เล่ห์รักไฟสวาท

เล่ห์รักไฟสวาท

อัญญาณี

5.0
ความคิดเห็น
65.3K
ชม
49
บท

“อ้าปากซิ” เขาพูดเสียงเบา ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ทำให้สาวเจ้าตกใจเล็กน้อย ผงะศีรษะออกห่างใบหน้าคม หากแต่มือใหญ่ที่จับที่ท้ายทอยรั้งให้กลับคืนมาตำแหน่งเดิม ความใกล้ชิดที่แนบสนิทเรียกความเขินอายให้กับเธอได้อย่างไม่ยาก “อ้าปากซิ” เขาสั่งอีกรอบ หญิงสาวทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย ในใจมีแต่คำถามว่าให้เธออ้าปากทำไม คิมหันต์ยิ้มก่อนจะเฉลยคำถามที่ค้างคาใจของปิ่นปัก ดวงตาสวยงามเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาชิดใกล้ ก่อนที่จะทาบทับกลีบปากแสนนุ่มของเธอ ความตกใจเปลี่ยนเป็นความพิศวงงงงวย เมื่อปลายลิ้นหนาที่แทรกซอนเข้ามาในโพรงปากอิ่ม กำลังพันเกี่ยวแลกรัดลิ้นนุ่มอย่างกระหาย หัวใจสาวเต้นระทึกหวามไหวในอก ความรู้สึกนี้เหมือนกับว่าเธอเคยได้รับมาก่อน อ้อมกอดนี้เหมือนกับว่าเธอเคยได้อิงซบไออุ่น มันก็คงใช่เมื่อคืนที่เขาอาจจะจูบเธอกอดเธอแบบนี้ หัวใจของคนที่จูบเต้นแรงไม่แพ้ผู้หญิงที่เขากอดรัด จูบแรกที่เขาสัมผัสเมื่อคืนว่าหวานแล้ว จูบเธอในวันนี้ยิ่งหอมกว่า หวานกว่า ละมุนลิ้นยิ่งกว่า ทุกความรู้สึกเพิ่มทบทวี เขานึกหวงริมฝีปากของคนที่เขาบอกว่าเกลียดขึ้นมา ไม่อยากให้ชายใดครอบครอง ได้สัมผัสลิ้มรสความหวานหอม จากเรียวปากบางนี้เหมือนเขา

บทที่ 1 1

1

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย กรี๊ดดด” นิสากรสาวน้อยวัยเพียงสิบเก้าปีทั้งดิ้นทั้งร้องเพื่อนำพาตัวเองให้หลุดจากเงื้อมมือของรังสีน้องชายของแม่เลี้ยงสาว ที่เข้ามาปลุกปล้ำเธอถึงในห้องนอน

“คุณหนูนิคนสวยของพี่ ไม่ต้องร้องนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะพาไปขึ้นสวรรค์” รังสีเปล่งประกายความปรารถนาออกมาทางแววตา และน้ำเสียงที่แหบพร่า ทำให้สาวน้อยไร้เดียงสาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ถึงจะกลัวมากแค่ไหนแต่หญิงสาวสาบานว่าจะไม่มีวันตกเป็นของรังสี มือน้อยๆ ป่ายปัดไปตามที่นอน จนกระทั่งสะดุดอะไรบางอย่าง

“โอ๊ย! มึง” รังสีเพราะมัวแต่ซุกไซ้ที่ซอกคอหญิงสาวอยู่ ไม่ทันระวังตัวว่าภัยกำลังมา จึงร้องเสียงหลงเมื่อถูกปิ่นปักผมของนิสากรแทงลงไปที่ท้ายทอย สาวน้อยดึงปิ่นออกมาพร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูด เลือดชั่วไหลหลั่ง

นิสากรตัวสั่นงันงก นั่งมองภาพของรังสีที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด มันยันตัวลุกขึ้น ใช้มือข้างขวาจับที่ท้ายทอย เลือดยังไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างเล็กนั่งคุดคู้ชันเข่ามองรังสีค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นอย่างทำอะไรไม่ถูก เสียงฝีเท้าของนมแม้นศรีวิ่งเข้ามาห้องนอนของเธอเป็นคนแรก

“ว้าย! ตาเถร...คุณหนูนิของนม มันทำอะไรคุณหนูนิหรือเปล่าคะ” แม้นศรีสำรวจร่างกายของนิสากร เจ้านายสาวที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด รักและเทิดทูนเป็นอย่างมาก

“หนูนิกลัว นมแม้นหนูนิกลัว พี่รังสีจะปล้ำหนูนิ ฮือ” นิสากรกอดร่างของแม้นศรีเอาไว้แน่น ที่พึ่งพิงคนสุดท้ายที่เธอมีอยู่ เพราะในโลกนี้คนที่เธอรู้จัก คนที่รักเธอและคนที่เธอรัก ได้จากนิสากรไปหมดแล้ว แม้นศรีมองร่างของรังสีที่นั่งกุมท้ายทอยด้วยความแค้นเคือง เห็นทีคุณหนูของนางจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คนที่นี่ใจร้ายและโหดเหี้ยมเกินกว่าที่นิสากรจะรับมือได้ จังหวะที่นิสากรหวาดกลัว และแม้นศรีกำลังคิดอะไรบางอย่าง รังสีที่เริ่มมีแรงฮึดจากแรงแค้น ลุกขึ้นยืนก้าวเดินมาที่เตียง

ร่างของแม้นศรีถูกผลักลงไปนั่งจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น ลุกแทบไม่ขึ้นเนื่องจากร่างกายและวัยเสื่อมถอยลงทุกวัน รังสีปราดเข้าไปคร่อมร่างของนิสากร มือของมันทั้งสองข้างกำรอบลำคอนิสากร บีบเท่าที่แรงของมันจะมี หญิงสาวใต้ร่างเริ่มหายใจไม่ออก ร่างกายดิ้นทุรนทุราย พยายามหาทางให้ตัวเองหลุดพ้น อาวุธที่อยู่ในมือยังคงกำไว้แน่น คือหนทางของอิสรภาพ

“อ๊าก!” ปิ่นปักผมที่ทำจากเหล็กมีความยาวประมาณยี่สิบเซนติเมตร ทิ่มแทงลงไปตามสีข้าง แผ่นหลังของรังสีไม่ยั้ง เลือดของมันไหลกระเซ็นมาโดนเสื้อผ้าของเธอ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของรังสีเบาลง เบาลง

“พอคุณหนู พอค่ะ” แม้นศรีที่พยุงร่างลุกขึ้น รีบก้าวขึ้นมาบนเตียงคว้ามือน้อยๆ ที่กระหน่ำแทงเข้าไปในร่างกายของรังสีอย่างไม่ยอมหยุด ก่อนจะผลักร่างของรังสีที่แน่นิ่งให้ลงไปจากร่างของ นิสากร กอดร่างที่สั่นเทา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เข้ามากอดอย่างปลอบโยน

“ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่ต้องกลัว”

“หนูนิกลัว หนูนิกลัว พี่รังสีจะตายหรือเปล่าคะ” หญิงสาวพูดอย่างเสียขวัญ ร้องไห้ออกมาไม่ขาดสาย เธอไม่มีเจตนาจะทำร้ายรังสีให้ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ป้องกันตัวเองเท่านั้น นิสากรเหลือบมองร่างที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือด ด้วยความอกสั่นขวัญแขวน

“หนีคะคุณหนู หนีค่ะ” นางตัดสินใจพูด แม้รู้ว่ารังสียังไม่ตาย เนื่องจากแผ่นอกที่กระเพื่อมตามแรงลมหายใจของมันยังทำหน้าที่อยู่

“หนี หนีไปไหนคะ หนูนิไม่รู้จักใคร ไม่รู้จะไปที่ไหน”

“ไปตามที่อยู่ที่นมเขียนไว้นี่นะคะ ไปหาน้องสาวของนม เค้าจะช่วยคุณหนูนะคะ” แม้นศรีเขียนชื่อที่อยู่ลงบนกระดาษที่วางอยู่หัวเตียง ก่อนจะยื่นให้หญิงสาวที่เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ

“เชียงราย ” นิสากรอุทานเมื่อเห็นว่า สถานที่ไปอยู่ในจังหวัดใด ซึ่งมันไกลเหลือเกินสำหรับเธอ

“เร็วค่ะคุณหนูไม่มีเวลาแล้ว เดี๋ยวนมจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้ ส่วนคุณหนูเก็บของมีค่าให้มากที่สุดนะคะ” แม้นศรีสั่ง ก้าวลงจากเตียงไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเดินทางออกมา ยัดเสื้อผ้าที่รวบไว้ อัดเข้าไปในกระเป๋าอย่างรีบเร่ง นิสากรลุกขึ้นไปที่ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบแหวนประจำตระกูลที่บิดามอบให้ไว้ก่อนเสียชีวิต สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เนื่องจากนิ้วของเธอนั้นเล็กกว่าขนาดของแหวนมากนัก เงินสดมีติดตัวประมาณสองพัน เครื่องประดับทองคำเส้นเล็กพร้อมสร้อยข้อมือทองคำอีกเส้น นั่นคือสมบัติที่หม่อมหลวงนิสากร ดิเรกพัฒน์ มีติดกายไปในการเดินทางครั้งนี้

“นมจ๋า พี่รังสีจะตายมั้ยคะ” นิสากรถามอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ร้อนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ตวัดสายตามองร่างของรังสีที่ยังคงนอนแน่นิ่งที่เตียง นิสากรไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร

“ไม่ต้องห่วงอะไรนะคะคุณหนู ถ้าไปจากที่นี่ได้ไม่ต้องกลับมาอีก และที่สำคัญอย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าคุณหนูคือหม่อมหลวงนิสากร ดิเรกพัฒน์ อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดนะคะ” นางย้ำแล้วย้ำอีกในประโยคท้าย ดันร่างของเจ้านายสาวออกไปจากห้องนอน กึ่งลากกึ่งจูงลงไปที่ชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ ไม่สนใจร่างของสาวใช้อีกประมาณสามสี่คนที่เดินมาถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดหยุดการเคลื่อนไหว เมื่อเสียงกรีดร้องของใครบางคน ดังลั่นสนั่นบ้าน

“ไปคุณหนูหนีเร็ว ไปค่ะ” แม้นศรีจับจูงร่างน้อยของนิสากรวิ่งออกไปด้านนอกของตัวบ้าน

“คุณหนูหนีไปค่ะ หนีไป เร็วค่ะ” แม้นศรีเร่ง เมื่อพาหญิงสาวออกมาจากนอกอาณาเขตของบ้านดิเรกพัฒน์สำเร็จ นิสากรห่วงหน้าพะวงหลัง ใจหนึ่งอยากหนี อีกใจหนึ่งเป็นห่วงแม้นศรี

“แล้วนมล่ะคะ นมไปกับหนูนินะคะ”

“ไม่ค่ะ นมหนีไม่ได้เพราะถ้าหากไอ้รังสีตาย นมจะยอมรับผิดเอง คุณหนูหนีไปนะคะ อย่าลืมที่นมสั่ง อย่าลืมที่นมบอกนะคะ อย่าลืม” แม้นศรีเร่งสาวน้อย พร้อมกับกำชับเสียงหนัก

“นมจ๋า นม” หญิงสาวยังละความเป็นห่วงที่มีอย่างล้นเหลือกับแม้นศรีไม่ได้

“หนีค่ะ หนี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณหนูห้ามกลับมาที่นี่อีก ห้ามกลับมานะคะ” แม้นศรีโบกรถแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาพอดี เปิดประตูทางด้านหลัง พร้อมกับดันร่างเล็กให้เข้าไปในตัวรถ ปิดประตูทันที

รถแท็กซี่เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านดิเรกพัฒน์ นิสากรมองร่างของแม้นศรีกับบ้านที่ตัวเองอาศัยมาตั้งแต่เกิดอย่างอาลัยอาวรณ์ ต่อจากนี้เธอคงไม่มีวันได้เห็นแม้นศรี ได้เห็นบ้านหลังนี้ และคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว น้ำตาไหลพรากเมื่อนึกถึงข้อนี้

“คุณพ่อ คุณแม่ นม” หญิงสาวพึมพำด้วยความเสียใจ รถเลี้ยวออกไปตามถนนใหญ่ ภาพของแม้นศรีที่เธอเห็นเป็นครั้งสุดท้ายนั้น คือภาพที่นางโบกมือให้กับเธอ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัญญาณี

ข้อมูลเพิ่มเติม
สวาทรัก อสูรร้าย

สวาทรัก อสูรร้าย

มหาเศรษฐี

5.0

"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน

ชิงรัก

ชิงรัก

มหาเศรษฐี

5.0

ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน

ลิขิตรักพญามาร

ลิขิตรักพญามาร

มหาเศรษฐี

5.0

“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

มหาเศรษฐี

5.0

จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ตำนานตาม่วง

ตำนานตาม่วง

Wald Bridges
5.0

"เธอคือผู้ฝึกสัตว์ร้ายที่มีดวงตาสีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ในศตวรรษที่ 24 เมื่อเธอเกิดใหม่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ดวงตาของเธอถูกขุดออก การฝึกฝนของเธอถูกทำลาย ตัวตนของเธอถูกพรากไป และลูกชายของเธอถูกไอ้สารเลวและผู้หญิงใจร้ายแย่งชิงไป! จะทนกับสิ่งนี้ได้อย่างไร! จากนั้นเธอใช้ชีวิตกับลูกสาว ปราบสัตว์ร้ายทั้งหมดด้วยดวงตาสีม่วงของเธอ จัดการทุกคนที่หาเรื่องพวกเขา และในที่สุดก็พบกับราชาเทพชั่วร้ายที่พาลูกชายของเธอไปจนได้ ลูกตัวน้อย ""แม่ มีผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าตราบใดที่หนูเรียกเขาว่าพ่อ เขาจะมอบภูเขาทองคำให้หนู"" ผู้หญิง ""ถามเขาหน่อยว่าเขามีอีกไหม ฉันสามารถเรียกเขาว่าพ่อได้ด้วยนะ"" ราชาเทพกัดฟัน ""สาวน้อย ลูกทั้งสองเป็นของฉัน และตัวเธอก็เป็นของฉันด้วย"""

แม่ทูนหัวโคตรเลิศ

แม่ทูนหัวโคตรเลิศ

Isolde Marsh
5.0

ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”

รักร้ายจอมทระนง

รักร้ายจอมทระนง

มาชาวีร์
5.0

“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ