怫冥ข้านี่แหละจอมมาร (yaoi)
ดือน
หลีที่ 73 ป
เจ๋อ ย
ยงแหบสั่น มือทั้งสองข้างเกาะขาชายร่างสูงมิยอมคลาย ใบหน้าเขียวช้ำขะมุกขะม
วาพี่ชายต่างมารดาของตนเอาไว้ ราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย แล้วกล่าวด้วยน้ำ
า จะเรียกร้องหาความยุติธรรมด้วยสิ่งใด” หลิว
่บังอาจแอบอ้างใช้แซ่เดียวกันกับตน ใบหน้าเขีย
นท์ แล้วตวาดเสียงเข้มใส่อย่างมิใคร่พอใจ “อย่ามาเรียกข้าว่าพี่รอง คนเช่นเจ้าไม่สมควรมาใช้แซ่หลิวเสียด้ว
อัดปะทะเข้าไปอย่างแรงจนมิอาจต้านทานได้ ร
ธ์ใดๆ ด้วยเหตุที่ว่าลมปราณภายในมิอาจหลอมรวมเป็นหนึ่งได้เฉกเช่นพี่น้องร่
งมาถูกถีบอัดด้วยแรงส่งอย่างเต็มกำลังจากญาติผู้พี่ท
ใจแต่ละครั้งล้วนทรมานสุดกำลัง ความเจ็บปวดรวดร้าวสะท้านไปถึงไขสันหลังยามขยับกาย ก่อนเสียงสะอื้นสุดท้ายจะถูกเปล่งออกมาจากใน
มิพึงใจ ยามเห็นว่าหลิวมู่เหยียนเอาแต่นอนนิ่งมิยอมขยับกาย เขาจึงใช้
ึ” ก่อนจะพยายามใช้ปลายเท้าของตนเขี่ยร่างไร้วิญญาณไปม
ำ สิ่งที่สัมผัสได้มีเพียงความว่างเปล่า ไร้ซึ่งสัญญาณชีพหลงเหลืออยู่ ในครานั้
ื่อตระหนักรู้ว่าได้ทำสิ่งใดลงไป ความหวาดก
ชังของคนในสกุล แต่ก็ไม่อาจสังหารทิ้งได้ตามอำเภอใจ หากมีใครล่วงรู้เรื่องที
ะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น ก่อนจะเร่งฝีเท้าจ้ำอ้าวกลับไปยังเรือ
หมอกหนาแผ่ปกคลุมไปทั่ว ภายในโรงนาปรากฏร่างของบุรุษหนุ่มรูป
ให้คนที่นอนอยู่ด้านในรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ “ทางนี้ขอรับนายท่าน
ู่กับที่ ก็ต้องขยับเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ศีรษะปวดแปลบขึ้นมาจนต
ข็งๆ สักแห่งบนพื้นพิภพ ร่างกายปวดร้าวระบมจนมิอาจขยับตัวได้ดั่งใจ หากขยั
ดวงจิตออกมาจากร่าง แล้วเดินทางไปที่ปรโลกเพียงลำพัง แต่กลับถูกเฮาห
น” ก่อนพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งอย่างลำบาก ทว่าทำได้เพียงแค่นั้น ประตูของโรง
ราวๆ ห้าสิบปีเห็นจะได้ ใบหน้ายังคงหล่อเหลามิได้ร่วงโรยตามวัย ห่มกายด้วยแพรพรรณสีฟ้าเข้มเนื้อดีขลิบด้วยผ้ามันสีทองมีราคาทำให้คนผู้นี้ดูสูงสง่าเหนือใคร
องบ่าวรับใช้ข้างกายแล้วกล่าวเสียงเข้มใส่ “ไหน
เขาทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นท่า แล้วแนบศีรษะลงบนพื้นสกปรก พลางเอ่ยเสียงสั่นออกมาอย่างตื่นกลัว “หะ...หามิไ
วหม่นคล้ำลงด้วยเพลิงโทสะที่สั่งสม จ้องมองมา
่างมิอาจระงับไว้ เสียงภายในใจก็ได้แต่กู่ตะโกน
กแน่น เพื่อจะรักษาชีวิตเอาไว้ให้คงอยู่ อย่างไม่หลงเหลือซึ่งความสุขุม แล้วทำได้เพียงกล่า
พ
้สติ ในใจก็รู้สึกเสียหน้าอยู่หลายส่วน เขาจึงเบือนหน้าหนี สายตาจึงหันไปสบมองบุตร
สังเวชออกมา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองไปมาอีกหน เมื่อไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นดั
ือไว้เพียงแต่บุรุษร่างสูงใหญ่ผู้เป็นบุตรชายคนรองของสกุล ก
ตนพลั้งมือสังหารลงไปแล้วอย่างมิต้องคาดเดา ไม่หลงเหลือแม้ลมหายใจและชีพจร นอนนิ่งกลา
สียงเย็นออกไป “เจ้าเป็นปีศาจหรืออย่างไร ไยยังมีชีวิตอยู่ได้” ก่อนจะหรี่ตามองใบหน้าขะมุกขะมอมอย่
ายใจไปตั้งแต่ที่เจ้าท
จาที่เอ่ยออกมาจากปากของชายผู้นี้ เขาก็ตระหนักได้อย่างทันท่วงที ว่า
ย่อมมิใช่เรื่องดี ด้วยร่างกายที่ตนเพิ่งเข้า
ี่ไป เขาจึงเลือกที่จะทำทีเป็นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแสร้งให้สั่นออกไปว่า “หะ…หามิได้นะขอรับ…ขะ…ข้ามิได้แกล้งท่าน มิเคยคิดแกล้งท่าน” ก
วมู่เหยียนอย่างระอา ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นออกมาว่า “แอบมาใช้แซ่สกุลข้ายัง
สียอย่างนั้น แล้วหันกลับมาเอ่ยด้วยท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน
อร
ในวาจานั้นคืออะไร หนำซ้ำยังมิอาจรู้ได้ว่าลานฝึกที่คนผู้นี้กล่าวมาไปทางใด แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ เขาจึงทำทีเป็นก้มศีร
คยพร่ามัวและเลือนราง ก็เริ่มมองเห็นชัดกระจ่างขึ้น ในครานั้นจ้าวเสี่ยวหมิงจึงยก
้อยก็พบร่องรอยช้ำเลือดช้ำหนองให้เห็นเป็นจ้ำๆ บางจุดก็เป็นวงสีเขียวบ่งบอกให้รู้ว่าเพิ่งได้มาเพียงไม่กี่ชั่วยาม บางจุด
่สวมใส่ สกปรกเสียจนหาจุดที่สะอาดมิได้ เขาจึงรู
อเสียจนรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างวิ่งพลุกพล่านขวักไขว่ หากใช้มือสางเส้นผมเพ
งพึงตระหนักได้ทันทีว่าเจ้าของร่างคงถูกทารุณมาอย่า
ต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเสียงดังอยู่หลายหน แล้วทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมาอย่างอนาถ ที่ตนนั้นจู่ๆ
ข้าจักต้องอยู่ในร่างบุรุษบอบบางเช่นนี้เล่า” ยามได้เห็นร่างกา
มที่จอมมารเช่นเขาแม้จะตกอับเพียงใดก็ยังมีใบหน้าหล่อเหลา เรือนกายสมส่วนดุจชายชาตรี แล้วสิ่งที่ตนได้รับมาในยามนี
าได้ เขาจึงนั่งสมาธิ แล้วทำการถอดจิตออกจากร่างอย่างทั
ด้เพียงครู่เดียว ปราณภายในกลับแตกซ่าน
พื่อทดสอบพลังปราณในกาย แต่ทว่าเพียงแค่ฟาดฝ่ามือลงไป ร่างบอบบ
งใช้ที่แขวนอยู่บนขื่อพลันร่วงกราว หล่
าอย่างหยาบคาย มือข้างหนึ่งกุมสะโพกของตนเอาไว้ แล้วหยัดกายลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก ก่อนจะสบถเสียงด
นชะตาข
าส่งสายตาปะหลับปะเหลือกขึ้นไปมองอย่างมิพึงใจ แล้วตะคอกเสียงดังใส่ “คำก็ชะตา
“
ไปว่า “ไยท่านถึงเงียบไปเล่าเฮาหนี่ สภาพร่างกายเช่นนี้ข้าจะไปทำ
น เมื่อกระเพาะของเขาร้องเสียงดัง ‘โครก’ ออกมา
ะทำสิ่งใดล้วนหิวจนหน้ามืดตาลาย ที่ทำได้จึงมีเพียงยืนกุมช่อง
้านโลกอย่างเมื่อครั้งในอดีต แต่เป็นเพียงร่างของดรุณตัวน้อยผู้ผ่านม่านฝนมาเพียงสิบหกปี ห
่อนจะหาทางออกจากร่าง ข้าควรต้อ
ยนจึงค่อยๆ ย่างเท้าออกมาจากโรงนา แสงแดดแร
ะหลาดจึงยกมือขึ้นบดบังแสงอาทิตย์ของยามซื่อ ที่สาดกระทบกับดวงตา เ
่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ ของสตรีผู้หนึ่งดังก้องมาจากทางด้านหลัง “เจ้าลูกนอกคอกวันนี้เจ้
อยู่บนศีรษะของตน แล้วค่อยๆ ลากมันลงมาถือไว้ในมือ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหร
จึงเดินมาด้านหน้าของหลิวมู่เหยียน มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาเท้าเอวหลวมๆ เอาไว้ แล้วตวาดเสียงดังลั่น
ตรีนางนี้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ปลายเท้าจรดศีรษะ ก็คาดเดาได้ไม่ยากจากชุดที
เปลี่ยนไปเป็นผยองอย่างเยียบเย็น ด้วยเหตุที่ว่าในเมื่อมิอาจออกจากร่างนี้ไปได้ ไหนๆ ก็ไ
คลนเสียที่ไหน ซ้ำเมื่อครู่นี้เขาก็ได้ยินเต็มสองรูหูว่าเจ
าไม่ทำ” ก่อนจะโยนกองผ้ากองนั้นกลับไป
ยู่ไม่น้อย นางจ้องมองกองผ้าในมือด้วยแววตาแข็งกระด้างจากเพลิงโทสะที่สั่งสม ก่อนจะโยนกองผ้าดังกล
ยุ่งๆ กระจุกนั้นอย่างเต็มแรง เป็นเหตุให้หลิวม
จากนั้นจึงกรอกเสียงของตนลงไปข้างๆ หูอย่างช้าๆ ชัดๆ ว่า “เจ้าเป็นใครแล้ว
่สังหารชีวิตผู้คนไปแทบนับมิได้น่ะสิ’ ยามถูกปฏิบัติด้วยกิริยาอันต่
ของไป๋หลิวที่ยังค้างเติ่งบนศีรษะตน แล้วบีบด้วยพละกำลังเพียงสองในสิบส่วนของพลังภ
เสี่ยวหมิงพลันคืนกลับมา บุรุษหนุ่มจึงค่อยๆ ปรายหางตามองไปยังท่อ
ยวหมิงก็พลันสะดุ้งโหยงแล้วจึงอุทานเสียงดัง “อึ๋ย” อย่างตกใจ ยามได้ไล่สายตาขึ้นมามอง
นี้คงเป็นเพียงแค่สาวใช้คนสนิทของใครสักคนในสกุล อาจม
ยท่อนแขนข้างที่หักลงอย่างเบามือ จากนั้นก็ฝืนหัวเราะแหะๆ ขัดตาทั
ย่างไม่ถูกต้อง ก่อนจะหลุบตาลงมายังแขนข้างที่หักของตน นางมองแขนข้างนั้นสลับกับใบหน้าหวาดๆ ของ
ั่นใส่หน้าหลิวมู่เหยียนอย่างหมดความอดทน “เจ้าลูกนอกคอกเจ้ากล้าหักแขน
้อยู่ในระดับอก แล้วอัดกระแทกฝ่ามือเข้าไปหาบุรุษร่า
้ก็มีวรยุทธ์เช่นนั้นรึ มิน่าเ
้มเบิกโพลงอย่างตกใจยามได้เห็นกระบวนท่าที่สตรีผู้นี้ใช้
งไปมา แม้ร่างกายจะอ่อนล้าเพียงใด จ้าวเสี่ยวหมิงก็ยังพยายามหลบลูกเตะที่ซัดกระแทกเข้ามาอยู่หลายกระบวนท่า พลางรีบกล่าวด้วยน้
ุบ
องพูด เหตุใดต
ถึงแม้จะเอาแต่หลบ ทว่าจ้าวเสี่ยวหมิงก็สูญเสียกำลังไปไม่น้อย ด้วยเหตุที่ว่าในยามนี้ ดวงวิญญาณกับกายหยาบที่ตนเข้ามาส
้วรยุทธ์ไปถึงสิบกระบวนท่า ก็ไม่โดนแม้แต่ผิวกายของบุรุษที่มิอาจรวบรว
เบี่ยงกายมาทางด้านหลัง ก่อนจะยกมือขึ้นมาหมายจะสกัดจุด
ึ้นมาเสียก่อนว่า “เสียงดังเอะอะไปถึงเรือข้า มีเรื่องอันใดหรือ” ก
าย กรอบหน้าสมส่วนดุจชายชาตรี ริมฝีปากบางเฉียบแต่หยักลึกราวกับถูกลิ่มสลักไว้ องคาพยพทั้งห้าถูกหลอมรวมกันยิ่งดูหล่อเหลาและหยิ
่างจากจุดที่ยืนอยู่เมื่อครู่ราวหนึ่งจั้ง ก่อนจะโค้งคารวะผู้มาเย
บกายได้อีก เลือดในกายพลันฉีดพล่านไปทั่วร่าง มือเท้าเย็นยะเยือกราวกับมี
งนั้นตัวของเขาเคยสอนวรยุทธ์ให้เองกับมือ คุณชายใหญ่แห่งสกุลหลิว หลิวห้าวเหลียง ผู้เป็นเครือญาติเดียวกันกับหลิ
าติก่อนข้าทำร้ายเจ้าชาตินี้เจ้าเลยมาข่มเหงข
ด้เพียงไม่นานก็มีเสียงผรุสวาทจากสาวใช้ดังแทรกเ
่นยับอย่างมีโทสะส่งมาให้ ในครานั้นเขาก็เรียกสติกลับคืนมาได้ จึงทำทีเป็นโค้งคารวะบุคค
งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาเรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ จากนั้นจึงปรายตามองไปท
ณชายใหญ่ ไอ้ลูกนอกคอกผู้นั้นมันหักแขนข้าเจ้าค่ะ” พร้อมกั
จึงทำทีเป็นเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มเหมือนไม่ยิ้มว่า “เจ้าพูดอันใดให้มีความคารวะเสียบ้าง ข้าเป็นใครแล้วเจ้าเป็นใคร ไยเ
จ้
มือขึ้นมาข้างหนึ่งขวางหน้าไป๋หลิวเอาไว้ เพื่อห้ามปรามก่อนที่สตรีผู้นี้จะปรี่เข้าไปทำร้ายน้องชายต่างมารดาของตน แ
ี่ตั้งแต่เขาได้เข้ามาสิงสู่ก็พึงตระหนักได้หนึ่งอย่างว่าเจ้าของร่างนี้ไร้ซึ่งวรยุทธ์ จุ
สาวรับใช้ผู้นี้ได้ในชั่วพริบตานั่นคงมิใช่เรื่องดี เพราะตอนนี้กายหยาบที่ตน
คิดได้เช่นนั้นจึงทำทีเป็นรีบคุกเข่าลงกับพื้นสก
ยุทธ์เฉกเช่นผู้อื่นไม่ ไหนเลยจะหักแขนค
งปรี่ใส่หลิวมู่เหยียนหมายจะเข้าไปเตะอัดให้หนำใจ แต่โชคยังดีที่มีบ่าวสองคนม
รายตามองไปทางหญิงสาวอย่างมิใคร่พอใจ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเย็นใส่ “สำรวมกิริยาด้วยไ
ลันอ่อนแรง ด้วยเหตุที่ว่าหากมีเรื่องเกิดขึ้นมา อาจทำให้ต้องระเห็จออกจากสกุลหลิวไปก่อนเวลาอันสม
่าวต่ำช้ายิ่งนัก มีปากกลับพูดแต่สิ่งที่ไม่สมควร สมควรถูกลงโทษตบปากตัวเองจนปากฉีกถึงหูแล้วเจ้าค่ะ” จากนั้
พ
ึมพำเบาๆ อย่างมิพึงใจ “น่าสมเพชยิ่งนัก” ว่าจบก็เบือนหน้าหนี ก่อนหันกลับไปมองหลิวมู่เหยียน ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นดินสกปรกด้วยสายตาเรียบเฉยไร้ซึ่งอา
ั่นเข้าไว้ “ข้ากำลังจะไปแล้วขอรับคุณชายใหญ่ แต่มาเจอพี่สาวผู้นี้เสียก่อน นางโยนผ้ามาให้ข้าซักล้างทำความสะอาดให้” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหลุบมองยังพื้นดินแห
โยคดี นิ้วเรียวยาวของนางชี้มายังใบหน้าของเขาอย่างไร้มารยาท ใบหน้ารูปไข่ที่เคยสวยหวานบัดนี้บิดเบ
พลันบึ้งตึงหม่นคล้ำลงหลายส่วน ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มออกไปว่า “หุบปาก” จากนั้นปรายห
อย่างลงคอไป ยามได้สบเข้ากับสายตาแข็งกระด้างของผู้เป็นนาย นางพลัน
ายิ่งนัก เอานางไปโบยห้าสิ
นดินอย่างแรง เสียงดังก้องหนักแน่น แต่ก็มิอาจพ้นโทษทัณฑ์เหล่านั้นไปได้ เพีย
งแว่วเข้ามาในโสตประสาท บ่งบอกให้รู้ซึ้งว่าการ
ของเจ้าที่มา
ยงคุณชายใหญ่ของสกุลกำลังชายหางตามองไปยังทางที่บ่าวรับใช้ถูกลากออกไ
เสียงเรียบว่า “วันนี้เจ้าสำนักหยางเจียน หยางซิวอวี่จะมาคุยธุระกับท่านพ่อ เข
อร
ุบมองญาติผู้น้องด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะเอื้อนเอ่ยออกมา
พาะก็ดังขึ้นมาอีกหน และมันยิ่งทวีความหนักแน่นขึ้นทุกขณะยามขยับกาย บุรุษหนุ่มจึงรีบยกมือขึ้นมาลูบท้องตนเบาๆ แล
่านอยู่เรียงราย ผู้คนสัญจรไปมาขวักไขว่ บ้างก็ทำงาน บ้างก็ยกของหนัก แต่คนเหล
คนในสกุลนี้อยู่ไม่น้อย ถึงกระนั้นเสียงเรียกร้องในกระเพาะก็ยังมิคลา
กขะมอมยับยู่ยี่ไม่ต่างจากตนเองเสียเท่าใด ตามเรือนกายซูบผอมมีเพียงหนังหุ้มกระดูก กำลั
นไปถึงก็ยกมือขึ้นมาสะกิดหลังเด็กหนุ่มผู้นั้นแล้วเอ
้งจนมิอาจกลั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นดรุณน้อยจึงเอ่ยละล่ำละลักอย่างหวั่นๆ “คะ...คุณชายสามมีอะไรหร
กายตนได้อีกต่อไป แม้จะรีบเบือนหน้าหนีแต่ช่องท้องก็ตีรวนปั่นป
ร
้อีกต่อไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นที่เปรอะเปื้อนไปด้วยอาจมเหล่านั้นอย่างอ่อนแรง แล้วโขกศีรษะลงบนพื้นสกปรกอย่า
ช็ดมุมปากอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะกล่าวออกไป “อ่า...ขอโทษทีขอโทษที ผิดที่ข้าไม่ระวังให้ดี หาใช่ความผิดเจ้าไม่ เจ้าลุกขึ้นเถิด...อุ๊บ” เอ่ยได้เพียงเท่านั้น บุรุษหนุ่ม
แต่เด็กหนุ่มเนื้อตัวสกปรกก็ชี้ทางให้อยู่ดี “เดินจากตรงนี้ไปทางทิ
กหนุ่มชี้ไป แล้วพยักหน้าลงอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันห
ใหญ่ทางด้านหน้
ยกขึ้นเท้าเอวเอาไว้ เขาหลุบตามองอาจมที่หกกระจายแล้วกล่าวออก
่าวทำเองได้ขอรับคุณชายสามลดตัวล
กชายอย่างไม่นึกรังเกียจ ก่อนจะคลี่ยิ้มน้อยๆ ออกมา แล้วกล่าวด้ว
ื่อไท่
รุษหนุ่มก็หมุนกายแล้วจึงเดินออกไป