Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
จอมเสเพลอย่างท่านอย่ามาเกี้ยวข้า!

จอมเสเพลอย่างท่านอย่ามาเกี้ยวข้า!

ซีไซต์

5.0
ความคิดเห็น
89.1K
ชม
117
บท

นางถูกคู่หมั้นโยนทิ้งให้ผู้อื่นโดยไม่ไยดีจนอับอาย เขายังประกาศก้องไม่เกี่ยวข้องกับนางอีก เหตใดยามนี้เขาจึงพยายามเข้ามาวุ่นวายกับนางนักไสหัวไปให้พ้นเจ้าคนเสเพลข้าไม่มีวันหลงกลสนใจเจ้าเป็นอันขาด! นิยายเรื่องนี้เป็นภาคต่อของนิยายเรื่อง สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ แต่ถ้าหากอยากเพิ่มความฟินและเข้าใจเนื้อหามากขึ้น ก็ให้ติดตามอ่านเรื่อง ช่วยข้าที สองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหดนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

บทที่ 1 แทนคุณ

กิ่งหลิวโบกโบยยามต้องลม ส่งเสียงหวีดหวิวคล้ายกับท่วงทำนองแห่งบทเพลงขับขาน คลอเคล้าเกี่ยวกระหวัดไปกับเสียงครางต่ำแผ่วไม่ขาดสาย

บทเพลงนี้คล้ายจะเป็นบทรักอันร้อนแรงของคู่สามีภรรยา คล้ายกับเป็นความฝันอันแสนหวานที่ทำให้คนไม่อยากตื่น แต่ทว่าความเป็นจริงนั้นบัดนี้มีสตรีผู้หนึ่งซึ่งกดข่มอารมณ์วาบหวามของตนเองเอาไว้

ในเรือนหลังใหญ่ภายในจวนของท่านหมอหลวงแห่งแคว้นซูอานที่ยิ่งใหญ่ บังเกิดม่านสีขาวกำลังสั่นสะเทือนกระเพื่อมไหว เสียงลมหายใจอันเร่าร้อนของคนทั้งสองทำให้แก้มของสตรีนางหนึ่งแดงระเรื่อ ลมหายใจเป่ารดเรือนกายของและกัน ช่างแนบชิดจนมิอาจคิดเป็นอื่นได้นอกจากพวกเขาคือคู่สามีภรรยาที่กำลังอยู่ในอารมณ์วาบหวาม

โฉมสะคราญนางหนึ่งกำลังแยกขาออกพร้อมกับกัดฟันข่มอารมณ์วาบหวามที่บังเกิดจนทนไม่ไหวต้องส่งเสียงครางแผ่วออกมาให้ตนเองอับอาย

ผู้รุกรานร่างอรชรคือบุรุษผู้หล่อเหลา ใบหน้าของเขางดงามราวอิสตรี ผิวขาวราวหยกล้ำค่า กรอบหน้าหวานแต่ทว่าคมคายยิ่ง ชวนให้คนที่ได้พบเห็นพลันต้องตกตะลึง

บุรุษผู้นี้กำลังสำรวจร่างกายของนางทั้งดูดกินอย่างตะกละตะกลาม ฟันของเขาขบเม้มผิวขาวผ่องจนเกิดรอยช้ำ ดูดชิมริมฝีปากนุ่มนิ่มของนางจนบวมเห่อ นางหลับตาพริ้มมือเรียวไล้ลูบเขาอย่างช้า ๆ พร้อมกับส่งถ่ายกระแสบางอย่างออกจากฝ่ามือเข้าสู่ร่างของเขา

"เจ้างดงามจนข้าไม่อาจห้ามใจได้"

บุรุษผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงคลั่งหวาน เขาลูบไล้ร่างกายของนางด้วยสายตา ในยามที่แสงจันทร์สาดสะท้อนส่องทาบทับจนเผยให้เห็นนวลพักตร์ชัดเจน ทำให้หัวใจของเขาถึงกับกระตุกด้วยหลงในเสน่ห์หานี้

ด้วยนางงดงามจนจันทราต้องอับแสง หากเดินตามท้องถนนคงมิมีผู้ใดกล้าจ้องมองตรง ๆ ด้วยกลัวว่าจะถูกความงามของนางล่อลวงเป็นแน่

เขาแยกขาของนางออกช้า ๆ ใบหน้าของนางบัดนี้กลับพร่าเลือนราวกับความฝัน ซึ่งเขารู้ดีว่าสิ่งนี้ย่อมไม่ใช่โลกแห่งความจริง เขาหลับตาพร้อมกับเสพสมความฝันอันแสนหวานเอาไว้ในใจ ดำดิ่งลงไปด้วยความหลงใหลและไม่อยากจะตื่น

ในยามที่เขาเข้าสู่กายของนาง ความรู้สึกคับแน่นจนแทบปริแตกนี้กลับเหมือนจริงเป็นอย่างยิ่ง และความสุขที่ได้ครอบครองทำให้เขาครางแหบโหยด้วยความพึงพอใจครั้งแล้วครั้งเล่า

ในขณะที่เขาคิดว่ามันเป็นเพียงความฝัน สตรีผู้หนึ่งกำลังขมวดคิ้วเก็บข่มความเจ็บปวดของตนเองเอาไว้ นับว่าไม่ได้รุนแรงนัก เพียงแต่ความรู้สึกเจ็บนี้ได้ทำลายความรู้สึกวาบหวามจนหมดสิ้น นางได้กลับเข้ามาสู่โลกความจริงเสียแล้ว

เขาเริ่มกระแทกนางอย่างบ้าคลั่ง แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ไม่นับว่ามาก ความเจ็บปวดหรือ นางได้ผ่านมันมาหมดแล้ว ทั้งกายและใจ ในโลกนี้มิได้มีสิ่งใดที่ทำร้ายนางได้อีกต่อไป

กลิ่นสุราเข้มข้นยังคงลอยอวลในอากาศ เขาขยับสะโพกกระแทกนางไม่หยุดยั้ง คล้ายจะปลดปล่อยความต้องการและความป่าเถื่อนทั้งหมดของเขามาที่นาง กระทั่งเขาค่อย ๆ หยุด เมื่อได้ปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นออกมาจนหมดสิ้น

นางรับรู้ได้ถึงตัวตนของเขาที่คับแน่นอยู่ในร่างกายของนาง และบัดนี้ยังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่กำลังไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของนาง

เสียงของเขายังคงดังแผ่ว อยู่ข้างหู

"เจ้าดียิ่ง เจ้าดียิ่ง แม่นางหลิน"

นางแทบอยากจะผลักร่างของเขาออกแล้วดึงกระบี่ออกมาสับร่างนี้เป็นชิ้น ๆ แม้ในยามนี้เขาก็ยังเอ่ยชื่อนางผู้นั้น แม่นางหลินแห่งหอโคมเขียวอันเลื่องชื่อ

เขากำลังเห็นนางเป็นคู่ขานางโลมของเขาไปแล้ว

นางได้แต่ข่มความโกรธเอาไว้ แบกรับความรู้สึกเจ็บปวดและซึมซับพิษที่ไหลเวียนอยู่ภายในช้า ๆ นางยกมือโอบรอบร่างใหญ่โตของเขา ส่งผ่านลมปราณสายหนึ่งเข้าออกจากฝ่ามือแล้วผลักเข้าสู่ร่างของเขาแผ่วเบา

เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้น นางคิดผลักเขาออก แต่คนที่เหมือนจะหลับแล้วกลับตื่นขึ้น พร้อมกับความคึกคะนองที่แข็งชันและเติมเต็มภายในร่างกายของนางด้วยเขายังไม่ถอนร่างกายออกมา

"ข้ายังไม่อิ่ม แม่นางขออีกสักรอบ"

จากนั้นเขาพลันจูบนาง ความชำนาญจนเกินต้านนี่คือสิ่งใด เมื่อสุดท้ายนางไม่อาจทนได้กลับอ้าปากรับจูบของเขาอย่างลืมตัว

บทเพลงรักเริ่มบรรเลงอีกครั้ง เมื่อยามนี้หาใช่เพราะจำใจต้องช่วยเขา แต่เป็นเพราะสติของนางได้ขาดวิ่นไปเรียบร้อย ด้วยความชำนาญในเชิงรักของคนผู้นี้

คนที่นางคล้ายจะรังเกียจแต่ก็ไม่อาจสลัดเขาจากใจไปได้แม้แต่น้อย เมื่อลิ้นของเขาค่อย ๆ ไต่ไล้ลงมาที่แอ่งชีพจรของนาง อาฉีก็ลืมตนไปโดยสิ้นแล้ว

ริมฝีปากของเขากำลังครอบครองถันของนาง เสียงตวัดลิ้นเลียปลายถันนั้นดังจนนางสะท้าน เขาค่อย ๆ ขยับสะโพกและบดเบียดร่างของนางช้า ๆ

"อื้ม ดียิ่ง แม่นางหลินของข้า"

สติของอาฉีกลับมาแล้ว ครานี้นางไม่ห่วงคนผู้นี้อีกต่อไป นางถีบเขาออกอย่างรวดเร็วในขณะที่เขายังคงมึนงงด้วยฤทธิ์ของยายังไม่ทันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

อาฉีคว้ากระบี่ของตนที่วางอยู่ข้าง ๆ ตวัดผ้าผืนใหญ่มาคลุมกาย ชี้กระบี่ที่ยังไม่ได้ถอดออกจากฝักไปที่เขา

"แม่นางหลิน เหตุใดทำเช่นนี้ เจ้าถีบข้าทำไมหรือ"

อ้ายเจิงยังมึนงง แต่กลับรู้สึกเบาสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะถูกถีบจนตกเตียง แต่เขาก็สามารถบิดกายตนเองไม่ให้ร่างกายกระแทก อาฉีเห็นเขายังสบายดีเช่นนั้นพลันทนไม่ไหว

นางเงื้อมือขึ้นแล้วใช้กระบี่ฟาดที่ศีรษะของเขาอย่างแรง

"โอ๊ย"

เสียงร้องนั้นดังขึ้นพร้อมกับอาฉีที่เปิดประตูเรือนออกมา

ที่นอกเรือนท่านหมออ้ายเสิ่นเดินวนไปวนมาด้วยความหนักอก กระทั่งเห็นอาฉีจึงถามอย่างร้อนรน

"เป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดนานนัก พ่อเป็นห่วงยิ่ง"

ท่านหมออ้ายเสิ่นกระแอม เมื่อรู้ตัวว่าตนเองกำลังถามถึงเรื่องที่ไม่ควร ในขณะที่อาฉียังคงมีสีหน้าเรียบเฉย คล้ายกับคนที่เพิ่งนอนอยู่บนเตียงกับบุตรชายของเขาไม่เกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย

"ท่านพ่อไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ คนเสเพลนั่นยังไม่ตาย"

อ้ายเสิ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก

"อาฉีลำบากเจ้าแล้ว พวกเจ้ารีบพาคุณหนูไปแช่ยาที่ข้าให้เตรียมไว้ เร็วเข้าต้องรีบนำพิษออกจากร่างของคุณหนู"

"เจ้าค่ะ"

บ่าวรับใช้รีบกระวีกระวาดมารับใช้อาฉี ในขณะที่ท่านหมออ้ายเสิ่นเปิดประตูเข้าไปยังต้องร้องลั่น

"อาเจิง เกิดอะไรขึ้นไยหัวเจ้าแตกเช่นนี้ นี่เจ้าตกเตียงหรือ เกิดอะไรขึ้น"

อาฉียกมุมปากเอ่ยเสียงเย็น

"แค่หัวแตกยังน้อยไป"

อาฉีก้าวเท้าตามบ่าวรับใช้ไปไม่กี่ก้าว นางต้องเซถลาจนเกือบล้ม กระทั่งมีคนผู้หนึ่งรับร่างของนางเอาไว้ อาฉีตาโตรีบยอบตัวคารวะเขาเมื่อยืนได้มั่นคงแล้ว

"นายท่าน"

ลู่หนิงหวังมองอาฉีที่ห่มคลุมร่างของตนด้วยผ้าผืนโต ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง ปากบวมเจ่อและเป็นรอยแตกคงเพราะถูกกัดมาเป็นแน่ ตามลำคอเป็นรอยช้ำดูน่ากลัว แต่อาฉีก็ไม่ห่วงความงามของตนเองแม้แต่น้อย แม้จะมีแสงสว่างจากคบเพลิงไม่มากนักแต่เขาก็รู้ว่านางกำลังทนกับความเจ็บปวดจากพิษในร่างของนางเพียงใด เห็นสภาพนางแล้วลู่หนิงหวังพลันถอนหายใจ พิษร้ายที่อ้ายเจิงได้รับแรงยิ่ง จนทำให้เขาลืมตัวกับอาฉีได้เช่นนี้

"บุญคุณก็ทดแทนแล้วข้าคิดว่าเจ้ากับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีก แล้วใจของเจ้าเล่าคิดอย่างไร"

อาฉีเอ่ยราบเรียบ

"สุดแล้วแต่นายท่านจะบัญชา อาฉีไม่อาจคิดสิ่งใดได้เจ้าค่ะ เพียงแต่อาฉีขอร้องนายท่าน อย่าบอกเรื่องนี้กับเขา อย่าให้เขารู้เจ้าค่ะ"

ลู่หนิงหวังจึงเอ่ยว่า

"เขายกเจ้าให้ข้าแล้ว ข้าคือนายเหนือหัว จะบอกเขาหรือไม่ล้วนเป็นสิทธิ์ของข้า ผู้ใดเป็นบ่าวผู้ใดเป็นนายเจ้าอย่าได้ลืมตน"

อาฉีก้มหน้ารับคำเบา ๆ

"เจ้าค่ะ"

ซู่อ๋องลู่หนิงหวังก็เป็นเช่นนี้ แต่คำพูดของเขาอาฉีรู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันยอมบอกอ้ายเจิงจนกว่านางจะยินยอม

"เจ้าไปเถิด ก่อนที่พิษจะกำเริบ รักษาร่างกายให้หายค่อยกลับมาทำงาน"

"เจ้าค่ะนายท่าน"

ลู่หนิงหวังเข้าไปในเรือนของอ้ายเจิงแล้ว อาฉีพ่นลมหายใจออกมา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า อย่างที่ลู่หนิงหวังเอ่ยไว้ บุญคุณก็ทดแทนไปแล้ว นางกับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อจากนี้ไปนอกเหนือจากคำสั่งของนายท่าน อาฉีจะหลีกหนีให้ห่างจากคนผู้นั้น คนที่ทอดทิ้งนางให้อับอาย

อ้ายเจิงคนเลว

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ซีไซต์

ข้อมูลเพิ่มเติม
ข้าอยู่บน ท่านอ๋องอยู่ล่าง

ข้าอยู่บน ท่านอ๋องอยู่ล่าง

โรแมนติก

5.0

เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่

ต้องทำเช่นใดให้พวกท่านลุ่มหลง

ต้องทำเช่นใดให้พวกท่านลุ่มหลง

โรแมนติก

5.0

องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

ท่านอาเจ้าขา...ข้าอยากเป็นภรรยาของท่าน

ท่านอาเจ้าขา...ข้าอยากเป็นภรรยาของท่าน

โรแมนติก

5.0

คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง

นิยายเรื่องนี้ เป็นข้าที่เขียน!

นิยายเรื่องนี้ เป็นข้าที่เขียน!

โรแมนติก

5.0

เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย

วุ่นรักมนตรา คำสาปบุปผา NC20+

วุ่นรักมนตรา คำสาปบุปผา NC20+

โรแมนติก

5.0

​ฝูจื่อหรงก้มหน้าวูบลงมาบดริมฝีปากกับโจวเจ้าเว่ยเบาๆ แต่เจ้าเว่ยต้องการมากกว่านั้น หญิงสาวแลบลิ้นออกมารอรับ นางเป็นฝ่ายสอดความอ่อนนุ่มเข้าไปภายในปากของเขาแทน แม้มือจะยังไม่มีแรงมากนักแต่การยึดเหนี่ยวใบหน้าเขาไว้กลับไม่เป็นปัญหา หญิงสาวบดริมฝีปากสามีอย่างเร่าร้อน "ถอดเสื้อผ้าให้ข้า จื่อหรงถอดให้ข้ามันร้อนเหลือเกิน" เจ้าเว่ยปากสั่นร้อนรนเพราะทนกับความรู้สึกเสียวซ่านที่รบกวนจนรู้สึกทรมานในทุกสัมผัสของเขา พรางนึกขัดใจตนเองที่สิ้นไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั่งเสื้อผ้าของตนเองยังไม่มีปัญญาถอด "เจ้าเว่ยของข้าอย่าได้รีบร้อน เราจะค่อยๆสัมผัสและมีความสุขด้วยกัน" ฝูจื่อหรงจุมพิตปากบาง พลางถอดอาภรณ์ของนางอย่างทะนุถนอม "พี่เต้ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหลีกเลี่ยงข้ามาตลอดเหตุใดถึงยอมโดยง่าย หากข้ามีแรงมากกว่านี้คงได้ปลุกปล้ำเจ้าไปหลายครั้งแล้ว" เจ้าเว่ยกล่าวพลางพยามยามใช้มือคว้ามังกรตัวใหญ่ไว้ในมือจนสำเร็จ อารมณ์ความต้องการเพิ่มทวีขึ้นโดยที่เจ้าเว่ยไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอกำความใหญ่แน่นแล้วลูบไล้ช้าๆ มันร้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือ ภายใจร่างกายและจิตใจของเจ้าเว่ยสั่นระริกด้วยความร้อนและไฟปรารถนา ในที่สุดฝูจื่อหรงก็ถอดอาภรณ์ออกจากร่างบางได้สำเร็จ เจ้าเว่ยดูเหมือนจะมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย นางยังกำมังกรยักษ์แน่นไม่ยอมปล่อย นางเลียริมฝีปากเมื่อมองร่างมันจนฝูจื่อหรงรู้สึกลำคอแห้งผาก รู้สึกอยากกดศีรษะของคนตัวเล็กลงแล้วยัดมังกรเข้าไปในโพรงปากให้นางได้สมปรารถนาเสียเดี่ยวนี้ "ปล่อยมันก่อนเจ้าเว่ย เจ้าต้องไปอาบน้ำ" เขากระซิบเสียงแหบพร่า พยายามแกะมือเล็กที่กอบกำมังกรของเขาอยู่ เจ้าเว่ยต้องปล่อยอย่างอดเสียดาย ใบหน้าของนางฟ้องความต้องการออกมาจนฝูจื่อหรงนึกขัน แนะนำตัวละคร เรื่องย่อ โจวเจ้าเว่ย องค์หญิงแห่งแคว้นเหลียง ทายาทของเผ่าบุปผาขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามล่มเมือง คนของเผ่าบุปผาเป็นเผ่าที่ถือกำเนิดมาจากเทพเซียนรูปโฉมงดงามแต่ต้องคำสาปเรื่องของความรัก หากพวกเขามีความรักจะไม่สมหวังและตายอย่างอนาถด้วยความรักนั้น ฝูจื่อหรง ฮ่องเต้แคว้นชินที่มีเบื้องหลังการครองอำนาจโดยการสนับสนุนของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น รูปโฉมงดงามจนทำให้แข้งขาสตรีอ่อนระทวย เรื่องสตรีสำหรับเขาเป็นเพียงเพื่อมีไว้สนับสนุนบัลลังก์ให้มั่นคงเท่านั้น คนทั่วราชสำนักรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น กระทั่งวันหนึ่งเขาต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับองค์หญิงผู้ลึกลับผู้หนึ่ง ที่เข้ามาพังทะลายกำแพงหัวใจที่เขาตั้งเอาไว้ และ นางผู้นั้นยังทำท่าคล้ายกับว่าไม่อาจอยู่กับเขาได้อีก สตรีผู้หนึ่งซึ่งมีความลับบางประการซ่อนอยู่ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายฝาแฝดขององค์หญิงโจวเจ้าเว่ยโจวเจ้าเว่ยองค์หญิงผู้สามารถเดินทางข้ามมิติได้โดยใช้ขลุ่ยเพรียกบุปผาซึ่งเป็นขลุ่ยวิเศษในการเดินทางข้ามมิติ โจวเจ้าเว่ยเป็นสตรีของเผ่าบุปผาอันลี้ลับ ต้องคำสาปที่ไม่สามารถมีความรักได้ หากนางมีความรักจำเป็นต้องเจ็บปวดจนถึงแก่ความตาย เพราะเหตุนี้โจวเจ้าเว่ย และ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีแก้คำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และ พวกเขาไม่อาจเปิดเผยความลับนี้ให้ ฝูจื่อหรงล่วงรู้ได้ (เรื่องนี้เป็นนิยายภาคต่อของต้องมนต์บุปผาค่ะ)

หนังสือที่คุณอาจชอบ

การกลับมาอย่างมีชัย

การกลับมาอย่างมีชัย

โรแมนติก

5.0

ลูหว่านแต่งงานอย่างลับๆ มาสามปีแล้วและไม่เคยเห็นหน้าสามีมาก่อนเลย แต่แล้วสิ่งที่เธอได้รับในที่สุดกลับเป็นข้อตกลงารกย่าและข่าวที่เขาใช้เงินฟุ่มเฟือยเพื่อตามจีบสาวรักในใจของเขา ในที่สุดเธอก็ตื่นขึ้นมาและตัดสินใจหย่าร้าง หลังจากนั้น ลู่หว่านก็มุ่งหน้าที่พัฒนาในตัว โดยมีตัวตนหลายตัวตน เป็นหมอเทวดา สายลับระดับสูง แฮ็กเกอร์ชั้นนำ นักออกแบบชื่อดัง นักแข่งรถ และหัวหน้าฝ่ายวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หลังจากเปิดเผยตัวตนมากมายของลู่หว่าน อดีตสามีของเธอก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ชายคนนั้นร้องขอว่า "หว่านหว่าน ให้โอกาสผมอีกครั้ง ทรัพย์สินทั้งหมดของผมเป็นของคุณ และชีวิตของผมก็มอบให้คุณด้วย"

ขอโอกาสอีกครั้ง

ขอโอกาสอีกครั้ง

โรแมนติก

5.0

หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ” เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"

นางบำเรอกับจอมบงการ

นางบำเรอกับจอมบงการ

โรแมนติก

4.7

ธัญญ์... ชายหนุ่มที่เจ็บช้ำกับความรักเมื่อครั้งอดีต วิธาดา... หญิงสาวร้ายกาจที่แอบรักเขาหมดหัวใจ หญิงสาวมองสบตากับเขาในระยะกระชั้นชิด หัวใจบอบบางเรียกร้องให้เธอเปิดเผยความจริงในส่วนลึกของจิตใจ “ฉันรักนายนะธัญญ์ รักนายมานานแล้ว” หล่อนคิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเขาจะต้องทำหน้าตกใจ แม้จะทำใจเอาไว้แล้ว แต่เธอรู้สึกเจ็บปวด มีผู้ชายหลายคนอยากสานสัมพันธ์กับเธอ แต่เธอก็สลัดทิ้ง แต่เขา... คนที่เธอแอบรัก เขากลับมีใจให้น้องสาวของเธอ เขากลับไม่ต้องการความรักของเธอ เขากลับตกใจและมองเธอเหมือนตัวประหลาด “เธอพูดอะไรของเธอ” ธัญญ์ทั้งมึนงง ทั้งตกใจในคำพูดของหญิงสาว “พูดความจริง นายคงไม่เคยรู้มาก่อน นายเป็นผู้ชายคนแรกของฉัน คืนนั้น...” เธอพูดอย่างหมดเปลือก เขาจะดูถูกยังไงก็ช่าง แต่เธอเป็นคนพูดตรงๆ เธออยากให้เขารับรู้และเข้าใจ “แต่ฉันไม่ได้รักเธอ ไม่แม้แต่จะคิด”

เมียลับนายหัว

เมียลับนายหัว

มหาเศรษฐี

5.0

................ วินาทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาว หัวใจเขาเต้นแรงมาก ความรู้สึกหม่นเศร้า เคว้งคว้างท่ามกลางความหนาวเหน็บถูกปัดออกมาจากจิตใจจนสิ้นเมื่อได้พบหน้ากัญญาพัชรด้วยตาตัวเอง หนูน้อยวัยสี่ขวบเดินมาหาชายร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกที่บอกในใจว่า ต้องเดินไปหา “สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” เสียงหวานใสเหลือเกิน... สิงหนาทพูดอยู่ในใจเมื่อได้ยินเสียงแรกของลูกสาว เขาก้มมองดูเด็กหญิงหน้าตาราวกับตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพู รูปร่างอวบน่าฟัดน่ากอด สวมใส่ชุดคอจีนสีขาวฟ้า ใบหน้าหนูน้อยชวนมองยิ่งนัก ตาโต แก้มป่อง ริมฝีปากแดงอมชมพู เขาย่อตัวลงให้ความสูงอยู่ระดับเดียวกับกัญญาพัชร “ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ” สิงหนาทพูดกับลูกเสียงหวานมาก กัญญาภรณ์กับชุติมาสั่งสอนเสมอว่า อย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้า ใครที่น้องขนมไม่รู้จักชวนไปไหนอย่าไป ให้กินอะไรก็อย่ากิน ซึ่งหนูน้อยเชื่อฟังมาตลอด ทว่าครั้งนี้กัญญาพัขรกลับละเมิดคำสั่งสอนมารดา “ได้ค่ะ” กัญญาพัชรกางมือออกไปทางด้านข้าง ยิ้มเต็มใบหน้า ราวกับว่าต้องการอ้อมกอดจากเขาเช่นกัน สิงหนาทไม่รอช้ารั้งร่างอวบของลูกสาวไว้ในอ้อมแขน กระชับแน่นประหนึ่งกลัวว่าร่างนี้จะสลายแล้วรู้ตัวว่า เขาอยู่ในความฝัน ไม่ใช่ฝัน...มันคือเรื่องจริง เนื้อนุ่มนิ่มที่เขากอด หัวใจของหนูน้อยที่แนบกับอก สิงหนาทรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ความอุ่นจากเรือนกายตอกย้ำว่า เขาได้พบลูกแล้ว น้ำตาเขาปริ่มขอบตาก่อนปล่อยมันลงมาเคลียแก้มอย่างไม่คิดจะกลั้น เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เป็นความดีใจที่รอคอยมานานสี่ปี คนเป็นพ่อค่อยๆ ดันร่างลูกสาว ลูบหัวหนูน้อยเบามือ “คุณลุนร้อนไห้ทำไมคะ โอ๋ๆ ไม่ร้อนนะคะ” สิงหนาทยิ้มกับคำพูดของลูกสาว แล้วยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อกัญญาพัชรกอดปลอด “ไม่ต้องร้อนนะคะ โอ๋ๆ” “ลุงไม่ร้องแล้วครับ ลุงไม่ร้องแล้ว ขอบใจน้องขนมนะครับที่ปลอบลุง” สิงหนาทปาดน้ำตาทิ้ง ยิ้มให้บุตรสาวสุดน่ารัก “แม่อยู่ไหมครับ แม่แพรน่ะครับ” “แม่ไม่อยู่ค่ะ” “แม่ไปไหนครับ” “แม่ไปหาผัวใหม่” เด็กวัยสี่ขวบตอบเสียงใส ยิ้มแป้น แต่คนได้รับคำตอบกลับยิ้มไม่ออก “ไปไหนนะครับ” สิงหนาทถามซ้ำ “แม่ไปหาผัวใหม่ น้ายูบอกว่าผัวเก่าแม่เฮงซวยค่ะ” น้องขนมตอบตามที่ชุติมาบอก ไม่รู้ความหมายในคำพูดที่เอ่ยออกไป โดยไม่รู้ว่า คำตอบของตนนั้นกำลังทำให้เสือร้ายโมโห “หนอย...ห่างผัวไม่กี่ปี ริอยากมีผัวใหม่ ฝันไปเถอะ” โรมานซ์

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
จอมเสเพลอย่างท่านอย่ามาเกี้ยวข้า!
1

บทที่ 1 แทนคุณ

08/08/2023

2

บทที่ 2 ปฏิเสธ

08/08/2023

3

บทที่ 3 นำกำลังไปช่วยคน

08/08/2023

4

บทที่ 4 ตามหาคนรอด

08/08/2023

5

บทที่ 5 พี่ชายมาช่วย

08/08/2023

6

บทที่ 6 อาการป่วย

08/08/2023

7

บทที่ 7 ความเงียบทำให้รู้จักคน

08/08/2023

8

บทที่ 8 คำตัดสินของอ้ายเจิง

08/08/2023

9

บทที่ 9 อาฉีมาเป็นอันดับหนึ่ง

08/08/2023

10

บทที่ 10 เมื่อเติบใหญ่

08/08/2023

11

บทที่ 11 สองอ๋องที่น่ากลัว

08/08/2023

12

บทที่ 12 เข้าเมืองหลวง

08/08/2023

13

บทที่ 13 การต้อนรับของแคว้นซูอาน

08/08/2023

14

บทที่ 14 เมื่อได้พบเขา

08/08/2023

15

บทที่ 15 ความฝันของอาฉี

08/08/2023

16

บทที่ 16 พบฝ่าบาท

08/08/2023

17

บทที่ 17 องค์หญิงเจวียหยี

08/08/2023

18

บทที่ 18 เข้าข้างอาฉี

08/08/2023

19

บทที่ 19 พากลับจวน

08/08/2023

20

บทที่ 20 อาหารช่วยอาฉีได้

08/08/2023

21

บทที่ 21 จะนอนกับพี่ชาย

08/08/2023

22

บทที่ 22 เด็กดื้อ

08/08/2023

23

บทที่ 23 ซูบผอม

08/08/2023

24

บทที่ 24 อย่าบอกผู้ใด

08/08/2023

25

บทที่ 25 เจ็บป่วย

08/08/2023

26

บทที่ 26 รับสาวงามเข้าจวน

08/08/2023

27

บทที่ 27 รับพระบัญชา

08/08/2023

28

บทที่ 28 ที่ปรึกษาที่น่ากลัว

08/08/2023

29

บทที่ 29 ในที่สุดแล้ว

08/08/2023

30

บทที่ 30 ของขวัญจากท่านอ๋อง

08/08/2023

31

บทที่ 31 ตัดขาด

08/08/2023

32

บทที่ 32 แผนของอ้ายเจิง

08/08/2023

33

บทที่ 33 สามีกับภรรยา

08/08/2023

34

บทที่ 34 น้องสาวผู้เหี้ยมโหด

08/08/2023

35

บทที่ 35 เติบใหญ่

08/08/2023

36

บทที่ 36 เข้าใกล้ความตาย

08/08/2023

37

บทที่ 37 ไล่พวกนางออกไป

08/08/2023

38

บทที่ 38 แล้วแต่บุญวาสนา

08/08/2023

39

บทที่ 39 ข้าจะช่วยเขาเองเจ้าค่ะ

08/08/2023

40

บทที่ 40 ไร้สติ

08/08/2023