Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
อ้อนสวาทคาสโนว่า

อ้อนสวาทคาสโนว่า

รินวรส

5.0
ความคิดเห็น
48.9K
ชม
86
บท

'ซะ...ซัน อย่า...' คีตาพยายามเปล่งเสียงห้ามเมื่อกลีบปากนุ่มนิ่มเป็นอิสระ แต่เสียงที่ผ่านลอดริมฝีปากออกมามันกระท่อนกระแท่นเต็มที มือน้อยพยายามปัดป่ายผลักไสจมูกโด่งและริมฝีปากร้อนที่จรดจุมพิตหวามไหวซุกไซ้ตรงซอกคอ แต่ก็ต้องดึงมือหนีเพราะริมฝีปากร้อนเปลี่ยนเป้าหมายมาขบเม้มดึงดูดปลายนิ้วเรียวแทน 'ทำไมล่ะครับ คนรักกันเขาก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น' ศรัณย์หยุดการกระทำเมื่อได้ยินคำเว้าวอนราวจะขาดใจของคนในอ้อมกอด เสียงหวานที่ออกสั่นพร่ายามเอ่ยคำยับยั้งเขาช่วยดึงสติที่กระเจิดกระเจิงให้กลับมา แม้ว่าภายในกายยังปั่นป่วนความหวามไหวยังก่อกวนไปทั่วกาย 'ศรัณย์' 'เอาล่ะไปนอนเถอะ วันนี้เราสนุกกันมากพอแล้วล่ะคีตา แต่ถ้าอยากให้ฉันสาธิตมากกว่านี้ รอให้เธอเป็นกุลสตรีมากกว่านี้แล้วกันนะ' จบคำลำแขนแข็งแรงที่โอบกอดร่างระหงแนบแน่นก็คลายออกแม้จะไม่ถึงกับปล่อยร่างบางในทันทีแต่ทว่าด้วยเจ้าของไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว เมื่อหลุดพ้นจากวงแขนร่างนั้นก็ซวนเซเกือบล้มแต่มือเรียวยาวของเจ้าของนามศรัณย์ที่รักก็คว้าเอาไว้ได้ทัน 'ฝันดีนะครับคีตาที่รัก' ศรัณย์ยื่นหน้าเข้าไปกล่าวอำลาใกล้ๆ ใบหน้างาม ก่อนขยับตัวเลี่ยงออกจากห้องสมุดไปทิ้งให้เจ้าของนามคีตาที่รักมองตามอย่างมึนงง คีตาทั้งอยากกรีดร้อง ทั้งอยากโวยวาย แต่ความรู้สึกวาบหวิวในใจที่ยังปั่นป่วนอารมณ์ทำให้หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่ง กลีบปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นราวต้องการข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ความหวามไหวจากจุมพิตแรกในชีวิตสาวยังคุกรุ่นไม่จางหาย จูบเธอแล้วชิ่งหนีแบบนี้ สักวันเธอจะเอาคืนให้สาสม เธอนี่แหละจะกำราบคาสโนว่าอย่างเขาให้สิ้นลาย คอยดู!

บทที่ 1 ตอนที่ 1

12 ปี ก่อน…

“กรี๊ดดดด!”

“เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ... ยัยคีย์” เด็กชายศรัณย์ตะโกนกลับพร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหูเมื่อจู่ๆ เสียงกรีดร้องด้วยความขัดใจของเด็กหญิงคีตาก็ดังลั่นไปทั่วบริเวณ เด็กชายรู้สึกขัดใจที่เด็กหญิงมีแต่หาเรื่องปวดหัวให้เขา คอยดูเถอะกรี๊ดซะลั่นบ้านแบบนี้อีกสักพักบุพการีของเขาและคุณลุงคุณป้าที่รักต้องออกมาดูกันจ้าละหวั่น

“คำก็บ้า สองคำก็บ้า ใช่สิฉันมันบ้าๆๆๆๆ” เด็กหญิงคีตาพ่นวาจาโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินคำต่อว่าจากเด็กชายเพื่อนสนิทของเธอ ความจริงอาจเป็นเธอฝ่ายเดียวที่คิดว่าเด็กชายศรัณย์เป็นเพื่อนสนิท เพราะเท่าที่ดูเด็กชายไม่มีทีท่าว่าอยากเป็นเพื่อนสนิทกับเธอสักนิด

เพียะ!! ตุ้บ!! พลั่ก!!

“โอ๊ย! คีตา! เธอมาทุบ มาตี มาเตะ มาต่อย ฉันทำไมเนี่ย! ฉันไปทำอะไรให้เธอยัยบ้า” เด็กชายศรัณย์อุทานอย่างตกใจพลางหลบหลีกทั้งมือและเท้าที่กระหน่ำมาที่เขาโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เด็กชายชักสีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจ หากคีตาเป็นเด็กชายเช่นเดียวกันกับเขามีหวังได้แลกหมัดกันบ้างแล้ว

“ข้อหาที่นายไม่ตามใจฉันไงเล่านายซัน” เด็กหญิงคีตาเฉลยถึงต้นเหตุแห่งความขุ่นข้องหมองใจเมื่อพายุอารมณ์สงบลง แต่ดวงตายังคงครุกรุ่นไปด้วยความขุ่นมัว

“กะอีแค่ฉันไม่พาเธอไปกินไอศกรีมเนี่ยนะ” เด็กชายศรัณย์อุทานถามด้วยสีหน้าราวไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จะว่าไปเขาไม่ควรแปลกใจเพราะเด็กหญิงคีตามักจะมีเหตุผลที่ดูไม่เข้าทีที่หาเรื่องให้เขาต้องคอยตามเอาใจเสมอด้วยเขา ไม่อาจขัดใจผู้เป็นบิดามารดาที่ทั้งรักทั้งหลงเด็กหญิงผู้เอาแต่ใจ เขาจึงต้องคอยหลบหลีกเอาตัวรอดเองอยู่ร่ำไป

“ใช่” เด็กหญิงตอบใบหน้าเนียนใสตามวัยเชิดขึ้นน้อยๆ อย่างถือดี

“ฉันไม่ใช่ทาสรับใช้เธอนะ ที่จะต้องคอยเป็นสารถีให้เธอใช้โน่นนี่นั่นได้ตามใจ” เด็กชายยังโต้แย้งไม่ยอมลงให้แต่โดยดีด้วยครั้งนี้เหตุผลมันสุดทนที่จะตัดใจรับได้ ...ร้านไอศกรีมก็อยู่แค่หน้าบ้านจะไปเองไม่ได้รึไงนะยัยคีย์บ้า!

“นายจำไม่ได้รึไง ว่าป๊านายสั่งอะไรไว้” เด็กหญิงคีตาเท้าความใบหน้าที่เชิดน้อยๆ สะบัดพรืดกลับมาจ้องมองเด็กชายศรัณย์อย่างเอาเรื่อง

“มันเรื่องของป๊า ไม่เกี่ยวกับฉัน ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องตามใจเธอ” เด็กชายศรัณย์ตอบโต้พร้อมชะโงกหน้าเข้าหาใบหน้าที่งอง้ำ

ต่างคนต่างสบตากันอย่างท้าทาย ฝ่ายหนึ่งดวงตาฉายแววเอาเรื่องอย่างขัดเคืองใจ ฝ่ายหนึ่งดวงตาฉายแววท้าทายเมื่อได้ยอกย้อน

“ไม่เกี่ยวใช่ไหม” เด็กหญิงคีตาย้ำคำเสียงเข้มดวงตาวาววับอย่างเอาเรื่อง

“ใช่!” เด็กชายศรัณย์ตอบกลับทันควันยักคิ้วให้พร้อมสายตายียวนก่อนเบะปากราวท้าทาย

“ได้! งั้นเราจะได้เห็นดีกัน” เด็กหญิงคีตาเข่นเขี้ยวเมื่อเห็นกิริยาท้าทายของเด็กชายศรัณย์ และโดยที่เด็กชายศรัณย์ไม่คาดคิดเสียงกรีดร้องของเด็กหญิงก็ดังกึกก้องขึ้นอีกหนครานี้ดังยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าชนิดที่ทำเอาแก้วหูของเขาแทบแตกกระจาย

“กรี๊ดดดดด....”

“โธ่โว้ย! ยัยคีย์บ้า หยุดกรี๊ดซะทีได้ไหม ฉันหนวกหู” เด็กชายศรัณย์ตะโกนกลับหวังหยุดความบ้าคลั่งของเด็กหญิงคีตาด้วยไม่คิดว่าคู่ปรับจะใช้วิธีพิชิตชัยชนะอันเป็นลูกไม้ที่ใช้กี่ครั้งก็ยังได้ผลเสมอ

“กรี๊ดดดดด…”

“ได้! อยากกรี๊ดนักใช่ไหม เชิญกรี๊ดให้คอแตกตายไปเลย ฉันไปล่ะ แบร่ๆๆๆๆ ยัยคีย์บ้า” เด็กชายศรัณย์จึงต้องงัดไม้ตายออกมาก่อนที่ความบ้าคลั่งของเด็กหญิงคีตาจะนำพาบุพการีมาถึงที่ เพราะนั่นเขาจะหมดโอกาสหนีเอาตัวรอด ท้ายสุดก็ต้องจำใจตามใจหลานคนโปรดของบุพการี

“อ๊ายยย! นายซัน! กลับมาเดี๋ยวนี้นะนายจะไปไหนไม่ได้” เด็กหญิงคีตาหยุดกรีดร้องทันทีเปลี่ยนมาเป็นตะโกนเรียกอย่างขัดใจเมื่อเห็นเด็กชายวิ่งหนีไปไกลแสนไกล สองเท้ากระทืบเร่าอย่างขัดใจที่ไม่อาจเอาชนะเด็กชายได้แต่เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างเมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นบิดา

“เอะอะเสียงดังอะไรกันลูก...หนูคีย์” ผู้เป็นบิดารีบเอ่ยถามทันทีที่เห็นบุตรสาวที่รักกำลังกระทืบเท้าเร่าๆ ราวกำลังขัดใจ เสียงหวีดร้องที่ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณบ้านพาให้เขาและภรรยาพร้อมด้วยสามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของบ้านที่นั่งคุยกันอยู่ในโถงรับแขกรีบวิ่งออกมาดูด้วยความตื่นตกใจ ความจริงทุกคนน่าจะชาชินกับเสียงที่มักจะได้ยินอยู่เป็นนิจแต่ทว่าดูเหมือนทุกคนจะต้องแตกตื่นกันเสียทุกครั้งไปเมื่อเจ้าของเสียงเด็กหญิงผู้เป็นขวัญใจหวีดร้องกังวาน

“คุณพ่อขา... ฮือออ...” เด็กหญิงรีบโผเข้าหาผู้เป็นบิดาเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้น

“ไหนใครทำอะไรหลานลุงบอกมาสิคะ” ผู้เป็นลุงรีบปลอบขวัญอย่างเอาใจหวังให้หลานรักคลายสะอื้น

“คุณลุงขา... ฮือออ...” เด็กหญิงเปลี่ยนเป้าหมายร่างน้อยผละออกจากบิดาแล้วโผเข้าหาผู้เป็นลุงทันทีที่ถูกเอ่ยถาม

“แล้วนี่ตาซันหายไปไหน ทำไมปล่อยให้ยัยหนูคีย์ร้องไห้อยู่คนเดียวแบบนี้ มาหาคุณป้ามาลูก ดูซิร้องไห้จนตาแดงหมดแล้ว ไม่ร้องนะคะหนูคีย์ขาของป้า” ผู้เป็นป้าอ้าแขนรับขวัญหลานรักที่โถมกายเข้าหาทันทีที่จบประโยค

“คีตา... หนูโตแล้วนะลูก คุณแม่สอนแล้วใช่ไหมคะว่าอย่าเอาแต่เอะอะโวยวายกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้” ผู้เป็นแม่ดุเด็กหญิงเสียงเข้ม พลางส่ายหน้าด้วยความระอายามมองกิริยาออดอ้อนของบุตรสาวและอาการโอ๋จนเกินงามของผู้ใหญ่ทั้งสาม

“มิ้นท์... อย่าเพิ่งดุลูกสิครับ ไม่เห็นรึไงยัยหนูคีย์กำลังขวัญเสียซะขนาดนี้” คุณภาคินหันมาติงภรรยาที่เอ่ยวาจาที่อาจทำให้บุตรสาวที่รักยิ่งโหมสะอื้นไห้หนักขึ้น

“พี่คินตามใจยัยหนูคีย์จนจะเสียคนหมดแล้วนะคะ” คุณมินตราหันมาขึงตาใส่ผู้เป็นสามีอย่างระอา

จริงอยู่ที่เด็กหญิงคีตาเปรียบดั่งแก้วตาดวงใจ เพราะหลังจากคลอดบุตรสาวไม่นาน เธอก็ตรวจพบว่ามีเนื้องอกเจริญผิดที่ที่รังไข่ทำให้ต้องตัดสินใจตัดทิ้งไปจึงไม่สามารถมีบุตรได้อีก แต่ถึงกระนั้นคุณมินตราก็ไม่เห็นด้วยที่จะต้องตามใจกันถึงขนาดนี้ หากไม่อบรมเด็กหญิงจะเพาะบ่มนิสัยเอาแต่ใจกลายเป็นความเคยชินจนยากที่จะแก้ไข

คนเป็นแม่อดที่จะต่อว่าบิดาของเด็กหญิงไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจวบจนเด็กหญิงจะอายุเข้า 12 ปีแล้ว ทุกคนล้วนตามใจจนผู้เป็นแม่ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่ว่าเด็กหญิงคีตา หรือ ยัยหนูคีย์ ขวัญใจคุณพ่อ คุณลุง คุณป้า จะต้องการอะไรเป็นต้องได้ ห้ามใครขัดใจเด็ดขาด และที่ร้องห่มร้องไห้โวยวายอยู่นี่เห็นทีคงไม่พ้นต้องมีใครสักคนอาจหาญขัดใจในสิ่งที่บุตรสาวที่รักต้องการ

“ฮือออ... คุณพ่อขา คุณลุงขา คุณป้าขา คุณแม่ไม่รักหนูคีย์ ฮือออ...” เด็กหญิงรีบเรียกร้องความสนใจทันทีที่ได้ยินผู้เป็นมารดาเอ่ยคำด้วยรู้ดีว่าหากไม่รีบออดอ้อนเอาใจทั้งผู้เป็นพ่อ ทั้งผู้เป็นลุงและป้าจะต้องยอมจำนนให้มารดาเข้ามาจัดการ นั่นย่อมหมายความว่าการจะตามตัวเด็กชายศรัณย์ให้มาทำตามต้องการเป็นอันต้องพับเก็บไปทันที

เด็กหญิงตัวน้อยรู้ดีว่าแม้บิดาจะรักและตามใจแต่เมื่อใดที่มารดาเอ่ยปากผู้เป็นบิดาจะต้องยอมศิโรราบให้ทุกครั้งไป และเมื่อนั้นผู้เป็นมารดาก็จะเข้ามามีบทบาทบังคับขู่เข็ญให้เด็กหญิงจำต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบใจขัดใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้เด็กหญิงคีตาจะรู้ว่าผู้เป็นมารดารักตัวเองมากแค่ไหน แต่ผู้เป็นมารดาก็ไม่ค่อยตามใจเธอสักเท่าไหร่ เด็กหญิงจึงต้องดึงผู้เป็นลุงและป้าเข้ามาช่วย

“ชู่ว... ไม่มีใครไม่รักหนูนะคะ คุณพ่อรัก คุณลุง คุณป้าก็รัก ที่สำคัญคุณแม่รักหนูมากรู้ไหม ไหนบอกคุณพ่อสิคะ ใครทำอะไรลูกสาวพ่อ” ผู้เป็นพ่อดึงร่างน้อยเข้ามาโอบกอดปลอบขวัญเมื่อเห็นอาการสะอื้นไห้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

“ฮึก...ฮือออ ...ซันค่ะคุณพ่อขา” เด็กหญิงคีตารีบบอกสาเหตุทันทีราวกลัวว่าหากล่าช้าผู้เป็นมารดาอาจขัดขึ้นก่อนทันได้เอื้อนเอ่ย มือน้อยปาดน้ำตาที่ไหลรินป้อยๆ ขณะช้อนสายตาออดอ้อนผู้เป็นบิดา

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ รินวรส

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ