Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
หวนกลับมาครานี้ไม่เป็นแล้วภรรยาชั่วร้าย

หวนกลับมาครานี้ไม่เป็นแล้วภรรยาชั่วร้าย

แก้วใบเล็ก

5.0
ความคิดเห็น
27.3K
ชม
48
บท

โปรย: ปางก่อนเธอเคยละเลยเขากับลูก เมื่อได้มีโอกาสย้อนกลับไปแก้ไขชะตาอีกครั้งเธอจำต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาอภัยให้กับผู้หญิงชั่วร้ายอย่างเธอ .................................... นิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พระเอกพิการนะคะ พื้นที่ยังคงเป็นภาคอีสาน เกี่ยวกับวิถีชาวบ้านและความเป็นอยู่ อ่านได้เรื่อย ๆ ค่ะ เป็นเรื่องสั้น ๆ ไม่น่าจะเกินหกหมื่นคำค่ะ กชกรได้ย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่เธอเคยทำไม่ดีกับลูกกับสามี โดยเธอต้องทำงานหนักทุกอย่าง เพราะเธอกลับไปคราวนี้พบว่าสามีของเธอพิการและต้องเลี้ยงลูกสองคนเพียงลำพัง ไปติดตามกันค่ะ ว่าเธอจะเอาชนะใจสามีได้หรือไม่ ………………………………. เท้าของเธอหยุดเดินและยืนอยู่บนคันนาเมื่อมาถึงนาของสามีที่ส่วนลุ่มอยู่ติดกับลำน้ำปาว ส่วนนาดอนด้านบนติดกับนาเธอ ใบตองพลวงหลุดจากมือตอนไหนเธอไม่ได้รู้ตัวเลย น้ำตารินไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ สามีกับลูกทั้งสองกำลังช่วยพ่อขุดดินและปักดำต้นกล้าลงไป ลูกชายคนโตกำลังใช้จอบเล็กขุดดินส่วนคนเล็กใช้เสียมขุดบางครั้งก็นั่งลงแช่ในน้ำ เดือนลูกสาวคนเล็กก็ทำตามประสาเด็กคงไม่ได้ช่วยพ่อมากนัก ในแปลงนามีน้ำท่วมถึงตาตุ่ม สามีใช้จอบเล่มใหญ่เขานั่งคุกเข่าด้วยขาข้างซ้ายลากขาอีกข้างตามไปอย่างทุลักทุเล เนื้อตัวพ่อลูกทั้งสามคนเต็มไปด้วยโคลนตม            ปีที่แล้วเขาไม่ได้ทำนา ถ้าปีนี้ไม่ได้ทำอีกก็คงไม่มีข้าวให้กินแล้ว เพราะในยุคนี้ผู้คนล้วนขาดแคลนข้าวกันทั้งนั้น ครั้นจะจ้างก็คงไม่มีเงิน อีกอย่างเขาคงอยากทำเอง อุดรฯ ก็แห้งแล้งเหลือเกิน แต่พอถึงฤดูน้ำหลากนาของสามีที่อยู่ติดกับลำน้ำปาวน้ำก็ท่วมขังทุกปี หากจะขอพี่น้องหรือพ่อแม่กิน พวกเขาก็คงไม่มีให้เพราะนาพวกเขาก็ท่วมเหมือนกัน ก่อนหน้าที่เขายังเดินได้ก็ยังพออยู่พอกิน ตอนนั้นเขาเลี้ยงดูลูกเมียได้เป็นอย่างดี            เกสรยกมือขึ้นปาดน้ำตาซ้ายขวา วางกระเป๋าย่ามไว้บนคันนาถอดรองเท้าวางไว้ข้างย่ามแล้วเดินลงไปในแปลงนามุ่งหน้าไปหาสามีกับลูก            เดือนยืนมองเธออยู่พักใหญ่เมื่อมั่นใจจึงตะโกนเรียกเสียงดัง “แม่!” จ๋อม! จ๋อม! จ๋อม! ดำและลูกชายต่างละสายตาจากดินที่ขุดอยู่แล้วมองไปตามเสียงฝีเท้าที่เดินในน้ำเข้ามาใกล้            “แม่!” ลูกทั้งสองวิ่งเข้าไปกอดแม่ซ้ายขวาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิตที่เห็นแม่กลับมา น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหลพรากออกมา ชาติที่แล้วเธอกล้าทิ้งเด็กน้อยหน้าตาน่ารักอย่างนี้ไปได้อย่างไร ถึงแม้ตอนนี้เนื้อตัวจะมอมแมมมากก็ตาม            “แม่เกสรสวยขึ้น ขาวขึ้น” ดินบอกแม่            “จริงด้วยค่ะ พ่อบอกว่าแม่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อส่งเงินมาให้พวกเรา แม่ไปทำงานอะไรหรือคะ ทำไมสวยจัง”            สิ้นคำลูกสาวน้ำตาก็ไหลทะลักออกมาเป็นสายยาว เขาคงไม่เคยบอกลูกในสิ่งที่เธอทำไม่ดีเอาไว้ และคงยังไม่กล้าบอกลูกเรื่องที่เธอเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวาน            “แม่…แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับพวกหนู” เธอไม่รู้จะพูดคำไหนกับลูกดี ในใจตอนนี้รู้สึกผิดกับลูกกับสามีจนไม่อยากให้อภัยตัวเอง รู้สึกเกลียดตัวเองที่ทำตัวเหมือนสองปีที่ผ่านมา เป็นใครก็คงยากจะให้อภัย            เห็นแม่สะอื้นหนัก ทั้งสองก็ทำได้เพียงใช้มือที่เปื้อนตมเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้แม่ จนหน้าขาวนวลของแม่เลอะไปด้วยดินโคลน            เกสรเงยหน้าขึ้น ดวงหน้ายังเต็มไปด้วยน้ำตา ดวงตาพร่ามัวมองหน้าสามีนิ่ง            ทั้งสองสบตากัน แววตาของเกสรเต็มไปด้วยคำว่าขอโทษเป็นล้านคำ ส่วนเขานั้นมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ในดวงตาคมเข้มคู่นั้นไม่มีแม้แต่เงาของเธอหลงเหลืออยู่เลย เขาวางหน้านิ่งมาก มากเสียจนไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรที่เห็นเธอกลับมา ใบหน้าเขายังหล่อเข้มเหมือนที่เธอเคยฝันถึง กรอบหน้าล้อมรอบไปด้วยเคราดกดำ ผมยาวมวยไว้ด้านหลังเหมือนคนป่า ผิวสีเข้มเพราะกรำแดดแต่เธอมองว่านั่นคือเสน่ห์ของเขา กล้ามเนื้อส่วนบนถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าฝ้ายแขนสั้นสีซีด กล้ามแขนเขายังดูแข็งแรงและบึกบึน ส่วนท่อนล่างมีกางเกงขายาวสีดำปิดบังไว้ เธอจึงมองไม่เห็นว่าขาของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ขาข้างขวาของเขาจะลีบหรือไม่            เขาคงเกลียดเธอมาก และเธอคงไม่หวังให้เขาอภัยให้เธอในวันนี้ เกสรนั่งคุกเข่าลงในน้ำจนผ้าถุงเปียกชื้นเพื่อให้กอดลูกได้ถนัดขึ้น หอมแก้มลูกซ้ายขวาทั้งสองคน อยากขอบคุณคุณยายคนนั้นเหลือเกินที่ทำให้เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าต่อจากนี้ไปเธอไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง            แม่ลูกทั้งสามต่างร้องไห้ไปด้วยกัน            ดำละสายตาจากสามแม่ลูก ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากปากของเขาแม้แต่คำเดียว            มือหนาสับจอบลงบนหน้าดินแล้วค่อย ๆ คลานออกจากตรงนั้น ปีนขึ้นคันนาแล้วใช้แรงจากแขนทั้งสองข้างและขาข้างซ้ายส่งตัวเองเคลื่อนตัวไปตามคันนาที่มีแต่หญ้าขึ้นปกคลุม เขาไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร และไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่เพราะเหตุผลอันใดอีก ทั้งที่วันนั้นเขาพูดชัดเจนแล้ว แต่คนอย่างเขาจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้ใครเป็นครั้งที่สองอีก

บทที่ 1 ความฝัน

ท้องฟ้าดำมืดลมพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตรงลานหน้าบ้านที่เป็นดินร่วนมีฝุ่นคลุ้งตลบไปทั่ว บ่งบอกว่าอีกไม่นานพายุฝนกำลังจะมา

ชายร่างใหญ่ผิวสีเข้มเพราะกรำแดดกำลังอ้อนวอนเมียรักปานจะขาดใจ ‘เกสรอย่าไปเลยนะ ถ้าเอ็งไปแล้วพี่กับลูกจะอยู่ยังไง’ เขานั่งคุกเข่าลงกับลานดินหน้าบ้านจนหัวเข่าและหน้าแข้งเปื้อนดินไปหมด แต่เขาก็หาได้สนใจไม่ มือใหญ่เกาะอยู่ที่ขาฝ่ายหญิง

‘ปล่อยให้ฉันไปได้ดีเถอะนะพี่ เราจบกันแค่นี้ดีกว่า ฉันเกลียดความลำบาก เกลียดความยากจน’ เกสรสรพูดเหมือนไม่ไยดี ขาทั้งสองพยายามสะบัดมือของเขาออกแรง แต่มือเขาเหนียวหนึบราวกับตีนตุ๊กแก เธอจึงใช้มือช่วยแกะและเอ่ยคำที่คิดว่าเขาจะยอมปล่อยเธอไปดี ๆ ‘ฉันไม่ได้รักพี่แล้ว เราจะอยู่กันไปเพื่ออะไร’

มือที่เกาะขาเธอแน่นชะงักและค่อย ๆ คลายออก ‘เวลาไม่ถึงเดือนที่เอ็งเจอมัน เอ็งกล้าพูดคำนี้กับพี่แล้วรึ’

‘หึ ฉันรู้จักตัวฉันดี เวลาไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับความรัก’ เธอยังยืนยันที่จะไปจากชีวิตเขาให้ได้

‘ฮือ ๆ ฮึก แล้วเอ็งไม่เห็นแก่ลูกของเราเหรอเกสร ทำไมเอ็งถึงได้ตัดความสัมพันธ์กับพี่ได้ง่ายดายนัก’ เขาพูดพลางสะอื้นจนอกสั่น เกิดมาเพิ่งเคยเสียน้ำตาให้ผู้หญิง

‘คนเราก็ต้องรักตัวเองก่อนไม่ใช่หรือคะ’ เกสรสลัดขาออกจากการเกาะกุมของเขาได้สำเร็จ สายตามองดูชายตรงหน้าด้วยความสมเพชแกมดูแคลน แววตาว่างเปล่าจนเขาเองมองไม่เห็นเยื่อใยของความรักหลงเหลือในดวงตาคู่นั้นแม้แต่เส้นเดียว

ต่างฝ่ายต่างเงียบเหมือนกำลังใช้ความคิดกันทั้งคู่ แต่มันก็คงสวนทางกัน

เขายังนั่งเกลือกกลั้วอยู่กับพื้นดินหน้าบ้านเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยืนหันหลังให้โดยไม่สนใจความรู้สึกของสามีที่อยู่กินมาร่วมสิบปีเลยแม้แต่น้อย

เกือบสองนาทีเท้าซ้ายของเกสรจึงก้าวออกไป แต่ก็มีเสียงดังขึ้นตามหลัง

‘ถ้าเอ็งก้าวขาพ้นจากเรือนหลังนี้ไปแล้ว ฉันจะถือว่าเราทั้งสองจบสิ้นกันทุกอย่างแค่นี้ สิทธิ์เรื่องลูกจะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว และฉันจะถือว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน’ เขาละล่ำละลักพูดออกมาด้วยความเสียใจ น้ำหูน้ำตาไหลออกมาเต็มหน้า จากที่เคยแทนตัวว่าพี่เขาก็ไม่คิดจะใช้มันอีก

‘ฉันก็อยากให้เป็นเช่นนั้น’ เกสรกล่าวอย่างไร้เยื่อใยและไม่หันหลังกลับไปมองเขาอีก เธอรีบวิ่งไปที่รถยนต์ที่จอดรอเธออยู่หน้าบ้านเพราะฝนกำลังเริ่มลงเม็ดห่าง ๆ

ก่อนเธอจะปิดประตูรถเขาตะโกนเรียกชื่อเธออีกครั้งราวกับเจ็บปวดหนักหนา “เกสร!” พร้อมทั้งสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

รถยนต์ค่อย ๆ เคลื่อนออกไปจากหน้าบ้านที่มีเพียงไม้ไผ่ลำเก่า ๆ สร้างเป็นรั้วกั้น เกสรมองดูชายที่เคยเป็นสามีนั่งคุกเข่าตากฝนด้วยสายตาเย็นชา เธอไม่มีแม้แต่ความสงสารให้เขา

เหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นตามไรผมและหน้าผากแม้จะนอนในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ดวงหน้าเนียนสะบัดไปมาคล้ายกำลังฝันร้าย

“เกสร!”

กชกรสะดุ้งตื่นดีดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อเกสรแว่วเข้ามาในหูเสียงดัง สายตามองไปรอบห้อง เมื่อรู้ว่าเป็นเพียงแค่ความฝันก็รู้สึกคลายกังวลลง

เธอผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ “เกสรอย่างนั้นหรือ” กชกรพึมพำออกมาเสียงแผ่ว เมื่อรู้ว่าตัวเองฝันเป็นเรื่องเป็นราว ผู้หญิงในฝันหน้าตาคล้ายกับเธอแต่เธอชื่อเกสร “ผู้ชายคนนั้นเป็นสามีเธอ” ภาพของผู้ชายที่นั่งคุกเข่าตากฝนยังจำติดตา เมื่อคืนเธออาจจะนอนร้องไห้มากเกินไปเพราะเพิ่งโดนแฟนหนุ่มหักอกมาจึงทำให้เธอฝันอะไรแปลก ๆ ครั้งนี้ก็ครั้งที่สามแล้วที่เธอโดนนอกใจจากคนรักตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยจนตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว ความผิดหวังเรื่องความรักมันก็ยังวนเวียนอยู่แบบเดิมซ้ำ ๆ

กชกรเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง อีกห้านาทีก็ถึงเวลาที่เธอตั้งปลุกไว้ วันนี้เธอต้องไปสมัครงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ตำแหน่งเภสัชกร

ร่างอวบขาวสูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรก้าวขาลงจากเตียงนอน แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว เธอรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอร้องไห้อย่างหนัก หรือเป็นเพราะเธอฝันกันแน่

เธอเดินออกมาจากบ้านทรงโมเดิร์นชั้นครึ่ง แม่กับพ่อกำลังกวาดใบไม้ตรงลานหน้าบ้านที่เทลาดด้วยปูนเป็นทางเดินบางส่วน เมื่อคืนฝนตกหนักและมีลมกรรโชกแรงจึงทำให้ใบไม้ร่วงเกลื่อนพื้น เมื่อคืนในฝันของเธอฝนก็ตกหนักเช่นกัน หรือฝนตกหนักจนเธอเก็บไปปะติดปะต่อกันจนกลายเป็นความฝัน

“แม่คะ พ่อคะ กรไปสมัครงานก่อนนะคะ”

“ไปแต่เช้าจังลูก ยังไม่เจ็ดโมงเลย” ลัดดาเอ่ยถามลูกเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่ลูกจะไปสมัครงานมากนัก

“กรจะไปหาอะไรกินก่อนน่ะค่ะ และอยากได้คิวแรกด้วยค่ะแม่ อีกอย่างกลัวพี่กฤตไปทำงานสายด้วยค่ะ” กฤตภัทรผู้เป็นพี่ชายก็เดินตามหลังเธอออกมาเช่นกัน

“งั้นก็โชคดีจ้ะ ลูกพ่อเก่งอยู่แล้ว” นายแพทย์สมเกียรติที่อยู่ในวัยเกษียณบอกลูกสาวด้วยความมั่นใจว่าเธอต้องได้ทำงานใกล้บ้านแน่

ผู้เป็นแม่โบกมือให้ลูกทั้งสองเบา ๆ

ขับรถออกมาได้สักพักกชกรก็บอกพี่ชาย “พี่กฤตจอดแถวร้านก๋วยจั๊บญวนก่อนถึงโรงพยาบาลให้กรหน่อยนะคะ”

“จ้ะ แล้วกลับยังไง”

“ไม่นั่งรถสองแถว ก็วินมอไซด์ค่ะ” ถ้าอยากถึงเร็วแต่ต้องทนร้อนหน่อยก็นั่งมอเตอร์ไชด์รับจ้าง แต่ถ้านั่งรอรถสองแถวก็นานหน่อย เพราะรถออกทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง

“อืม” กฤตภัตรไม่ได้ห่วงน้องสาวมากเพราะปกติเธอก็ใช้ชีวิตแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว เธอคุ้นเคยกับเมืองอุดรฯ เป็นอย่างดี อีกอย่างเธอก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว

เขาจอดรถตามที่น้องสาวบอกแล้วทั้งสองก็โบกมือร่ำลากัน

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ แก้วใบเล็ก

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ