Gray Dutch คนของโจเซฟ | Mpreg

Gray Dutch คนของโจเซฟ | Mpreg

Ainthira06

5.0
ความคิดเห็น
1.2K
ชม
16
บท

เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว

บทที่ 1 ขยะไร้ค่า

อึดอัด

แม้จะเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่สำหรับติณณ์แล้ว...เขาไม่ชินกับมันเอาเสียเลย

“คุณพ่อคะ ไตรเขาทำแผนงานนี้ได้สำเร็จอย่างสวยงามเลยค่ะ กำไรเพิ่มมากขึ้นเกือบ 5%”

“จริงรึ! หลานทำได้ขนาดนั้นเลยรึ!”

“แถมบริษัทนี้ยังเป็นบริษัทที่ปกติเลือกแต่งานของบริษัทคู่แข่งเราด้วยนะครับคุณพ่อ ไม่รู้ไตรใช้วิธีอะไรถึงสามารถดึงพวกเขามาบริษัทเราได้”

“เก่งมากหลานรักของปู่!”

“คุณปู่ก็อย่าไปฟังคุณพ่อกับคุณแม่นักเลยครับ เรื่องแค่นี้เอง ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”

หากมองจากมุมมองภายนอกแล้ว ภาพที่อยู่ตรงหน้าช่างเป็นการรับประทานอาหารของครอบครัวที่สุขสันต์เสียเหลือเกิน ประกอบไปด้วยผู้เป็นผู้นำตระกูลในปัจจุบัน จิรเดช ศรัณย์รัชต์ ที่ตอนนี้ยกบริษัทให้ลูกชายเป็นผู้ดูแล อย่างจิรกานต์ ศรัณย์รัชต์ โดยมีภรรยาแสนสวยประกบเคียงข้าง พร้อมกับหลานชายคนโปรดอย่างไตรภพ ศรัณย์รัชต์

จิรเดชนั้นมีบุตรชายทั้งหมดสามคน โดยจิรกานต์เป็นบุตรชายคนสุดท้อง ด้วยความเป็นคนสุดท้องจึงไม่ได้มีบทบาทภายในตระกูลมากนัก แต่อาจจะต้องขอบคุณภรรยาของเขา เขมิกา ที่คลอดลูกชายแสนฉลาดอย่างไตรภพออกมา

ไตรภพเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ ต่อยอดธุรกิจ และสานต่อในส่วนงานของบิดาจนโดดเด่น ดึงดูดสายตาของจิรเดชผู้เป็นปู่ให้หันมามอง เมื่อเขาเห็นศักยภาพของไตรภพจึงลองให้อีกฝ่ายเข้ามามีบทบาทในบริษัทแม่ที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล

และไตรภพก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้จิรเดชยิ่งประทับใจ สุดท้ายเขาก็เริ่มมองเห็นบุตรชายคนเล็กอย่างจิรกานต์ขึ้นมาบ้าง จึงไม่แปลกที่จิรกานต์ และเขมิกาจะเชิดชูไตรภพสุดหัวใจ

โดยลืมไปเลยว่ายังมีบุตรชายอีกคนอย่างติณณ์ ศรัณย์รัชต์อยู่

ติณณ์เป็นบุตรชายของจิรกานต์ และเขมิกาเช่นกัน เขามีรูปร่างสูงทว่าเพรียวบาง แม้จะไม่ได้อ้อนแอ้นแต่ก็ไม่ได้มาดแมนสมชายชาตรีอย่างไตรภพผู้เป็นพี่ชาย ถึงอย่างนั้นเขาก็มีนิสัยอ่อนโยนแตกต่างจากไตรภพ เพียงแต่ว่าสำหรับตระกูลศรัณย์รัชต์ผู้เป็นเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ชั้นนำของโลกแล้วนั้น ช่างเป็นนิสัยที่ไร้ประโยชน์

นอกจากนี้แล้วเขาก็ช่างจืดจางเสียเหลือเกิน ด้วยนิสัยสุภาพ เรียบร้อย ไม่โดดเด่น ทำให้เขาเหมือนเงาที่หลบอยู่เบื้องหลังของไตรภพผู้เป็นพี่ชาย

“แทนที่จะพูดแต่เรื่องของผม คุยเรื่องติณณ์บ้างสิครับ”

ติณณ์ที่กำลังเขี่ยข้าวในจานชะงักมือเมื่อทุกสายตาหันมามองเขาที่นั่งอยู่ในมุมมืดมานาน เขาเม้มริมฝีปากที่แห้งผาก รู้สึกกดดันกับสายตาที่มองมาเขม็ง ทำไมไตรภพจะต้องดึงเขาออกไปด้วย

หากไม่ใช่ว่าเป็นธรรมเนียมที่เวลามาพบผู้นำตระกูลแล้วจะต้องมาให้ครบทุกคนเพื่อเป็นการให้เกียรติละก็ ติณณ์คงไม่มีหน้ามานั่งอยู่ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลักนี้แน่นอน

“คุยเรื่องอะไรล่ะ” จิรเดชพูดขึ้น เสียงของชายชราคนนี้ดูยานคางไม่ใส่ใจ ถามพอเป็นพิธีเท่านั้น

“เอ่อ...” เขมิกาที่มักจะคุยจ้อเรื่องบุตรชายกลับไปไม่ถูก อยากจะให้ติณณ์หายไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน เพราะเธอไม่รู้จะพูดกับจิรเดชยังไงดี ก็ลูกชายคนนี้ของเธอมันช่างน่าผิดหวังไปหมด

“ผมไม่มีอะไรจะอวดหรอกครับ” ติณณ์ตอบกลับไป แต่เขาไม่กล้าสบตาปู่ของตัวเองเท่าไหร่นัก เขาไม่ใช่หลานรักที่ท่านจะมองด้วยสายตารักใคร่ มีแต่ความเย็นชา และกดดันเท่านั้น

พอได้ยินเสียงถอนหายใจของผู้เป็นปู่ ติณณ์ก็รู้สึกแย่จนอยากจะอาเจียนออกมา

“ไม่มีอะไรจะอวด?” จิรเดชหันไปมองลูกชายตนเองที่เหมือนจะมีไฟลนก้นนั่งไม่ติดที่ “นี่แกไม่ส่งเจ้าติณณ์ไปทำการทำงานอะไรบ้างหรือไง? หรือเรียนจบแล้วก็มาอยู่สบาย ๆ กินเงินพ่อแม่ไปวัน ๆ หรือจะเกาะบารมีพี่ชายไปตลอดชีวิต?”

ติณณ์อยากจะแย้งว่าเขาก็ไม่ได้อยู่สบาย ๆ เสียหน่อย ทุกงานของไตรภพก็มีเขาช่วยทั้งนั้น บางงานก็เร่งด่วน บางงานก็ทำเกือบทั้งหมด ส่วนไตรภพก็หายหัวไปไหนไม่รู้ ไม่เคยแม้แต่จะสนใจ โผล่มาทีตอนงานเสร็จ และคาบงานไปเป็นของตัวเองตลอด

ติณณ์อยากจะแย้งหรือฟ้องใครสักคน แต่ประสบการณ์ของเขาบอกตัวเองว่า...บอกไปแล้วใครจะเชื่อ เทียบกับไตรภพแล้ว คนอย่างเขามันจะมีค่าสักแค่ไหนกันเชียว เขาจึงปิดปากเงียบมาตลอด

รู้ดีว่าหากต้องเลือก...พวกเขาจะเลือกใคร ระหว่างไตรภพและติณณ์

“ฉันไม่พูดอะไรเพราะเห็นว่าตาไตรเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยม มีขยะสักชิ้นสองชิ้นก็ไม่นับว่ามีค่าอะไร พอจะหลับหูหลับตาได้บ้าง แต่ก็ต้องให้มันพอดี ๆ บ้าง อายุขนาดนี้ ไม่คิดจะมีอะไรเป็นของตัวเองหรือไง?”

คำถามของผู้เป็นปู่ทำให้ติณณ์อยากจะร้องไห้ นัยน์ตาสีดำคู่สวยของเขามีน้ำเอ่อคลอ สองมือกำแน่นอย่างพยายามอดทน

“คุณพ่ออย่าไปสนใจเลยครับ เรามาคุยเรื่องงานที่ไตรทำกันต่อดีกว่า” จิรกานต์รีบเอ่ยทักท้วง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำเพราะช่วยเหลือลูกชายคนเล็ก เพียงแต่ว่าอยากให้จิรเดชนั้นเห็นศักยภาพของไตรภพมากขึ้น ยิ่งเห็น ก็ยิ่งรัก นั่นหมายถึงทรัพย์สินส่วนแบ่งมากมายที่จิรเดชจะมอบให้ครอบครัวของเขาในตอนสุดท้าย

“ช่างเถอะ ๆ ฉันก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้” จิรเดชโบกมือไปมา ท่าทางของเขาเบื่อหน่ายเต็มทน “เอาจดหมายมาหน่อย”

พ่อบ้านที่ยืนรับใช้อยู่ด้านหลังเดินไปหยิบซองจดหมายสีขาวมายื่นให้กับผู้นำตระกูล ทุกคนต่างมองตามอย่างสงสัย

“ไปแต่งงานซะ”

“!!!” ติณณ์เบิกตาโตเมื่อซองจดหมายนั้นถูกโยนใส่หน้าเขา ซองจดหมายร่วงหล่นลงมา เขาใช้มือที่สั่นเทาหยิบจดหมายนั้นขึ้นมา ก่อนที่เขมิกาที่นั่งข้างกันจะแย่งไปจากมือเพื่อไปเปิดอ่าน

“ตระกูลนี้ต้องการคนไปตบแต่งด้วย แต่พวกหลานสาวก็มีคู่หมั้นกันหมดแล้ว แกก็ไปแต่งแทนซะ ไหน ๆ แกก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายกับตระกูลเราอยู่แล้ว”

“คะ คุณปู่...” พูดง่าย ๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน ติณณ์อึ้งจนพูดไม่ถูก มันไม่เหมือนการขอให้ไปแต่งงานเลยด้วยซ้ำ หรือจะบอกว่าเป็นการคลุมถุงชน มันก็ไม่ได้น่ารังเกียจแบบนี้ เหมือนไล่หมูไล่หมา...ไม่ใช่เขาที่มีสายเลือดเดียวกัน

“แต่ตระกูลนี้เขาจะยอมรับเหรอคะคุณพ่อ?” เขมิกาถามอย่างสงสัย ทุกคนเหมือนจะงุนงงและอยากรู้ ไม่มีใครสนใจเลยว่าการกระทำนี้มันทำให้ติณณ์เจ็บปวดแค่ไหน “แถมสู่ขอไปให้บุตรชายคนเล็ก? ถึงสมัยนี้การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตระกูลระดับนั้นจะไม่ห่วงเรื่องทายาทเหรอคะ?”

“คุณ...สมัยนี้ผู้ชายก็ทำให้ท้องได้ถ้าบำรุงดี ๆ แถมคนฝั่งนั้นก็เป็นลูกชายคนเล็ก ผมว่าคงไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมายนักหรอก ถือว่าดีนะที่เราได้เกี่ยวดองกับตระกูลนั้น”

ติณณ์มองพ่อกับแม่ของตัวเองอย่างผิดหวัง พวกเขากำลังพูดเรื่องที่ลูกชายตัวเองถูกบังคับให้ไปแต่งงานจริง ๆ หรือเปล่า ทำไมพวกเขาเหมือนพูดเรื่องหมาเรื่องแมวอย่างนั้น หรือจริง ๆ ลูกชายคนนี้ก็มีค่าแค่เป็นสัตว์เลี้ยง?

ไม่มีใครสักคนเลยเหรอที่จะหันมาถามความเห็นของเขา ไม่มีสักคนเลยเหรอที่จะหันมาสนใจความรู้สึกของเขา

“จะสนใจอะไรนักหนา! จะมีลูกหรือไม่มีเกี่ยวอะไร! พวกนั้นก็แค่อยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลของเรา ฉันจะให้ใครไปมันก็เรื่องของฉัน” จิรเดชพูดเสียงดังอย่างหงุดหงิด

“พอสักทีเถอะครับ!” ติณณ์ลุกขึ้นยืน เขาไม่อาจทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้อีกต่อไป ที่ผ่านมาต่อให้ถูกเหยียบย่ำ และไม่เห็นหัวมากแค่ไหนเขาก็อดทนมาตลอด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว พวกนี้ไม่มองว่าเขาเป็นคนเสียด้วยซ้ำ!

จะดูถูก เดียดฉันท์อะไรก็ทำไป แต่จะมาลดคุณค่าเขาไม่ได้!

“ผมไม่แต่ง!”

“ติณณ์!” เขมิกาแผดเสียงร้องมองลูกชายที่แสนจะไร้ค่าของเธออย่างหงุดหงิด ไม่เคยมีอะไรดีแท้ ๆ แต่ง ๆ ไปให้จบ ๆ ก็ดีแล้ว จะมาโวยวายอะไรนักหนา

“ไม่แต่งก็ออกจากตระกูลฉันไปซะ” จิรเดชเอ่ยเสียงขรึม ไม่ได้มีท่าทางตกใจหรืออะไร ราวกับว่าเขาเป็นผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า คนที่ควรจะคุกเข่าขอร้องคือติณณ์ต่างหาก ไม่ใช่เขา

“คุณปู่ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ!” ไตรภพลุกจากที่นั่งเดินไปนวดไหล่ นวดแขนให้กับปู่ของเขาด้วยท่าทางนอบน้อม แม้รอยยิ้มขบขันจะประดับเต็มใบหน้า แต่เหมือนทุกคนจะตาบอดกันไปหมด ที่คิดว่าไตรภพกำลังช่วยเหลือน้องชายของตนเอง

“ติณณ์ นายก็ใจเย็น ๆ เถอะ ทำตามที่คุณปู่บอกเถอะนะ นายออกจากตระกูลไปตัวเปล่ามีแต่พาตัวเองไปตายเท่านั้นแหละ” ไตรภพกล่าวปลอบเสียงนุ่ม แต่ดวงตากลับปกปิดความสะใจไว้ไม่มิด ส่วนทุกคนต่างก็จ้องติณณ์อย่างกดดัน

คนอย่างแกออกไปจะไปทำอะไรได้ มีแต่เป็นศพข้างถนนอย่างน่าสมเพชน่ะสิ!

ติณณ์ยืนมองทุกคนที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาคือครอบครัว...ปู่ พ่อ แม่ พี่ชาย ทุกคนคือบุคคลใกล้ชิดทางสายเลือดมากที่สุด แต่กลับเลือดเย็นกับเขามากที่สุดเช่นเดียวกัน เคยอดทนเพราะเห็นว่าคือญาติสนิทมิตรสหาย แต่เขามันโง่เอง ที่คิดว่าสักวัน...สักวันพวกเขาก็จะหันมารักตัวเอง

“ผมจะออกจากตระกูลนี้”

ได้เวลาที่ติณณ์คนนี้มันจะเลิกโง่ได้แล้ว

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Ainthira06

ข้อมูลเพิ่มเติม
ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี1980

ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี1980

วัยรุ่น

5.0

ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

Viv Thauer
5.0

เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

Roana Javier
4.9

ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ

นางบำเรอกับจอมบงการ

นางบำเรอกับจอมบงการ

B.J.BEN
4.7

ธัญญ์... ชายหนุ่มที่เจ็บช้ำกับความรักเมื่อครั้งอดีต วิธาดา... หญิงสาวร้ายกาจที่แอบรักเขาหมดหัวใจ หญิงสาวมองสบตากับเขาในระยะกระชั้นชิด หัวใจบอบบางเรียกร้องให้เธอเปิดเผยความจริงในส่วนลึกของจิตใจ “ฉันรักนายนะธัญญ์ รักนายมานานแล้ว” หล่อนคิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเขาจะต้องทำหน้าตกใจ แม้จะทำใจเอาไว้แล้ว แต่เธอรู้สึกเจ็บปวด มีผู้ชายหลายคนอยากสานสัมพันธ์กับเธอ แต่เธอก็สลัดทิ้ง แต่เขา... คนที่เธอแอบรัก เขากลับมีใจให้น้องสาวของเธอ เขากลับไม่ต้องการความรักของเธอ เขากลับตกใจและมองเธอเหมือนตัวประหลาด “เธอพูดอะไรของเธอ” ธัญญ์ทั้งมึนงง ทั้งตกใจในคำพูดของหญิงสาว “พูดความจริง นายคงไม่เคยรู้มาก่อน นายเป็นผู้ชายคนแรกของฉัน คืนนั้น...” เธอพูดอย่างหมดเปลือก เขาจะดูถูกยังไงก็ช่าง แต่เธอเป็นคนพูดตรงๆ เธออยากให้เขารับรู้และเข้าใจ “แต่ฉันไม่ได้รักเธอ ไม่แม้แต่จะคิด”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ