Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
พระจันทร์ร่ายรัก

พระจันทร์ร่ายรัก

รินวรส

5.0
ความคิดเห็น
218
ชม
63
บท

‘พระจันทร์’ นักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียน ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามผู้หญิง แต่สำหรับ ‘พิมพ์อัปสร’ มัคคุเทศก์สาวแสนธรรมดา เธอกลับพยศเสียจนเขาอยากเอาชนะ และเมื่อเธอกล้าใช้หัวใจของเขาเป็นสะพาน ซ้ำอาจหาญทำร้ายจิตใจน้องสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!! “ว้าย! นี่คุณจะทำอะไรปล่อยนะ” “กับผมสะดีดสะดิ้ง ทีกับนายทัดเทพคุณกลับยิ้มระรื่นนะพิมพ์” “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย!” พิมพ์อัปสรณ์ออกคำสั่งด้วยเสียงสั่นสะท้านเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับจิต “ตบผมถึงสองครั้งสองหน คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆ หรือไง” จบคำร่างบางก็ถูกโยนขึ้นเตียงกว้างพร้อมร่างหนาตามติดขึ้นไปทับทาบขึงตรึงจนไม่อาจขยับหนีได้ “กรี๊ดดด... ” “อย่า... ได้โปรด... อย่าทำพิมพ์” เสียงหวานเปลี่ยนมาเป็นร้องขอ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าหยุดฟังสักนิด พระจันทร์เหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม “ผมปล่อยคุณไปก็โง่น่ะสิพิมพ์ ฮึ!”

บทที่ 1 ตอนที่ 1

เมืองฮาลอง ประเทศเวียดนาม...

“เฮ้ย! หยุดนะ! ขอโทษครับ! ขอโทษ!” เสียงตะโกนโหวกเหวกเป็นภาษาเวียดนามดังกึกก้องพร้อมร่างสูงของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแล็กวิ่งไล่กวดชายร่างเล็กในชุดดำตัวเสื้อมีฮู้ดคลุมศีรษะไว้อย่างมิดชิดไปติดๆ สร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้คนที่กำลังเดินเลือกซื้อสินค้าในตลาดขนาดย่อม

พระจันทร์ พรพิทักษ์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เจ้าของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เดินทางไปติดต่อธุรกิจที่เวียดนามกับคู่ค้าที่สนใจร่วมทุนในโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวขึ้น หลังจากเจรจากับหุ้นส่วนคนสำคัญเสร็จสิ้น เขาจึงท่องเที่ยวพักผ่อนพร้อมกับสำรวจแหล่งธุรกิจในเวียดนามไปในตัว ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเพลิดเพลินกับการเดินดูสินค้าในตลาดฮาลองก็ถูกมือดีล้วงกระเป๋า แต่ทว่าเจ้าหัวขโมยมือไม่เบาพอชายหนุ่มจึงรู้ตัว แต่ช้าไปกว่าหัวขโมยที่รีบโกยแนบทันทีที่ฉกกระเป๋ามาไว้ในมือได้ การวิ่งไล่ล่ากันเกิดขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของผู้คนที่พากันแตกตื่นด้วยไม่รู้เรื่องราว

“บัดซบ! หายไปไหนนะ ไวฉิบ!” พระจันทร์สบถอย่างหัวเสียเมื่อเจ้าวายร้ายที่เขาวิ่งไล่กวดมาหายตัวไปเมื่อมาถึงทางแยกที่ซับซ้อน ชายหนุ่มหยุดยืนหายใจหอบมองซ้ายมองขวาอย่างลังเล ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในตรอกหนึ่งด้วยหวังว่าจะใจตรงกันกับเจ้าหัวขโมย ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่ล่าให้เหนื่อยแรง เพราะเขาไม่ได้นึกเสียดายเงิน แต่เพราะไม่อยากเสียเวลาไปจัดการเดินเรื่องเกี่ยวกับเอกสารในกระเป๋าต่างหาก อย่างน้อยหากมันเอาเงินในกระเป๋าไปแล้วทิ้งกระเป๋าและเอกสารสำคัญไว้ก็ยังดี แต่ตอนนี้หัวขโมยตีนผีวิ่งหนีหายไปในซอกซอยไหนก็ยากที่จะคาดเดา

**********************************

“ว้าย!” เสียงหวีดร้องอย่างตกใจดังขึ้นเมื่อจู่ๆเธอก็ถูกวิ่งชนแทบเสียหลักล้ม แต่คนชนกลับไม่เอ่ยคำขอโทษสักนิด หญิงสาวได้แต่มองตามอย่างหงุดหงิดใจ

“บ้าจริง! จะขอโทษกันสักนิดก็ไม่มี ไร้มารยาทสิ้นดี” พิมพ์อัปสรก่นด่าอย่างไม่สบอารมณ์ แต่หญิงสาวก็ต้องชะงักเมื่อเบื้องหน้าของเธอมีกระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมตกอยู่

“เอ๊ะ! กระเป๋าสตางค์นี่! แปลกจริงคนแบบนั้นใช้ของดีมียี่ห้อขนาดนี้เลยเหรอหรือว่าของก็อป” ว่าพลางก้มลงไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ตกอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดู แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตรวจดูอย่างถี่ถ้วนตามที่ใจนึกคิด เสียงห้าวกังวานของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น ฉุดให้เธอหันไปมองตามเสียงนั้นอย่างมึนงง

“อยู่นี่เองเจ้าหัวขโมย หยุดนะ! อย่าคิดหนี”

“เอ๊ะ! นี่คุณ! ปล่อยนะ คุณเป็นใครมากล่าวหากันแบบนี้ไม่มากไปหน่อยหรือ” พิมพ์อัปสรโวยวายเมื่อเจ้าของเสียงทรงพลังอำนาจนั้นตรงเข้ามายื้อยุดฉุดกระชากแขนเธอ

พระจันทร์อึ้งไปนิดที่หญิงสาวที่เขาเข้าใจว่าเป็นหัวขโมยนั้นช่างมีใบหน้าที่ดูสวยเฉี่ยว แม้จะไม่ได้แต่งแต้มสีสันใดลงบนใบหน้าเลยก็ตาม ยิ่งริมฝีปากบางเฉียบสีชมพูอ่อนราวกลีบกุหลาบนั่นด้วยแล้วช่างดูน่าหลงใหลเสียจนไม่อยากละสายตา แต่เพียงเสี้ยววินาทีนักธุรกิจหนุ่มก็ขับไล่ความคิดนั้นออกไปแล้วโต้ตอบด้วยน้ำเสียงและแววตาหยามเหยียด

“ฉันเนี่ยนะกล่าวหาเธอ หลักฐานอยู่ในมือโทนโท่ อย่างไรเธอก็ดิ้นไม่หลุดแน่แม่หัวขโมย”

“หลักฐานอะไรพูดให้มันดีๆ นะคุณ” พิมพ์อัปสรแค่นหัวเราะก่อนถาม ยามนี้ใบหน้างามเหยเกดวงตาขุ่นเขียวเพราะขัดใจที่ไม่อาจดิ้นหลุดจากมือหนาที่รึงรัดท่อนแขนเธอไว้มั่น

“ก็กระเป๋าสตางค์ฉันที่อยู่ในมือเธอนี่ไง ไปกับฉันซะดีๆ อย่างไรวันนี้ฉันต้องให้ตำรวจจับเธอเข้าคุกแน่ๆ”

พระจันทร์จับจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาคาดคั้นแกมบังคับ พิมพ์อัปสรถึงกับไฟโทสะลุกโชนเมื่อเข้าใจในสถานการณ์ มัคคุเทศก์สาวรู้สึกเกลียดชัง ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่มีจิตใจคับแคบชอบคิดเองสรุปเองโดยไม่ไตร่ตรองหรือถามไถ่ให้รู้เรื่องราว หญิงสาวจึงหลุดพ่นวาจาท้าทายด้วยแรงโทสะราวกำลังมีกองเพลิงอันร้อนแรงลุกโชติช่วงอยู่ภายในอก

“ก็เอาเซ่! ถ้าคุณไม่กลัวหน้าแตกก็เชิญ คุณเห็นนั่นไหม กล้องวงจรปิดของโรงแรม ฉันก็มีหลักฐานยืนยันเหมือนกัน”

พระจันทร์ตวัดสายตามองตามคำท้านั้นแล้วโต้ตอบทันควันอย่างมั่นใจเช่นกัน

“ได้! งั้นเราจะได้เห็นดีกัน”

“เอ๊ะ! นี่คุณปล่อยนะ จะพาฉันไปไหนเนี่ย” พิมพ์อัปสรโวยวายอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วแกร่งขยับรัดแน่นเข้าแล้วเจ้าของมือหนานั้นก็ออกแรงฉุดให้เธอเดินตาม หญิงสาวทั้งเจ็บและแค้นเคืองกับความบ้าอำนาจของอีกฝ่าย

“ก็ไปพิสูจน์กันไง ว่าเธอผิดจริงหรือฉันเป็นฝ่ายคิดไปเอง” พระจันทร์หันมาตอบกลับดวงตาคู่คมจับจ้องดวงตาสีนิลด้วยแววตาอันคมกล้าแสนท้าทาย คิ้วดกเข้มเลิกขึ้นสูงราวต้องการถามอยู่ในที

“คุณนี่มันบ้าชะมัด”

“หรือเธอไม่กล้า งั้นก็ยอมรับมาซะดีๆ ว่าเธอเป็นหัวขโมย”

“โธ่โว้ย! คุณนี่มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันไม่ได้เป็นหัวขโมย ได้ยินไหม!” พิมพ์อัปสรตะโกนลั่นเป็นภาษาไทยเร็วปรื๋อทั้งที่ตลอดช่วงเวลาที่ถกเถียงกันล้วนโต้ตอบกันไปมาด้วยภาษาเวียดนามทั้งสิ้น

“ถ้ามั่นใจจริงก็ตามฉันมา”

มัคคุเทศก์สาวถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินชายหนุ่มแปลกหน้าโต้กลับด้วยภาษาเดียวกัน พระจันทร์กระตุกมือ ฉุดดึงแขนให้อีกฝ่ายเดินตาม ครั้งนี้พิมพ์อัปสรเพียงแค่ชักสีหน้าหงุดหงิดใจก่อนเดินตามชายร่างสูงมาดเท่ทว่าแสนเอาแต่ใจไม่ฟังคำใครไปด้วยอาการสุดเซ็ง

‘บ้าจริง! คอยดูนะฉันจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุดที่บังอาจมาทำให้ฉันเสียเวลา’ พิมพ์อัปสรเข่นเขี้ยวในใจพลางยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนนาฬิกาสุดเก๋ เมื่อเห็นว่าใกล้เวลานัดหมายกับคณะทัวร์แล้วหญิงสาวก็ยิ่งขุ่นเคืองในอารมณ์

“ผมขอโทษคุณแล้วกันที่เข้าใจคุณผิดไป” พระจันทร์เอ่ยขึ้นด้วยสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองและหญิงสาวเปลี่ยนไป เขารู้สึกผิดเมื่อได้ดูเทปบันทึกจากกล้องวงจรปิดหลังจากแจ้งความประสงค์ ผู้จัดการโรงแรมรีบจัดการให้อย่างรวดเร็วเนื่องจากเขาเป็นแขกวีไอพีที่มักมาพักที่โรงแรมนี้เป็นประจำ แต่ในความรู้สึกของพิมพ์อัปสร เธอกลับรู้สึกว่ากิริยาอาการนั่นช่างเสแสร้งมากกว่าที่เจ้าตัวจะรู้สึกสำนึกผิดจริงจัง เพราะดวงตาคมกล้าคู่นั้นยังเต็มไปด้วยแววถือดีไม่มีวี่แววคล้อยตามวาจานั้นสักนิด

“เก็บคำขอโทษของคุณไว้ดีกว่าค่ะ ฉันว่าทางที่ดีคุณควรรู้จักไถ่ถามให้แน่ใจเสียก่อนคิดกล่าวหาคนอื่นแบบนี้”

“นี่คุณ!” พระจันทร์ฉุนกึกเมื่อได้ฟังวาจาแสนร้ายกาจนั่น

“ทำไมคะ ฉันจี้ใจดำคุณหรือไงคุณควรขอบใจฉันมากกว่านะคะที่ชี้ให้คุณเห็นจุดบกพร่องของตัวเอง” พิมพ์อัปสรยังคงเย้ยหยันทั้งแววตาสีหน้าและวาจาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะยอมลงให้อีกฝ่ายสักนิด ผู้จัดการโรงแรมเหมือนจะรู้ตัวว่าหมดหน้าที่จึงรีบปลีกตัวหลีกหนีออกไป เมื่อเจอสายตาคมกล้าของพระจันทร์ตวัดมองมาราวออกคำสั่ง

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ รินวรส

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ