โนแอล ซิกแกทรีซ์ แพทย์ชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมายังอุษาคเนย์ในศตวรรษที่สิบเจ็ดเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะแพทย์ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอโยธยาจนกระทั่งเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในพระนคร
‘สำหรับไพ่ทาโรต์Death คนส่วนใหญ่มักคิดว่ามันมีความหมายไม่ดีนักเพราะเกี่ยวข้องกับความตาย แต่ทว่าความหมายของมันนั้นสื่อถึงการสิ้นสุดบางอย่างโดยมีการเริ่มต้นของอีกสิ่งหนึ่ง’
คำทำนายนี้แม้เขาจะไม่ได้เชื่อถือมันนักแต่มันก็เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขาในตอนนี้อยู่ไม่น้อย หันมองไปยังอีกฟากสายน้ำที่ไหลอย่างสงบนิ่งนั้นพบกับเปลวเพลิงเผาไหม้บ้านเรือนผู้คนต่างแตกตื่นชุลมุนวุ่นวาย หมอดูผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นมาพูดเรื่องนั้นก่อนที่ยมฑูตขี่ม้าบนไพ่จะปรากฏตัวมาต่อหน้าเขา
ภาพนหัวถูกตัดวูบไปเขาตื่นขึ้นมาบนพื้นหลังจากที่เผลอหลับไปกับการทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อย มันเป็นความฝันที่ฝันซ้ำๆ มาตั้งแต่พบหมอดูไพ่ทาโรต์ที่ฝรั่งเศสครั้งล่าสุดซึ่งเขาไม่เคยเชื่อมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ตุบ!
“ฮ่าๆๆ พลาดท่าแล้ว” เสียงของเด็กน้อยคนหนึ่งแต่งชุดเปลือยท่อนบนแตกต่างจากเขาได้หยอกล้อกับเขาในตอนนั้นนำเอาแท่งไม้ในมือของตนแทงใส่เขาด้วยแรงทั้งหมดที่มีทำให้หัวของเขาเหวี่ยงไปชนกับกองกระดานชนวนที่ถูกกระแทกจนล่วงตกลงมาบนพื้นบ้างหล่นลงมาโดนหัวเขาจนมึนไปหมด
ร่างสูงสมส่วนตามแบบฉบับของชาวตะวันตก ผิวสีขาวคล้ำและแห้งคล้ายว่าไม่ได้รับการดูแลที่ดีนัก เสื้อผ้านั้นแตกต่างจากเด็กน้อยที่เปลือยท่อนบนเพราะเขาสวมเสื้อผ้าแบบชาวตะวันตกที่แม้จะดูโทรมเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาหากแต่มีเค้าลางแห่งความเจ็บปวดอยู่บนนั้น รูปหน้ารีของเขาดูซูบผอมเล็กน้อยนัยน์ตาสีอำพันที่รับกับกรอบตาทรงอัลมอนด์ทำให้เขาเป็นคนที่หน้าตาดีอยู่
“เกิดอะไรขึ้นรึ อ้ายจันทร์” เขาในตอนนี้มึนงงไปหมดเขาหันไปเห็นเด็กน้อยจึงพูดภาษาไทยด้วยสำเนียงที่ไม่คล่องนัก
“น้าเธียรบอกให้มาปลุกหมอน่ะสิ คงมีเรื่องให้หมอช่วยอีก” จันทร์รีบพูดกับเขา
“น้าเธียร…อ้อ!” โนแอลพยายามที่จะนึกภาพของคนคนนั้นแต่ถึงอย่างไรความจำของเขาก็ไม่ได้ดีนักทั้งยังเป็นภาษาที่ไม่คุ้นเคยอีกเขาเองก็มาอยู่ที่นี่ได้เพียงสัปดาห์เดียวเขาใช้เวลาหลายวินาทีจนอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมา
โนแอลเห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้วนึกออกทันทีผมสีดำของเขาถูกจัดอย่างดีหน้าตาเองก็ดีชนิดที่ว่าคงมีหญิงสาวติดพันมากนักร่างสูงคล้ายชาวตะวันตก เธียรเป็นบุตรชายของขุนนางในหมู่บ้านแห่งนี้โดยเจ้าตัวเองก็รับราชการเช่นกันเขาเองก็ไม่ได้รู้ตำแหน่งของอีกฝ่ายดีเนื่องจากว่าตอนได้ยินชื่อตำแหน่งแล้วรู้สึกมึนหัวกับภาษาต่างถิ่นแต่อย่างไรเจ้าตัวก็ดูไม่ได้สนใจตำแหน่งและชอบมีเรื่องกับผู้อื่นแต่ลึกๆ แล้วเป็นคนดีและเพราะพูดภาษาฝรั่งเศสได้บ้างเจ้าตัวก็เป็นล่ามที่ดีทีเดียว
“นี่ลืมกันแล้วรึหมอ…เอาเถอะ มีเรื่องอยากจะให้ช่วยหน่อยคงไม่เป็นการเสียเพลาหมอนักหรอก แล้วอ้ายจันทร์น้าบอกให้มาตามหมอทำไมห้องเละแบบนี้เจ้าจันทร์เดี๋ยวโบยเสียหรอก” เธียรบ่นออกมาในขณะที่เด็กน้อยรีบวิ่งออกไปทันทีก่อนที่จะโดนดุไปมากกว่านี้
“มีเรื่อง…? ”
“เรื่องนี้พิลึกนัก เมื่อเช้าเขามาขอความช่วยเหลือเรือนบอกว่าพบศพของไพร่ในเรือนพระยาหทัยญพินาศคล้ายมิได้ตายโดยปกตินักคล้ายถูกใครบางคนฆ่าตาย” เธียรรีบลากเขาลงเรือไปออกจากหมู่บ้านล่องสู่แม่น้ำเจ้าพระยายังคงสงบนิ่งพระนครเองก็เหมือนกับครั้งแรกที่โนแอลเห็นมัน
“แล้วฆาตกร ถูกจับแล้ว” เขากำลังพูดต่อแต่อีกฝ่ายเองก็ทำได้เพียงส่ายหน้าปฏิเสธ
“ยังลอยนวล”
“แต่เรายื่นมือไปยุ่งเกี่ยวจะดีเหรอ ไม่แน่อาจจะเกิดอันตรายก็ได้ พวกพี่เป็นขุนนางเป็นที่รู้จักมากกว่าคนทั่วไปทั้งยังมีครอบครัว…ให้ข้าไปเองอาจจะสะดวกกว่า อ้างว่าเป็นหมอที่จ้างมาไม่ได้เกี่ยวข้อง” เขาตอบกลับไปแบบนั้นแต่อีกฝ่ายไม่เอาด้วย
“ที่พูดไปเองก่อนหน้านี่ข้าขอย้อนเถอะ หากว่าครอบครัวหมอรู้เข้า…”
“ข้าไม่มีครอบครัว” เป็นอันสิ้นสุดการโต้เถียงเธียรเพียงแค่นิ่งพักหนึ่งแต่สำหรับโนแอลภาพในตอนมาที่นี่กลับเข้ามาในหัวย้อนนึกถึงตอนที่เขามาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก
“แล้วกลามัวร์ ถึงจะเกิดเรื่องโชคร้ายแต่หากเขามองลงมาพบว่าหมอเป็นอันตราย…” เธียรถามออกมาคล้ายยิ่งย้ำภาพความทรงจำของเขาให้ชัดเจนมากขึ้น
“พวกเราพบกันที่โบสถ์เขาบอกว่าข้าเป็นน้องชายเพราะข้าโดนรังแกจากนักบวชคนอื่น แต่หลังจากถูกผู้คนในหมู่บ้านขับไล่เพราะเราไม่รับศาสนาเขาก็ได้พบรักกับไวเคานท์เตสผู้หนึ่งแต่เพราะฐานะที่แตกต่างจึงมิอาจรักกันเมื่อโดนจับได้จึงจำต้องหนีมาที่นี่เพราะอาจจะถูกฆ่าจากที่พวกเราไร้ศาสนา แท้จริงไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกันหรือไม่” เขาตอบกลับอีกฝ่ายไปในตอนนั้นพวกเขาก็เป็นพี่น้องกันมาตลอดแม้ในใจลึกๆ พ่อแม่ของเด็กกำพร้าทั้งคู่อาจไม่ใช่คนเดียวกันไม่มีสิ่งใดเชื่อมถึงกันเลย
ย้อนกลับไปตอนนั้นเรือที่เขาสัญจรกำลังแล่นเข้ามาเรื่อยๆ นั้นได้ปะทะกับเรืออีกลำหนึ่งถูกโจมตีจนเรือแตกผู้คนบนเรือบ้างเสียชีวิตบ้างบาดเจ็บแตกต่างกันไป โนแอลแบกร่างที่เปื้อนไปด้วยเลือดของพี่ชายตนขึ้นมาจากน้ำเขาพยายามที่จะรักษาชีวิตอีกฝ่ายไว้โดยไม่แม้แต่จะสนใจว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับตน ภาพที่โจรสลัดบนเรือถือปืนเดินเข้ามาหาเขานั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกหวาดกลัวใดๆ
“ฟื้นสิ กลามัวร์…” เขาในตอนนั้นรู้ดีว่าพี่ชายของตนตายไปแล้วแต่เขายังอยากจะพยายามรักษาต่อไปเผื่อว่าอีกฝ่ายจะฟื้นขึ้นมาในตอนนั้นร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาช่วยเขา ชายหนุ่มชาวสยามที่กำลังทุบตีโจรสลัดเหล่านั้นด้วยศิลปะป้องกันตัวที่มีเฉพาะตนก่อนที่อีกฝ่ายจะลากเอาเขาออกไปจากตรงนั้น
“รีบหนีได้แล้ว มากับพวกเรา” คนคนนั้นเอ่ยออกมาแต่ตอนนั้นเขากลับมิได้มีความตั้งใจมากพอที่จะมีชีวิตต่อ
“ทิ้งข้าไว้แล้วรีบไป” เขาพูดออกไปแบบนั้นพยายามเข้าไปหาร่างของพี่ชายที่สิ้นลมหายใจอยู่ตรงหน้าแต่อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ในการลากคอเขาและพาหนีมาสำเร็จ
ตอนนั้นเขาถึงได้รู้จักอีกฝ่ายเธียรได้พาเขากลับมายังที่เรือนของบิดาตน หรือนี่จะเป็นการสิ้นสุดที่แท้จริงสำหรับการเริ่มต้นใหม่นี้เขาต้องสูญเสียสิ่งเหล่านี้คือการสิ้นสุดที่แท้จริงที่ไม่อาจยอมรับได้ น้ำตาที่ไหลอย่างเชื่องช้าทำให้นึกขุ่นข้องใจ เขาควรเริ่มต้นใหม่จริงๆหรือตายให้มันจบๆไปเสียที
“อย่าหันกลับไปมอง…” เสียงของเธียรตอนนั้นกล่าวกับเขาไม่คิดว่าเธียรจะเป็นบุตรชายของขุนนางที่ติดต่อกับพี่ชายของเขาไว้ตั้งแต่แรกทำให้การที่เขามาอยู่ที่นี่เป็นเรื่องเหมาะสม
เขาเสียใจที่กลามัวร์จากไปและยึดติดกับเหตุการณ์ที่เขาไม่อาจช่วยกลามัวร์ได้เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างว่างเปล่าเป็นแพทย์ประจำตัวขุนนางทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด เธียรและจันทร์ได้เข้าช่วยเขาไว้จากความรู้สึกย่ำแย่ที่เกิดขึ้นเขาจึงมีแรงที่จะพยายามก้าวผ่านมันไปให้ได้
ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเขานั้นมันยากเย็นที่จะผ่านมันไปจนมาถึงตอนนี้ที่เขาเริ่มชินชากับสถานที่แห่งนี้ไม่คิดว่าตนนั้นจะอยู่มาได้เนิ่นนานเช่นนี้ถึงอย่างไรในตอนนี้คงช่วยไม่ได้อีกแล้วเขาจำเป็นต้องทำหน้าที่ของตนต่อไป นี่คือการเริ่มต้นใหม่ของเขาเอง
“ขอโทษนะหมอ ไม่น่าพูดเลย” อีกฝ่ายในตอนนี้ตกใจกับสีหน้าของเขาอยู่มากไม่นึกว่าเขาจะพลั้งปากพูดออกไปลืมนึกไปว่าอีกฝ่ายนั้นรู้สึกแย่กับเรื่องนี้มากเพียงใด
“ถึงแล้วนี่ใกล้กว่าที่ข้าคิด” โนแอลทำเป็นเปลี่ยนเรื่องถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้คิดเรื่องที่อีกฝ่ายเถียงกับเขาเมื่อครู่นักอย่างน้อยก็โดนตัดเบี้ยอย่างมากก็หางานใหม่ทำ แต่มาคิดดูเขายังไม่ชินชากับมาตราวัดบนแผนที่เรือนของพระยาหทัยญพินาศหรือกระทั่งแผนที่เดินทางของคนที่นี่ คงต้องใช้เวลาอีกสักพักคิดดูแล้วแม่น้ำเจ้าพระยาก็ดูสวยดีอยู่เหมือนกันเหม่อชมวิวสักพักก็รีบตามขึ้นเรือนไปไม่อยากให้อีกฝ่ายรอนาน
บนเรือนของพระยาหทัยญพินาศเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวของเด็กสาวคนหนึ่งดังออกมา ไพรินทร์เด็กสาวอายุเพียงสิบสี่ปีที่นอนอยู่บนเตียงนี้รับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางงอย่างที่ใกล้เข้ามาคล้ายมองเห็นสัญลักษณ์แห่งความตายมาจากแขกของบิดาที่ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ มาจากทั้งสองคนนั้น
ภาพความทรงจำที่เด็กหญิงได้เห็นนั้นรู้ว่าหากบอกพวกเขาไปจะนำพวกเขาไปสู่ความตายในเวลาต่อมาทำได้เพียงอยู่เงียบๆ ในห้องแม้วิญญาณที่มีเพียงเด็กสาวมองเห็นนี้ทำให้รู้สึกหวาดกลัว พวกมันตามหลอกหลอนนางอยู่แบบนั้นแม้ว่าบิดาจะเป็นห่วงแต่หากเล่าไปก็กลัวเพียงเขาอาจจะวิปลาสไปกับนางด้วย
แต่เด็กสาวเผลอตัวกรีดร้องไปแล้วผู้คนคงแห่กันมาที่นี่และถูกประณามว่าวิปลาสอีก สุดท้ายพวกเขาก็อาจจะตายโดยที่นางช่วยอะไรไม่ได้ เหมือนกับบ่าวที่น่าสงสารคนนั้น ตั้งแต่นางเห็นปีศาจที่ฆ่าบ่าวผู้นั้นนางกลับมองเห็นวิญญาณและความตายของผู้อื่นอยู่ไม่ขาดแม้บิดาจะให้หมอผีมาทำพิธีก็ไม่อาจช่วยได้รู้เพียงแต่ว่านางอาจจะวิปลาสก็ได้
“คนเหล่านั้นจักโดนปีศาจฆ่าตาย ปีศาจอยู่ที่นี่ขี่ม้าไปทั่วพระนครแล้วผู้คนจักต้องตายเป็นแน่” ไพรินทร์กล่าวออกมาด้วยท่าทางสั่นกลัวในตอนนั้นรอเพียงอีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาประณามนางจากนั้นก็เป็นไปตามโชคชะตา
บทที่ 1 เริ่มต้นใหม่หรือสิ้นสุด
05/03/2022
บทที่ 2 ปริศนาที่ไม่อาจมองข้าม
05/03/2022