รุ้งเคียงตะวัน

รุ้งเคียงตะวัน

อัญญาณี

5.0
ความคิดเห็น
4.2K
ชม
81
บท

"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ

บทที่ 1 1

1

นิ้วเรียวกดปิดแผ่นเสียงที่เพิ่งจบไปได้ไม่กี่วินาที หลังจากที่เธอฟังเพลงระยะสุดท้ายซ้ำไปซ้ำมานับสิบครั้ง จนจำเนื้อเพลงได้ขึ้นใจทุกตัวอักษร ก่อนจะเอื้อมมือหยิบซองเอกสารที่วางไว้บนเตียงนอน เตียงที่เคยให้ความสุขและความอบอุ่นกับเธอ แต่วันนี้มันกลับกลายเป็นความทุกข์อย่างแสนสาหัส เจ็บอย่างที่ไม่เคยเจ็บ ทุกข์ทนและกล้ำกลืนอย่างสุดกำลัง ไม่มีคำพูดไหนที่จะสามารถถ่ายทอดความเศร้าโศกเสียใจนี้ได้ มีเพียงหยาดน้ำตาเท่านั้นที่เป็นเพื่อนเธอในยามทุกข์เช่นนี้

เธอตรวจดูเอกสารที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งอย่างละเอียด ลายเซ็นของเธอกำกับไว้ในช่องของฝ่ายหญิง ส่วนอีกช่องที่เหลือเป็นของฝ่ายชาย รอให้เขามาเซ็นกำกับเท่านั้น แล้วเรื่องทุกอย่างก็จะจบเสียที เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เธอสอดกระดาษแผ่นนั้นลงในซองสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะนำมาวางที่เตียงนอนอีกครั้ง หมุนร่างเดินตรงไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่เธอจัดเตรียมไว้สองใบ ถือกระชับอยู่ในมือ สายตาหวานมองรอบๆ ห้องหอของเธออีกครั้ง บันทึกความทรงจำที่ดีงามไว้ในหัวใจ ตัดใจเดินออกไปจากห้องนั้นทั้งน้ำตา

หทัยชนกเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เธอมองเห็นเพื่อนรักของเธอที่ยืนเคียงข้างเธอทุกครั้งที่มีความสุข ความทุกข์ หรือเสียใจเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องอย่างหมดเปลือก อัญญาณียืนยิ้มให้กับหทัยชนก รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรัก ความเห็นใจระคนสงสาร ทุกสิ่งทุกอย่างที่อัญญาณีสามารถถ่ายทอดให้เพื่อนคนนี้ได้

“ตัดสินใจแน่แล้วใช่มั้ย?” อัญญาณีถามเพื่อนรักอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“แน่ใจสิ เกตุบอกรุ้งเองไม่ใช่เหรอว่าอยู่ก็เจ็บ ไปก็เจ็บ รุ้งต้องเลือกเองระหว่างเจ็บกับการมองเห็นคนที่เรารักมีคนอื่น กับเจ็บเมื่อไม่มีเขาอยู่ใกล้ นำความเจ็บปวดนี้มาเยียวยารักษาหัวใจของเราให้แข็งแรง รุ้งตัดสินใจอย่างหลัง ไปแบบเจ็บๆ ดีกว่าอยู่ที่นี่ที่เจ็บยิ่งกว่า”

หทัยชนกพูดเสียงหนักแน่น อัญญาณีไม่เคยได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นเช่นนี้ แต่เธอรู้ว่าไม่ว่าจะอยู่หรือจะไปจากที่นี่ หทัยชนกไม่มีวันลืมผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามีได้ เพราะแววตาของหทัยชนกเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเต็มหัวใจ เธอจึงหวังให้เวลาเยียวยาทุกอย่าง

“ถ้าตัดสินใจดีแล้วก็ไป...ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เกตุบอกอย่างหนึ่งว่า หลอกใครก็หลอกได้ แต่มีอย่างหนึ่งที่หลอกไม่ได้ คือหัวใจของตัวเอง เกตุไม่อยากให้รุ้งเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้”

“มันไม่มีอะไรเสียใจมากกว่านี้หรอกเกตุ รุ้งผ่านการเสียใจที่สุดมาแล้ว ไปกันเถอะก่อนที่พวกเขาจะกลับมา” หทัยชนกพูดย้ำ อัญญาณีน้ำตารื้นกับคำพูดของเพื่อนคนนี้

“งั้นไปกัน” เพื่อนรักทั้งสองกุมมือกันแน่น ช่วยกันถือกระเป๋าคนละใบเดินออกไปจากบ้านหลังใหญ่ ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน มีคนรับใช้หลายคนให้ชี้นิ้วสั่ง ทุกสิ่งอย่างเหล่านั้นไม่ได้ทำให้หทัยชนกมีความสุขอีกต่อไป เพราะหลังจากที่ตะวันผู้เป็นสามีได้พาหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตคู่ แล้วนับตั้งแต่วันนั้นหทัยชนกรู้จักแต่คำว่าเจ็บปวด ทุกข์ระทมหัวใจอย่างสุดแสน และมันจะไม่เจ็บมากไปกว่านี้

หากผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เพื่อนของเธอ...

ลมหนาวในช่วงค่ำคืน ณ อุทยานภูกระดึงในวันนี้ดูเหมือนว่าจะเย็นจัดกว่าทุกคืน นักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นมาเยี่ยมชมความสวยงามและต้องการสัมผัสอากาศเย็นสบายในช่วงปลายฤดูหนาว ต่างมานั่งมองดูทัศนียภาพยามค่ำคืน ดื่มด่ำกับราตรีท่ามกลางหมู่ดาวที่ขึ้นพราวระยับประดับฟ้ายามราตรี

ร่างของสามสาวเพื่อนซี้ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความสุขอยู่กับธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ มองดูดวงดาวอันไกลโพ้นพร้อมกับพูดคุยกันตามประสา โดยมีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมกายร่างของทั้งสามชีวิต

“ท้องฟ้าคืนนี้สวยจังเลยนะ ดาวเต็มฟ้าเลย” หทัยชนกเอ่ยขึ้นขณะที่แหงนมองดูท้องฟ้า รอยยิ้มแห่งความสุขบังเกิดขึ้นบนดวงหน้าสวยของเธอ

“ใช่ สวยดี” อัญญาณีพูดเสริม “แต่ปวดคอชะมัด แหงนมองตั้งหลายนาทีแล้ว เกตุว่านอนดูดาวกันดีกว่า ไม่ต้องปวดคอด้วย” เธอเอ่ยบอกเพื่อนสนิทอีกสองคน ใช้ฝ่ามืออีกข้างบีบตรงท้ายทอยขับไล่อาการปวดเมื่อยที่เข้ามาเยือน

“ก็ได้ นอนก็ได้” เกวลินหรือเดียร์พูดขึ้น ก่อนจะดึงผ้าห่มออกแล้วล้มตัวลงนอนหงายเป็นคนแรก ทำให้อีกสองสาวล้มตัวลงนอนตาม แล้วใช้ผ้าห่มผืนเดิมคลุมกายเอาไว้ ปกป้องความหนาวจากแรงกดอากาศต่ำของค่ำคืน

“เดียร์ไปเรียนต่อเมืองนอก อย่าลืมโทรมาหารุ้งกับเกตุบ้างนะ เกตุไม่มีตังค์โทรไปหาเดียร์บ่อยๆ หรอก งบมันน้อยน่ะ”

อัญญาณีหันมาบอกเกวลินที่กำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโทยังประเทศสหรัฐอเมริกา หากจะพูดได้ว่ารายได้จากคนที่จบมัธยมศึกษาปีที่สามอย่างอัญญาณี คงไม่มีปัญญาจ่ายค่าโทรศัพท์ต่างประเทศที่ค่อนข้างแพงได้ คงจะมีทางเดียวก็คือ ต้องให้เกวลินเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาเธอแทน

“รู้แล้วน่า เดียร์ก็ต้องโทรมาหาเกตุอยู่แล้ว” เกวลินเข้าใจฐานะของอัญญาณีดีว่าด้อยกว่าเธอมากแค่ไหน ลำพังหาเลี้ยงลูกๆ ทั้งสี่คนซึ่งเป็นภาระแสนหนักอึ้งก็มากพออยู่แล้ว หากจะเพิ่มภาระจ่ายค่าโทรศัพท์ต่างประเทศอีกก็คงไม่ไหว “หรือว่าเดียร์จะให้เงินเกตุไว้เป็นค่าโทรศัพท์หาเดียร์ดี” เกวลินมีความคิดใหม่

“ไม่ล่ะ เกตุกลัวว่าจะเอาเงินไปใช้อย่างอื่นน่ะสิ ตอนนี้ยิ่งชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่ เอาเป็นว่าถ้าเดียร์ว่างแล้วคิดถึงเกตุก็โทรมาหาเกตุก็แล้วกันนะ” อัญญาณีค้านตามเหตุผลที่เอ่ยออกไป

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวรุ้งโทรไปหาเดียร์เอง โทรไปตอนเกตุอยู่ด้วยจะได้คุยพร้อม ๆ กัน เอาอย่างนี้ดีกว่านะ” หทัยชนกลูกสาวเจ้าของร้านทองชื่อดังในตัวเมืองภูเก็ตหาทางออกให้กับเพื่อนทั้งสอง

“อืม...ก็ดีเหมือนกันนะ เอาเป็นว่าถ้าเดียร์ว่าง เดียร์จะโทรหา ถ้ารุ้งกับเกตุว่างก็โทรหาเดียร์ โอเคนะ”

“โอเค” เสียงของหทัยชนกกับอัญญาณีพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง

“เดียร์คงคิดถึงเกตุกับรุ้งมากๆ ไปตั้งสองปีกว่าจะกลับ”

เกวลินพูดเสียงเศร้า เมื่อนึกถึงระยะเวลาที่จะต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อไปศึกษาต่างประเทศตามความต้องการของบิดา เกวลินเองไม่ต้องการไปเรียนต่อแม้แต่น้อย เนื่องจากเธอเรียนจบระดับชั้นปริญญาตรีมาเกือบเจ็ดปีแล้ว ความรู้ก็ถูกกลืนหายไปตามเวลา ไปเรียนปริญญาโทคราวนี้เท่ากับว่าต้องเคาะสนิมใหม่

“แล้วเดียร์จะไม่กลับมาช่วงซัมเมอร์เหรอ?” คนที่ผ่านการเรียนเมืองนอกมาก่อนเอ่ยถาม

“คงไม่ล่ะ เพราะไม่รู้ว่าช่วงนั้นจะทำกิจกรรมอะไรบ้าง พ่อบอกว่าให้กลับมาทีเดียวตอนที่เรียนจบ” คนที่ถูกบังคับให้ไปเรียนต่อตอบกลับยังคงมีน้ำเสียงเศร้าเช่นเดิม

“เอาน่า พ่อให้เรียนก็เรียนไปเถอะ เพื่ออนาคตที่ดีไง เพื่อพ่อด้วยไง”

อัญญาณีจับน้ำเสียงของเพื่อนได้ว่า ไม่มีความปรารถนาจะไปเรียนต่อเลย ถ้าไม่เป็นเพราะเกวลินมีปัญหากับภรรยาใหม่ของผู้เป็นพ่อ ถึงขั้นมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง คนกลางเช่นวิทยาจึงตัดสินใจให้ลูกสาวคนที่สองไปเรียนต่อต่างประเทศ ตัดปัญหาไปในตัว

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัญญาณี

ข้อมูลเพิ่มเติม
โซ่รัก ใยพิศวาส

โซ่รัก ใยพิศวาส

มหาเศรษฐี

5.0

“ฉันท้อง” เพชรหอมกลั้นใจบอกชายตรงหน้า ชายหนุ่มที่หล่อนรักสุดหัวใจ ยอมมอบกายมอบใจให้ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน คนได้ยินเลิกคิ้วสูง สีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนเหยียดยิ้ม “แน่ใจเหรอว่าเป็นลูกฉัน” ราซิเอลโล่ตวัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะคว้าชุดคลุมที่พาดอยู่ปลายเตียงมาสวมทับเรือนกายเปล่าเปลือย “ฉันจำได้ว่า ฉันป้องกันทุกครั้งไม่มีพลาดแน่นอน” เจ็บ! “ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่คิดรับผิดชอบเธอนะ แต่ฉันมั่นใจว่า ฉันป้องกันตัวเองดีมาก ดูอย่างเมื่อคืนสิ ฉันเมาฉันยังใส่ถุงยางเลย ลูกในท้องเธอ ไม่ใช่ลูกฉัน...ฉันมั่นใจ” เพราะความมั่นใจของเขา ทำให้หล่อนแบกความเสียใจ ความทุกข์และลูกในท้องกลับเมืองไทย โดยที่ราซิเอลโล่ไม่รู้สักนิดว่า ความแน่นอนคือสิ่งไม่แน่นอน

พันธะเสน่หามาเฟีย

พันธะเสน่หามาเฟีย

มหาเศรษฐี

5.0

เพราะเตกิล่าสองแก้วในคืนนั้น ทำให้ชีวิตเรียบง่ายของดวงดาราเปลี่ยนไป หล่อนมีลูกแฝด โดยไม่รู้ว่า ใครคือพ่อของลูก “ก็ฉันอยากกอดเธอด้วยถามไปด้วยนี่” เขาไม่ปล่อย “แล้วก็อยากจูบเธอด้วย” ดวงดาราตกใจ อ้าปากค้าง ดวงตาขยายกว้าง ไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา หล่อนถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งให้เขากอด “ไม่...” เป็นเพียงคำเดียวที่ดวงดาราเอ่ยออกมา เนื่องจากเสียงทุกเสียงถูกปิดลงด้วยริมฝีปากบางสีชมพูของเขา อารามตกใจปากจิ้มลิ้มที่ยังคงอ้าค้าง เปิดโอกาสให้เอเดนสอดลิ้นเข้าไปพันรัดลิ้นนุ่มที่อยู่ในอาการตระหนก เอเดนสำรวจช่องปากหอมหวาน พิสูจน์ด้วยตัวเองว่า ทั้งกลิ่นและรสชาติภายในโพรงปากหวานจะใช้คนเดียวกับสาวปริศนาคนนั้นหรือไม่ เหมือนกันเลย...ปากหอมหวาน กลิ่นน้ำหอมก็เย้ายวนชวนลุ่มหลง นั่นคือคำตอบที่เอเดนได้รับ เขาบดจูบ แรกลัดลิ้นเล็กที่ดูแล้วไม่เป็นประสา ราวกับไม่เคยถูกจูบมาก่อน เนื้อตัวก็สั่นหนัก หัวใจดวงดาราไม่ต้องพูดถึง เต้นโครมครามหาจังหวะไม่ได้ ตื่นเต้นไปหมดจนมือชื้นเหงื่อ สมองของหล่อนว่างเปล่าเสมือนถูกถึงออกจากหัว ไร้ความคิดความอ่านใดๆ ทั้งสิ้น แล้วอยู่ๆ ความดำมืดก็เข้ามาแทนที่ “เฮ้ย!” เอเดนตกใจ เมื่อร่างแน่งน้อยอ่อนแรง ขาทั้งสองข้างอ่อนเปลี้ย ใบหน้าแหงนหงาย ดวงดาราเป็นลม...

เมียไม่ปรารถนา

เมียไม่ปรารถนา

มหาเศรษฐี

4.9

คุณานนท์เมา... ใช่ เขาต้องการให้แอลกอฮอล์ดับความทุกข์ ความผิดหวัง ความเสียใจ และอาการเจ็บใจ แค้นฝังรากลึกให้หลุดออกไปใจบ้าง วันนี้เขากับครอบครัวเสียหน้าหนักมาก ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านที่ต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกันสนุกปาก คงไม่มีใครคิดว่า คนอย่างคุณานนท์จะถูกทิ้งกลางอากาศ ถูกทิ้งในวันสำคัญของชีวิตด้วย ไม่แค้นก็แปลก แล้วความแค้นทั้งหมดก็กำลังไปลงที่เจ้าสาวที่ไม่ปรารถนา “หลับสบายเลยนะ” เขาพูดเสียงต่ำ มองดวงหน้าหวานที่นอนหลับพริ้มบนเตียง “ตื่น!” คุณานนท์ตะโกนเสียงดัง เขาไม่เพียงแค่ส่งเสียงเรียกเธอ มือใหญ่คว้าผ้าห่มแล้วเหวี่ยงมันไปกองบนพื้น และนั่นทำให้เขาเห็นเรือนร่างสาวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย เสียงอันแผดดัง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กระทบผิวกาย ส่งผลให้ลัลณ์ลนินตื่น เธอเอี้ยวตัวมาทางด้านหลังแล้วต้องสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นร่างสามียืนไม่มั่นคงนักริมเตียง “พี่กล้า” “แหม แต่งตัวรอให้ฉันมาเอาเธอเลยเหรอ รู้หน้าที่ดีนี่” น้ำเสียงติดอ้อแอ้ ทำให้เธอรู้ว่า เขากำลังเมา “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ชะ...ว้าย!” ลัลณ์ลนินยังไม่ทันพูดจบประโยค คุณานนท์ก็โถมร่างดันร่างเล็กให้นอนลงบนที่นอน โดยมีร่างเขาทาบทับ “พี่กล้าลุกคะ ลุก” “ไม่ลุก” คุณานนท์ตอบเสียงดังฟังชัด “เธอลืมแล้วเหรอว่าเราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ที่เราจะมีอะไรกัน จริงไหม” ใช่ เขาพูดถูก ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าการแต่งงานมาจากความรักและความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย แต่นี่ไม่ใช่ งานวิวาห์ที่ทั้งเขาและเธอไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าเกิดขึ้นเช่นกัน ยิ่งตอนนี้ด้วยแล้ว กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฟุ้งตามร่างหนา เป็นอีกสัญญาณหนึ่งให้รู้ถึงความไม่ปลอดภัย “ไม่ค่ะ ไม่” ลัลณ์ลนินพูดด้วยความกลัว เธอกำลังกลัวคุณานนท์ ลางสังหรณ์บอกเธอว่า ตนเองกำลังไม่ปลอดภัย เธอดิ้นรนไปมา ดิ้นทั้งที่รู้ว่า หนีไม่พ้น

ดั่งมนต์ต้องใจ

ดั่งมนต์ต้องใจ

มหาเศรษฐี

5.0

ยามเกลียด...เกลียดเข้าไส้ ถึงเวลารักเมื่อใด...คำว่าหมดทั้งใจยังน้อยไป ......... “โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บดังขึ้น ปรียาพรถูกเหวี่ยงไปบนพื้นห้อง “เธอกล้ามากนะที่สวมเขาให้ฉัน ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าเธอต้องการเงินอะไรหนักหนาถึงกลับไปรับงาน เงินที่เธอสูบไปจากแม่กับยายของฉันไม่พอหรือไง หรือว่าทนความร่านของตัวเองไม่ไหว ผู้หญิงอย่างเธอหิวเงินไม่พอ ยังหิวผู้ชายอีก ทุเรศที่สุด ฉันไม่น่าแต่งงานอีตัวอย่างเธอเลย” “เพี้ยะ” ความอดทนของมนุษย์มีขีดจำกัด ปรียาพรเป็นปุถุชนธรรมดาระงับความโกรธไม่ได้ ยิ่งเขามาดูถูกซ้ำๆ อย่างนี้ เธอจะไม่ทนอีกต่อไป ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มยุรนันท์ แม้กลัวเขา แต่เธอก็ทำ “อย่ามาดูถูกกันให้มากนะ ถ้าฉันไม่ดี ฉันมันร่าน หิวผู้ชาย ไม่คู่ควรกับคุณ งั้นเราเลิกกัน พรุ่งนี้ไปหย่ากันที่อำเภอ แล้วต่างคนต่างไป จะได้ไม่ต้องทนอึดอัดกันอีก” ปรียาพรคิดว่าทางดีที่สุด ทว่ายุรนันท์ไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าเธอมีเป้าหมายใหม่ ถึงได้พูดขอหย่า กำแพงแห่งความโกรธที่ว่าสูงแล้ว ตอนนี้สูงมากขึ้นหลายเท่า ใบหน้าเขาแดงก่ำ ดวงตาลุกโชนด้วยแรงแห่งโทสะ มองปรียาพรอย่างดุดัน ก้าวเดินมาหาภรรยาด้วยท่าทางคุกคาม “เธอกับครอบครัวตั้งใจเข้ามากอบโกยเงินทองจากฉัน จัดฉากเรื่องคืนนั้น ทั้งที่เธอก็รู้เต็มอกว่าเราไม่มีอะไรกัน แต่เธอก็ไม่พูดแย้ง พ่อกับแม่เธอก็เอาแต่พูดว่าฉันต้องรับผิดชอบ ทั้งที่รู้เต็มอกว่า ผู้หญิงเน่าๆ อย่างเธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ นอนด้วยครั้งสองครั้งคงไม่สึกหรอเพราะผ่านงานมาโชกโชน ซึ่งเธอก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วจะมาพูดว่าฉันดูถูกเธอได้ยังไงห๊า” ยุรนันท์ตะเบ็งเสียงจนเธอตกใจ “ถ้าฉันไม่ดี เราก็เลิกกัน หย่ากันไปเลย” ปรียาพรคิดหาหนทางไม่ออกนอกจากวิธีนี้ เขาจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับภรรยาที่คิดว่าเป็นอดีตโสเภณี เธอเองก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดซ้ำซาก “หย่าเหรอ” เขาทวนคำเสียงเย็น “ฉันหย่าแน่ เรื่องอื่นฉันพอยอมรับได้ แต่เรื่องสวมเขานี่ไม่ไหว แต่ก่อนหย่าฉันอยากลองสักครั้ง อยากรู้ว่าทำไมมีแต่ผู้ชายอยากดมดอกไม้เน่าๆ กันนัก แค่ฉันเดินผ่านก็จะอ้วกแล้ว ดอกไม้ไร้กลิ่นหอมอย่างเธอคงไม่ทำให้ฉันมีความสุขหรอก แต่ฉันก็อยากลอง” ยุรนันท์จ้องมองปรียาพรไม่วางตา นัยน์ตาเขามีพลังแห่งความโกรธมิเปลี่ยนแปลง ปรียาพรตกใจ หัวใจเธอเต้นแรงมาก คำพูดเขาไม่ต้องแปลความหมาย ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวอาบทั่วจิตใจ อยากอธิบายให้ยุรนันท์เข้าใจ แต่ด้วยอารมณ์เขาตอนนี้พูดมากแค่ไหนก็คงไม่ฟัง ไม่เข้าไปในหู ทางเดียวคือต้องเอาตัวรอดออกจากห้องนี้ ทว่าความคิดเธอช้าไป... .... เป็นภาคต่อ ดั่งทรายต้องลมค่ะ

ดั่งทรายต้องลม

ดั่งทรายต้องลม

มหาเศรษฐี

5.0

ของบางอย่างมักเห็นค่า ในเวลาที่เสียมันไป .... “เปิ้ลจะมาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะเมียพี่อีกคนนะ” ความเจ็บช้ำที่พราวฟ้าได้รับน้อยไปใช่ไหม ปรินทร์ถึงได้โยนความรู้สึกนั้นเข้าจิตใจเธอมากขึ้น มันมากมายเสียจนพราวฟ้าคิดว่า ชาตินี้ทั้งชาติไม่รู้ว่าจะสลัดหลุดความร้าวรานใจได้หรือไม่ น้ำตาที่เพิ่งแห้งเหือดไปพักหนึ่ง ตอนนี้กำลังทำงานอีกครั้ง ไหลรินเป็นทาง ปรินทร์พูดออกไปแล้วก็นึกอยากตบปากตัวเอง เขาไม่ควรเอ่ยประโยคนี้เป็นประโยคแรก ควรเป็นคำพูดที่ทำให้ความเสียใจปัดออกไปจากหัวใจพราวฟ้ามากกว่า เขาไม่รู้สาเหตุว่า ทำไมปากเขาหนัก ขาตัวเองแข็งเช่นนี้ ได้แต่ยืนมองพราวฟ้าที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร “ถ้างั้นทรายจะไปจากที่นี่ค่ะ” ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้ ทนเห็นผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในฐานะเมียน้อย แค่นี้เธอก็เจ็บปวดมากพอแล้ว “ทรายอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้แม้วินาทีเดียว” ปรินทร์ตกใจไม่คิดว่าพราวฟ้าจะตัดสินใจเช่นนี้ หัวใจเขาหล่นตุ๊บ ใจหายกับประโยคที่ได้ยิน “มันยากนักหรือไงที่จะอยู่ด้วยกัน พี่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร ต่างคนต่างอยู่ก็หมดเรื่อง เปิ้ลเป็นผู้ดีพอ ไม่มารังควานทรายหรอก” ปากหนอปาก พูดไปโดยไม่ทันคิดอีกแล้ว และไม่เคยคิดไตร่ตรองว่า วาจาที่เอ่ยออกไปสร้างแรงสะเทือนเกิดขึ้นในใจพราวฟ้าหนักมาก “สำหรับคุณอาจไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับฉัน มันคือเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตคู่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกค่ะ คุณลองคิดกลับกัน ถ้าฉันพาผู้ชายมาอยู่ที่นี่อีกคนในฐานะผัวน้อย คุณจะรู้สึกยังไง ที่ฉันนอนกับคุณวันนึง นอนกับผัวน้อยวันนึง คุณคงมีความสุขมากสินะ” พราวฟ้าเถียงกลับ ปรินทร์นิ่งอึ้ง ตกใจ มองคนพูดนิ่ง พราวฟ้าเป็นคนไม่มีปากมีเสียง แทบจะไม่เถียงใครเลยทั้งสิ้น นับตั้งแต่อยู่กินกันมาวันนี้เป็นวันแรกที่เธอกล้าต่อปากต่อคำ และไม่หมดเพียงแค่นี้ “คุณเปิ้ลเป็นผู้ดีหรือคะ ผู้ดียังไงถึงได้ยอมเป็นเมียน้อยคนอื่น ผู้ดีจริงๆ เขาจะหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ทำตัวต่ำ ไม่ทำให้ตัวเองโดนติฉินนินทา จะคิดทำอะไรต้องใช้สติคิด นี่ต่างหากค่ะที่เรียกว่าผู้ดี ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันเป็นคนชั้นต่ำ ไม่เหมาะกับดงผู้ดี เชิญคุณอยู่กับคุณเปิ้ล ผู้หญิงที่คุณเลือก ส่วนฉันก็จะไปตามทางของฉัน” ปรินทร์อึ้งอีกรอบ เขามองเธอนิ่งงัน ไม่เพียงแค่พราวฟ้าตอบโต้กลับด้วยคำพูดเชือดเฉือน สรรพนามที่เรียกระหว่างกันก็เปลี่ยนไป มองพราวฟ้าที่เดินไปนั่งร้องไห้ริมเตียง “ก็ลองทำตามที่พูดสิ ฉันจะฆ่าเธอกับชู้ให้ตายคาที่เลย” ปรินทร์เสียงเข้มห้วน ความไม่พอใจคุกรุ่นในแววตา แค่จินตนาการว่าเธอมีความสัมพันธ์กับชายอื่น เขาก็แทบบ้า ความหึงหวงพล่านในอก “แค่ฉันพูดคุณยังโกรธ แต่คุณทำจริง คุณมีอะไรกับคุณเปิ้ลไม่พอ ยังพาเธอมาอยู่ที่นี่ แล้วคุณคิดเหรอว่าฉันจะทนได้ แล้วฉันก็ไม่ทนด้วย” พราวฟ้าพูดไปร้องไห้ไป “โธ่โว้ย! มันจะอะไรกันหนักหนา ทำไมเธอทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ มันจะตายหรือไง” ปรินทร์หัวเสีย เมื่อเมียพูดไม่รู้เรื่อง ทำแข็งข้อใส่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย...รำคาญ” ปรินทร์กระแทกเสียงใส่ มองหน้าพราวฟ้าด้วยความไม่พอใจ เขาไม่คิดสักนิดเลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของพราวฟ้า ความผิดอยู่ที่เขาเต็มๆ “ฮือ...ฮือ” พราวฟ้าร้องไห้หนักขึ้น ไม่กลั้นน้ำเสียง เธอปล่อยโฮออกมาราวกับว่า ไม่อาจกลั้นความเจ็บช้ำน้ำใจที่โถมใส่ได้อีก ปรินทร์ไม่เพียงแค่ทำร้ายจิตใจพราวฟ้า เขาไม่ถนอมน้ำใจเธอเลยสักนิด พร้อมเหยียบย่ำความรู้สึกให้จมพื้นดิน ขยี้หัวใจสาวจนแหลกลานคาเท้า “แล้วก็เลิกร้องไห้ซะที น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไรเธอหรอกนะ เห็นแล้วหงุดหงิด น่าเบื่อชะมัด” ปรินทร์หัวเสียหนักมากขึ้น เขาเดินออกไปจากห้องทันทีที่พูดจบ ราวกับว่าไม่อยากคุยกับพราวฟ้าต่อ เพราะเกรงว่าจะยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่อง ค่อยกลับมาพูดใหม่หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นลง พราวฟ้าไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ย นอกจากน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด คำสัญญาคำพูดของเขาที่ว่า ไม่คิดอะไรกับทิวาทิพย์มากไปกว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ความจริง เขาเพียงแค่หลอกล่อให้เธอตายใจและเชื่อใจ ก่อนตลบหลังอย่างเจ็บปวดที่สุด ปรินทร์หมดรักเธอแล้ว หากยังมีความรักหลงเหลือ ปรินทร์จะไม่ทำเช่นนี้ มือเรียวสวยวางลงบนท้อง เธอลูบท้องเบาๆ ก้มหน้าลงบอกกล่าวกับอีกหนึ่งชีวิตในครรภ์ “พ่อไม่ต้องการแม่แล้ว เราไปอยู่กันสองคนนะลูก” เป็นการตัดสินใจอันแน่วแน่ของพราวฟ้า เมื่อเขาไม่เห็นค่า ไม่เห็นแก่ความรัก จะอยู่ให้ทุกข์ทรมานใจทำไม หากเธอไม่ดึงตัวเองออกจากความเจ็บปวด เธอก็ต้องจมอยู่กับความเสียใจไปตลอดชีวิต

เมียลับนายหัว

เมียลับนายหัว

มหาเศรษฐี

5.0

................ วินาทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาว หัวใจเขาเต้นแรงมาก ความรู้สึกหม่นเศร้า เคว้งคว้างท่ามกลางความหนาวเหน็บถูกปัดออกมาจากจิตใจจนสิ้นเมื่อได้พบหน้ากัญญาพัชรด้วยตาตัวเอง หนูน้อยวัยสี่ขวบเดินมาหาชายร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกที่บอกในใจว่า ต้องเดินไปหา “สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” เสียงหวานใสเหลือเกิน... สิงหนาทพูดอยู่ในใจเมื่อได้ยินเสียงแรกของลูกสาว เขาก้มมองดูเด็กหญิงหน้าตาราวกับตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพู รูปร่างอวบน่าฟัดน่ากอด สวมใส่ชุดคอจีนสีขาวฟ้า ใบหน้าหนูน้อยชวนมองยิ่งนัก ตาโต แก้มป่อง ริมฝีปากแดงอมชมพู เขาย่อตัวลงให้ความสูงอยู่ระดับเดียวกับกัญญาพัชร “ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ” สิงหนาทพูดกับลูกเสียงหวานมาก กัญญาภรณ์กับชุติมาสั่งสอนเสมอว่า อย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้า ใครที่น้องขนมไม่รู้จักชวนไปไหนอย่าไป ให้กินอะไรก็อย่ากิน ซึ่งหนูน้อยเชื่อฟังมาตลอด ทว่าครั้งนี้กัญญาพัขรกลับละเมิดคำสั่งสอนมารดา “ได้ค่ะ” กัญญาพัชรกางมือออกไปทางด้านข้าง ยิ้มเต็มใบหน้า ราวกับว่าต้องการอ้อมกอดจากเขาเช่นกัน สิงหนาทไม่รอช้ารั้งร่างอวบของลูกสาวไว้ในอ้อมแขน กระชับแน่นประหนึ่งกลัวว่าร่างนี้จะสลายแล้วรู้ตัวว่า เขาอยู่ในความฝัน ไม่ใช่ฝัน...มันคือเรื่องจริง เนื้อนุ่มนิ่มที่เขากอด หัวใจของหนูน้อยที่แนบกับอก สิงหนาทรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ความอุ่นจากเรือนกายตอกย้ำว่า เขาได้พบลูกแล้ว น้ำตาเขาปริ่มขอบตาก่อนปล่อยมันลงมาเคลียแก้มอย่างไม่คิดจะกลั้น เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เป็นความดีใจที่รอคอยมานานสี่ปี คนเป็นพ่อค่อยๆ ดันร่างลูกสาว ลูบหัวหนูน้อยเบามือ “คุณลุนร้อนไห้ทำไมคะ โอ๋ๆ ไม่ร้อนนะคะ” สิงหนาทยิ้มกับคำพูดของลูกสาว แล้วยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อกัญญาพัชรกอดปลอด “ไม่ต้องร้อนนะคะ โอ๋ๆ” “ลุงไม่ร้องแล้วครับ ลุงไม่ร้องแล้ว ขอบใจน้องขนมนะครับที่ปลอบลุง” สิงหนาทปาดน้ำตาทิ้ง ยิ้มให้บุตรสาวสุดน่ารัก “แม่อยู่ไหมครับ แม่แพรน่ะครับ” “แม่ไม่อยู่ค่ะ” “แม่ไปไหนครับ” “แม่ไปหาผัวใหม่” เด็กวัยสี่ขวบตอบเสียงใส ยิ้มแป้น แต่คนได้รับคำตอบกลับยิ้มไม่ออก “ไปไหนนะครับ” สิงหนาทถามซ้ำ “แม่ไปหาผัวใหม่ น้ายูบอกว่าผัวเก่าแม่เฮงซวยค่ะ” น้องขนมตอบตามที่ชุติมาบอก ไม่รู้ความหมายในคำพูดที่เอ่ยออกไป โดยไม่รู้ว่า คำตอบของตนนั้นกำลังทำให้เสือร้ายโมโห “หนอย...ห่างผัวไม่กี่ปี ริอยากมีผัวใหม่ ฝันไปเถอะ” โรมานซ์

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

บทรักมาเฟียร้าย

บทรักมาเฟียร้าย

จิรัฐติกาล
5.0

“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!

อย่ายุ่งกับมันอีก! หัวใจของนายกูกำลังจะหันกลับมาหาคุณ

อย่ายุ่งกับมันอีก! หัวใจของนายกูกำลังจะหันกลับมาหาคุณ

Scarlett
5.0

หลังจากแต่งงานกับกู้หลางเอี้ยน โจวซีได้ทำหน้าที่เป็นภรรยาของกู้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แม้ว่าเขาจะมีคนที่รักอยู่แล้วและปฏิบัติต่อเธออย่างเย็นชา เธอก็ยังยินดีรับความเจ็บปวดเหมือนเป็นความสุข เมื่อทุกคนเห็นพฤติกรรมของโจวซีที่คอยตามใจเหมือนเงา เมื่อรักแรกที่ลืมไม่ลงของกู้หลางเอี้ยนกลับมาจากต่างประเทศ ทุกคนในเมืองต่างรอคอยที่จะเห็นเธออับอาย แต่ไม่คาดคิดว่าโจวซีจะเด็ดขาดและเซ็นสัญญาหย่าโดยไม่หันกลับไปมองอีก กู้หลางเอี้ยนกลับมาขวางเธอด้วยท่าทางที่ดื้อรั้นและตาแดงก่ำ "โจวซี เธอหมายความว่ายังไง?" เธอชูแหวนแต่งงานใหม่ในมือขึ้น พร้อมยิ้มอย่างสดใส "ขอโทษนะ ฉันกำลังจะแต่งงานแล้ว ไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว" …… ทุกคนคิดว่าโจวซีรักกู้หลางเอี้ยนอย่างลึกซึ้ง ราวกับว่าเธอยอมผ่านความยากลำบากและอุปสรรคเพื่อเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่า เธอมองผ่านกู้หลางเอี้ยนไปยังชีวิตของคนอีกคนหนึ่งในอนาคต

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ