ทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้วสินะ ทุกความโหดร้ายที่สาดซัดเข้ามาในชีวิตของหล่อนกับหนูน้อยเอวา ทุกอย่างที่แทบทำให้แข้งขาของหล่อนอ่อนเปลี้ยและล้มทั้งยืน ไมเคิลมาด่วนเสียชีวิตจากไปกะทันหันกับอุบัติเหตุบนท้องถนน ในขณะที่พี่สาวของหล่อนเนื้อนางก็ไม่ได้หันกลับมาดูดำดูดีเลยสักนิดเดียว งานศพของไมเคิลเนื้อนางก็ไม่ย่างกรายมา หล่อนไม่อยากจะเชื่อว่าเนื้อนางจะใจจืดใจดำขนาดนี้
หลังจากวางดอกกุหลาบสีขาวลงหน้าแท่นหลุมฝังศพของไมเคิลแล้ว เนื้อนวลก็อุ้มเอวาขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน มองแท่นหินเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาไหลพรากลงมาอาบแก้ม
“พี่ไมค์ ฉันสัญญา... สัญญาว่าจะดูแลหนูเอวาแทนพี่เอง พี่หลับให้สบายนะ”
มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ปล่อยก้อนสะอื้นให้เล็ดลอดออกมาจากลำคอเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ตัดสินใจหมุนตัวจะเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องชะงักงัน เท้าตายสนิทอยู่กับที่ เมื่อสายตาได้สบประสานกับดวงตาสีเขียวจัดของคิริล อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟ เข้าอย่างจัง
ทำไมนะ ทำไมร่างกายของหล่อนต้องสั่นเทิ้มทุกครั้งยามที่ได้สบตากับผู้ชายหล่อลากไส้คนนี้ เขามีอำนาจลึกลับบางอย่างที่ทำให้หล่อนหวาดหวั่นและสะพรึงกลัว แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เขาทำให้เนื้อตัวของหล่อนร้อนเป็นไฟได้อย่างไม่น่าเชื่อ หล่อนไม่รู้หรอกว่าไอ้ความรู้สึกร้อนระอุแบบนี้มันคืออะไร รู้เพียงแต่ว่ามันมักจะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ชายหล่อน่าปล้ำคนนี้
“เอ่อ... คุณคิริล”
“ฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่”
น้ำเสียงของเขาทั้งกระด้างและเย็นชาจนหล่อนอดไม่ได้ที่จะขลาดกลัวแต่ความไม่เป็นมิตรทั้งจากสายตาและน้ำเสียงของเขาก็ทำให้หล่อนเลือกที่จะเชิดหน้า และโต้ตอบออกไปด้วยท่าทางเยือกเย็นไม่แพ้กัน
“แล้วทำไมฉันจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อ...”
หล่อนยังพูดไม่จบ เขาก็แทรกเสียงเหยียดหยาม
“ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นฉันคงไม่มีข้อกังขา แต่กับผู้หญิง....”
เขาตวัดสายตาคมกริบสีเขียวมรกตกวาดมองไปตลอดทั้งร่างของหล่อน ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดหยามดูแคลน
“มักมาก หลายใจแบบเธอ ฉันไม่อยากจะเชื่อ”
“นี่คุณ...”
แม้เขาจะหล่อน่าปล้ำแค่ไหน แต่ปากเขาก็ร้ายเกินกว่าที่หล่อนจะทนยืนรับฟังคำด่าทอนั้นได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ผู้ชายปากจัด”
เขาหัวเราะหยัน และไม่ได้แสดงท่าทางสะทกสะท้านอะไรออกมาเลยสักนิด สายตาสีเขียวเข้มจัดของเขายังคงมองมาด้วยความเหยียดหยามชิงชังเช่นเดิม
“ก็ยังดีกว่าผู้หญิงร่านร้อนแบบเธอ”