Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ในปกครองพ่อเลี้ยงปรเมศ

ในปกครองพ่อเลี้ยงปรเมศ

สนิมสร้อย

5.0
ความคิดเห็น
112.3K
ชม
63
บท

“ขอร้องอย่าทำ” จากจะอธิบายว่าทำไมถึงไม่ได้ขออนุญาตก็ต้องเปลี่ยนการขอร้องให้ปรเมศหยุดการกระทำตรงหน้า “ฉันไม่ชอบคนแหกกฎ โดยเฉพาะเด็กที่เกิดเมื่อวานอย่างเธอ” “หนูขะขอโทษ อ๊ะ"

บทที่ 1 ตอนที่ 1 อารัมภบท

"ฉันทำไม่ได้"

"ทำไมถึงทำไม่ได้ พ่อเลี้ยงก็ทำให้มันจบๆ ไปก็สิ้นเรื่อง"

ร่างเปลือยไร้เสื้อผ้าอาภรณ์โวยวายกับคนตรงหน้า เธอยืนแก้ผ้าเพื่อให้ปรเมศได้ทำเรื่องอย่างว่า แต่อีกฝ่ายกับยืนตัวแข็งทื่อไม่มีอารมณ์ร่วมในครั้งนี้

"กานต์ขอร้อง กานต์เบื่อที่ต้องตอบคำถามพ่อๆ แม่ๆ ว่าทำไมยังไม่มีลูก"

"ไม่ต้องขอร้อง"

ปรเมศปฏิเสธกับเรื่องบนเตียง มันอาจจะเป็นความตายด้านไปแล้วก็ได้ เขาไม่เคยมีอารมณ์กับผู้หญิงไหนนอกจากแฟนเก่าที่เสียชีวิตไปเมื่อสิบปีที่แล้ว กานต์กนก ภรรยาคนปัจจุบันที่แต่งกันด้วยธุรกิจ ผู้ใหญ่ทั้งสองคลุมถุงชนในการแต่งงานครั้งนี้ ปรเมศเองไม่ได้มีใครมานับสิบปีและยินยอมแต่งงานกับกานต์กนกเพราะแม่ร้องขอเพื่อทำให้มันจบๆ ไปเพราะไม่อยากมีปัญหา แม้กานต์กนกจะมีใจให้ปรเมศอยู่บ้าง แต่ก็รู้ตัวว่าเป็นได้แค่ภรรยาในนาม ผู้เป็นสามีชัดเจนมาตลอดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอมันธุรกิจไม่ได้รักหรือรู้สึกลึกซึ้งอะไร แต่ทว่ากานต์กนกก็คิดเสมอว่าความดีของเธอจะทำให้สามีใจอ่อนเข้าสักวัน แต่มันก็นานร่วม 3 ปี ปรเมศยังเป็นคนใจแข็งเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือปากคอเลาะร้ายไม่เคยถนอมน้ำใจกันสักครั้ง

"พ่อเลี้ยงเราแต่งงานกันมา 3 ปีไม่เคยมีอะไรกัน"

"......."

"กานต์จืดซืดขนาดนั้นเลยเหรอ"

"......."

"รูปร่างหน้าตาของกานต์ มันกระตุ้นต่อมความเงี่ยนของพ่อเลี้ยงไม่ได้เลยเหรอ"

ปรเมศเบือนสายตาไปทางอื่น กานต์กนกกระทืบเท้ากระเพื่อมสั่นไหวไปทั้งร่าง ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนขี้เหร่หรือไม่มีความเซ็กซี่จนไม่เร้าใจแต่อย่างใด ชายหนุ่มยึดถือในใจเสมอจะไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่ได้รักและกานต์กนกคือหนึ่งในเงื่อนไขนั้น เขาไม่รักเธอมันก็ไม่แปลกที่ปรเมศจะไม่ยอมมีอะไรด้วย ต่อให้คนตรงหน้ายั่วยุจนความเป็นบุรุษเพศแข็งขึ้น เขาก็จะไม่ทำ

"พูดจาอะไรให้เกียรติตัวเองด้วย มันดีแค่ไหนที่ผมไม่ย่ำยีและถีบหัวส่ง อย่าทำให้ผมเหลืออดหรือต้องร้ายไปมากกว่านี้"

ปรเมศแค่นเสียงตามไรฟันกับพฤติกรรมของกานต์กนกที่ยัดเยียดตัวเองเกินงาม ทะเบียนสมรสเป็นแค่กระดาษใบเดียว กานต์กนกจะเป็นเจ้าชีวิตของเขาไม่ได้

"นะคะพ่อเลี้ยง ทำลูกให้กานต์เถอะ กานต์อายที่ทุกคนต่างรุมถาม" เข้ากอดปรเมศแน่น ใบหน้าซุกลำคอขบเม้มเป็นการยั่วเย็ดให้เกิดอารมณ์ มือน้อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวลายสำหรับใส่ทำงานในไร่ของปรเมศ กลิ่นเหงื่อจากการตากแดดปะทะจมูกเป็นกลิ่นจางๆ ก็ไม่อาจต้านทานอารมณ์กำหนัดที่เกิดขึ้นของกานต์กนกได้ ในยามที่กระดุมหลุดทุกเม็ดแผงอก ก็ปรากฏหน้าอกหนาเป็นลอนๆ มีแต่กล้ามเนื้อ ขณะนี้มันล่อตาล่อใจหญิงตรงหน้าเป็นอย่างมาก กานต์กนกยกฝ่ามือน้อยๆ แนบแผงอกลูบวนไล่ ทั้งยังเขี่ยสะกิดยอดเม็ดสีน้ำตาลเข้มปรเมศเป็นการลากชายหนุ่มเข้าห้วงเสน่หา

"ใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปจากห้องฉัน"

ผลักคนร่างเปลือยออกจากออกอ้อมกอดและจับกานต์กนกแต่งตัวราวกับตุ๊กตาบาร์บี้ จากนั้นปรเมศก็ลากคนตัวเล็กกว่าออกจากห้อง เสียงร้องโวยวายดังลั่นทั่วบ้าน คนงานที่สนิทก็ต่างรู้ดีว่าทั้งคู่เป็นผัวเมียแค่ในนามเท่านั้น

"พ่อเลี้ยง" ตะคอกเสียงอย่างไม่พอใจ เขาทำกับเธออย่างไม่ใช่เมีย

"นี้เมีย" ชี้หน้าตัวให้ปรเมศหันมอง ว่าคนที่ยืนตรงนี้ตรงนี้คือเมียในสมรสถูกต้องตามกฎหมาย

"ก็ยังเห็นว่าเป็นเมีย ถึงไม่ทำอะไรต่ำๆ ไปมากกว่านี้ อย่าทำให้เหลืออดแค่กระดาษแผ่นเดียวมันไม่ได้มีค่ากับฉันขนาดนั้น"

ตอกกลับอย่างไม่แยแสความรู้อีกคน เลือกที่จะแต่งงานกับเขาตั้งแต่แรกก็ต้องรับให้ได้กับปากไม่มีหูรูดและความไม่ถนอมน้ำใจใคร ปรเมศเป็นคนตรงๆ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ยกเว้นก็แต่จะมีบางสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าไม่สมควรจะพูดก็จะกลายเป็นคนอีกบุคลิก

"สะอาด"

"......"

"สะอาด!!!" เรียกคนขับรถประจำไร่ภูมิดินที่อยู่ด้านหน้าของบ้าน

"ครับพ่อเลี้ยง" คนขับรถวิ่งหน้าตื่น ในมือยังถือผ้าเช็ดรถกำลังทำความสะอาดและขัดเหงาหลังจากล้างคราบดินคราบโคลนเสร็จ

"ไปส่งคุณกานต์ที่บ้าน" พูดจบก็เดินย้อนกลับเข้าห้องทำงาน หย่อนกายลงเก้าอี้หนังสีดำเอนศีรษะผิงพนักแหงนใบหน้าขึ้นและพ่นลมหายใจออกปลายจมูกเฮือกใหญ่ เขาต้องเผชิญกับปัญหาโลกแตกปัญหาการอยากได้หลานสืบทอดสกุลให้ตระกูลภูมิดิน ทั้งยังต้องประสาทเสียกับอีกคนที่อยากเสียตัวให้เขาตลอดเวลา

มันยากมากที่จะต้องฝืนใจทำเรื่องอย่างว่ากับคนที่ไม่ได้รัก ปรเมศไม่ใช่ผู้ชายมักมาก ไม่ค่อยสนใจเรื่องประเภทนี้สักเท่าไหร่วันๆ ตั้งหน้าตั้งตาเข้าไร่เข้าสวนธุรกิจที่สานต่อจากคุณปู่

ไร่ภูมิดินทำเกษตรเกี่ยวกับผักผลไม้เป็นหลัก ปลูกพืชออร์แกนิคสลับการปลูกตามธรรมชาติ รูปแฟนเก่ายังคงตั้งไว้บนโต๊ะทำงานไม่เคยอยากมันออกไปไหนและทุกคนก็รู้ว่าผู้หญิงนี้คือรักแรกและรักเดียวของปรเมศที่มี

"ผมคิดถึงคุณ" มือหนาสัมผัสเข้าที่กรอบรูป ใช้หัวแม่มือลูบใบหน้าบนกรอบรูป ปรเมศส่งยิ้มให้กับคนในกระดาษแผ่นเล็กด้วยความคิดถึง สิบปีที่ห่างกันไปความรู้สึกไม่เคยลดน้อยลง

ตกดึก

ปรเมศลืมตาขึ้นหลังจากหลับพักสายตาไปชั่วครู่ แสงที่สว่างจ้าจากโคมไฟดวงสวยดับลงเหลือเพียงความมืดอย่างแปลกประหลาด บรรยากาศในเงียบเป็นปกติอย่างเช่นทุกวันไม่ลมฟ้าลมฝนที่จะทำให้ไฟฟ้าดับลงได้

"ไฟดับ"

แต่เปล่าเลย ไฟในห้องกลับติดๆ ดับๆ ราวกับมีคนมาเปิดปิดสวิชไฟเล่น ปรเมศเหยียดกายลุกจากเก้าเปิดประตูออกมาด้านนอก ในขณะที่เดินสำรวจไฟในบ้านก็พลันเห็นเงาสีดำเปิดประตูหน้าบ้านออกไป ตอนนี้เขากำลังคิดว่าอาจเป็นขโมย ผลผลิตในไร่เริ่มออกอาจจะเป็นไปได้ว่าต้องมีโจรเข้ามาขโมยของ

ชายหนุ่มรีบย้ำเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินตามเงาตะคุ่มให้ทันออกมาด้านหลังและหวังจะจับส่งตำรวจให้ได้หากเป็นโจรจริงๆ

"หยุด" เข้าประชิดร่างปริศนาห่างกันไม่กี่คืบ ก็ตกใจเมื่อร่างนั้นหันมาปรากฏเป็นใบหน้าอดีตคนรักที่เสียชีวิตไปแล้ว

"มินตรา" ไม่ได้ตกใจกลัวแต่อย่างใดกลับดีใจด้วยซ้ำที่ได้เจอเธออีกครั้ง นานมากที่ไม่เจอมินตราแม้กระทั่งในความฝัน คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ปรเมศอย่างสดใสอย่างที่ไม่เคยเห็นกับรอยยิ้มแบบนี้

"คุณมาหาผม"

"......" ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแต่รอยยิ้มในมุมปากที่ส่งให้ปรเมศเรื่อยๆ มินตรายังคงเหมือนเดิมยิ้มสวยไม่มีที่ติแม้ไม่ได้เจอกันนานนับสิบปี

"ผมคิดถึง"

เดินเข้าใกล้มินตรา สองแขนอ้าเตรียมสวมกอดคนที่คิดถึง เพียงแต่โอบร่างคนรักแทนที่จะได้กอดรัดตัวเธอแต่กลายเป็นการสวมกอดตัวเอง มินตราหายไปต่อหน้าตาต่อปรเมศอย่างเหลือเชื่อ

"มิน มิน!!" ตะโกนเรียกสุดเสียง พลางกวาดสายตามองหาหมุนตัวเป็นรอบ 360 องศา ไปแล้ว!! มินตราหายไปจากปรเมศอีกครั้ง

"มิน!!!!"

เฮือก!! สะดุ้งตื่นกลางดึก ปรเมศยังนั่งบนเก้าอี้ทำงาน เขาเผลอหลับไปตั้งแต่นอนไหนก็ไม่รู้ มีเพียงแฟ้มออเดอร์จากลูกค้าสั่งผลผลิตในไร่กางไว้บนโต๊ะ เมื่อกี้เขาแค่ฝัน ฝันถึงคนรักที่จากไปนานแสนนาน เป็นครั้งแรกตั้งแต่มินตราจากไปแล้วเก็บมาฝันเพราะความคิดถึงสุดหัวใจ

เหงื่อซึมตามกรอบหน้า ปรเมศยกหลังมือปาดเช็ดมันออก จากนั้นเก็บแฟ้มต่างๆ ที่กองอยู่ตรงหน้าให้เป็นระเบียบ ก่อนจะปิดไฟและล็อคประตูห้องทำงานไม่ให้ใครเข้ามาโดยพลการแล้วเดินขึ้นห้องนอนในเวลาเที่ยงคืน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ สนิมสร้อย

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ในปกครองพ่อเลี้ยงปรเมศ
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1 อารัมภบท

21/05/2023

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2 อาณาจักรไร่ภูมิดิน

21/05/2023

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3 การพบเจอ

21/05/2023

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4 ไร้ซึ่งทางออก

21/05/2023

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5 เหตุต้องอยู่ต่อ

21/05/2023

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6 นัดแขกคนสำคัญ

29/05/2023

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7 พ่อเลี้ยงโดนขิง

29/05/2023

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8 เสียงปริศนา

29/05/2023

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9 กอดจากพ่อเลี้ยง

29/05/2023

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10 วันเข้าสอบ

29/05/2023

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11 อาสาไปส่ง

29/05/2023

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12 เดินทาง

29/05/2023

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13 ร้านเดิมของเรา (คนเก่า)

29/05/2023

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14 พักระหว่างทาง

29/05/2023

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15 นอนโรงแรมด้วยกัน

29/05/2023

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16 บนเตียงเดียวกัน

29/05/2023

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17 คราวเสียตัว

29/05/2023

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18 แนะนำให้รู้จัก

29/05/2023

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19 ข้อเสนอของพ่อเลี้ยง

29/05/2023

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20 มาหาถึงที่

29/05/2023

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21 พิเศษมาจากไหน

29/05/2023

22

บทที่ 22 ตอนที่ 22 ผิดหวัง

29/05/2023

23

บทที่ 23 ตอนที่ 23 เธอคือเด็กในปกครอง

29/05/2023

24

บทที่ 24 ตอนที่ 24 ถุงยางอนามัย

29/05/2023

25

บทที่ 25 ตอนที่ 25 แนะนำให้เข้าวัด

29/05/2023

26

บทที่ 26 ตอนที่ 26 เด็กเนื้อหอม

29/05/2023

27

บทที่ 27 ตอนที่ 27 เด็กปากดี

29/05/2023

28

บทที่ 28 ตอนที่ 28 ไม่ได้อยากเป็นพ่อ

29/05/2023

29

บทที่ 29 ตอนที่ 29 เชื่อฉันว่ามันไม่เจ็บ NC

29/05/2023

30

บทที่ 30 ตอนที่ 30 ตกใจเด็กหาย

29/05/2023

31

บทที่ 31 ตอนที่ 31 ยาคุมฉุกเฉิน

29/05/2023

32

บทที่ 32 ตอนที่ 32 เด็กคนแรกของพ่อเลี้ยง

29/05/2023

33

บทที่ 33 ตอนที่ 33 อยากมารับ

29/05/2023

34

บทที่ 34 ตอนที่ 34 เด็กหนีเที่ยว

29/05/2023

35

บทที่ 35 ตอนที่ 35 เด็กดื้อโดนจับได้

29/05/2023

36

บทที่ 36 ตอนที่ 36 ทำโทษเด็กดื้อ NC

29/05/2023

37

บทที่ 37 ตอนที่ 37 เป็นอะไรนอกจากเด็กในปกครอง NC

29/05/2023

38

บทที่ 38 ตอนที่ 38 เผลอตัวเผลอใจ

29/05/2023

39

บทที่ 39 ตอนที่ 39 แค่อยากเก็บมันไว้

29/05/2023

40

บทที่ 40 ตอนที่ 40 งานกาชาด

29/05/2023