกว่านี้ก็บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องทำเป็นแกล้งหวงเนื้อหวงตัวหรอก บางทีถ้าเธอบอกมาตรงๆ คืนนี้เราอาจไปสนุกกันต่อก็ได้นะ” เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับเนื้อข้างแก้มของคิมฮันทันทีที่จบวาจาแสนร้ายกาจนั้น ใบหน้าคมสะบัดตามแรงกระทบ ดาราหนุ่มตกใจไม่น้อย เรียวฟันแข็งแกร่งขบเข้าหากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว แม้ในใจจะรู้ดีว่านี่คือผลของการใช้วาจาระรานอีกฝ่ายด้วยความคึกคะนอง แต่ทว่าไม่เคยมีใครกระทำกับเขาเยี่ยงนี้มาก่อน ใบหน้าคมสันค่อยๆ หันกลับมา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนด้วยความโกรธ ร่างบางถูกกระชากเข้าหาอย่างลืมตัว สองแขนถูกรวบไพล่ไปด้านหลังด้วยมือแข็งแรง ศีรษะสวยถูกบังคับให้เงยแหงนขึ้นด้วยมืออีกข้าง ใบหน้าคมโน้มต่ำลงแล้วฉกจูบเธออย่างรวดเร็ว... เธอ... จะทำอย่างไร เมื่ออยู่ๆ ผู้ชายที่ชื่อ ‘คิมฮัน’ ก็เข้ามาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจตลอดเวลา ยิ่งหลบหนีก็ยิ่งชิดใกล้... แม้จะปิดบังซ่อนเร้นหัวใจที่อ่อนไหวไว้ภายใต้ท่าทีเย็นชา แต่ว่า... จะซ่อนเร้นได้ตลอดไปหรือ ในเมื่อยิ่งหลบซ่อน เขาก็ยิ่งค้นหา เธอยิ่งหนี เขาก็ยิ่งรุก!

ต้านรักสัมผัสร้าย

ต้านรักสัมผัสร้าย

โรแมนติก

5.0

‘เตชัส’ หรือ ‘ดาวิเด้ ดิ เฟอร์นันโด’ เครียดขึ้นมาทันทีเพราะ ‘สาวน้อยนัยน์ตากวาง’ ที่เขาต้องตาต้องใจและเกือบเขมือบเจ้าหล่อนคืนนั้นกลายมาเป็น 'น้องสาวต่างมารดา' ของเขา และเพียงเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขต 'คฤหาสน์นราธิบดี' เขาก็พบว่า...นอกจากจะต้องเก็บข่มความรู้สึกในหัวใจของตัวเองเอาไว้แล้ว เขายังต้องรับมือกับความร้ายกาจของใครบางคนที่หวังครอบครองทุกสิ่งอย่างของตระกูล ความลับบางอย่างที่ใครบางคนเก็บซ่อนเอาไว้จะถูกเปิดเผยหรือไม่ เขาและเธอจะก้าวผ่านเรื่องราวบีบคั้นหัวใจนี้ไปได้อย่างไร ประตูแห่งความรักจะถูก 'ปิดตาย' หรือพอจะมีช่องทางใดเป็น 'สะพาน' ให้พวกเขาก้าวข้ามเดิน!

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

Lewie Parenti
5.0

"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

Critter
5.0

เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"

ฟ้าโอบดาว

ฟ้าโอบดาว

หลงเวลา
5.0

ฟ้า แผ่นฟ้า นิรันนุกุล คูเวอร์ แฝดผู้น้องของซุปตาร์สาวน้ำ ธารน้ำ นิรันนุกุล คูเวอร์ อายุ 23 ปี เขาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงโปร่งถึง 185 เซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าติดความเย็นชามาจากบิดา ริมฝีปากหนาสีแดงธรรมชาติ บุคลิกเย็นชานั้นไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าติดใครมา ความหล่อเหลาของเขาเป็นที่กล่าวถึง แต่ทว่ากลับไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยเข้าถึงตัวของชายหนุ่มเลย จนในวงการแอบซุบซิบกันว่าน้องชายของซุปตาร์สาวชื่อดังเป็นเกย์ เพราะชอบไม้ป่าเดียวกัน รายล้อมรอบกายของเขาก็มีแต่ผู้ชาย แต่ใครเลยจะรู้ว่าข้างกายของเขามีเธอ ที่เขายื่นข้อเสนอบ้าๆ เพื่อแลกกับการรักษาชีวิตเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตของเธอเอาไว้ ดาว ดาราภัส พงษ์วิภา ลูกคุณหนูตกอับที่สูญเสียบิดามารดาไปกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ถึงแม้จะมีญาติเยอะแต่ก็ไม่มีครอบครัวไหนเลยที่จะรับเด็กหญิงไปอยู่ในการดูแล สรุปคือเด็กหญิงถูกส่งต่อให้บ้านเด็กกำพร้า เธอเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดีด้วยการอุปถัมภ์จากครอบครัวนิรันนุกุล คูเวอร์ เด็กสาวซาบซึ้งในพระคุณ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอจับพลัดจับพลู ต้องตกไปเป็นผู้หญิงของบุตรชายคนกลางของผู้มีพระคุณ ฟ้า แผ่นฟ้า นิรันนุกุล คูเวอร์ ที่ใครๆ ก็บอกว่าเขาเป็นเกย์ แต่จะมีใครรู้ดีไปเท่ากับเธอ ว่าใบหน้าที่แฝงความเย็นชานั้น มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นจนร้อนลุ่มในหัวใจขนาดไหน **พระเอกเรื่องนี้ไม่ร้ายนะคะ เขาแค่เย็นชา แต่รักนางเอกมาก ความปากหนักทำให้นางเอกเกิดความเข้าใจผิด เรื่องราวจะเป็นอย่างไรรอติดตามกันต่อไปน๊า.......

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ซีไซต์
5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
สัญญารักซาตานร้าย
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1

25/02/2022

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2

25/02/2022

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3

25/02/2022

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4

25/02/2022

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5

25/02/2022

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6

25/02/2022

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7

25/02/2022

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8

25/02/2022

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9

25/02/2022

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10

25/02/2022

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11

09/03/2022

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12

09/03/2022

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13

09/03/2022

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14

09/03/2022

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15

09/03/2022

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16

09/03/2022

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17

09/03/2022

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18

09/03/2022

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19

09/03/2022

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20

09/03/2022

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21

09/03/2022

22

บทที่ 22 ตอนที่ 22

09/03/2022

23

บทที่ 23 ตอนที่ 23

09/03/2022

24

บทที่ 24 ตอนที่ 24

09/03/2022

25

บทที่ 25 ตอนที่ 25

09/03/2022

26

บทที่ 26 ตอนที่ 26

09/03/2022

27

บทที่ 27 ตอนที่ 27

09/03/2022

28

บทที่ 28 ตอนที่ 28

09/03/2022

29

บทที่ 29 ตอนที่ 29

09/03/2022

30

บทที่ 30 ตอนที่ 30

09/03/2022

31

บทที่ 31 ตอนที่ 31

09/03/2022

32

บทที่ 32 ตอนที่ 32

09/03/2022

33

บทที่ 33 ตอนที่ 33

09/03/2022

34

บทที่ 34 ตอนที่ 34

09/03/2022

35

บทที่ 35 ตอนที่ 35

09/03/2022

36

บทที่ 36 ตอนที่ 36

09/03/2022

37

บทที่ 37 ตอนที่ 37

09/03/2022

38

บทที่ 38 ตอนที่ 38

09/03/2022

39

บทที่ 39 ตอนที่ 39

09/03/2022

40

บทที่ 40 ตอนที่ 40

09/03/2022