เกิดใหม่มีสามีและลูกแฝดในยุค 70
่โดยรอบก็ยังเต็มไปด้วยทุ่งสีเหลืองทองอร่ามของต้นข้าวออกรวงทั่วทั้งทุ่งนา เป็นสัญญาณบอกว่าใกล้จะถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเก็บเกี่ยวแล้ว นอ
การเป็นโรคมะเร็งปอดอีกต่อไป พลางคิดในใจว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ส
แดงสด ซูเยี่ยเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เห็นว่าผลไม้นี้คือผลซางซู่ เธออยากเด็ดมาชิมมากแต่ก็ไม่กล้า เพราะดูแล้วน่าจะมีเจ้าของ ตรงนี้ไม่ใช่ผ
ไม่ใช่เพียงแค่ผลเท่านั้นที่นิยมบริโภค ส่วนประกอบต่าง ๆ ทั้งลำต้น เปลือกราก กิ่งอ่อน ใบ ก็นิยมบริโภคเหมือนกันเนื่องจากมีสรรพคุณท
่ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงไปทุกที อากาศช่วงหัวค่ำเริ่มหนาวเย็นเนื่องจากอยู่บนภูเขาสูง สายลมพัดผ่านแรงจนใบไม้พริ้วไหว ซูเยี่ยกอดอกตัวสั่นเบา ๆ “ถ้าวันนี้เราเดินหาบ้านของตัวเองไม่เจอ แล้วเราจะไปนอนที่ไหนกันล่ะเจ้าซูเยี่ย เฮ้อ~” ซูเยี่ยบ่นพึมพำมองซ้ายมองขวาไม่รู้จะไปต่อทางไหนดี ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่
งเด็กผู้ชายดังมาแต่ไกล ซูเยี่ยมองไปตามเสียงก็เห็นเด็กผู้ชายสองคนหน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ แก้มแดงน่าร
ยี่ยไม่ขาดสายและยังมีคำว่าแม่ทุกประโยคอีกด้วย “แม่ครับผมคิดถึงแม่” “ผมก็คิดถึงแม่ครับ” “แม่อย่าทิ้งพวกเราไปเลยนะครับ” “ใช่ครับอย่าทิ้งพวกเราไปเลย พวกเรารักแม่ครับ” ซูเยี่ยมองเด็กชายแฝดสองคนที่แย่งกันพูดกับเธอเป็นพัลวัน การกระทำและคำพูดของเด็กชายฝา
ฝดทั้งสองคนอย่างใจเย็น “ฮึก…แม่อย่าโกรธพ่อเลยนะครับ” “ใช่ครับ ฮึก….อย่าโกรธพ่อเล
ากให้เด็กชายฝาแฝดทั้งสองคนหยุดร้องไห้ จึงตามน้ำว่าตัวเองเป็นแม่ของเด็กช
บ” “นะครับ ฮือ….” เด็กชายฝาแฝดทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
ิงส
ๆ/เ
องซูเยี่ยไปกุมไว้คนละข้างก่อนดึงให้ซูเยี่ยลุกข
งคนไปได้ แต่ยังไงทั้งคู่ก็ยอมตอบออกไป “ผมชื่อหลีไป๋ครับ” “ผมชื่อหลีปิงครับ” เด็กชา
่อนจะดึงแก้มยุ้ยไปคนละหนึ่งที และเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยทั้งสองคนด้วย
่อว่าหมู่บ้านกัวเลี่ยงครับ” หลีไป๋ตอบเสียงแจ้วสลัดความเศร้าทิ้งไปไม่เหลือคราบตามประสาเด็ก “กัวเลี่ยงอย่างนั้นเหรอ” ซูเยี่ยพึมพำกับตัวเอง เธอพอจะรู้จักชื่อหมู่บ้านนี้มาบ้า
ั้งหมู่บ้านบนหน้าผาสูง และยากที่ผู้คนภายนอกจะหาพบและมาถึงได้เพื่อหลีกหนีภัยสงคราม การเดินทางมายังหมู่บ้านกัวเลี่ยงจะต้องเดินเท้าขึ้นเขาสุดชัน เป็นจำนวนนับ 720 ขั้น อีก
ถยนต์ได้แล้ว เพราะคนในหมู่บ้านช่วยกันขุดอุโมงค์กว้างเป็นระยะทางนับพันเมตร เพื่อเชื่อมหมู่บ้านเข้ากับโลกภายนอกโดยใช้เวลานานหลายปี ในปัจ