Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
Gray Dutch คนของโจเซฟ | Mpreg

Gray Dutch คนของโจเซฟ | Mpreg

Ainthira06

5.0
ความคิดเห็น
1.1K
ชม
16
บท

เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว

บทที่ 1 ขยะไร้ค่า

อึดอัด

แม้จะเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่สำหรับติณณ์แล้ว...เขาไม่ชินกับมันเอาเสียเลย

“คุณพ่อคะ ไตรเขาทำแผนงานนี้ได้สำเร็จอย่างสวยงามเลยค่ะ กำไรเพิ่มมากขึ้นเกือบ 5%”

“จริงรึ! หลานทำได้ขนาดนั้นเลยรึ!”

“แถมบริษัทนี้ยังเป็นบริษัทที่ปกติเลือกแต่งานของบริษัทคู่แข่งเราด้วยนะครับคุณพ่อ ไม่รู้ไตรใช้วิธีอะไรถึงสามารถดึงพวกเขามาบริษัทเราได้”

“เก่งมากหลานรักของปู่!”

“คุณปู่ก็อย่าไปฟังคุณพ่อกับคุณแม่นักเลยครับ เรื่องแค่นี้เอง ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”

หากมองจากมุมมองภายนอกแล้ว ภาพที่อยู่ตรงหน้าช่างเป็นการรับประทานอาหารของครอบครัวที่สุขสันต์เสียเหลือเกิน ประกอบไปด้วยผู้เป็นผู้นำตระกูลในปัจจุบัน จิรเดช ศรัณย์รัชต์ ที่ตอนนี้ยกบริษัทให้ลูกชายเป็นผู้ดูแล อย่างจิรกานต์ ศรัณย์รัชต์ โดยมีภรรยาแสนสวยประกบเคียงข้าง พร้อมกับหลานชายคนโปรดอย่างไตรภพ ศรัณย์รัชต์

จิรเดชนั้นมีบุตรชายทั้งหมดสามคน โดยจิรกานต์เป็นบุตรชายคนสุดท้อง ด้วยความเป็นคนสุดท้องจึงไม่ได้มีบทบาทภายในตระกูลมากนัก แต่อาจจะต้องขอบคุณภรรยาของเขา เขมิกา ที่คลอดลูกชายแสนฉลาดอย่างไตรภพออกมา

ไตรภพเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ ต่อยอดธุรกิจ และสานต่อในส่วนงานของบิดาจนโดดเด่น ดึงดูดสายตาของจิรเดชผู้เป็นปู่ให้หันมามอง เมื่อเขาเห็นศักยภาพของไตรภพจึงลองให้อีกฝ่ายเข้ามามีบทบาทในบริษัทแม่ที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล

และไตรภพก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้จิรเดชยิ่งประทับใจ สุดท้ายเขาก็เริ่มมองเห็นบุตรชายคนเล็กอย่างจิรกานต์ขึ้นมาบ้าง จึงไม่แปลกที่จิรกานต์ และเขมิกาจะเชิดชูไตรภพสุดหัวใจ

โดยลืมไปเลยว่ายังมีบุตรชายอีกคนอย่างติณณ์ ศรัณย์รัชต์อยู่

ติณณ์เป็นบุตรชายของจิรกานต์ และเขมิกาเช่นกัน เขามีรูปร่างสูงทว่าเพรียวบาง แม้จะไม่ได้อ้อนแอ้นแต่ก็ไม่ได้มาดแมนสมชายชาตรีอย่างไตรภพผู้เป็นพี่ชาย ถึงอย่างนั้นเขาก็มีนิสัยอ่อนโยนแตกต่างจากไตรภพ เพียงแต่ว่าสำหรับตระกูลศรัณย์รัชต์ผู้เป็นเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ชั้นนำของโลกแล้วนั้น ช่างเป็นนิสัยที่ไร้ประโยชน์

นอกจากนี้แล้วเขาก็ช่างจืดจางเสียเหลือเกิน ด้วยนิสัยสุภาพ เรียบร้อย ไม่โดดเด่น ทำให้เขาเหมือนเงาที่หลบอยู่เบื้องหลังของไตรภพผู้เป็นพี่ชาย

“แทนที่จะพูดแต่เรื่องของผม คุยเรื่องติณณ์บ้างสิครับ”

ติณณ์ที่กำลังเขี่ยข้าวในจานชะงักมือเมื่อทุกสายตาหันมามองเขาที่นั่งอยู่ในมุมมืดมานาน เขาเม้มริมฝีปากที่แห้งผาก รู้สึกกดดันกับสายตาที่มองมาเขม็ง ทำไมไตรภพจะต้องดึงเขาออกไปด้วย

หากไม่ใช่ว่าเป็นธรรมเนียมที่เวลามาพบผู้นำตระกูลแล้วจะต้องมาให้ครบทุกคนเพื่อเป็นการให้เกียรติละก็ ติณณ์คงไม่มีหน้ามานั่งอยู่ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลักนี้แน่นอน

“คุยเรื่องอะไรล่ะ” จิรเดชพูดขึ้น เสียงของชายชราคนนี้ดูยานคางไม่ใส่ใจ ถามพอเป็นพิธีเท่านั้น

“เอ่อ...” เขมิกาที่มักจะคุยจ้อเรื่องบุตรชายกลับไปไม่ถูก อยากจะให้ติณณ์หายไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน เพราะเธอไม่รู้จะพูดกับจิรเดชยังไงดี ก็ลูกชายคนนี้ของเธอมันช่างน่าผิดหวังไปหมด

“ผมไม่มีอะไรจะอวดหรอกครับ” ติณณ์ตอบกลับไป แต่เขาไม่กล้าสบตาปู่ของตัวเองเท่าไหร่นัก เขาไม่ใช่หลานรักที่ท่านจะมองด้วยสายตารักใคร่ มีแต่ความเย็นชา และกดดันเท่านั้น

พอได้ยินเสียงถอนหายใจของผู้เป็นปู่ ติณณ์ก็รู้สึกแย่จนอยากจะอาเจียนออกมา

“ไม่มีอะไรจะอวด?” จิรเดชหันไปมองลูกชายตนเองที่เหมือนจะมีไฟลนก้นนั่งไม่ติดที่ “นี่แกไม่ส่งเจ้าติณณ์ไปทำการทำงานอะไรบ้างหรือไง? หรือเรียนจบแล้วก็มาอยู่สบาย ๆ กินเงินพ่อแม่ไปวัน ๆ หรือจะเกาะบารมีพี่ชายไปตลอดชีวิต?”

ติณณ์อยากจะแย้งว่าเขาก็ไม่ได้อยู่สบาย ๆ เสียหน่อย ทุกงานของไตรภพก็มีเขาช่วยทั้งนั้น บางงานก็เร่งด่วน บางงานก็ทำเกือบทั้งหมด ส่วนไตรภพก็หายหัวไปไหนไม่รู้ ไม่เคยแม้แต่จะสนใจ โผล่มาทีตอนงานเสร็จ และคาบงานไปเป็นของตัวเองตลอด

ติณณ์อยากจะแย้งหรือฟ้องใครสักคน แต่ประสบการณ์ของเขาบอกตัวเองว่า...บอกไปแล้วใครจะเชื่อ เทียบกับไตรภพแล้ว คนอย่างเขามันจะมีค่าสักแค่ไหนกันเชียว เขาจึงปิดปากเงียบมาตลอด

รู้ดีว่าหากต้องเลือก...พวกเขาจะเลือกใคร ระหว่างไตรภพและติณณ์

“ฉันไม่พูดอะไรเพราะเห็นว่าตาไตรเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยม มีขยะสักชิ้นสองชิ้นก็ไม่นับว่ามีค่าอะไร พอจะหลับหูหลับตาได้บ้าง แต่ก็ต้องให้มันพอดี ๆ บ้าง อายุขนาดนี้ ไม่คิดจะมีอะไรเป็นของตัวเองหรือไง?”

คำถามของผู้เป็นปู่ทำให้ติณณ์อยากจะร้องไห้ นัยน์ตาสีดำคู่สวยของเขามีน้ำเอ่อคลอ สองมือกำแน่นอย่างพยายามอดทน

“คุณพ่ออย่าไปสนใจเลยครับ เรามาคุยเรื่องงานที่ไตรทำกันต่อดีกว่า” จิรกานต์รีบเอ่ยทักท้วง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำเพราะช่วยเหลือลูกชายคนเล็ก เพียงแต่ว่าอยากให้จิรเดชนั้นเห็นศักยภาพของไตรภพมากขึ้น ยิ่งเห็น ก็ยิ่งรัก นั่นหมายถึงทรัพย์สินส่วนแบ่งมากมายที่จิรเดชจะมอบให้ครอบครัวของเขาในตอนสุดท้าย

“ช่างเถอะ ๆ ฉันก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้” จิรเดชโบกมือไปมา ท่าทางของเขาเบื่อหน่ายเต็มทน “เอาจดหมายมาหน่อย”

พ่อบ้านที่ยืนรับใช้อยู่ด้านหลังเดินไปหยิบซองจดหมายสีขาวมายื่นให้กับผู้นำตระกูล ทุกคนต่างมองตามอย่างสงสัย

“ไปแต่งงานซะ”

“!!!” ติณณ์เบิกตาโตเมื่อซองจดหมายนั้นถูกโยนใส่หน้าเขา ซองจดหมายร่วงหล่นลงมา เขาใช้มือที่สั่นเทาหยิบจดหมายนั้นขึ้นมา ก่อนที่เขมิกาที่นั่งข้างกันจะแย่งไปจากมือเพื่อไปเปิดอ่าน

“ตระกูลนี้ต้องการคนไปตบแต่งด้วย แต่พวกหลานสาวก็มีคู่หมั้นกันหมดแล้ว แกก็ไปแต่งแทนซะ ไหน ๆ แกก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายกับตระกูลเราอยู่แล้ว”

“คะ คุณปู่...” พูดง่าย ๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน ติณณ์อึ้งจนพูดไม่ถูก มันไม่เหมือนการขอให้ไปแต่งงานเลยด้วยซ้ำ หรือจะบอกว่าเป็นการคลุมถุงชน มันก็ไม่ได้น่ารังเกียจแบบนี้ เหมือนไล่หมูไล่หมา...ไม่ใช่เขาที่มีสายเลือดเดียวกัน

“แต่ตระกูลนี้เขาจะยอมรับเหรอคะคุณพ่อ?” เขมิกาถามอย่างสงสัย ทุกคนเหมือนจะงุนงงและอยากรู้ ไม่มีใครสนใจเลยว่าการกระทำนี้มันทำให้ติณณ์เจ็บปวดแค่ไหน “แถมสู่ขอไปให้บุตรชายคนเล็ก? ถึงสมัยนี้การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตระกูลระดับนั้นจะไม่ห่วงเรื่องทายาทเหรอคะ?”

“คุณ...สมัยนี้ผู้ชายก็ทำให้ท้องได้ถ้าบำรุงดี ๆ แถมคนฝั่งนั้นก็เป็นลูกชายคนเล็ก ผมว่าคงไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมายนักหรอก ถือว่าดีนะที่เราได้เกี่ยวดองกับตระกูลนั้น”

ติณณ์มองพ่อกับแม่ของตัวเองอย่างผิดหวัง พวกเขากำลังพูดเรื่องที่ลูกชายตัวเองถูกบังคับให้ไปแต่งงานจริง ๆ หรือเปล่า ทำไมพวกเขาเหมือนพูดเรื่องหมาเรื่องแมวอย่างนั้น หรือจริง ๆ ลูกชายคนนี้ก็มีค่าแค่เป็นสัตว์เลี้ยง?

ไม่มีใครสักคนเลยเหรอที่จะหันมาถามความเห็นของเขา ไม่มีสักคนเลยเหรอที่จะหันมาสนใจความรู้สึกของเขา

“จะสนใจอะไรนักหนา! จะมีลูกหรือไม่มีเกี่ยวอะไร! พวกนั้นก็แค่อยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลของเรา ฉันจะให้ใครไปมันก็เรื่องของฉัน” จิรเดชพูดเสียงดังอย่างหงุดหงิด

“พอสักทีเถอะครับ!” ติณณ์ลุกขึ้นยืน เขาไม่อาจทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้อีกต่อไป ที่ผ่านมาต่อให้ถูกเหยียบย่ำ และไม่เห็นหัวมากแค่ไหนเขาก็อดทนมาตลอด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว พวกนี้ไม่มองว่าเขาเป็นคนเสียด้วยซ้ำ!

จะดูถูก เดียดฉันท์อะไรก็ทำไป แต่จะมาลดคุณค่าเขาไม่ได้!

“ผมไม่แต่ง!”

“ติณณ์!” เขมิกาแผดเสียงร้องมองลูกชายที่แสนจะไร้ค่าของเธออย่างหงุดหงิด ไม่เคยมีอะไรดีแท้ ๆ แต่ง ๆ ไปให้จบ ๆ ก็ดีแล้ว จะมาโวยวายอะไรนักหนา

“ไม่แต่งก็ออกจากตระกูลฉันไปซะ” จิรเดชเอ่ยเสียงขรึม ไม่ได้มีท่าทางตกใจหรืออะไร ราวกับว่าเขาเป็นผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า คนที่ควรจะคุกเข่าขอร้องคือติณณ์ต่างหาก ไม่ใช่เขา

“คุณปู่ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ!” ไตรภพลุกจากที่นั่งเดินไปนวดไหล่ นวดแขนให้กับปู่ของเขาด้วยท่าทางนอบน้อม แม้รอยยิ้มขบขันจะประดับเต็มใบหน้า แต่เหมือนทุกคนจะตาบอดกันไปหมด ที่คิดว่าไตรภพกำลังช่วยเหลือน้องชายของตนเอง

“ติณณ์ นายก็ใจเย็น ๆ เถอะ ทำตามที่คุณปู่บอกเถอะนะ นายออกจากตระกูลไปตัวเปล่ามีแต่พาตัวเองไปตายเท่านั้นแหละ” ไตรภพกล่าวปลอบเสียงนุ่ม แต่ดวงตากลับปกปิดความสะใจไว้ไม่มิด ส่วนทุกคนต่างก็จ้องติณณ์อย่างกดดัน

คนอย่างแกออกไปจะไปทำอะไรได้ มีแต่เป็นศพข้างถนนอย่างน่าสมเพชน่ะสิ!

ติณณ์ยืนมองทุกคนที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาคือครอบครัว...ปู่ พ่อ แม่ พี่ชาย ทุกคนคือบุคคลใกล้ชิดทางสายเลือดมากที่สุด แต่กลับเลือดเย็นกับเขามากที่สุดเช่นเดียวกัน เคยอดทนเพราะเห็นว่าคือญาติสนิทมิตรสหาย แต่เขามันโง่เอง ที่คิดว่าสักวัน...สักวันพวกเขาก็จะหันมารักตัวเอง

“ผมจะออกจากตระกูลนี้”

ได้เวลาที่ติณณ์คนนี้มันจะเลิกโง่ได้แล้ว

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Ainthira06

ข้อมูลเพิ่มเติม
ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี1980

ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี1980

วัยรุ่น

5.0

ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

Elsworth Underwood
5.0

เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"

รักใหม่พันล้าน

รักใหม่พันล้าน

Hilarius Erikson
5.0

เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

Tripp Zakarison
5.0

อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ