ในวันก่อนวันครบรอบสามปี เซียวหลิ่นผู้เป็นสามีของเธอได้ประมูลต่างหูไพลินแคชเมียร์ที่ทั่วโลกหยุดผลิตไปแล้วมาคู่หนึ่งจากงานประมูล
เขาบอกว่า “ผมขอมอบให้กับคนที่ผมติดค้างมาโดยตลอด ซึ่งก็คือคนรักของผมนั่นเอง”
สวี่โยวหรานที่กำลังชมการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจออยู่ซาบซึ้งใจมากจนน้ำตาไหลออกมาเลยทีเดียว พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครบรอบแต่งงานปีที่สามของเธอและเซียวหลิ่นแล้ว หากเขากลับใจได้ การรอคอยของเธอก็ถือว่าไม่สูญเปล่า
คุณนายผู้เฒ่าเซียวเองก็พูดปลอบใจเธอด้วยว่า “ในที่สุดหลานชายของฉันก็คิดได้สักที รู้จักรักภรรยาบ้างแล้ว”
วันรุ่งขึ้นเป็นวันครบรอบแต่งงานปีที่สามของพวกเขา
ตอนที่สวี่โยวหรานเพิ่งจะเตรียมอาหารมื้อใหญ่เสร็จ เซียวหลิ่นก็กลับมาถึง
สวี่โยวหรานเปิดประตูไปต้อนรับเขา รับกระเป๋าเอกสารมา แล้วก็นั่งยอง ๆ ถอดรองเท้าหนังและสวมรองเท้าแตะให้เขา ทำทุกอย่างในรวดเดียว
“กับข้าวเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? วันนี้เป็นวันอะไรเหรอ?”
เซียวหลิ่นมีรูปร่างสูงใหญ่และมีหน้าตาที่หล่อเหลา แค่การคลายเน็คไทออกของเขาก็อาจทำให้สาว ๆ หลายคนร้องกรี๊ดออกมาได้แล้ว
แต่คำพูดของเขามักจะทำให้สวี่โยวหรานรู้สึกเจ็บปวดใจด้วยความผิดหวังอยู่เสมอ เธอชะงักไปก่อนจะย้อนถามกลับไปว่า “คุณลืมแล้วเหรอคะ?”
เซียวหลิ่นจะลืมได้ยังไงกัน
เขาซื้อต่างหูไพลินมูลค่าหนึ่งพันห้าร้อยล้านคู่นั้นก็เพื่อมาง้อเธอไม่ใช่หรอกเหรอ
สีหน้าเซียวหลิ่นดูงุนงงมาก “ซู่โหยวหราน ผมลืมอะไรเหรอ?”
“คุณประมูลต่างหูดวงดาวนับพันคู่นั้นมาไม่ใช่เหรอคะ?” สวี่โยวหรานเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นมาแล้ว แต่เธอก็ยังคงถามต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
“คุณก็รู้จักต่างหูคู่นั้นด้วยเหรอ?”
เซียวหลิ่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าภรรยาที่เหมือนทำเป็นแต่งานบ้านเหมือนแม่บ้านคนนี้จะรู้จักสนใจเรื่องของโลกภายนอกด้วย?
จากนั้นเขาก็กระตุกมุมปากเผยรอยยิ้มดูถูกเหยียดหยามออกมา