Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา

เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา

Ainthira06

4.9
ความคิดเห็น
274.8K
ชม
81
บท

ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด

บทที่ 1 เนเน่ เนตรนภา

หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ทุก ๆ ครั้งที่มหาวิทยาลัยมีโครงงานศึกษาดูงาน เนเน่จะเป็นตัวเลือกคนแรกที่ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกเข้าพบ แม้เธอจะไม่ต้องการก็ตาม

ลำพังแค่ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยจนขึ้นปีสองคนเดียวก็ยากแล้ว เพื่อนในสาขาที่เรียนด้วยกันยังเหมือนจะไม่ชอบเธออีก เเธอจึงชอบตัดปัญหาโดยการไม่สุงสิงกับใคร

“นะ เนตรนภา เธอก็รู้ว่ายังไงถ้าไม่อ้างอิงตามคะแนนของรายวิชา เธอก็ผ่านไปได้อยู่แล้ว”

เนตรนภาคือชื่อจริงของเนเน่ เธอเรียกว่าเป็นตัวท็อปอันดับต้น ๆ ของสาขาเลยก็ว่าได้

อีกอย่างก็เป็นเด็กกิจกรรมที่เข้าร่วมไม่เคยขาดจนเป็นที่เอ็นดูของเหล่าอาจารย์ ครั้งนี้มหาวิทยาลัยสามารถพานิสิตไปศึกษางานเกี่ยวกับอดีตและยุคสมัยได้ถึงสิบคน ที่ไม่รวมกับอาจารย์ที่ปรึกษาของรายวิชาและอาจารย์อีกสองท่าน อาจารย์กมลนิลจึงเรียกเธอเข้ามาพูดคุย

“อีกตั้งหลายวันจะมีการทำงานกลุ่มน่าจะเป็นงานสุดท้ายที่ตัดสินหรือเปล่าคะ? หนูขอกลับไปถามครอบครัวก่อนเพราะประเทศจีนต้องเดินทางไกล ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก หนูกลัวว่าที่บ้านจะไม่อนุญาตค่ะ”

“ได้ ๆ”

เพราะสามารถพาไปได้หลายคนเหล่าอาจารย์จึงปรึกษากันว่าคะแนนเก็บใครเยอะสุดคนนั้นจะได้ไป แต่ถ้าไม่ต้องการที่จะไปก็สละสิทธิ์ให้คนอื่นได้

ถึงต้องนับคะแนนเก็บแต่เนเน่ก็เป็นตัวเลือกที่เหล่าอาจารย์จะพาไปต่อให้คะแนนน้อย

ครอบครัวของเนเน่มีเชื้อสายคนจีนที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาว และเนเน่ก็เกือบจะไม่ได้ต่อในระดับมหาวิทยาลัยเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะพี่ชายกับน้องชายต่อรองกับอาป๊าและหม่าม้าให้

ครอบครัวของเธอมีร้านอาหารที่ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็ก เพราะอาป๊ากับหม่าม้าสามารถทำงานส่งเฮียนราเรียนจบถึงปริญญาโท ตอนนี้กำลังหาเงินต่อปริญญาเอกเอง น้องชายคนเล็กก็ขึ้นปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ

และส่งเธอเรียนในระดับปริญญาตรี นอกจากค่าเทอมแล้วยังต้องให้เธอใช้ต่อเดือนอีก เดือนละเป็นหมื่น

แต่ถึงท่านทั้งสองจะรักลูกชายมากกว่าลูกสาวอย่างที่หลาย ๆ บ้านเป็น แต่ทั้งสองก็ไม่ได้บังคับเนเน่เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ อยากเรียนก็เรียนไปแต่ถ้าเรียนจบปริญญาตรีก็คงไม่ส่งเรียนต่อแล้ว

“ม้าคะ หนูกลับมาแล้วค่ะ”

เนเน่ส่งเสียงบอกหม่าม้าที่นั่งเล่นอยู่กลางบ้าน หม่าม้าของเธออายุจะหกสิบแล้วเลยหยุดทำงานในร้าน ให้ลูกจ้างทำงานแทน ส่วนอาป๊าก็อายุเท่ากันแต่ชอบไปนั่งดูร้าน

“กลับมาแล้วรึอาเนเน่ ตี๋เล็กล่ะ กลับมาพร้อมลื้อหรือเปล่า”

หญิงสาวถอนหายใจออกมา ที่บ้านก็แบบนี้แหละ ถ้าเฮียนราอยู่บ้านไม่ออกไปอยู่คอนโด หม่าม้าก็จะถามหาเฮียกับตี๋เล็ก

“ไม่ค่ะม้า ตี๋เล็กคงอยู่กับเพื่อน”

“เหรอ”

“งั้นเน่เอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะคะ”

“อือ”

มหาวิทยาลัยกับบ้านห่างกันเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร สมัยที่เฮียนรายังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็เรียนที่เดียวกับเธอ และอาป๊ากับหม่าม้าก็เช่าคอนโดให้อยู่ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย โดยให้เหตุผลว่าจะได้ไปเรียนสะดวก ตี๋เล็กก็เหมือนกัน ยกเว้นเธอที่ต้องไปกลับระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัย ทั้งที่ได้เงินเดือนน้อยกว่าพี่ชายกับน้องชายเกือบเท่าตัว

“เอาละ นิสิตสามารถเดินดูได้แต่อย่าไปไกลมาก อาจารย์ขอคุยกับคนดูแลที่นี่ก่อน ไม่ก็ขึ้นไปรอบนรถ” อาจารย์กมลนิลเอ่ยบอกหลังพากันเดินดูภายในหมู่บ้านเก่าแก่

อาจารย์กมลนิลกลัวว่าเธอจะไม่ได้มาด้วยเลยติดต่อไปหาอาป๊าว่าต้องการที่จะพาเธอไป อาป๊าก็เลยอนุญาต แต่ถึงจะไม่ติดต่อมาหาเนเน่ก็มีสิทธิ์ที่จะไปอยู่แล้ว เพราะเธอมีคะแนนรวมติดท็อปหนึ่งในสามของสาขา

นี่เป็นวันที่สองที่เธอได้เข้ามาศึกษาที่นี่ เนเน่รู้สึกได้ว่าเธอชอบที่นี่มาก ภายในหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านร้างไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่ถูกดูแลทำความสะอาดทุกเดือน เป็นหนึ่งในที่สถานที่ที่หลายมหาวิทยาลัยเลือกเป็นโครงงานศึกษางาน

ถึงเพื่อนร่วมสาขาจะมีท่าทีว่าไม่ชอบเธอแต่เนเน่ก็ทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้เธอมีคะแนนเก็บที่มากกว่าคนอื่นล่ะ กว่าจะพยายามได้ขนาดนี้ไม่ใช่ง่ายเลย

ตอนนี้มันใกล้มืดแล้วพรุ่งนี้เช้าพวกเธอก็ต้องกลับไปยังมหาวิทยาลัย และไม่ใช่ว่ามาศึกษางานเปล่า ๆ ใครที่มาในครั้งนี้ต้องเขียนรายงาน และบอกเล่ารายละเอียดของที่นี่ส่งให้อาจารย์ประจำคณะ ใครที่อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายก็มีโอกาสได้ไปศึกษางานหน้า

“เนเน่”

เสียงเรียกชื่อของเธอทำให้เนเน่ต้องหันไปมอง เป็นกลุ่มหญิงสาวที่สวยที่สุดในสาขาของพวกเธอ และกลุ่มนี้มีทั้งหมดสี่คน แต่มาโครงงานนี้แค่สามคนเพราะอีกคนคะแนนไม่ถึง

“ทอแสงมีอะไรหรือเปล่า”

ทอแสง แพรฝัน วาดหวาน และน้ำตาลเป็นกลุ่มนักศึกษาสาวที่มีหลายคนพูดถึง และเป็นกลุ่มหญิงสาวที่ติดท็อปความสวยของมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่ค่อยได้คุยกับคนในกลุ่มนี้เท่าไร หรือบางทีเรียกได้ว่าไม่เคยคุยก็ว่าได้

“เธอรู้จักฉันด้วย?” ทอแสงชี้นิ้วใส่ตัวเองพร้อมตั้งคำถาม

“อืม” เนเน่พยักหน้า ก็คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนดังนี่ เธอจะไม่รู้จักก็ไม่แปลก อีกอย่างในสาขาของเธอก็มีไม่ถึงสามสิบคนด้วยซ้ำ

“อ๋อ พอดีอาจารย์ออดี้มีเรื่องจะคุยกับเธอ เราเลยอาสามาบอกให้ อาจารย์รออยู่ท้ายหมู่บ้านนะ”

“เหรอ แต่อาจารย์บอกว่าไม่ให้ไปไกลนี่” เนเน่ลังเล เธอไม่เห็นอาจารย์ออดี้อยู่บริเวณนี้มาสักพักแล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะไปหาเพราะอาจารย์ให้รออยู่ตรงนี้

“ไม่เชื่อเหรอ? ให้เราพาไปก็ได้นะ”

“ได้สิ”

เนเน่เดินตามหลังเพื่อนร่วมสาขาโดยที่ไม่เอะใจเลยว่าไม่มีแพรฝันกับวาดหวานที่ตัวติดกับทอแสงไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ทั้งสามเดินมาด้วยกัน เธอรู้แค่ว่าอาจารย์เรียกก็เท่านั้น

“กรี๊ดดดดด”

เสียงหัวเราะด้านนอกทำให้เนเน่สับสน เธอเรียกให้ทอแสงช่วยแต่กลับไม่ช่วยเธอ เมื่อกี้เธอหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านเก่าหลังหนึ่งแล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนกับมีคนผลักเข้ามา

ปัง! ปัง!

“ช่วยด้วย!”

แม้จะเป็นบ้านที่เก่าแก่แต่ไม่รู้ว่าทำไมประตูบ้านถึงแข็งมากขนาดนี้ ทั้งที่มันควรจะพังลงเพราะเธอเขย่ามัน เนเน่น้ำตาไหลนองใบหน้า

เธอเป็นคนที่กลัวความมืดมาก ข้างนอกก็เริ่มจะมืดแล้ว แต่ที่นี่มันห่างจากที่เธอมาไกลพอสมควร ภาวนาให้มีคนมาช่วยก่อนที่จะมืด

เฮือก!

“ฮ่า ฮ่า”

ทอแสงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี พอถึงห้องพัก ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมสาขา หรือแม้แต่อาจารย์ก็ไม่เอะใจถามหายัยเฉิ่มนั่น

“โง่มากอะ” วาดหวานพูดเสริม

เหตุการณ์ก่อนหน้าก็เป็นเธอนั่นแหละที่ผลักยัยเฉิ่มนั่นเข้าบ้านร้างไป ช่วยไม่ได้ที่ใครให้หล่อนมีคะแนนที่สูงจนทำให้เพื่อนอีกคนของเธอไม่ได้มาด้วยกันล่ะ

“จริง เป็นลูกรักอาจารย์ แต่โง่มาก ฮ่า ฮ่า” แพรฝันหัวเราะตาม

อุตส่าห์นัดกันไว้แล้วว่าจะไปเดินชอปปิงกันที่นี่ แต่ยัยโง่นี่กลับทำให้น้ำตาลเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนของพวกเธอมาด้วยไม่ได้

“แต่มันจะไม่มีปัญหาแน่นะ” แพรฝันกังวล

เธอกับกลุ่มเพื่อนก็แค่ต้องการแกล้งยัยเฉิ่มที่ทำให้เพื่อนของเธออีกคนไม่ได้มาด้วย พรุ่งนี้อาจารย์ก็คงจะเอะใจกลับไปถามหา

“ไม่มีหรอก ถ้ามันบอกว่าเราแกล้ง ใครจะไปเชื่ออะ คนก็ไม่มี ไม่มีใครเห็น อีกอย่างในมหาลัยเราก็ไม่เคยไปคุยกับมัน” ทอแสงไม่มีความกังวลใด ๆ

“ใช่”

“ไปอาบน้ำไป ฉันจะออกไปข้างนอก”

“เออ”

“ยัยน้ำตาลมันกรี๊ดมาอีกแล้ว รำคาญมาก”

“ก็คนเอาแต่ใจ”

เช้าวันใหม่ทุกคนต้องวุ่นวายตั้งแต่เช้าเพราะเพื่อนร่วมห้องของเนเน่แจ้งอาจารย์ว่าเนเน่ไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน ที่ไม่ได้แจ้งตั้งแต่เมื่อคืนเพราะคิดว่าเนเน่จะกลับไปหาญาติ แต่เธอเพิ่งจำได้ว่าโทรศัพท์ของเนเน่ฝากไว้กับเธอก่อนที่เนเน่จะหายไป

“ได้ยังไง เพื่อนหายไปทำไมไม่มีใครบอก”

อาจารย์ทั้งสามคนรู้สึกเครียดมากเพราะนับดูแล้วเวลาที่นิสิตหายไปก็เกือบสิบชั่วโมง อีกทั้งยังเป็นนิสิตที่อาจารย์รับปากผู้ปกครองว่าจะดูแลเป็นอย่างดี

“ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ เมื่อวานหนูเหนื่อยมาก พอมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำแล้วพักเลย”

จะโทษนิสิตก็ไม่ถูกเพราะเมื่อวานเหนื่อยกันมากจริง ๆ ไหนจะกลับวันนี้อีก ทุกคนเลยไม่ใส่ใจเพื่อนร่วมสาขา

“เดี๋ยวอาจารย์จะไปประสานงานกับผู้ดูแลหมู่บ้านก่อน เราก็ไปรวมกับเพื่อนไป แล้วบอกเพื่อนว่าอาจกลับช้า”

“ได้ค่ะ”

หมิงหมิงเพื่อนร่วมห้องของเนเน่ถอนหายใจออกมาหลังจากแจ้งอาจารย์เสร็จ เป็นความไม่รอบคอบของเธอจริง ๆ ที่ไม่ดูเพื่อน เธอจำได้ว่าเนเน่ฝากของไว้กับเธอเพราะอยากเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็ไปช่วยอาจารย์ถือของ เมื่อคืนก็คิดว่าไปกับญาติไหนจะเหนื่อยอีก แต่ตอนเช้าพอคิดดูแล้วเธอคิดว่ามันไม่ใช่

“เป็นอะไรหมิงหมิง ทำหน้าเครียดมาแต่ไกลเลย” เพื่อนสนิทของเธอถามด้วยความเป็นห่วง

“เนเน่อะ เมื่อคืนไม่ได้กลับห้อง แกเห็นไหม”

หมิงหมิงเป็นเด็กกิจกรรมและเด็กที่ติดท็อปสาขาไม่ต่างจากเนเน่ ทั้งสองเข้าร่วมแทบจะทุกกิจกรรมเลยสนิทกันไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน มีบ้างที่ชวนกันไปกินข้าว

“อ้าว แต่ไม่เห็นกลับด้วยกันตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ” ใยไหมตอบด้วยความงง

“เหรอ”

“ฉันบอกแล้วยัยเฉิ่มมันโง่ เพื่อนก็ไม่มี จะมาทำไมก็ไม่รู้” วาดหวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดีหลังหัวหน้าสาขาพูดกับเพื่อนสนิท ทั้งสามคนยืนอยู่ด้านหลังจึงไม่แปลกที่จะได้ยินสิ่งที่พูด

“เออ หงุดหงิดว่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะมันยัยน้ำตาลมันก็ไม่ต้องมากรี๊ดใส่เราหรอก”

“จริง หายไปจากโลกได้ก็ดี”

“ฮ่า ฮ่า”

เสียงหัวเราะจากกลุ่มสามสาวเรียกรอยยิ้มจากคนรอบข้างได้ไม่ยาก ทั้งสามคนสวยมาก ยิ่งหัวเราะก็ยิ่งสดใส แต่ทุกคนคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ทั้งสามทำ มันทำลายชีวิตของหญิงสาวอีกคน

“ไม่จริง!”

“จริง ๆ ผมได้ยินอาจารย์แกพูดอยู่”

“เมื่อวานก่อนจะกลับเนเน่ก็ยังดี ๆ อยู่เลยนะ”

“มีอะไรกันเหรอคะ” วาดหวานเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่โวยวายกันอยู่ จริง ๆ ก็เป็นกลุ่มคนในสาขาแหละ

“ยัยเนเน่ตายแล้ว”

“ฮ้า!”

“ไม่น่าเชื่อใช่ไหมละ เมื่อวานเรายังยืนอยู่ด้วยกันอยู่เลย”

หากมีคนสังเกตคงจะเห็นอาการหวาดกลัวของสามสาวที่เดินเข้ามาใหม่ แต่ทุกคนกำลังสนใจสิ่งที่รับรู้มามากกว่า

หลังจากได้รับข่าวร้ายจากอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยของลูกสาว ผู้เป็นพ่อแม่ พี่ชายและน้องชายก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเพื่อยืนยันตัวตนของเนเน่

“อาเนเน่!”

หม่าม้าของเนเน่กรีดร้องเมื่อเห็นร่างของลูกสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ ต่อให้ไม่ได้รักเท่าลูกชายแต่ก็เลี้ยงมาจนเติบโต ผู้เป็นแม่มีหรือที่จะรับไหว

“ฮือ ฮือ ๆ ไหนลื้อบอกจะมากลับหาม้าไง!”

เสียงกรีดร้องของผู้เป็นแม่ทำให้นรากำมือแน่น เขาไม่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญ เนเน่ไม่ชอบความมืด จากเหตุการณ์ที่ทางคณะอาจารย์บอกเล่ามาน้องสาวของเขาต้องรีบกลับมาหาเพื่อนแล้วหากไปเข้าห้องน้ำจริง

[เฮียผมส่งคนไปดูกล้องวงจรปิดที่นั่นแล้วนะ! มันไม่ค่อยชัดเพราะกล้องอยู่นอกหมู่บ้าน น้องสาวเฮียเดินตามผู้หญิงคนหนึ่งไปแต่ไม่ใช่เพื่อนที่เห็นเนเน่คนสุดท้ายนะ จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็กลับมาพร้อมเพื่อนอีกสองคนที่มาตามเนเน่ แน่นอนว่าไม่มีน้องสาวเฮีย แล้วทุกคนก็ขึ้นรถกลับห้องพักทั้งหมดเลย]

เสียงปลายสายตอบกลับมาพร้อมส่งคลิปวิดีโอที่ได้รับมาให้ นรายืนอยู่หลังโรงพักเพราะต้องสอบสวนคดีของน้องสาว เขาเปิดคลิปขึ้นมาดู ผู้หญิงคนนั้น! อีกทั้งสีหน้าเมื่อเดินกลับมายังสนุกกันอยู่เลย

แพรฝัน? ทอแสง? วาดหวาน?

ทำไมก่อนหน้านี้ตำรวจทั้งของประเทศจีนและของประเทศเขาถึงสรุปว่าเป็นเพราะน้องสาวของเขาประมาท จึงทำให้ถึงแก่ความตาย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นการฆาตกรรม!

[ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะเป็นลูกคนมีอำนาจนะ เฮียให้ผมจัดการให้เลยไหม ยังไงเนเน่ก็น้องสาวผมคนหนึ่ง]

“อืม ฝากด้วยนะมึง”

[ครับ]

เพจมหาวิทยาลัย

[ ‘ข่าวด่วน! รีบดูก่อนคลิปโดนลบ นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังบินไปศึกษางานที่ต่างประเทศ แต่มีนักศึกษาหญิงเสียชีวิต ตำรวจสรุปคดีว่าเป็นการประมาท แต่ประมาทจริง ๆ เหรอ ดูคลิปเพิ่มเติม…’ ]

ข่าววงใน

[ ‘ตอนนี้เพจมหาวิทยาลัยโดนดึงนะคะ อย่าเพิ่งกล่าวหาระวังโดนแจ้งข้อหาเด้อ’ ]

มิตรไมตรี ตอบกลับโพสต์ ข่าววงใน : คลิปจริง ๆ ใช่ไหมคะ

นิลินคนสวย ตอบกลับโพสต์ ข่าววงใน : ฉันว่าไม่ใช่หรอกนะ! กลุ่มนี้นางฟ้าประจำมหาวิทยาลัยเลยนะ

Pupu : คลิปจริง ๆ ครับ ไม่ได้ตัดต่อ

กลุ่มนางฟ้าประจำมหาวิทยาลัย ทอแสง แพรฝัน วาดหวานนั่งเล่นที่โต๊ะประจำพร้อมน้ำตาล เพื่อนสาวสนิทอีกคนของกลุ่ม แต่อยู่ ๆ ทั้งหมดก็รู้สึกว่ามีคนชี้นิ้วมาที่โต๊ะ ทั้งยังถ่ายรูปเต็มไปหมด

“เกิดอะไรขึ้น!” แพรฝันถามอย่างตกใจ

“นั่นสิ” ลำพังเรื่องของยัยเฉิ่มเพิ่งจบลงไปพวกเธอก็ยังไม่หายหวาดกลัว อยู่ ๆ ก็มีคนมาถ่ายรูปทั้งยังซุบซิบเต็มไปหมด

(ประกาศ ประกาศ ขอพบ นางสาวแพรฝัน ฟรินศา นางสาวทอแสง รวินนิภา และนางสาววาดหวาน วราภรณ์ที่ห้องประชุมด้วยค่ะ รีบมาตอนนี้เลยนะคะ อาจารย์รออยู่ประกาศ ประกาศ…)

สิ้นเสียงประกาศหญิงสาวทั้งสามแสดงอาการหวาดกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้น้ำตาลเพื่อนสาวอีกคนต้องร้องถามด้วยความสงสัย

“มีอะไรกันเหรอ”

“ไม่มีอะไรหรอก แกนั่งรออยู่ที่นี่นะ! ฉันจะไปเข้าห้องน้ำก่อน” ทอแสงเอ่ยออกมาอย่างเร่งรีบ อีกทั้งมือก็ยังกวาดเครื่องสำอางใส่กระเป๋า

“ใช่ ๆ! ฉันไปด้วย”

“ฉันไปด้วยสิ!”

“จะไปไหนกันเหรอครับคนสวย หึ ๆ”

นราเดินเข้ามาขวางกลุ่มหญิงสาวทั้งสี่คนพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาหญิงสาวทั้งสามหวาดกลัว ด้านหลังมีตำรวจตามมาอีกห้านาย กว่าเขาจะรวบรวมหลักฐานและหาคนต่อกรกับฐานอำนาจด้านหลังคนกลุ่มนี้ได้ก็หลายวัน

“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ พอดีฉันจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ หลีกทางให้ด้วยค่ะ” แพรฝันรีบกล่าว

“ไม่ต้องไปไหนกันทั้งนั้นครับ! ร่วมมือกันฆ่าคนตาย ทั้งยังปกปิดหลักฐานมีความผิดนะรู้ไหม”

นราเหยียดยิ้ม ฆ่าคนตายแล้วยังมาเสวยสุขกันได้ แต่ชีวิตน้องสาวเขาล่ะ อีกทั้งหม่าม้าของเขายังทำใจเรื่องน้องสาวยังไม่ได้เลย

“มะ…ไม่”

“กรี๊ดดดดด”

“ยะ…ยัย วาดเป็นคนทำ! จับมันสิ จับมันไปเลย!”

“กรี๊ดดด อีแพร!”’

หญิงสาวทั้งสามคนกรีดร้องออกมาเมื่อถูกควบคุมตัว พ่อของพวกเธอจัดการหมดแล้วไม่ใช่เหรอ! ยิ่งกลัวกันมากเท่าไร ทั้งสามก็แฉเพื่อนออกมาเป็นหลักฐานมัดตัว

‘ถึงเฮียจะไม่ค่อยแสดงความรักแต่เฮียก็รักหนูนะอาเน่ เฮียจัดการกับพวกที่ทำหนูให้แล้วนะ หลับให้สบายนะน้องสาวคนสวยของเฮีย’

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Ainthira06

ข้อมูลเพิ่มเติม
ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี1980

ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี1980

วัยรุ่น

5.0

ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย

หนังสือที่คุณอาจชอบ

บังเอิญหรือพรหมลิขิต

บังเอิญหรือพรหมลิขิต

Irita Sarkar
5.0

เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย

สามีข้าเป็นหมีแพนด้าผู้คลั่งรัก

สามีข้าเป็นหมีแพนด้าผู้คลั่งรัก

รวิญาดา ผการุ้ง
5.0

หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !

พี่เขยคลั่งสวาท

พี่เขยคลั่งสวาท

กาสะลอง
5.0

“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา
1

บทที่ 1 เนเน่ เนตรนภา

12/01/2024

2

บทที่ 2 เซี่ยซูเหยา

12/01/2024

3

บทที่ 3 เซี่ยซูเหยาหายป่วย

12/01/2024

4

บทที่ 4 เข้าป่า

12/01/2024

5

บทที่ 5 ไก่ย่างสมุนไพร

12/01/2024

6

บทที่ 6 ช่วยชีวิตลูกหมาป่า

12/01/2024

7

บทที่ 7 เสี่ยวเฮย

12/01/2024

8

บทที่ 8 กาฝาก

12/01/2024

9

บทที่ 9 เซี่ยห้าวไห่ขึ้นเขาล่าสัตว์

12/01/2024

10

บทที่ 10 ฝาแฝดสกุลเซี่ยมาอีกแล้ว

12/01/2024

11

บทที่ 11 ท่านย่าเซี่ยโมโห

12/01/2024

12

บทที่ 12 หาของแปรรูป

12/01/2024

13

บทที่ 13 หัวหมู

12/01/2024

14

บทที่ 14 เซี่ยห้าวไห่หนุนหลัง

12/01/2024

15

บทที่ 15 เซี่ยซูเหยาโมโห

12/01/2024

16

บทที่ 16 เตรียมของไปขายตลาด

12/01/2024

17

บทที่ 17 กิจการค้าขายของบ้านเซี่ย

12/01/2024

18

บทที่ 18 ผู้นำสกุลเซี่ย

12/01/2024

19

บทที่ 19 หมูป่า

12/01/2024

20

บทที่ 20 รีบไปเช่าแผง

12/01/2024

21

บทที่ 21 ทาบทาม

12/01/2024

22

บทที่ 22 ส่งเซี่ยซูเหยียนไปเรียน

12/01/2024

23

บทที่ 23 ท่านเจ้าเมืองเฟิงถูกสังหาร

12/01/2024

24

บทที่ 24 ย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

12/01/2024

25

บทที่ 25 สงสัย

12/01/2024

26

บทที่ 26 ทาส

12/01/2024

27

บทที่ 27 ลืมกำพืด

12/01/2024

28

บทที่ 28 ซื้อที่ดินเพิ่ม

12/01/2024

29

บทที่ 29 ขายของเพียงลำพัง

12/01/2024

30

บทที่ 30 อยากเป็นหมอ

12/01/2024

31

บทที่ 31 ได้รับบาดเจ็บ

12/01/2024

32

บทที่ 32 ช่วยเหลือ

12/01/2024

33

บทที่ 33 ของมารดา

12/01/2024

34

บทที่ 34 สถานะที่แท้จริง

12/01/2024

35

บทที่ 35 ฝากตัวเป็นศิษย์

12/01/2024

36

บทที่ 36 ซื้อทาสเพิ่ม

12/01/2024

37

บทที่ 37 ข้าวไข่ตุ๋นผักที่เลื่องลือ

12/01/2024

38

บทที่ 38 ข้าวไข่เจียวกุ้ง

12/01/2024

39

บทที่ 39 ไว้เจอกันใหม่นะ

12/01/2024

40

บทที่ 40 ปิดตลาด

12/01/2024