เล่ห์รักไฟสวาท

เล่ห์รักไฟสวาท

อัญญาณี

5.0
ความคิดเห็น
65.3K
ชม
49
บท

“อ้าปากซิ” เขาพูดเสียงเบา ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ทำให้สาวเจ้าตกใจเล็กน้อย ผงะศีรษะออกห่างใบหน้าคม หากแต่มือใหญ่ที่จับที่ท้ายทอยรั้งให้กลับคืนมาตำแหน่งเดิม ความใกล้ชิดที่แนบสนิทเรียกความเขินอายให้กับเธอได้อย่างไม่ยาก “อ้าปากซิ” เขาสั่งอีกรอบ หญิงสาวทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย ในใจมีแต่คำถามว่าให้เธออ้าปากทำไม คิมหันต์ยิ้มก่อนจะเฉลยคำถามที่ค้างคาใจของปิ่นปัก ดวงตาสวยงามเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาชิดใกล้ ก่อนที่จะทาบทับกลีบปากแสนนุ่มของเธอ ความตกใจเปลี่ยนเป็นความพิศวงงงงวย เมื่อปลายลิ้นหนาที่แทรกซอนเข้ามาในโพรงปากอิ่ม กำลังพันเกี่ยวแลกรัดลิ้นนุ่มอย่างกระหาย หัวใจสาวเต้นระทึกหวามไหวในอก ความรู้สึกนี้เหมือนกับว่าเธอเคยได้รับมาก่อน อ้อมกอดนี้เหมือนกับว่าเธอเคยได้อิงซบไออุ่น มันก็คงใช่เมื่อคืนที่เขาอาจจะจูบเธอกอดเธอแบบนี้ หัวใจของคนที่จูบเต้นแรงไม่แพ้ผู้หญิงที่เขากอดรัด จูบแรกที่เขาสัมผัสเมื่อคืนว่าหวานแล้ว จูบเธอในวันนี้ยิ่งหอมกว่า หวานกว่า ละมุนลิ้นยิ่งกว่า ทุกความรู้สึกเพิ่มทบทวี เขานึกหวงริมฝีปากของคนที่เขาบอกว่าเกลียดขึ้นมา ไม่อยากให้ชายใดครอบครอง ได้สัมผัสลิ้มรสความหวานหอม จากเรียวปากบางนี้เหมือนเขา

บทที่ 1 1

1

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย กรี๊ดดด” นิสากรสาวน้อยวัยเพียงสิบเก้าปีทั้งดิ้นทั้งร้องเพื่อนำพาตัวเองให้หลุดจากเงื้อมมือของรังสีน้องชายของแม่เลี้ยงสาว ที่เข้ามาปลุกปล้ำเธอถึงในห้องนอน

“คุณหนูนิคนสวยของพี่ ไม่ต้องร้องนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะพาไปขึ้นสวรรค์” รังสีเปล่งประกายความปรารถนาออกมาทางแววตา และน้ำเสียงที่แหบพร่า ทำให้สาวน้อยไร้เดียงสาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ถึงจะกลัวมากแค่ไหนแต่หญิงสาวสาบานว่าจะไม่มีวันตกเป็นของรังสี มือน้อยๆ ป่ายปัดไปตามที่นอน จนกระทั่งสะดุดอะไรบางอย่าง

“โอ๊ย! มึง” รังสีเพราะมัวแต่ซุกไซ้ที่ซอกคอหญิงสาวอยู่ ไม่ทันระวังตัวว่าภัยกำลังมา จึงร้องเสียงหลงเมื่อถูกปิ่นปักผมของนิสากรแทงลงไปที่ท้ายทอย สาวน้อยดึงปิ่นออกมาพร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูด เลือดชั่วไหลหลั่ง

นิสากรตัวสั่นงันงก นั่งมองภาพของรังสีที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด มันยันตัวลุกขึ้น ใช้มือข้างขวาจับที่ท้ายทอย เลือดยังไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างเล็กนั่งคุดคู้ชันเข่ามองรังสีค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นอย่างทำอะไรไม่ถูก เสียงฝีเท้าของนมแม้นศรีวิ่งเข้ามาห้องนอนของเธอเป็นคนแรก

“ว้าย! ตาเถร...คุณหนูนิของนม มันทำอะไรคุณหนูนิหรือเปล่าคะ” แม้นศรีสำรวจร่างกายของนิสากร เจ้านายสาวที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด รักและเทิดทูนเป็นอย่างมาก

“หนูนิกลัว นมแม้นหนูนิกลัว พี่รังสีจะปล้ำหนูนิ ฮือ” นิสากรกอดร่างของแม้นศรีเอาไว้แน่น ที่พึ่งพิงคนสุดท้ายที่เธอมีอยู่ เพราะในโลกนี้คนที่เธอรู้จัก คนที่รักเธอและคนที่เธอรัก ได้จากนิสากรไปหมดแล้ว แม้นศรีมองร่างของรังสีที่นั่งกุมท้ายทอยด้วยความแค้นเคือง เห็นทีคุณหนูของนางจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คนที่นี่ใจร้ายและโหดเหี้ยมเกินกว่าที่นิสากรจะรับมือได้ จังหวะที่นิสากรหวาดกลัว และแม้นศรีกำลังคิดอะไรบางอย่าง รังสีที่เริ่มมีแรงฮึดจากแรงแค้น ลุกขึ้นยืนก้าวเดินมาที่เตียง

ร่างของแม้นศรีถูกผลักลงไปนั่งจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น ลุกแทบไม่ขึ้นเนื่องจากร่างกายและวัยเสื่อมถอยลงทุกวัน รังสีปราดเข้าไปคร่อมร่างของนิสากร มือของมันทั้งสองข้างกำรอบลำคอนิสากร บีบเท่าที่แรงของมันจะมี หญิงสาวใต้ร่างเริ่มหายใจไม่ออก ร่างกายดิ้นทุรนทุราย พยายามหาทางให้ตัวเองหลุดพ้น อาวุธที่อยู่ในมือยังคงกำไว้แน่น คือหนทางของอิสรภาพ

“อ๊าก!” ปิ่นปักผมที่ทำจากเหล็กมีความยาวประมาณยี่สิบเซนติเมตร ทิ่มแทงลงไปตามสีข้าง แผ่นหลังของรังสีไม่ยั้ง เลือดของมันไหลกระเซ็นมาโดนเสื้อผ้าของเธอ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของรังสีเบาลง เบาลง

“พอคุณหนู พอค่ะ” แม้นศรีที่พยุงร่างลุกขึ้น รีบก้าวขึ้นมาบนเตียงคว้ามือน้อยๆ ที่กระหน่ำแทงเข้าไปในร่างกายของรังสีอย่างไม่ยอมหยุด ก่อนจะผลักร่างของรังสีที่แน่นิ่งให้ลงไปจากร่างของ นิสากร กอดร่างที่สั่นเทา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เข้ามากอดอย่างปลอบโยน

“ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่ต้องกลัว”

“หนูนิกลัว หนูนิกลัว พี่รังสีจะตายหรือเปล่าคะ” หญิงสาวพูดอย่างเสียขวัญ ร้องไห้ออกมาไม่ขาดสาย เธอไม่มีเจตนาจะทำร้ายรังสีให้ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ป้องกันตัวเองเท่านั้น นิสากรเหลือบมองร่างที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือด ด้วยความอกสั่นขวัญแขวน

“หนีคะคุณหนู หนีค่ะ” นางตัดสินใจพูด แม้รู้ว่ารังสียังไม่ตาย เนื่องจากแผ่นอกที่กระเพื่อมตามแรงลมหายใจของมันยังทำหน้าที่อยู่

“หนี หนีไปไหนคะ หนูนิไม่รู้จักใคร ไม่รู้จะไปที่ไหน”

“ไปตามที่อยู่ที่นมเขียนไว้นี่นะคะ ไปหาน้องสาวของนม เค้าจะช่วยคุณหนูนะคะ” แม้นศรีเขียนชื่อที่อยู่ลงบนกระดาษที่วางอยู่หัวเตียง ก่อนจะยื่นให้หญิงสาวที่เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ

“เชียงราย ” นิสากรอุทานเมื่อเห็นว่า สถานที่ไปอยู่ในจังหวัดใด ซึ่งมันไกลเหลือเกินสำหรับเธอ

“เร็วค่ะคุณหนูไม่มีเวลาแล้ว เดี๋ยวนมจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้ ส่วนคุณหนูเก็บของมีค่าให้มากที่สุดนะคะ” แม้นศรีสั่ง ก้าวลงจากเตียงไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเดินทางออกมา ยัดเสื้อผ้าที่รวบไว้ อัดเข้าไปในกระเป๋าอย่างรีบเร่ง นิสากรลุกขึ้นไปที่ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบแหวนประจำตระกูลที่บิดามอบให้ไว้ก่อนเสียชีวิต สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เนื่องจากนิ้วของเธอนั้นเล็กกว่าขนาดของแหวนมากนัก เงินสดมีติดตัวประมาณสองพัน เครื่องประดับทองคำเส้นเล็กพร้อมสร้อยข้อมือทองคำอีกเส้น นั่นคือสมบัติที่หม่อมหลวงนิสากร ดิเรกพัฒน์ มีติดกายไปในการเดินทางครั้งนี้

“นมจ๋า พี่รังสีจะตายมั้ยคะ” นิสากรถามอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ร้อนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ตวัดสายตามองร่างของรังสีที่ยังคงนอนแน่นิ่งที่เตียง นิสากรไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร

“ไม่ต้องห่วงอะไรนะคะคุณหนู ถ้าไปจากที่นี่ได้ไม่ต้องกลับมาอีก และที่สำคัญอย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าคุณหนูคือหม่อมหลวงนิสากร ดิเรกพัฒน์ อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดนะคะ” นางย้ำแล้วย้ำอีกในประโยคท้าย ดันร่างของเจ้านายสาวออกไปจากห้องนอน กึ่งลากกึ่งจูงลงไปที่ชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ ไม่สนใจร่างของสาวใช้อีกประมาณสามสี่คนที่เดินมาถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดหยุดการเคลื่อนไหว เมื่อเสียงกรีดร้องของใครบางคน ดังลั่นสนั่นบ้าน

“ไปคุณหนูหนีเร็ว ไปค่ะ” แม้นศรีจับจูงร่างน้อยของนิสากรวิ่งออกไปด้านนอกของตัวบ้าน

“คุณหนูหนีไปค่ะ หนีไป เร็วค่ะ” แม้นศรีเร่ง เมื่อพาหญิงสาวออกมาจากนอกอาณาเขตของบ้านดิเรกพัฒน์สำเร็จ นิสากรห่วงหน้าพะวงหลัง ใจหนึ่งอยากหนี อีกใจหนึ่งเป็นห่วงแม้นศรี

“แล้วนมล่ะคะ นมไปกับหนูนินะคะ”

“ไม่ค่ะ นมหนีไม่ได้เพราะถ้าหากไอ้รังสีตาย นมจะยอมรับผิดเอง คุณหนูหนีไปนะคะ อย่าลืมที่นมสั่ง อย่าลืมที่นมบอกนะคะ อย่าลืม” แม้นศรีเร่งสาวน้อย พร้อมกับกำชับเสียงหนัก

“นมจ๋า นม” หญิงสาวยังละความเป็นห่วงที่มีอย่างล้นเหลือกับแม้นศรีไม่ได้

“หนีค่ะ หนี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณหนูห้ามกลับมาที่นี่อีก ห้ามกลับมานะคะ” แม้นศรีโบกรถแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาพอดี เปิดประตูทางด้านหลัง พร้อมกับดันร่างเล็กให้เข้าไปในตัวรถ ปิดประตูทันที

รถแท็กซี่เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านดิเรกพัฒน์ นิสากรมองร่างของแม้นศรีกับบ้านที่ตัวเองอาศัยมาตั้งแต่เกิดอย่างอาลัยอาวรณ์ ต่อจากนี้เธอคงไม่มีวันได้เห็นแม้นศรี ได้เห็นบ้านหลังนี้ และคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว น้ำตาไหลพรากเมื่อนึกถึงข้อนี้

“คุณพ่อ คุณแม่ นม” หญิงสาวพึมพำด้วยความเสียใจ รถเลี้ยวออกไปตามถนนใหญ่ ภาพของแม้นศรีที่เธอเห็นเป็นครั้งสุดท้ายนั้น คือภาพที่นางโบกมือให้กับเธอ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัญญาณี

ข้อมูลเพิ่มเติม
โซ่รัก ใยพิศวาส

โซ่รัก ใยพิศวาส

มหาเศรษฐี

5.0

“ฉันท้อง” เพชรหอมกลั้นใจบอกชายตรงหน้า ชายหนุ่มที่หล่อนรักสุดหัวใจ ยอมมอบกายมอบใจให้ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน คนได้ยินเลิกคิ้วสูง สีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนเหยียดยิ้ม “แน่ใจเหรอว่าเป็นลูกฉัน” ราซิเอลโล่ตวัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะคว้าชุดคลุมที่พาดอยู่ปลายเตียงมาสวมทับเรือนกายเปล่าเปลือย “ฉันจำได้ว่า ฉันป้องกันทุกครั้งไม่มีพลาดแน่นอน” เจ็บ! “ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่คิดรับผิดชอบเธอนะ แต่ฉันมั่นใจว่า ฉันป้องกันตัวเองดีมาก ดูอย่างเมื่อคืนสิ ฉันเมาฉันยังใส่ถุงยางเลย ลูกในท้องเธอ ไม่ใช่ลูกฉัน...ฉันมั่นใจ” เพราะความมั่นใจของเขา ทำให้หล่อนแบกความเสียใจ ความทุกข์และลูกในท้องกลับเมืองไทย โดยที่ราซิเอลโล่ไม่รู้สักนิดว่า ความแน่นอนคือสิ่งไม่แน่นอน

พันธะเสน่หามาเฟีย

พันธะเสน่หามาเฟีย

มหาเศรษฐี

5.0

เพราะเตกิล่าสองแก้วในคืนนั้น ทำให้ชีวิตเรียบง่ายของดวงดาราเปลี่ยนไป หล่อนมีลูกแฝด โดยไม่รู้ว่า ใครคือพ่อของลูก “ก็ฉันอยากกอดเธอด้วยถามไปด้วยนี่” เขาไม่ปล่อย “แล้วก็อยากจูบเธอด้วย” ดวงดาราตกใจ อ้าปากค้าง ดวงตาขยายกว้าง ไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา หล่อนถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งให้เขากอด “ไม่...” เป็นเพียงคำเดียวที่ดวงดาราเอ่ยออกมา เนื่องจากเสียงทุกเสียงถูกปิดลงด้วยริมฝีปากบางสีชมพูของเขา อารามตกใจปากจิ้มลิ้มที่ยังคงอ้าค้าง เปิดโอกาสให้เอเดนสอดลิ้นเข้าไปพันรัดลิ้นนุ่มที่อยู่ในอาการตระหนก เอเดนสำรวจช่องปากหอมหวาน พิสูจน์ด้วยตัวเองว่า ทั้งกลิ่นและรสชาติภายในโพรงปากหวานจะใช้คนเดียวกับสาวปริศนาคนนั้นหรือไม่ เหมือนกันเลย...ปากหอมหวาน กลิ่นน้ำหอมก็เย้ายวนชวนลุ่มหลง นั่นคือคำตอบที่เอเดนได้รับ เขาบดจูบ แรกลัดลิ้นเล็กที่ดูแล้วไม่เป็นประสา ราวกับไม่เคยถูกจูบมาก่อน เนื้อตัวก็สั่นหนัก หัวใจดวงดาราไม่ต้องพูดถึง เต้นโครมครามหาจังหวะไม่ได้ ตื่นเต้นไปหมดจนมือชื้นเหงื่อ สมองของหล่อนว่างเปล่าเสมือนถูกถึงออกจากหัว ไร้ความคิดความอ่านใดๆ ทั้งสิ้น แล้วอยู่ๆ ความดำมืดก็เข้ามาแทนที่ “เฮ้ย!” เอเดนตกใจ เมื่อร่างแน่งน้อยอ่อนแรง ขาทั้งสองข้างอ่อนเปลี้ย ใบหน้าแหงนหงาย ดวงดาราเป็นลม...

เมียไม่ปรารถนา

เมียไม่ปรารถนา

มหาเศรษฐี

4.9

คุณานนท์เมา... ใช่ เขาต้องการให้แอลกอฮอล์ดับความทุกข์ ความผิดหวัง ความเสียใจ และอาการเจ็บใจ แค้นฝังรากลึกให้หลุดออกไปใจบ้าง วันนี้เขากับครอบครัวเสียหน้าหนักมาก ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านที่ต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกันสนุกปาก คงไม่มีใครคิดว่า คนอย่างคุณานนท์จะถูกทิ้งกลางอากาศ ถูกทิ้งในวันสำคัญของชีวิตด้วย ไม่แค้นก็แปลก แล้วความแค้นทั้งหมดก็กำลังไปลงที่เจ้าสาวที่ไม่ปรารถนา “หลับสบายเลยนะ” เขาพูดเสียงต่ำ มองดวงหน้าหวานที่นอนหลับพริ้มบนเตียง “ตื่น!” คุณานนท์ตะโกนเสียงดัง เขาไม่เพียงแค่ส่งเสียงเรียกเธอ มือใหญ่คว้าผ้าห่มแล้วเหวี่ยงมันไปกองบนพื้น และนั่นทำให้เขาเห็นเรือนร่างสาวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย เสียงอันแผดดัง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กระทบผิวกาย ส่งผลให้ลัลณ์ลนินตื่น เธอเอี้ยวตัวมาทางด้านหลังแล้วต้องสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นร่างสามียืนไม่มั่นคงนักริมเตียง “พี่กล้า” “แหม แต่งตัวรอให้ฉันมาเอาเธอเลยเหรอ รู้หน้าที่ดีนี่” น้ำเสียงติดอ้อแอ้ ทำให้เธอรู้ว่า เขากำลังเมา “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ชะ...ว้าย!” ลัลณ์ลนินยังไม่ทันพูดจบประโยค คุณานนท์ก็โถมร่างดันร่างเล็กให้นอนลงบนที่นอน โดยมีร่างเขาทาบทับ “พี่กล้าลุกคะ ลุก” “ไม่ลุก” คุณานนท์ตอบเสียงดังฟังชัด “เธอลืมแล้วเหรอว่าเราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ที่เราจะมีอะไรกัน จริงไหม” ใช่ เขาพูดถูก ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าการแต่งงานมาจากความรักและความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย แต่นี่ไม่ใช่ งานวิวาห์ที่ทั้งเขาและเธอไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าเกิดขึ้นเช่นกัน ยิ่งตอนนี้ด้วยแล้ว กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฟุ้งตามร่างหนา เป็นอีกสัญญาณหนึ่งให้รู้ถึงความไม่ปลอดภัย “ไม่ค่ะ ไม่” ลัลณ์ลนินพูดด้วยความกลัว เธอกำลังกลัวคุณานนท์ ลางสังหรณ์บอกเธอว่า ตนเองกำลังไม่ปลอดภัย เธอดิ้นรนไปมา ดิ้นทั้งที่รู้ว่า หนีไม่พ้น

ดั่งมนต์ต้องใจ

ดั่งมนต์ต้องใจ

มหาเศรษฐี

5.0

ยามเกลียด...เกลียดเข้าไส้ ถึงเวลารักเมื่อใด...คำว่าหมดทั้งใจยังน้อยไป ......... “โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บดังขึ้น ปรียาพรถูกเหวี่ยงไปบนพื้นห้อง “เธอกล้ามากนะที่สวมเขาให้ฉัน ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าเธอต้องการเงินอะไรหนักหนาถึงกลับไปรับงาน เงินที่เธอสูบไปจากแม่กับยายของฉันไม่พอหรือไง หรือว่าทนความร่านของตัวเองไม่ไหว ผู้หญิงอย่างเธอหิวเงินไม่พอ ยังหิวผู้ชายอีก ทุเรศที่สุด ฉันไม่น่าแต่งงานอีตัวอย่างเธอเลย” “เพี้ยะ” ความอดทนของมนุษย์มีขีดจำกัด ปรียาพรเป็นปุถุชนธรรมดาระงับความโกรธไม่ได้ ยิ่งเขามาดูถูกซ้ำๆ อย่างนี้ เธอจะไม่ทนอีกต่อไป ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มยุรนันท์ แม้กลัวเขา แต่เธอก็ทำ “อย่ามาดูถูกกันให้มากนะ ถ้าฉันไม่ดี ฉันมันร่าน หิวผู้ชาย ไม่คู่ควรกับคุณ งั้นเราเลิกกัน พรุ่งนี้ไปหย่ากันที่อำเภอ แล้วต่างคนต่างไป จะได้ไม่ต้องทนอึดอัดกันอีก” ปรียาพรคิดว่าทางดีที่สุด ทว่ายุรนันท์ไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าเธอมีเป้าหมายใหม่ ถึงได้พูดขอหย่า กำแพงแห่งความโกรธที่ว่าสูงแล้ว ตอนนี้สูงมากขึ้นหลายเท่า ใบหน้าเขาแดงก่ำ ดวงตาลุกโชนด้วยแรงแห่งโทสะ มองปรียาพรอย่างดุดัน ก้าวเดินมาหาภรรยาด้วยท่าทางคุกคาม “เธอกับครอบครัวตั้งใจเข้ามากอบโกยเงินทองจากฉัน จัดฉากเรื่องคืนนั้น ทั้งที่เธอก็รู้เต็มอกว่าเราไม่มีอะไรกัน แต่เธอก็ไม่พูดแย้ง พ่อกับแม่เธอก็เอาแต่พูดว่าฉันต้องรับผิดชอบ ทั้งที่รู้เต็มอกว่า ผู้หญิงเน่าๆ อย่างเธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ นอนด้วยครั้งสองครั้งคงไม่สึกหรอเพราะผ่านงานมาโชกโชน ซึ่งเธอก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วจะมาพูดว่าฉันดูถูกเธอได้ยังไงห๊า” ยุรนันท์ตะเบ็งเสียงจนเธอตกใจ “ถ้าฉันไม่ดี เราก็เลิกกัน หย่ากันไปเลย” ปรียาพรคิดหาหนทางไม่ออกนอกจากวิธีนี้ เขาจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับภรรยาที่คิดว่าเป็นอดีตโสเภณี เธอเองก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดซ้ำซาก “หย่าเหรอ” เขาทวนคำเสียงเย็น “ฉันหย่าแน่ เรื่องอื่นฉันพอยอมรับได้ แต่เรื่องสวมเขานี่ไม่ไหว แต่ก่อนหย่าฉันอยากลองสักครั้ง อยากรู้ว่าทำไมมีแต่ผู้ชายอยากดมดอกไม้เน่าๆ กันนัก แค่ฉันเดินผ่านก็จะอ้วกแล้ว ดอกไม้ไร้กลิ่นหอมอย่างเธอคงไม่ทำให้ฉันมีความสุขหรอก แต่ฉันก็อยากลอง” ยุรนันท์จ้องมองปรียาพรไม่วางตา นัยน์ตาเขามีพลังแห่งความโกรธมิเปลี่ยนแปลง ปรียาพรตกใจ หัวใจเธอเต้นแรงมาก คำพูดเขาไม่ต้องแปลความหมาย ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวอาบทั่วจิตใจ อยากอธิบายให้ยุรนันท์เข้าใจ แต่ด้วยอารมณ์เขาตอนนี้พูดมากแค่ไหนก็คงไม่ฟัง ไม่เข้าไปในหู ทางเดียวคือต้องเอาตัวรอดออกจากห้องนี้ ทว่าความคิดเธอช้าไป... .... เป็นภาคต่อ ดั่งทรายต้องลมค่ะ

ดั่งทรายต้องลม

ดั่งทรายต้องลม

มหาเศรษฐี

5.0

ของบางอย่างมักเห็นค่า ในเวลาที่เสียมันไป .... “เปิ้ลจะมาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะเมียพี่อีกคนนะ” ความเจ็บช้ำที่พราวฟ้าได้รับน้อยไปใช่ไหม ปรินทร์ถึงได้โยนความรู้สึกนั้นเข้าจิตใจเธอมากขึ้น มันมากมายเสียจนพราวฟ้าคิดว่า ชาตินี้ทั้งชาติไม่รู้ว่าจะสลัดหลุดความร้าวรานใจได้หรือไม่ น้ำตาที่เพิ่งแห้งเหือดไปพักหนึ่ง ตอนนี้กำลังทำงานอีกครั้ง ไหลรินเป็นทาง ปรินทร์พูดออกไปแล้วก็นึกอยากตบปากตัวเอง เขาไม่ควรเอ่ยประโยคนี้เป็นประโยคแรก ควรเป็นคำพูดที่ทำให้ความเสียใจปัดออกไปจากหัวใจพราวฟ้ามากกว่า เขาไม่รู้สาเหตุว่า ทำไมปากเขาหนัก ขาตัวเองแข็งเช่นนี้ ได้แต่ยืนมองพราวฟ้าที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร “ถ้างั้นทรายจะไปจากที่นี่ค่ะ” ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้ ทนเห็นผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในฐานะเมียน้อย แค่นี้เธอก็เจ็บปวดมากพอแล้ว “ทรายอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้แม้วินาทีเดียว” ปรินทร์ตกใจไม่คิดว่าพราวฟ้าจะตัดสินใจเช่นนี้ หัวใจเขาหล่นตุ๊บ ใจหายกับประโยคที่ได้ยิน “มันยากนักหรือไงที่จะอยู่ด้วยกัน พี่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร ต่างคนต่างอยู่ก็หมดเรื่อง เปิ้ลเป็นผู้ดีพอ ไม่มารังควานทรายหรอก” ปากหนอปาก พูดไปโดยไม่ทันคิดอีกแล้ว และไม่เคยคิดไตร่ตรองว่า วาจาที่เอ่ยออกไปสร้างแรงสะเทือนเกิดขึ้นในใจพราวฟ้าหนักมาก “สำหรับคุณอาจไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับฉัน มันคือเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตคู่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกค่ะ คุณลองคิดกลับกัน ถ้าฉันพาผู้ชายมาอยู่ที่นี่อีกคนในฐานะผัวน้อย คุณจะรู้สึกยังไง ที่ฉันนอนกับคุณวันนึง นอนกับผัวน้อยวันนึง คุณคงมีความสุขมากสินะ” พราวฟ้าเถียงกลับ ปรินทร์นิ่งอึ้ง ตกใจ มองคนพูดนิ่ง พราวฟ้าเป็นคนไม่มีปากมีเสียง แทบจะไม่เถียงใครเลยทั้งสิ้น นับตั้งแต่อยู่กินกันมาวันนี้เป็นวันแรกที่เธอกล้าต่อปากต่อคำ และไม่หมดเพียงแค่นี้ “คุณเปิ้ลเป็นผู้ดีหรือคะ ผู้ดียังไงถึงได้ยอมเป็นเมียน้อยคนอื่น ผู้ดีจริงๆ เขาจะหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ทำตัวต่ำ ไม่ทำให้ตัวเองโดนติฉินนินทา จะคิดทำอะไรต้องใช้สติคิด นี่ต่างหากค่ะที่เรียกว่าผู้ดี ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันเป็นคนชั้นต่ำ ไม่เหมาะกับดงผู้ดี เชิญคุณอยู่กับคุณเปิ้ล ผู้หญิงที่คุณเลือก ส่วนฉันก็จะไปตามทางของฉัน” ปรินทร์อึ้งอีกรอบ เขามองเธอนิ่งงัน ไม่เพียงแค่พราวฟ้าตอบโต้กลับด้วยคำพูดเชือดเฉือน สรรพนามที่เรียกระหว่างกันก็เปลี่ยนไป มองพราวฟ้าที่เดินไปนั่งร้องไห้ริมเตียง “ก็ลองทำตามที่พูดสิ ฉันจะฆ่าเธอกับชู้ให้ตายคาที่เลย” ปรินทร์เสียงเข้มห้วน ความไม่พอใจคุกรุ่นในแววตา แค่จินตนาการว่าเธอมีความสัมพันธ์กับชายอื่น เขาก็แทบบ้า ความหึงหวงพล่านในอก “แค่ฉันพูดคุณยังโกรธ แต่คุณทำจริง คุณมีอะไรกับคุณเปิ้ลไม่พอ ยังพาเธอมาอยู่ที่นี่ แล้วคุณคิดเหรอว่าฉันจะทนได้ แล้วฉันก็ไม่ทนด้วย” พราวฟ้าพูดไปร้องไห้ไป “โธ่โว้ย! มันจะอะไรกันหนักหนา ทำไมเธอทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ มันจะตายหรือไง” ปรินทร์หัวเสีย เมื่อเมียพูดไม่รู้เรื่อง ทำแข็งข้อใส่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย...รำคาญ” ปรินทร์กระแทกเสียงใส่ มองหน้าพราวฟ้าด้วยความไม่พอใจ เขาไม่คิดสักนิดเลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของพราวฟ้า ความผิดอยู่ที่เขาเต็มๆ “ฮือ...ฮือ” พราวฟ้าร้องไห้หนักขึ้น ไม่กลั้นน้ำเสียง เธอปล่อยโฮออกมาราวกับว่า ไม่อาจกลั้นความเจ็บช้ำน้ำใจที่โถมใส่ได้อีก ปรินทร์ไม่เพียงแค่ทำร้ายจิตใจพราวฟ้า เขาไม่ถนอมน้ำใจเธอเลยสักนิด พร้อมเหยียบย่ำความรู้สึกให้จมพื้นดิน ขยี้หัวใจสาวจนแหลกลานคาเท้า “แล้วก็เลิกร้องไห้ซะที น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไรเธอหรอกนะ เห็นแล้วหงุดหงิด น่าเบื่อชะมัด” ปรินทร์หัวเสียหนักมากขึ้น เขาเดินออกไปจากห้องทันทีที่พูดจบ ราวกับว่าไม่อยากคุยกับพราวฟ้าต่อ เพราะเกรงว่าจะยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่อง ค่อยกลับมาพูดใหม่หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นลง พราวฟ้าไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ย นอกจากน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด คำสัญญาคำพูดของเขาที่ว่า ไม่คิดอะไรกับทิวาทิพย์มากไปกว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ความจริง เขาเพียงแค่หลอกล่อให้เธอตายใจและเชื่อใจ ก่อนตลบหลังอย่างเจ็บปวดที่สุด ปรินทร์หมดรักเธอแล้ว หากยังมีความรักหลงเหลือ ปรินทร์จะไม่ทำเช่นนี้ มือเรียวสวยวางลงบนท้อง เธอลูบท้องเบาๆ ก้มหน้าลงบอกกล่าวกับอีกหนึ่งชีวิตในครรภ์ “พ่อไม่ต้องการแม่แล้ว เราไปอยู่กันสองคนนะลูก” เป็นการตัดสินใจอันแน่วแน่ของพราวฟ้า เมื่อเขาไม่เห็นค่า ไม่เห็นแก่ความรัก จะอยู่ให้ทุกข์ทรมานใจทำไม หากเธอไม่ดึงตัวเองออกจากความเจ็บปวด เธอก็ต้องจมอยู่กับความเสียใจไปตลอดชีวิต

เมียลับนายหัว

เมียลับนายหัว

มหาเศรษฐี

5.0

................ วินาทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาว หัวใจเขาเต้นแรงมาก ความรู้สึกหม่นเศร้า เคว้งคว้างท่ามกลางความหนาวเหน็บถูกปัดออกมาจากจิตใจจนสิ้นเมื่อได้พบหน้ากัญญาพัชรด้วยตาตัวเอง หนูน้อยวัยสี่ขวบเดินมาหาชายร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกที่บอกในใจว่า ต้องเดินไปหา “สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” เสียงหวานใสเหลือเกิน... สิงหนาทพูดอยู่ในใจเมื่อได้ยินเสียงแรกของลูกสาว เขาก้มมองดูเด็กหญิงหน้าตาราวกับตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพู รูปร่างอวบน่าฟัดน่ากอด สวมใส่ชุดคอจีนสีขาวฟ้า ใบหน้าหนูน้อยชวนมองยิ่งนัก ตาโต แก้มป่อง ริมฝีปากแดงอมชมพู เขาย่อตัวลงให้ความสูงอยู่ระดับเดียวกับกัญญาพัชร “ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ” สิงหนาทพูดกับลูกเสียงหวานมาก กัญญาภรณ์กับชุติมาสั่งสอนเสมอว่า อย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้า ใครที่น้องขนมไม่รู้จักชวนไปไหนอย่าไป ให้กินอะไรก็อย่ากิน ซึ่งหนูน้อยเชื่อฟังมาตลอด ทว่าครั้งนี้กัญญาพัขรกลับละเมิดคำสั่งสอนมารดา “ได้ค่ะ” กัญญาพัชรกางมือออกไปทางด้านข้าง ยิ้มเต็มใบหน้า ราวกับว่าต้องการอ้อมกอดจากเขาเช่นกัน สิงหนาทไม่รอช้ารั้งร่างอวบของลูกสาวไว้ในอ้อมแขน กระชับแน่นประหนึ่งกลัวว่าร่างนี้จะสลายแล้วรู้ตัวว่า เขาอยู่ในความฝัน ไม่ใช่ฝัน...มันคือเรื่องจริง เนื้อนุ่มนิ่มที่เขากอด หัวใจของหนูน้อยที่แนบกับอก สิงหนาทรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ความอุ่นจากเรือนกายตอกย้ำว่า เขาได้พบลูกแล้ว น้ำตาเขาปริ่มขอบตาก่อนปล่อยมันลงมาเคลียแก้มอย่างไม่คิดจะกลั้น เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เป็นความดีใจที่รอคอยมานานสี่ปี คนเป็นพ่อค่อยๆ ดันร่างลูกสาว ลูบหัวหนูน้อยเบามือ “คุณลุนร้อนไห้ทำไมคะ โอ๋ๆ ไม่ร้อนนะคะ” สิงหนาทยิ้มกับคำพูดของลูกสาว แล้วยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อกัญญาพัชรกอดปลอด “ไม่ต้องร้อนนะคะ โอ๋ๆ” “ลุงไม่ร้องแล้วครับ ลุงไม่ร้องแล้ว ขอบใจน้องขนมนะครับที่ปลอบลุง” สิงหนาทปาดน้ำตาทิ้ง ยิ้มให้บุตรสาวสุดน่ารัก “แม่อยู่ไหมครับ แม่แพรน่ะครับ” “แม่ไม่อยู่ค่ะ” “แม่ไปไหนครับ” “แม่ไปหาผัวใหม่” เด็กวัยสี่ขวบตอบเสียงใส ยิ้มแป้น แต่คนได้รับคำตอบกลับยิ้มไม่ออก “ไปไหนนะครับ” สิงหนาทถามซ้ำ “แม่ไปหาผัวใหม่ น้ายูบอกว่าผัวเก่าแม่เฮงซวยค่ะ” น้องขนมตอบตามที่ชุติมาบอก ไม่รู้ความหมายในคำพูดที่เอ่ยออกไป โดยไม่รู้ว่า คำตอบของตนนั้นกำลังทำให้เสือร้ายโมโห “หนอย...ห่างผัวไม่กี่ปี ริอยากมีผัวใหม่ ฝันไปเถอะ” โรมานซ์

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

โดนลูกติดผัวจับทำเมีย

โดนลูกติดผัวจับทำเมีย

nugkeanransawat
5.0

เรื่องของอารียาคุณครูสาวใหญ่วัย35กับหนุ่มน้อยลูกติดผัววัย19ที่ชื่อโจ โจเป็นเด็กช่างอาชีวะสายโหดและหื่นกาม เธอมักจะโดนลูกชายแอบลวนลามอยู่บ่อยๆ ทว่าเธอกลับเป็นสาวหัวโบราณที่ไม่กล้าแม้ปริปากบอกสามี ด้วยความกลัวว่าบ้านจะแตกสาแหรกขาดอารียาเลยปล่อยเลยตามเลย แค่คำพูดห้ามปรามทำให้คุณแม่พลาดท่าเสียทีให้ลูกเลี้ยงไปจนได้ เธอโดนโจจับกดจนเสร็จสมอารมณ์หมายไปหลายหนจนตัวเองก็ติดใจเสียดื้อๆ ในที่สุดอารียาก็ต้องจำใจมีผัวถึงสองคนอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน คนแรกคือผัวที่ถูกต้องตามกฏหมาย อีกคนคือลูกติดผัวที่หื่นเสียเหลือเกิน

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

Silas Thorn
5.0

ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!

หลังหย่าร้าง เศรษฐีมาขอแต่งงานทุกวัน

หลังหย่าร้าง เศรษฐีมาขอแต่งงานทุกวัน

红泉
5.0

ในคืนแต่งงาน เธอไม่ได้พบเจ้าบ่าว ชายแปลกหน้าที่บุกเข้ามา ทำลายทุกอย่างของเธอ แม่สามีทั้งทุบตีและดูหมิ่น สามีเย็นชาและไร้ความปรานี อีกทั้งยังมีหญิงอื่นหัวเราะเยาะและอวดโอ้ เธอจึงถูกไล่ออกไปจากบ้าน ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นทนายความมือหนึ่ง ที่สามารถใช้เอกสารฟ้องร้องชายที่ทำลายชีวิตเธอได้ แต่เธอไม่รู้ว่าชายคนนั้นคือเศรษฐีที่มีชื่อเสียงในเมืองใหญ่ คนผู้นี้ผ่านผู้หญิงมาหลายคนแต่ไม่เคยผูกพันกับใครเลย มีความสะอาดอย่างมาก อารมณ์แปรปรวน เป็นคนดื้อรั้นและเผด็จการ บังคับให้เธอแต่งงานกับเขา ทำทุกวิธีทางที่เขาจะทำได้ เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิม...

ขอเลิกกับสามีงี่เง่า

ขอเลิกกับสามีงี่เง่า

Thalia Frost
5.0

กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ