Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
สัมผัสรักลวงใจ

สัมผัสรักลวงใจ

ลิลเอง

5.0
ความคิดเห็น
300
ชม
32
บท

เขา...พ่อเลี้ยงผู้แสนลึกลับ รูปลักษณ์หน้าตาไม่เคยปรากฏบนสื่อต่างๆ ทั้งที่กิตติศัพท์ทั้งทางบวกและลบเป็นที่เลื่องลือในแวดวงธุรกิจทั้งสีขาวและสีเทา เธอ...คือผู้ได้รับมอบหมายให้กระชากหน้ากาก และเผยแพร่ตัวตนของบุคคลลึกลับที่ผู้คนเรียกขาน 'พ่อเลี้ยง' โดยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า เป้าหมายที่เธอกำลังพุ่งเขาหาจะนำพาย้อนคืนอดีตในวัยเยาว์ <> สองเมตรครึ่ง... สองเมตร เมตรครึ่ง...หนึ่ง สอง....สาม! สิ้นเสียงนับคำนวณระยะในใจ นักข่าวสาวหัวเห็ด ก็กระโดดออกจากมุมที่หลบอยู่ พุ่งปราดเข้าหาร่างสูงๆ ของคนเดินกลาง มือถือเทปยื่นนำไปก่อน ตามด้วยคำแนะนำตัวและคำถามติดๆ กัน “พ่อเลี้ยงคะ... ดิฉัน มนิลา นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ ‘ไทยรายสัปดาห์’ มีคำถามจะถามค่ะเกี่ยวกับโครงการนำเที่ยวทางเรือสำราญ ล่องแม่น้ำโขงที่พ่อเลี้ยง...โอ๊ย!” เสียงร้องดังเกิดจากการที่จู่ๆ เทปสัมภาษณ์ถูกกระชากไปจากมือนั่นเอง ไม่ใช่โดยคนที่หล่อนตั้งใจจะสัมภาษณ์ แต่จากองครักษ์หนึ่งในสี่ของเขา พอหันขวับ ก็เจอเข้ากับสีหน้ากระด้างของนายยักษ์ ที่เคยปะทะกันมาแล้วหนึ่งในสองเต็มตา ที่ยังไม่รู้ว่าระหว่างนายคนนี้ กับอีกคนที่คุมเชิงอยู่ คนไหนชื่อกร และคนไหนชื่อตรี “เชิญพ่อเลี้ยงขึ้นรถเถอะครับ ผมจะคุมคุณนักข่าวไว้ก่อน จะได้ไม่ตามตอแยพ่อเลี้ยงให้รำคาญ” พร้อมกับที่บอกเจ้านาย มือแข็งๆ ก็จับไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนไว้มั่น “ปล่อย...เธอเถอะ ตรี” เสียงห้าวมีกังวานทุ้มนุ่มพูดขึ้น อ้อ! นายยักษ์ที่จับไหล่หล่อนไว้ ชื่อตรี ตรีทำท่าลังเล หน้านิ่วคิ้วขมวดไปทีเดียวกับคำสั่งเรียบๆ ของเจ้านายหนุ่ม แต่ยังไม่ยอมละมือจากไหล่โปร่งบาง กระทั่งเสียงห้าวเริ่มจะฟังห้วน สำทับขึ้นอีก “บอกให้ปล่อย... คุณนักข่าวยังไงล่ะ ตรี ไม่ได้ยินหรือ?” เมื่อนายจะเอาอย่างนี้ ตรีก็ยอมละมือจากไหล่เล็กๆ อย่างอดไม่ได้ โดยนิสัยที่ชอบวางท่ายียวนกวนประสาทคน จึงแกล้งกระดิกนิ้วปัดฝุ่นที่มองไม่เห็นตรงหัวไหล่ทั้งสองข้าง ที่ถูกมือแข็งๆ จับมั่นเมื่อสักครู่ เกือบจะคิดว่าหูฝาด เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากคนตัวสูง เจ้าของดวงตาคมจัดๆ ที่ทำเอาหล่อนเกิดอาการประหลาด เมื่อเผลอสบเข้าอย่างจังครั้งแรก ทั้งนี้เพราะไม่คิดว่าในสถานการณ์เยี่ยงนี้ เขาจะยังมีอารมณ์ขัน แต่เสียงหัวเราะทุ้มๆ ก็ฟังว่าเจ้าตัวเกิดอารมณ์ขันขึ้นมาจริงๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงถามที่ฟัง...ถ้า จะใช้คำว่าอบอุ่น และเป็นกันเอ๊ง-กันเอง คงจะไม่เกินไป “อยากสัมภาษณ์ผมนักหรือ มนิลา” ความที่มัวแต่ตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าจะได้รับคำถามที่ก่อให้เกิดความหวังมากขึ้นว่า งานที่รับมอบหมายจะเรียบร้อย ทำให้ไม่ทันได้จับกระแสเสียงที่ค่อนข้างจะอ่อนโยนในยามปล่อยชื่อหล่อนพ้นริมฝีปากงามได้รูปที่ดูแข็งแรง “ค่ะ ดิฉันต้องการสัมภาษณ์คุณจริงๆ ค่ะ พ่อเลี้ยง และหวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธถ้าหากคุณแน่ใจว่าธุรกิจนำเที่ยว โครงการล่าสุดของคุณไม่มีอะไรแอบแฝง” บอกออกไปแล้วก็รออยู่ว่าจะมีคำตอบมากลับอย่างไร “ตกลงว่าอยากสัมภาษณ์ผม และต้องสัมภาษณ์ให้ได้” “ค่ะ และถ้าเป็นไปได้ ดิฉันก็อยากให้คุณ เอ้อ...พ่อเลี้ยง นัดวันเวลาและสถานที่มาเลยจะดีมาก คุณ...พ่อเลี้ยงยอมให้ดิฉันได้สัมภาษณ์เร็วเท่าไหร่ ดิฉันก็จะไปพ้นหูพ้นตาพ่อเลี้ยงเร็วเท่านั้น” “ก็ไม่แน่ บางทีผมอาจจะอยากเห็นใบหน้าคุณอีกนานๆ ก็ได้” “เอ๊ะ! ตกลงคุณจะเอายังไงแน่? จะยอมให้ดิฉันสัมภาษณ์ดีๆ หรือว่าต้องคอยตามสะกดรอยไปเรื่อยๆ ก็ว่ามา พูดจาวกวนอยู่ได้” บรรดาองครักษ์พิทักษ์นายที่ล้วนแต่ร่างใหญ่โต เกือบลืมตัวเผลอทำคอย่น เพราะแน่ใจว่า โดนวาจาลักษณะนี้เข้า พ่อเลี้ยงของพวกเขา ปรี๊ดแน่ เลยอ้าปากค้างไปตามๆ กัน เมื่อนายของพวกเขายังกลั้วหัวเราะน้อยๆ คล้ายๆ จะเอ็นดูคนตัวเล็กที่ขึ้นเสียงอย่างฉุนเฉียว “ใจร้อนจริง แล้วพูดจาท่าทางอย่างนี้ ไม่กลัวหรือว่าจากที่คิดอนุญาตให้สัมภาษณ์ได้ ผมอาจเปลี่ยนใจ” “หมาย...หมายความว่า คะ... คุณ เอ่อ... พ่อเลี้ยงยอมให้ดิฉันสัมภาษณ์?” “ครับ” “พูดแล้วไม่กลับคำนะ?” “ผมพูดคำไหนคำนั้น” “เมื่อไหร่ ที่ไหนคะ? อ้อ ถ้าจะกรุณา ดิฉันต้องขอถ่ายรูปประกอบคำสัมภาษณ์ด้วยนะคะ” “อย่างนี้เขาเรียกได้คืบจะเอาศอก” เสียงว่าขันๆ มาก่อนตอบคำถาม “พรุ่งนี้ สัก...สิบโมงครึ่ง คงไม่เช้าเกินไป รอที่ล็อบบี้โรงแรมที่คุณพัก ผมจะให้คนของผมเอารถไปรับ” “คุณ...พ่อเลี้ยงรู้ด้วยว่าฉันพักที่ไหน?” “ผมยังรู้อีกหลายอย่างที่... คุณอาจคิดไม่ถึง เป็นอันตกลงนะครับ พรุ่งนี้เจอกัน อ้อ คุณเรียกผมตามสบายเถอะ ไม่จำเป็นต้องเรียกพ่อเลี้ยงตามคนอื่นๆ ก็ได้ จะว่าไป ผมยังมีอีกหลายชื่อให้คุณเรียก ถ้าคุณสนใจวันหลังผมจะบอก” “บอกตอนนี้ไม่ได้หรือคะ ฉันจะยังไม่เปิดเทปบันทึกเสียงคุณก็ได้” “พรุ่งนี้ครับ” “สถานที่สัมภาษณ์ละคะ พอจะบอกได้มั้ยว่าที่ไหน” “คุณอยากรู้เรื่องเรือสำราญของผมไม่ใช่หรือ ผมก็จะพาคุณไปที่นั่นแหละ นั่งสัมภาษณ์กันบนเรือเลยให้ได้บรรยากาศ” ส้มหล่นทั้งเข่งขนาดนี้ ปฏิเสธก็โง่แล้ว!

บทที่ 1 ตอนที่1

“พี่นิล...ได้หยุดติดต่อกันตั้งสามวันไม่ใช่เหรอ วางโปรแกรมไว้หรือยัง จะไปนอนเกาพุงจิบไวน์รสเลิศที่ไหน?”

มนิลายิ้มแก้มตุ่ย ตอบไก่โต้ง หรือ โกรพ นักข่าวรุ่นน้องสองปี เต็มภาคเต็มภูมิ

“แล้ว! สมิหราน้อง สมิหรา”

“อะฮ๊า! จริงเรอะไอ้นิล? เอ็งจะลงไปเที่ยวทะเลใต้จริงๆ น่ะ? แหม... เอ็งนิ ซุ่มเงียบ ไม่ยักกะชวนกันมั่งเลย”

“อย่างกะว่าถ้าชวน พี่แมวจะไปได้งั้นแหละ แล้วถึงจะว่าง ไปได้ ก็โฮ๊ย... ไม่อยากบรรยาย ไหนจะขนลูกเมีย ไปจนถึงพ่อตาแม่ยาย เรียกว่ากว่าจะยุรยาตรออกเดินทางได้ ก็แทบจะหมดวันพักไปหนึ่งวันแล้ว อย่างนี้ใคร๊... ใคร... จะอยากไปไหนด้วย นิลนะ เจอเข้าครี้งเดี๊ยว เข็ดจนตาย!”

“เอ้า! ไอ้ปากมอมมนี่ เอาพี่เชื้อมาขายแล้วมั้ยล่ะ แต่เอ็งจะให้ข้าทำไงวะ ก็ข้ามันคนรักครอบครัวนี่หว่า”

“รักครอบครัว หรือเพราะเงินทุกบาทเมียเก็บหมดแน่ฮึ พี่แมว ขืนไม่ไปกันทั้งครอบครัว ลูกเมีย แอนด์พ่อตา แม่ยาย... เก๊าะอดไปเท่านั้น”

“แหม แหม เอ็งนะ ยิ่งว่ามันยิ่งขยาย หน้าแหลมๆ ของข้าจะไม่มีเหลือแล้วรู้มั้ย เพราะเอ็ง เอ็งคนเดียว ไอ้ปากโทรโข่ง!”

คนถูกว่า ทำหน้าเป็น แถมทำปากบิด ยืดอก แบะไหล่ วางมาดโก๋เต็มที่ แต่แล้วก็หัวเราะกั๊กๆ พูดทั้งๆ หัวเราะ

“ดูพี่แมวทำหน้าเข้าสิ เหมือนกวนอูตอนกำลังโกรธไม่มีผิด”

แมว หรือ ปรีชาทำท่าแยกเขี้ยวเข้าใส่ ... ก็ทำได้แค่นั้นแหละเขาน่ะ ขืนทำอะไรมันสิ ไอ้นิลคงยอมละ

ตัวมันก็เท่าเนียะ แต่ใจมันน่ะ... ยิ่งกว่านักเลงที่ว่าขาใหญ่ ขาโจ๋... เขาไม่เคยเห็นมันเกรงกลัวใคร แม้แต่ผู้ทรงอิทธิพล ที่มัยคอยตามจิก ตามไล่ เพื่อเปิดโปงเบื้องหน้าเบื้องหลังเบื้องลึกเบื้องตื้น ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่เคยยั่นยำเกรงหน้าไหนทั้งนั้น

มันเป็นข่าวหญิงคนเดียวของสำนักนี้ ที่พร้อมจะลุยในทุกสถานการณ์ ลงว่ามันตั้งใจตามข่าวไหนเป็นกัดไม่ยอมปล่อย จนกว่าจะได้ความจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน

“น่า... พี่แมวน่า”

มันทำเสียงปลอบเขา ราวกับว่าเขาเป็นน้องชายตัวเล็กๆ ของมัน แทนที่จะเป็นรุ่นพี่แก่กว่ามันตั้งหลายๆ ปี แถมตัวโตกว่ามันเท่าตัว

“ถึงนิลไม่ชวน เพราะรู้ว่าชวน พี่แมวก็ไปไม่ได้อยู่ดี นิลก็ไม่ลืมหรอกว่าพี่แมวชอบของฝากอะไรจากทางใต้”

“พี่แมวเขาชอบของฝากอะไรจากทางใต้เรอะ ไอ้นิล?”

ชนวิทย์นักข่าวหนุ่มรุ่นราวคราวกันถามขึ้น

“พี่แมวชอบของฝากอะไรจากทางใต้เหรอ... ใบกระท่อมไงล่ะ ช่วยให้ตาสว่างดีนักแลเวลาอดตาหลับขับตานอนเพราะต้องคอยซุ่มทำข่าวทั้งวันทั้งคืน”

“พอๆ พอเลยเอ็ง ยิ่งพูดข้าก็ยิ่งไม่เหลือดีชวนให้น้องๆ รักเคารพ เอ็งนี่น๊า...ไอ้นิล มันสมจริงๆ กับที่เฮียเรียกไอ้ปากมอม”

“เอ้า เอ้า อย่าหลอกด่ากันเด้ แน่จริงมาวางมวยกันเลยดีกว่ามะ วัดกำลังกันสักตั้งเอามั้ย”

“ธุระ!” ปรีชาส่ายหน้าดิก “ขืนสู้กับเอ็งแล้วข้าชนะ คนเขาก็คงจะหาว่าข้ารังแกผู้หญิง เพศอ่อนแอกว่า แล้วเกิดแพ้ ก็เสียหน้าข้าอีก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ที่สู้ผู้หญิงตัวกะเปี๊ยกไม่ได้ สรุปว่าข้าเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง แล้วเอ็งน่ะ อย่าทำเก่งนักเลยว๊า รู้ละ ว่าตั้งแต่เกิดเหตุไอ้สมุนเจ้าพ่อบ่อนตามรังควานเอ็งคราวนั้น เฮียเขาก็ให้เอ็งไปฝึกวิทยายุทธ์ป้องกันตัว จะได้ช่วยตัวเองได้ในยามคับขัน แต่มันเรื่องอะไรเอ็งถึงจะนำมาใช้พร่ำเพื่อ หา! ไอ้จอมซ่า?”

“เขาเรียกว่าซ้อมสีมือ อะไร้ แค่นี้ ไม่รู้”

“เออ เออ ข้าขอยอมแพ้เอ็ง โดยเฉพาะฝีปากเถียงคำไม่ตกฟาก แล้วเรื่องซ้อมสีมืออะไรของเอ็งนั่น ก็ไปท้าชกคนอื่นเถอะไป๊ ข้ายอมซูฮก”

เสียงหัวเราะกิ๊กๆ อย่างชอบอกชอบใจดังขึ้น ที่ตนกลายเป็นที่ยอมรับว่าเหนือทุกคนในกองข่าว เพราะคนอื่นๆ ก็ออกคร้ามในเชิงการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดของ ‘ไอ้นิลศิษย์เฮียตือ’ ที่มีกลยุทธ์วิธีการต่อสู้ทั้งตามแบบแผน คือ ชก ต่อย เตะ ออกหมัดยัดศอก และนอกแบบ คือกัด ข่วน หยิก ทึ้ง ... มาสู้แบบไว้ลายหญิงไทยย้อนยุคไปถึงเมื่อครั้งยังทำศึกกับพม่า

“เฮ้ย! ไอ้นิล มานี่หน่อยซิเอ็ง”

เสียง‘เฮียตือ’ อันย่อมาจาก ‘ตือโป๊ยก่าย’ แทน ... ‘อา น้า พี่ ลุง ปู่ป๋อง’ หรือ ‘ท่านปฏิยุทธ์’ เนื่องจากเขามีส่วนสูงเพียงร้อยห้าสิบเจ็ดเซนติเมตร แต่กลับมีน้ำหนักถึงเก้าสิบกิโลกรัม เรียกมาจากห้องบรรณาธิการบริการ ผ่านเครื่องอินเตอร์คอม

“มีอะไรเฮีย พูดมาเลย”

คนถูกเรียกทำโยกไปงั้นเอง เพราะชอบฟังเสียงแว้ดๆ ของเจ้านายผู้มีพระคุณ

“บ๊ะ! เอ็งนี่ ใครมันเป็นลูกพี่ ลูกน้อง กันแน่วะ”

“ก็เฮียนะสิ ลูกพี่ อาไร๊... ควงอีหนูเลือดรัซเซียนจากชายแดนจีน ขึ้นคอนโดแค่คืนเดี๊ยะ จำสถานะตัวเองไม่ได้ซะละ”

“ไอ้นิล!”

เสียง บก.บห. ยิ่งกว่าดังลั่นเลยทีนี้

“หยุดเลยนะเอ็ง หยุดเผาข้าเดี๋ยวนี้เลย เอ็งนี่... ข้าให้เอ็งไปตามสัมภาษณ์เรื่องเจ้าแม่วงการบันเทิงไทย เพื่อมาทำสกู๊ปนะโว๊ย ไม่ใช่ตามสะกดรอยข้าควงอีหนูขึ้นคอนโด่ เอ๊ย! คอนโด”

“ฮิๆ ๆ ๆ ฟามบังเอิญน่ะ ฟามบังเอิญ นิลไม่ได้ตั้งใจจะตามตูด เอ๊ย! ตามสะกดรอยเจ้านายหรอก เป็นความสัตย์ จริงจริ๊ง.... ถ้าโกหก ขอให้... นิลถูกหวยงวดนี้ละกัน โดนกินเรียบมาหลายงวดแล้ว”

“แหม...เอ็งนิ ไอ้นิล ข้าไม่รู้ว่าจะด่าเอ็งยังไงแล้ว”

“คิดคำด่าไม่ออกก็สรรเสริญแทนละกันเฮีย เอ้า ... จะไปเดี๋ยวนี้แหละ คิดคำด่ารอไปพลางๆ ละกัน”

ปฏิยุทธ์ หรือ ‘เฮียตือ’ ของลูกน้อง มองร่างเพรียวบางเป็นแม่ใบตองปลิว เดินปราดเปรียวเข้าประตู แล้วบอกตัวเองว่า บางทีก็อยากจะเกลียดปากมันนัก นังคนนี้ แต่ก็เกลียดมันไม่ลง และถ้าไม่มีมันซะคน ชีวิตเขาก็คงจะขาดสีสันไปทีเดียว

พูดถึงผลงาน ฝีมือ ‘ตามข่าว’ ของมัน ไม่มีชิ้นไหน ที่จะไม่ใช่ข่าวเด็ด ข่าวดุ ถูกใจคนอ่าน

เขารู้ว่ามืออาชีพอย่างมัน จะโบยบินไปทำงานให้หนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ เมื่อไหร่ก็ได้ แต่มันก็ยังอยู่กับเขา ด้วยเหตุผลที่... นึกขึ้นมาคราใด ต่อให้โกรธแสนโกรธมันสักแค่ไหน ความโกรธก็จะมลายไปทันที

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ ลิลเอง

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ