Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ร้อยเล่ห์พรางใจ

ร้อยเล่ห์พรางใจ

รินวรส

5.0
ความคิดเห็น
30.6K
ชม
65
บท

ว่ากันว่า...First impression จะเกิดขึ้นใน 3 วินาทีแรก ถ้าจะทำให้ใครสักคนประทับใจต้องมัดใจเขาให้ได้ใน 3 วินาทีนั้น!! และเขาจะไม่มีวันลืมเลือน... ซ่า... “โอ๊ะ!” เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูง ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนามเมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก “นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!” “ท่านรองฯ!!” “ท่านรองฯ อะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” “ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต” “ฮะ!” ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว คนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน “ตามฉันไปที่ห้อง!” โอ้! เจ้าช่อมาลี ช่างกล้า... แบบนี้ 'ท่านรองฯ' คงประทับใจเจ้ามิรู้ลืม... 555 เรื่องแจ้ง: นิยายเรื่องนี้ช่อมาลีเป็นสาวเชียงใหม่ ธัชชาจึงมีสอดแทรกภาษาพื้นเมืองลงไปตามถิ่นเกิดของนางเอกนะคะ ทั้งนี้ธัชชาไม่ใช่คนทางนั้น ภาษาพูดที่ใส่ลงไป ธัชชาปรึกษาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนทางนั้น แต่อาจมีบางประโยคที่ธัชชาเขียนเองแต่ลืมถามเพื่อน หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ รีบท้วงมานะคะ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง “ไปกับฉันช่อมาลี ไปเป็นผู้หญิงของภีมวัจน์ ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว...ตลอดกาล” “แต่สมภารไม่กินไก่วัดนะคะ” “บังเอิญว่า ฉันไม่ใช่สมภารแล้วเธอก็ไม่ใช่ไก่วัดด้วยสิ” เขาบอกยิ้มๆ ช่อมาลีนิ่งอึ้งจ้องคนตัวโตที่ยามนี้ดวงหน้าคมของเขาโน้มต่ำลง ...ใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา ทุกขณะ! “เธอนี่จริงๆเลยนะ ไหนว่าฉันถอดเสื้อแล้วอุจาดตาไง ทำไมตอนนี้ถึงได้กอดแล้วก็ซบอกฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะฮึ” ช่อมาลีผงะ! ภีมวัจน์แกล้งคลายวงแขนออกเหมือนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ขยับห่างออกไปอีก เขาก็คว้าเอวคอดรั้งร่างเธอเข้ามากอดแล้วจู่โจมจูบเธอไม่ปล่อยให้ตั้งตัว!

บทที่ 1 ตอนที่ 1

กรุงเทพมหานครฯ

ภายในอาคารสูงระฟ้าราวสี่สิบห้าชั้น ย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานครฯ พื้นที่ตั้งแต่ชั้นที่สี่สิบถึงสี่สิบสองเป็นโซนของสำนักงานใหญ่บริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์รายใหญ่จากสหรัฐอเมริกาฯ ซึ่งมาเปิดฐานผลิตในประเทศไทยตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2535 บุกเบิกโดยมิสเตอร์ไมเคิล พอตเตอร์ ประธานใหญ่ของบริษัท ยูไนเต็ด ออโตโมบิล จำกัด (มหาชน) ประจำประเทศสหรัฐอเมริกาฯ

นอกจากประเทศไทยแล้วยังมีฐานผลิตครอบคลุมอีกหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนี้มาจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของตระกูลพอตเตอร์โดยเริ่มจับธุรกิจด้านอะไหล่รถยนต์มาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ซึ่งตั้งต้นจากเป็นเพียงช่างในอู่ซ่อมรถ ต่อมาจึงได้มาเปิดอู่เป็นของตัวเองขยายกิจการมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสร่วมทุนกับเพื่อนเปิดบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์และกลายมาเป็นกิจการของตัวเองในที่สุด

มิสเตอร์ไมเคิลเป็นทายาทรุ่นแรกที่มาสานต่อธุรกิจของครอบครัว เขามีโอกาสมาเมืองไทยหลายครั้ง และได้ศึกษาข้อมูลเป็นเวลาหลายปีกว่าจะตัดสินใจขยายธุรกิจโดยเริ่มเปิดบริษัทนำเข้าในไทยและต่อมาได้ขยายกิจการโดยการตั้งฐานผลิต ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาฯ

ภายในสำนักงานใหญ่ของบริษัทยูไนเต็ดฯ ยามนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว พนักงานกลับบ้านกันเกือบหมด เหลือก็เพียงบางแผนกเท่านั้นที่ยังคงสะสางงานอยู่ หนึ่งในนั้นมีแม่บ้านสาวหน้าละอ่อนนาม ‘ช่อมาลี’ กำลังดูแลความเรียบร้อยของพื้นที่ในความรับผิดชอบ

วันนี้เธอต้องขึ้นมาดูแลความความสะอาดบนชั้น 42 ซึ่งเป็นโซนของผู้บริหารแทนแม่บ้านรุ่นพี่ที่ไม่สบายลากลับบ้านไปเมื่อช่วงบ่าย ขณะที่หญิงสาวกำลังจะกลับไปยังชั้น 40 เพื่อเก็บอุปกรณ์และเตรียมตัวกลับบ้าน สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นหลังไวๆ ของใครคนหนึ่งหายวับเข้าไปในห้องน้ำหญิง ช่อมาลีเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เพราะเธอสำรวจถ้วนทั่วหมดแล้วว่าไม่มีใครหลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว

‘แล้วที่เธอเห็นนั้นคือใคร?’

“พุทโธ ธัมโม สังโฆ! ผะ... ผะ... ผีแต้ๆ” ช่อมาลีอุทานเป็นสำเนียงชาวเหนือ ยามนี้ดวงตาคู่สวยเหลือกลานด้วยความกลัวเข้าเกาะกุมขั้วหัวใจ

“เอ๊ะ! หรือว่าจะเป๋นขโมยมาลักอะหยัง” หญิงสาวเริ่มฉุกคิดขึ้นได้หลังจากที่ตื่นตกใจไปชั่วขณะ นั่นสินะตึกสูงๆ แถมสุดหรูขนาดนี้จะมีผีได้อย่างไร ไม่ใช่ตึกร้างเก่าแก่เสียหน่อย แต่ใครกันที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ

“หรือว่าผีบ้า!” คราวนี้คนมโนตาเหลือกตาลานมากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะเธอจำได้ดีว่าด้านหลังที่เธอเห็นนั้นเป็นผู้ชายชัดๆ ไม่ได้การล่ะเธอจะต้องจับไอ้หัวขโมยโรคจิตนั่นให้ได้

‘นอกจากจะเป๋นหัวขโมยแล้ว ยังเป๋นโรคจิตแหมก๊ะ’ ช่อมาลีต่อว่าในใจด้วยเข้าใจว่าคนที่เห็นนอกจากจะเป็นขโมยแล้วยังเป็นคนโรคจิตอีกด้วย

หญิงสาวรีบยกโทรศัพท์ต่อสายภายในโทรหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทันที เพราะเธอไม่มั่นใจว่าจะสามารถจัดการหัวขโมยคนเดียวได้ เท่าที่คะเนดูด้วยสายตา แม่บ้านสาวรู้สึกว่าคนที่เธอเห็นนั้นร่างสูงใหญ่เอาการ

“พี่ๆ มาช่วยหนูหน่อย มีโจรย่องเบาขึ้นมาบนชั้นเจ้านาย รีบๆ มานะพี่ เดี๋ยวหนูหาทางจัดการมันก่อน” บอกจบช่อมาลีก็รีบวางสายแล้วยืนหันรีหันขวาง สมองน้อยๆ ประมวลทันทีว่าจะทำอย่างไรกับผู้ชายตัวโตที่อยู่ในห้องน้ำหญิงนั่น

พลัน! สายตาก็เหลือบแลไปเห็นกระป๋องใส่น้ำถูพื้นที่เธอกำลังจะเอาไปเท ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

‘ได้การล่ะ’ คนปิ๊งไอเดียดีดนิ้วเปาะ นัยน์ตาเรืองรอง รีบก้มลงหิ้วกระป๋องใบย่อมขึ้นมาแล้วตรงไปยังห้องน้ำหญิงทันที

ช่อมาลีอิงแอบร่างตรงมุมประตูทางเข้าห้องน้ำ หญิงสาวกลั้นลมหายใจพร้อมนับหนึ่งถึงร้อยอย่างใจเย็น สองหูเงี่ยฟังเสียงจากด้านในอย่างใจจดใจจ่อ แล้วช่วงเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึงเมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวใกล้เข้ามาทุกขณะจิต

พลัน!

ซ่า...!!

“โอ๊ะ!”

เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูงดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนาม เมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก

“นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!”

คนปัดป้องด้วยความตกใจและคนหมายมั่นจัดการหัวขโมยให้อยู่หมัดโรมรันพันตูกันจนเกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครมไปหมด และโดยไม่คาดคิดคนร่างสูงที่พยายามปัดป้องก็เกิดเสียหลักเซล้มไม่เป็นท่า

โครม! / พลั่ก!

“โอ๊ย! / อึ้ก!”

ช่อมาลีจุกจนตัวงอเมื่อแผ่นหลังและก้นกระแทกเข้ากับพื้นเต็มแรงซ้ำคนตัวโตยังล้มทับอัดกระแทกลงมาจนร่างของเธอแทบแบนติดพื้น นาทีนี้หญิงสาวชาวเหนือมองเห็นดวงดาวเปล่งแสงระยิบระยับไปหมด เกิดมาเธอเพิ่งเคยจุกเจียนขาดใจตายก็ครั้งนี้เอง

เสียงฝีเท้าหลายคู่พากันวิ่งขึ้นบันไดมา ทำให้แม่บ้านสาวใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็มีคนมาถึงก่อนที่โจรโรคจิตจะทันได้หลบหนี แต่อาการจุกเสียดก็บดบังอาการดีใจจนหมดสิ้น

“เสียงเอะอะอะไรดังไปถึงข้างล่างนี่” พนักงานหนึ่งในสามที่ขึ้นมาถึงถามทันที แต่ก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ตอบ เสียงอุทานก็ดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน

“ท่านรองฯ”

ช่อมาลีนิ่วหน้า หญิงสาวค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก พอยืนได้เต็มฝ่าเท้าก็รีบโบกไม้โบกมือว่อน

“ท่านรองฯอะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ หนูช่อเห็นมันด้อมๆ มองๆ แล้วก็ผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำหญิง ดีนะที่หนูช่อสกัดดาวรุ่งไว้ทัน ไม่อย่างนั้นมันคงได้เข้าไปขโมยอะไรต่อมิอะไรแน่ๆค่ะ” ช่อมาลียืนยันตามความเข้าใจของตนเองแล้วขยับเข้าจับแขนโจรโรคจิตที่ยืนผงาดขบกรามแน่นเก็บข่มความเกรี้ยวกราดเอาไว้อย่างถึงที่สุด

“เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” พูดจบพลเมืองดีก็กวักมือ หยอยๆ ขอกุญแจมือจากรภป. แต่แทนที่ทุกคนจะช่วยกันจับโจรตามคำบอกกลับกลายเป็นต่างคนต่างร้องเสียงหลง!

“ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ! นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต”

“ฮะ!” ช่อมาลีเบิกตาโพลงอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นทุกคนพากันไหว้ปรกๆ ร้องขอการละเว้นโทษจากคนร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองเสื้อโปโลกับกางเกงยีนที่ตอนนี้เปียกมะล่อกมะแล่กจากน้ำถูพื้นที่เธอสาดใส่ สภาพของเขาไม่ต่างอะไรจากตกท่อระบายน้ำทิ้ง

“ท่านคะได้โปรดอภัยให้หนูช่อด้วยนะคะท่าน”

“หนูช่อรีบขอโทษท่านรองฯ สิ เร็วๆ”

ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้เธอได้แต่กระพริบตาปริบๆ ยิ่งสบสายตาคมกริบเข้าอย่างจัง คนพลั้งมือทุบตีเพราะเข้าใจผิดได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความฝืดเฝื่อน

“ช...ช่ะ...ช่อ” ช่อมาลีปากสั่นมือสั่นไปหมด อย่าว่าแต่เอ่ยคำขอโทษเลย แค่ชื่อตัวเองเธอยังเอ่ยออกมาด้วยความยากเย็น และตอนนี้เธอก็เริ่มหวาดผวา เพราะคนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน

“ตามฉันไปที่ห้อง”

ช่อมาลีตาเหลือกลานเมื่อเขาเค้นเสียงสั่ง แต่ยังไม่ทันได้ทำตาม ก็มีเสียงถามแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“เอ่อ... พวกเราทั้งหมดด้วยหรือเปล่าคะท่านรองฯ” เจ้าของคำถามคือพนักงานที่อาวุโสสุดตรงนั้น ช่อมาลีหันขวับมองสลับไปสลับมาระหว่างเจ้านายกับพนักงานรุ่นพี่ หญิงสาวยืนรอคำตอบอย่างลุ้นระทึก

“ใครมาจากตรงไหน กลับไปตรงนั้น” เขาตวาดสั่งแล้วทุกคนก็รีบทำตามอย่างรนราน เพียงพริบตาเหล่าพนักงานก็สลายตัวไปไม่ทิ้งฝุ่น ช่อมาลีที่เพิ่งได้สติ ค่อยๆ ย่องไปเก็บกระป๋องน้ำและอุปกรณ์ทำความสะอาดหมายมั่นฉากหลบตามคนอื่นๆไป แต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหน เสียงห้วนดุก็ดังกังวาน

“หยุด! นั่นเธอจะไปไหน”

ช่อมาลีสะดุ้งโหยง ยืดตัวตรง ยืนตัวลีบด้วยความหวาดกลัว

“ตามฉันไปที่ห้อง เดี๋ยวนี้!”

“ช...ช่ะ...ช่อ เหรอคะ”

“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครฮะ”

ช่อมาลีกลอกตามองซ้ายขวาอย่างต้องการหาเพื่อน แต่เมื่อไม่เห็นใครสักคน หญิงสาวก็ได้แต่หันมายิ้มแหย...

เธอยิ้ม... แต่เขาไม่ยิ้ม!

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ รินวรส

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ