Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ทะลุมิติไปเป็นสามีตัวอ้วนของหญิงอัปลักษณ์

ทะลุมิติไปเป็นสามีตัวอ้วนของหญิงอัปลักษณ์

แก้วใบเล็ก

5.0
ความคิดเห็น
7.2K
ชม
48
บท

หนุ่มวิศวะผู้หวงความโสดต้องทะลุมิติไปเป็นสามีของหญิงสาวหน้าผีที่มีแต่คนรังเกียจ แต่พ่อกับแม่ของเขาอยากได้หลานแล้วเขาจะทำอย่างไรเมื่อเขาก็ไม่สามารถมีลูกกับคนที่ไม่ได้รักได้เช่นกัน .............................. เรื่องนี้มาแนวแบบอีสานบ้าน ๆ อีกแล้วค่ะ บทสนทนาในเรื่องเป็นภาษาอีสานนะคะ อาจจะอ่านลำบากหน่อยแต่ไรต์มีคำแปลให้ค่ะ มาวินหนุ่มวิศวะย้อนอดีตกลับไปอีสานในปี 2528 และเขาก็พบว่าเขามีภรรยาแล้วและเธอยังมีหน้าตาอัปลักษณ์อีก ไม่พอแค่นั้นเธอยังอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่ากลางเขาที่ทุรกันดารเพราะถูกครอบครัวผลักไสไล่ส่ง แล้วหนุ่มเมืองกรุงอย่างเขาจะอยู่กับเธอได้หรือไม่ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ …………………………………. หลายนาทีต่อมา มาวินนอนเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผาก สักพักก็พลิกกายไปมาอยู่หลายครั้ง ร้อนด้วย คิดไม่ตกด้วย            “อ้ายนอนบ่อหลับเบาะ” (พี่นอนไม่หลับเหรอ)            ถึงเขาจะไม่ได้พลิกกายแรงแต่เธอก็รู้สึกได้ เพราะเรือนก็หลังแค่นี้            “อื้อ” (ครับ)            “เป็นหยัง เฮ็ดเวียกเมื่อยเบาะ” (เป็นอะไร ทำงานเหนื่อยเหรอ) เขาเพิ่งทำงานวันแรกอาจจะปวดเมื่อยตามร่างกายจนนอนไม่หลับ            “หึ” (ไม่) เขาคิดเรื่องนี้มาทั้งวัน คิดว่าพูดกับเธอดีกว่าเก็บมันไว้ ว่าแล้วก็เอ่ยถามเธอ “นิดอยากเลิกกับอ้ายบ่อ” (นิดอยากเลิกกับพี่ไหม) ทั้งสองแต่งงานกันเพราะพ่อกับแม่ของเขาอยากได้หลานเพราะพี่ชายของเขาเป็นหมันไม่สามารถมีหลานให้พ่อกับแม่ได้ ส่วนพ่อกับแม่ของนิตยาก็เต็มใจให้ลูกแต่งงานกับเขาเพราะอยากได้ค่าสินสอด ในหมู่บ้านนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนเอาคนอย่างอำนาจไปเป็นสามี เช่นเดียวกับนิตยาผู้มีหน้าตาอัปลักษณ์ผู้ชายในหมู่บ้านนี้ก็ไม่มีใครเลือกเธอไปเป็นภรรยาเช่นกัน ไม่มีใครอยากคุยกับเธอแม้แต่คนในครอบครัวยังเลือกเชื่อหมอดูมากกว่าเชื่อลูกตัวเอง หาว่าเธอเป็นกาลกินีจนต้องไล่มาอยู่คนเดียวกลางป่ากลางเขาเช่นนี้            นิตยาครุ่นคิดในใจ ทำไมวันนี้เขาถามแปลก ๆ ปกติอำนาจไม่เคยพูดเรื่องนี้ จากที่เธอสังเกตเขารู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้มาอยู่กับเธอเพราะอยู่กับนิตยาเธอไม่เคยบ่น ไม่เคยด่าเหมือนอยู่กับพ่อแม่ของเขา เขาไม่ทำงานเธอก็ไม่เคยสนใจ ทำหน้าที่ของตนไปมีอะไรให้กินเขาก็กิน เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องเลิกกันหรือแยกกันอยู่            นิตยาไม่ได้ตอบออกไปแต่กลับย้ำสิ่งที่คิดว่าเขาน่าจะลืม “พ่อกับแม่อ้ายเพิ่นอยากได้หลาน” (พ่อกับแม่พี่เขาอยากได้หลาน) ตลอดกว่าหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกันมาทั้งสองไม่เคยยุ่งเกี่ยวกันในฐานะสามีภรรยาเลยสักครั้ง และนิตยาก็ยินดีที่ทุกอย่างเป็นเช่นนั้น            “อ้ายฮู่อยู่ แต่เฮาบ่อได้มักกัน เฮามีลูกนำกันบ่อได้” (พี่รู้ แต่เราไม่ได้รักกัน เรามีลูกด้วยกันไม่ได้) คนไม่รักกันมีลูกด้วยกันนับวันก็ยิ่งหมางเมิน ดีไม่ดีผลกรรมไปตกอยู่ที่ลูก อีกอย่างถึงอยากมีมากแค่ไหนก็คงไม่มีใครบังคับเขาได้ เพราะเขารู้ว่าร่างเดิมนี้นกเขาไม่ขันมาหลายปีแล้ว คงเป็นก่อนที่จะแต่งงานกับนิตยากระมัง อำนาจถึงกล้าแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ เพราะเขาคิดว่าตัวเองมีลูกไม่ได้ และเขาก็คงไม่ได้ชอบเธอเช่นกัน แต่ที่ยอมแต่งงานเพราะตัดรำคาญพ่อกับแม่ที่ชอบบ่นชอบบังคับเขา            “อ้ายอยากเลิกบ่อกะสั่น ถ้าอ้ายอยากเลิกกะเลิกกะได้” (พี่อยากเลิกไหมล่ะ ถ้าพี่อยากเลิกก็เลิกได้)            ถึงเธอไม่ได้รักอำนาจในแบบสามีแต่เขาก็เป็นเหมือนพี่ชายที่สามารถนอนเป็นเพื่อนเธอได้ทั้งวัน อย่างน้อยก็รู้สึกว่าโลกนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว            “อ้ายจั่งได๋กะได้” (พี่ยังไงก็ได้)            มาวินแค่ให้อิสระในการตัดสินใจของเธอเท่านั้น เพราะเท่าที่เขารู้เธอไม่มีสิทธิ์ได้เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว            “กะซั่นอ้ายกะอยู่เป็นหมู่ข่อยไปนิ่ล่ะ ค่านอยู่มื่อได๋กะจั่งไป” (ถ้าอย่างนั้นพี่ก็อยู่เป็นเพื่อนฉันไปอย่างนี้แหละ ขี้เกียจอยู่วันไหนก็ค่อยไป)            เธอไม่ห้ามหากเขาจะไปเพราะที่ผ่านมาเธอก็อยู่เพียงลำพัง เรื่องลูกก็ให้ไปคุยกับพ่อแม่เขาเอาเอง เพราะเธอก็ไม่สามารถมีอะไรกับคนที่ไม่รักได้เช่นกัน            “อื้อ จั่งซั่นกะได้ มื่อได๋ที่นิดมีคนมาอยู่นำ อ้ายจั่งสิไป ตอนนี่เฮากะอยู่นำกันแบบอ้ายน่องไปก่อน” (อือ อย่างนั้นก็ได้ วันไหนที่นิดมีคนมาอยู่ด้วยแล้วพี่ค่อยไป ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันเหมือนพี่น้องไปก่อน)

บทที่ 1 บักอ้วน

“อ้ายทิด!” (พี่) เสียงนิตยาร้องเรียกสามีมาแต่ไกล วันนี้เขานอนตื่นสายกว่าทุกวัน เธอเดินเข้ามาใกล้ ขาก้าวขึ้นบันได แล้วเรียกเขาอีกครั้งพร้อมเปิดประตูบ้านเข้ามา “อ้ายทิดนาจ!” (พี่นาจ)

ชายร่างอ้วนท้วนที่กำลังนอนสลบไสลอยู่ในห้องแคบ ๆ ถึงกับสะดุ้ง ดีดตัวลุกขึ้นนั่งเหยียดขาตรงอยู่บนที่นอนเก่าซอมซ่อ ผมเผ้าชี้ฟูทำหน้ามึนงง

ใครเรียก? เขาชื่อมาวินแล้วนาจมาจากไหน

ดวงตาคมคายมองหญิงสาวที่สวมผ้าถุงเสื้อแขนยาวสีดำมีผ้าคลุมหน้าด้วยความตกใจ

“เป็นหยังคือเฮ็ดหน่าจั่งซั่น” (ทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้น) นิตยาพูดพร้อมกับใช้มือคลี่ผ้าขาวม้าที่คลุมหน้าออกช้า ๆ

“เฮ้ยผี!” มาวินร้องขึ้น หน้าตาแตกตื่น ถอยกรูดจนหลังไปชนกับสังกะสีที่ใช้ทำฝาผนังบ้าน “เอ๋อฮ่อน” (โอ๊ยร้อน) มาวินสะดุ้งโหยงเมื่อโดนสังกะสีช่วงเที่ยงลวกแขน เขาผละกายออกห่างจากสังกะสีแทบไม่ทัน ยกมืออีกข้างลูบแขนตัวเองป้อย ๆ “ทำไมพูดอีสานได้วะ” มาวินพึมพำกับตัวเองทั้งที่เขาเป็นคนลูกครึ่ง

อ้อ ใช่สิเขาลืมไปว่าเขาเป็นลูกครึ่งอุดรฯ-หนองคาย แค่เขาไปอยู่กรุงเทพฯตั้งแต่เด็กแค่นั้นเอง

“ฮะ! เจ้าว่าหยังเกาะ เฮ็ดปานบ่อเคยเห็นหน่าข่อย เจ้าเป็นบ้านอนติ” (ฮะ! พี่ว่าอะไรนะ ทำยังกับไม่เคยเห็นหน้าฉัน พี่นอนละเมอเหรอ)

นิตยาถาม ขาก็ก้าวเข้าไปใกล้สามีขี้เกียจไม่หยุด เธอได้ยินเหมือนเขาพูดภาษากลาง

“อย่า! อย่าเข่ามา” (อย่า! อย่าเข้ามา) อำนาจโบกมือไม่ให้เธอเดินเข้ามาใกล้ ทำไมหน้าผู้หญิงคนนี้ถึงได้น่านัก แก้มขวายังปกติดี แต่แก้มข้างซ้ายสูงตั้งแต่คางขึ้นไปจนถึงขมับนั้นเหมือนมีเส้นเลือดดำสอดสานกันอยู่เป็นพันเป็นหมื่นเส้นคล้ายกับรากฝอยของพืช มันไม่ใช่ปานดำ มองผ่าน ๆ คล้ายกับผีอย่างไรอย่างนั้น “อ้ายขอตั้งสติก่อน” (พี่ขอตั้งสติก่อน) ตอนนี้ในใจเขากำลังสับสนวุ่นวายไปหมด

นิตยาทำหน้างงกับคำว่าอ้ายของเขา ปกติเขาแทนตัวเองว่ากูกับมึงกับเธอเสมอ แล้ววันนี้ทำไมแทนตัวเองว่าพี่ได้

แต่แล้วเธอก็คิดว่าสามีตัวเองนอนละเมอจึงไม่คิดอะไรมาก “กะซั่นข่อยสิไปเฮ็ดแนวกิน เจ้าไปล่างหน่าไป” (ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปทำกับข้าว พี่ไปล้างหน้าเถอะ) ว่าแล้วนิตยาก็เดินทะลุไปอีกฝั่งของบ้านที่มีเพียงห้องเดียว แล้วเริ่มก่อไฟทำอาหาร

“เอ้อ” (ครับ) มาวินในร่างอำนาจรับคำเสียงแผ่ว มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา ร่างอ้วนเกือบร้อยกิโลกรัมงอขาเข้ามาหาตัวแล้วนั่งกอดเข่าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก มันแทบจะกอดไม่มิดเพราะติดพุง เขาค่อย ๆ ทำใจให้เย็น หายใจเข้าลึกหายใจออกยาวอยู่หลายนาที ก่อนที่ความจำของร่างเดิมจะค่อย ๆ พรั่งพรูเข้ามาในหัว

มาวินไปงานเลี้ยงของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเขตสาทร จำได้ว่าขากลับตัวเองไม่ได้เมา รถไม่ได้เกิดอบัติเหตุ แต่ว่าเขาเบรกรถกะทันหันเพราะเห็นเด็กที่วิ่งข้ามถนนโดนรถยนต์คันข้างหน้าเหยียบตายไปต่อหน้าต่อตา จนเขาเกิดอาการ…แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และหัวใจวายเฉียบพลัน

ใช่ เขาหัวใจวายตายเพราะเขาเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว

แล้วไอ้อ้วนนี้ล่ะทำไมเขาถึงตาย มาวินนั่งคิดสักพัก…

เมื่อคืนก่อนนอนร่างนี้รับประทานอาหารเย็นกับซุบหน่อไม้อย่างเอร็ดอร่อยจนข้าวเหนียวหมดไปหนึ่งกระติบใหญ่เพียงคนเดียว จากนั้นก็เข้านอน แล้วเขาก็…

ใช่ ผู้ชายคนนี้นอนหลับตายโดยไม่รู้ตัวหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าไหลตาย

เฮ้อ! ก็ตายไม่ค่อยต่างกันนัก บทจะตายก็ตายง่ายเหลือเกิน ที่สำคัญร่างนี้มีภรรยาแล้ว ภรรยาที่มีใบหน้าอัปลักษณ์

มาวินแหงนหน้ามองหลังคาบ้านที่มุงด้วยสังกะสี เห็นแสงตะวันที่ลอดผ่านรูรั่วของสังกะสีเป็นประกายระยิบระยับคล้ายกับมองดูดาวตอนกลางคืน แต่โทษทีมันไม่ได้โรแมนติกขนาดนั้น ตอนนี้ตัวเขาเปียกโชกไปหมดเพราะเหงื่อไหลทะลักออกมาไม่หยุด จากนั้นไล่สายตาลงมามองรอบห้อง กะด้วยสายตาน่าจะกว้างยาวแค่สี่คูณห้าเมตรเท่านั้น ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบถุงผ้ามีซิบรูดอยู่ด้านหน้า ราวตากผ้าที่ทำด้วยไม้ไผ่อีกหนึ่งอัน และกระจกขนาดเท่าสองฝ่ามือแขวนอยู่บนผนัง ข้างกันมีกระบอกไม้ไผ่แขวนอยู่ในนั้นมีหวีอยู่เพียงอันเดียว ข้างตู้เสื้อผ้ามีหนังสือวางตั้งอยู่สองกอง

ผนังบ้านก็เป็นสังกะสี มีประตูที่ทำจากฟางข้าวสองข้างซ้ายขวา เขาลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก “โอย!” ร่างนี้อ้วนจนลุกแทบไม่ไหว เข่าก็ปวด เอวก็ปวด หลังก็ปวด จากนั้นก็เดินไปดูประตูฝั่งซ้ายก่อนจึงรู้ว่ามันเป็นชานยื่นออกไปแล้วมีบันไดอยู่สี่ขั้น พื้นด้านล่างต่างระดับก้าวเพียงหนึ่งช่วงขาก็ถึง มีสังกะสีมุงอยู่ด้านบนสามแผ่น แล้วพาร่างใหญ่เดินมาฝั่งขวา เห็นนิตยากำลังใช้ฝาหม้อพัดวีไฟให้ลุก ผมยาวดำขลับปกคลุมอยู่เต็มแผ่นหลัง มองข้างหลังเธอก็ดูสวยดี

ฝั่งขวานี้เป็นชานยื่นออกไปเช่นกันความกว้างน่าจะสามเมตรส่วนความยาวเท่ากับตัวบ้านด้านยาว ด้านบนมุงด้วยสังกะสีเช่นกัน ข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ข้างผนังบ้านมีหม้อ ฝาหม้อ ทัพพี กระชอน หวดนึ่งข้าว และกระติบข้าวแขวนอยู่ ส่วนพื้นที่ด้านล่างฝั่งขวามีหม้อดินหรือแอ่งน้ำสองใบมีถาดสังกะสีใบเล็กปิดไว้มีขันสีเงินใบเล็กวางอยู่ด้านบน ถัดมาทางซ้ายเป็นเตาไฟและหม้อนึ่งไว้สำหรับนึ่งข้าว

นิตยาหันหลังมาเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนกำลังยืนมองเธอ “ยืนเบิ่งหยัง” (ยืนดูอะไร)

มาวินเสมองไปทางอื่นแล้วตอบออกไป “เบิ่งต้นยาสูบ” (ดูต้นยาสูบ) เขาตอบไปอย่างนั้นทั้งที่ยืนจ้องเธออยู่ “อ้ายอยากอาบน่ำ” (พี่อยากอาบน้ำ) รู้สึกเหม็นเปรี้ยวตัวเองจนเกือบจะทนไม่ไหว ก่อนมาที่นี่เป็นโรคหัวใจ มาอยู่ที่นี่เป็นโรคอ้วน มันช่างเลวร้ายไม่ต่างกันนัก

“อาบน่ำ?” สามีเธอไม่เคยอาบน้ำหลังจากตื่นนอนในตอนสาย เหตุใดวันนี้นึกอยากอาบน้ำขึ้นมา

“แมน” (ใช่)

แต่เหงื่อเขาออกมากน่าจะร้อนจัดนิตยาจึงไม่ได้ใส่ใจ “ไปแหมะ” (ไปสิ) จากนั้นก็ยกหม้อที่ภายนอกสีดำเมี่ยมเพราะเธอใช้ทั้งถ่านทั้งฟืนขึ้นตั้งไฟ

มาวินเดินไปยังราวตากผ้าที่มีผ้าขาวม้าพาดอยู่ หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วเดินลงไปข้างล่าง ร่างต้วมเตี้ยมเดินไปยังห้องน้ำโดยเร็วโดยลืมนึกไปว่า ห้องน้ำมีแค่ถังน้ำเอาไว้ล้างก้นและขันน้ำสีเงินหนึ่งใบเท่านั้น แหงนหน้ามองหลังคาเมื่อรู้สึกร้อนแปลก ๆ

เห็นพระอาทิตย์สาดแสงลงมาจนเต็มหน้าเขาหรี่ตาแทบไม่ทัน

อ้าว! ลืมไปว่าห้องน้ำไม่มีหลังคา แต่ก็ขอปัสสาวะสักหน่อยก็ยังดี เขาหันหลังจะปิดประตูห้องน้ำ แล้วก็ไม่เห็น เขาเดินออกไปหาประตูห้องน้ำด้านนอก

อ้อ ประตูห้องน้ำเป็นเพียงสังกะสีแผ่นเดียวแค่ยกมาปิดประตูไว้เท่านั้น มาวินทำหน้าเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวา ดีหน่อยที่ห้องน้ำมีส่วนของตัวเรือนบังไว้นิตยาจึงมองไม่เห็นเขา

เฮ้อ! ชีวิต ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ เมื่อก้มมองของรักของหวงก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยขนาดของมันก็ไม่ได้หดไปตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเหมือนข้อมูลที่เขาอ่านมา

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ แก้วใบเล็ก

ข้อมูลเพิ่มเติม
สามีข้าเป็นมากกว่าชายพิการ

สามีข้าเป็นมากกว่าชายพิการ

เมืองแฟนตาซี

5.0

โปรย: เธอไปเก็บเห็ดแต่ดันได้สามี ซ้ำเธอยังไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ สำคัญกว่านั้นเขาพิการ ไม่ใช่พิการธรรมดาแต่พิการแบบตะโกน ....................... ฝากนิยายเรื่องใหม่ค่า เรื่องนี้มีความเป็นอีสานนิด ๆ บวกแฟนตาซีหน่อย ๆ ค่ะ มันหอมออกไปเก็บเห็ดบนภูเขาแต่กลับเจอชายหนุ่มที่กำลังวิ่งหนีเสือมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เขาลากเธอวิ่งหนีเสือไปด้วยกันจนตกภูเขา ตื่นขึ้นมาอีกทีเธอก็ไม่ใช่มันหอมคนเดิมแล้ว แต่ต้องแบกผู้ชายคนนั้นกลับบ้านด้วย ใครจะไปรู้ว่าแค่แบกผู้ชายกลับบ้านจะทำให้เธอต้องแต่งงานกับเขา ที่สำคัญตอนนี้เขาขาหัก ตาบอด และความจำเสื่อม เธอจะมีชีวิตรอดอยู่ในร่างนี้ได้อย่างไร เนื้อหาบางส่วน.............. มันหอมเดินจากไปพักผ่อนในห้องแล้ว พ่อเฒ่าขวาน โสม และขุนเดชนั่งปรึกษากันด้วยใบหน้าเคร่งเคร่งขรึม พ่อเฒ่าพูดออกมาด้วยความลำบากใจ “ถึงอย่างไรมันทั้งสองก็ต้องแต่งงานกัน” ขุนเดชสะดุ้งเฮือก “ไม่มีวิธีแก้ทางอื่นแล้วเหรอครับ” ขุนเดชก็หนักใจไม่ต่างกัน เขาจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ให้ลูกสาวผู้ดื้อรั้นยอมแต่งงานกับคนต่างถิ่น ถึงหน้าตาไอ้คนนั้นมันจะหล่อเหลาปานใด แต่อย่างไรก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้ หรือหากเป็นคนที่พ่อเฒ่าหรือผู้ใหญ่บ้านหามาก็ว่าไปอย่าง อีกทั้งขาข้างซ้ายของมันก็หัก คนอย่างมันหอมจะดูแลมันไหวหรือ “คำว่าผิดผีแก้ด้วยวิธีอื่นไม่ได้นอกจากพวกมันต้องตบแต่งให้แก่กันเท่านั้น” พ่อเฒ่ากล่าวเสียงแข็ง “หญิงชายแนบกายชิดใกล้ในที่ลับตาคน ถึงจะอยู่ในที่โล่งแจ้งก็นับว่าผิดผีป่าผีเรือน หากไม่ทำตามประเพณีดั้งเดิมนั้นแล้ว เกรงว่าหมู่บ้านของเราจะต้องเผชิญกับเหตุร้ายที่คาดไม่ถึง” พ่อเฒ่าเอ่ยถึงประเพณีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ทะลุมิติมาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้

ทะลุมิติมาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้

เมืองแฟนตาซี

5.0

โปรย: มาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อน ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโจรที่เคยเข่นฆ่าผู้คนไปทั่ว ซ้ำร้ายเขายังต้องการล้างแค้นแทนพ่อโดยใช้หัวใจเป็นเดิมพัน ........................ ไรต์มีนิยายพื้นบ้านมาฝากอีกแล้วค่า เน้นการใช้ชีวิตประจำวัน เนื้อเรื่องไม่หวือหวาส่วนใหญ่เกิดจากจินตนาการของไรต์มากกว่าเหตุการณ์ในยุคนั้น ใครชอบแนวนี้ไรต์ฝากกดหัวใจกดติดตามกันด้วยนะคะ หญิงสาวที่ตื่นมาตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวไปรับพระราชทานปริญญาบัตร แต่กลับต้องย้อนไปอยู่ในยุค 60 ในร่างหญิงปัญญาอ่อนที่มีความทรงจำอันน้อยนิด มีพ่อเป็นอดีตโจรที่ขาพิการ ครอบครัวยากจน กับค่าแรงวันละเจ็ดบาท แล้วเช่นนี้เธอจะทำให้ครอบครัวกินอยู่อิ่มท้องได้อย่างไร พระเอกนางเอกเรื่องนี้มีการแก้แค้นเอาคืนไม่ได้เป็นคนดีบริสุทธิ์นะคะ ทุกคนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาบางส่วน.... คำแก้วเดินออกมาถึงทางห้าแยกที่จะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสี่แจและหมู่บ้านอื่น ๆ ก็เจอกับชายฉกรรจ์สามคนยืนขวางอยู่ตรงหน้า คำแก้วเดินต่ออย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว            “เฮ้ย! มีคนเดินมาทางนี้ว่ะ”            “ลูกพี่มันแบกหมูป่าตัวเบ้อเร่อมาด้วย”            “เอาของมีค่าทั้งหมดมาจากมันให้ได้”            “แต่มันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เองนะลูกพี่”            “พ่อมึงสอนให้โจรอย่างพวกมึงใจดีกับพวกผู้หญิงเหรอวะ” คนที่เป็นหัวหน้าแก๊งตวาดเสียงดังจนคำแก้วต้องเงยหน้ามอง ดวงตากลมไหวสั่นเล็กน้อย เข้ามาสิจะใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตให้ ปืนก็มี มีดก็มี กลัวอะไรล่ะ หักแขนหักขาคนก็ได้ด้วย            “มะ ไม่ได้บอกครับ” คนที่เป็นลูกน้องตอบเสียงสั่น แล้วพวกมันก็ก้าวเท้าไปขวางหน้าคำแก้วไว้            “เอาของมีค่าจากตัวมึงมาให้หมด รวมถึงหมูป่าด้วย” ลูกน้องหนึ่งในสองคนพูดขึ้น แปลกใจที่ในกระบุงมีผลไม้หลายอย่างที่พวกเขาไม่เคยกิน            “ไม่มี” คำแก้วตอบเสียงห้วน มองชายทั้งสามด้วยแววตาไม่สะทกสะท้าน เธออยากเห็นโจรตัวเป็น ๆ วันนี้เธอก็ได้เห็นแล้ว พวกมันใช้ผ้าขาวม้าคลุมหน้าไว้ ยุคสมัยนี้ตำรวจคงทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ            “ปากดีซะด้วย กูชอบว่ะ จะมีผู้หญิงสักกี่คนวะที่ไม่กลัวโจรอย่างพวกกู ฮ่า ๆ ๆ” เรืองว่าพลางหัวเราะเสียงลั่น ในมือถือปืนเคาะฝ่ามืออีกข้างเล่นไปพลาง ๆ แล้วสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยม “จับตัวมันไว้”            ลูกน้องทั้งสองกรูเข้าไปจับตัวคำแก้วไว้ คำแก้วปล่อยหมูและกระบุงลงบนพื้นดิน            เรืองก้าวเท้ายาวเข้ามาใกล้ ดึงผ้าขาวม้าออกจากหน้าเธอ สายตาคมกริบมองใบหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด            “นี่มันลูกสาวคนโตของไอ้เสือเข้มนี่หว่า มึงกล้าออกมาป่าคนเดียวได้ยังไงวะ” เขาใช้ปลายกระบอกปืนเชยคางของคำแก้วขึ้น แล้วพิศมองใบหน้าเธอนิ่ง            คำแก้วจ้องตามันกลับอย่างไม่ลดละ โจรพวกนี้อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับที่ทำร้ายพ่อของเธอก็เป็นได้ ถึงได้รู้จักเสือเข้ม            ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนหลบอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลมากนักถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินว่าสาวน้อยคนที่เขาเดินตามออกมาจากป่าเป็นลูกของไอ้เสือเข้ม แต่เขาได้ยินมาว่าลูกสาวคนโตของเสือเข้มเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางปัญญาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเข้าป่าไปล่าสัตว์คนเดียวได้อย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวสัตว์ป่า หรือแม้แต่โจรพวกนี้ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เดินตามเธอมา คราแรกเขาแค่อยากรู้ว่าเธอเป็นคนของหมู่บ้านไหนกันแน่ เพราะเขาไม่เคยเห็นหน้า และกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายจึงเดินตามมาอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นลูกสาวคนที่เขาตามหามานาน

หวนกลับมาครานี้ไม่เป็นแล้วภรรยาชั่วร้าย

หวนกลับมาครานี้ไม่เป็นแล้วภรรยาชั่วร้าย

เมืองแฟนตาซี

5.0

โปรย: ปางก่อนเธอเคยละเลยเขากับลูก เมื่อได้มีโอกาสย้อนกลับไปแก้ไขชะตาอีกครั้งเธอจำต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาอภัยให้กับผู้หญิงชั่วร้ายอย่างเธอ .................................... นิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พระเอกพิการนะคะ พื้นที่ยังคงเป็นภาคอีสาน เกี่ยวกับวิถีชาวบ้านและความเป็นอยู่ อ่านได้เรื่อย ๆ ค่ะ เป็นเรื่องสั้น ๆ ไม่น่าจะเกินหกหมื่นคำค่ะ กชกรได้ย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่เธอเคยทำไม่ดีกับลูกกับสามี โดยเธอต้องทำงานหนักทุกอย่าง เพราะเธอกลับไปคราวนี้พบว่าสามีของเธอพิการและต้องเลี้ยงลูกสองคนเพียงลำพัง ไปติดตามกันค่ะ ว่าเธอจะเอาชนะใจสามีได้หรือไม่ ………………………………. เท้าของเธอหยุดเดินและยืนอยู่บนคันนาเมื่อมาถึงนาของสามีที่ส่วนลุ่มอยู่ติดกับลำน้ำปาว ส่วนนาดอนด้านบนติดกับนาเธอ ใบตองพลวงหลุดจากมือตอนไหนเธอไม่ได้รู้ตัวเลย น้ำตารินไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ สามีกับลูกทั้งสองกำลังช่วยพ่อขุดดินและปักดำต้นกล้าลงไป ลูกชายคนโตกำลังใช้จอบเล็กขุดดินส่วนคนเล็กใช้เสียมขุดบางครั้งก็นั่งลงแช่ในน้ำ เดือนลูกสาวคนเล็กก็ทำตามประสาเด็กคงไม่ได้ช่วยพ่อมากนัก ในแปลงนามีน้ำท่วมถึงตาตุ่ม สามีใช้จอบเล่มใหญ่เขานั่งคุกเข่าด้วยขาข้างซ้ายลากขาอีกข้างตามไปอย่างทุลักทุเล เนื้อตัวพ่อลูกทั้งสามคนเต็มไปด้วยโคลนตม            ปีที่แล้วเขาไม่ได้ทำนา ถ้าปีนี้ไม่ได้ทำอีกก็คงไม่มีข้าวให้กินแล้ว เพราะในยุคนี้ผู้คนล้วนขาดแคลนข้าวกันทั้งนั้น ครั้นจะจ้างก็คงไม่มีเงิน อีกอย่างเขาคงอยากทำเอง อุดรฯ ก็แห้งแล้งเหลือเกิน แต่พอถึงฤดูน้ำหลากนาของสามีที่อยู่ติดกับลำน้ำปาวน้ำก็ท่วมขังทุกปี หากจะขอพี่น้องหรือพ่อแม่กิน พวกเขาก็คงไม่มีให้เพราะนาพวกเขาก็ท่วมเหมือนกัน ก่อนหน้าที่เขายังเดินได้ก็ยังพออยู่พอกิน ตอนนั้นเขาเลี้ยงดูลูกเมียได้เป็นอย่างดี            เกสรยกมือขึ้นปาดน้ำตาซ้ายขวา วางกระเป๋าย่ามไว้บนคันนาถอดรองเท้าวางไว้ข้างย่ามแล้วเดินลงไปในแปลงนามุ่งหน้าไปหาสามีกับลูก            เดือนยืนมองเธออยู่พักใหญ่เมื่อมั่นใจจึงตะโกนเรียกเสียงดัง “แม่!” จ๋อม! จ๋อม! จ๋อม! ดำและลูกชายต่างละสายตาจากดินที่ขุดอยู่แล้วมองไปตามเสียงฝีเท้าที่เดินในน้ำเข้ามาใกล้            “แม่!” ลูกทั้งสองวิ่งเข้าไปกอดแม่ซ้ายขวาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิตที่เห็นแม่กลับมา น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหลพรากออกมา ชาติที่แล้วเธอกล้าทิ้งเด็กน้อยหน้าตาน่ารักอย่างนี้ไปได้อย่างไร ถึงแม้ตอนนี้เนื้อตัวจะมอมแมมมากก็ตาม            “แม่เกสรสวยขึ้น ขาวขึ้น” ดินบอกแม่            “จริงด้วยค่ะ พ่อบอกว่าแม่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อส่งเงินมาให้พวกเรา แม่ไปทำงานอะไรหรือคะ ทำไมสวยจัง”            สิ้นคำลูกสาวน้ำตาก็ไหลทะลักออกมาเป็นสายยาว เขาคงไม่เคยบอกลูกในสิ่งที่เธอทำไม่ดีเอาไว้ และคงยังไม่กล้าบอกลูกเรื่องที่เธอเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวาน            “แม่…แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับพวกหนู” เธอไม่รู้จะพูดคำไหนกับลูกดี ในใจตอนนี้รู้สึกผิดกับลูกกับสามีจนไม่อยากให้อภัยตัวเอง รู้สึกเกลียดตัวเองที่ทำตัวเหมือนสองปีที่ผ่านมา เป็นใครก็คงยากจะให้อภัย            เห็นแม่สะอื้นหนัก ทั้งสองก็ทำได้เพียงใช้มือที่เปื้อนตมเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้แม่ จนหน้าขาวนวลของแม่เลอะไปด้วยดินโคลน            เกสรเงยหน้าขึ้น ดวงหน้ายังเต็มไปด้วยน้ำตา ดวงตาพร่ามัวมองหน้าสามีนิ่ง            ทั้งสองสบตากัน แววตาของเกสรเต็มไปด้วยคำว่าขอโทษเป็นล้านคำ ส่วนเขานั้นมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ในดวงตาคมเข้มคู่นั้นไม่มีแม้แต่เงาของเธอหลงเหลืออยู่เลย เขาวางหน้านิ่งมาก มากเสียจนไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรที่เห็นเธอกลับมา ใบหน้าเขายังหล่อเข้มเหมือนที่เธอเคยฝันถึง กรอบหน้าล้อมรอบไปด้วยเคราดกดำ ผมยาวมวยไว้ด้านหลังเหมือนคนป่า ผิวสีเข้มเพราะกรำแดดแต่เธอมองว่านั่นคือเสน่ห์ของเขา กล้ามเนื้อส่วนบนถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าฝ้ายแขนสั้นสีซีด กล้ามแขนเขายังดูแข็งแรงและบึกบึน ส่วนท่อนล่างมีกางเกงขายาวสีดำปิดบังไว้ เธอจึงมองไม่เห็นว่าขาของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ขาข้างขวาของเขาจะลีบหรือไม่            เขาคงเกลียดเธอมาก และเธอคงไม่หวังให้เขาอภัยให้เธอในวันนี้ เกสรนั่งคุกเข่าลงในน้ำจนผ้าถุงเปียกชื้นเพื่อให้กอดลูกได้ถนัดขึ้น หอมแก้มลูกซ้ายขวาทั้งสองคน อยากขอบคุณคุณยายคนนั้นเหลือเกินที่ทำให้เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าต่อจากนี้ไปเธอไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง            แม่ลูกทั้งสามต่างร้องไห้ไปด้วยกัน            ดำละสายตาจากสามแม่ลูก ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากปากของเขาแม้แต่คำเดียว            มือหนาสับจอบลงบนหน้าดินแล้วค่อย ๆ คลานออกจากตรงนั้น ปีนขึ้นคันนาแล้วใช้แรงจากแขนทั้งสองข้างและขาข้างซ้ายส่งตัวเองเคลื่อนตัวไปตามคันนาที่มีแต่หญ้าขึ้นปกคลุม เขาไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร และไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่เพราะเหตุผลอันใดอีก ทั้งที่วันนั้นเขาพูดชัดเจนแล้ว แต่คนอย่างเขาจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้ใครเป็นครั้งที่สองอีก

ทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ผู้มั่งคั่งในยุค 90

ทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ผู้มั่งคั่งในยุค 90

เมืองแฟนตาซี

5.0

เธอทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ส่วนตัวที่เขาซื้อมาจากครอบครัวที่เก็บขยะขาย ในยุคปัจจุบันก็ทำงานจนตัวตาย มาอยู่อดีตก็กลายเป็นคนอัตคัดขัดสน ชีวิตจะลำบากซ้ำซ้อนไปถึงไหน ……………………………………………… เช็ดท่อนบนเสร็จเนื้อนวลก็เตรียมถอดชิ้นล่างที่เป็นกางเกงผ้านิ่มขายาว มือเล็กกำลังจับขอบกางเกงเตรียมจะถอดออก            หมับ! แต่ก็มีมือใหญ่มายึดไว้อีกครั้ง พร้อมเปล่งเสียงแหบพร่าออกมา            “หย่า!” เด็กอะไรแก่แดดขนาดนี้ ไม่รู้จักอายผีอายสาง กลางวันแสก ๆ ยังจะแก้ผ้าผู้ชาย ถึงปู่กับย่าจะไม่ค่อยมีเวลาอบรมบ่มนิสัยให้รักนวลสงวนตัวแต่เธอก็น่าจะคิดเองเป็นบ้าง หรือเธอเป็นเด็กใจแตกถึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้            เช่นเดิมเนื้อนวลไม่ได้สนใจ เพราะกลิ่นตัวของเขาที่โชยเข้าจมูกเธอคิดว่าน่าจะเกือบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เช็ดตัว เพราะเท่าที่เนื้อนวลเข้ามารับใช้เขาไม่กี่วัน สุรเชษฐ์ก็ไล่เธอท่าเดียว แต่อย่าหวังว่าเนื้อนวลคนนี้จะยอมแพ้ง่าย ๆ            “ถ้าอายก็หลับตา” เนื้อนวลพูดเสียงเรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ มือข้างหนึ่งจับสะโพกเขายกขึ้นมืออีกข้างดึงกางเกงนอกลงมาจนสุดปลายเท้าตามด้วยกางเกงผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายทั้งหนักและเบาของตัวเองได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันระวังตัว เมื่อนั้นแหละสุรเชษฐ์จึงนอนแน่นิ่งปิดเปลือกตาแน่น ร่างใหญ่แข็งทื่อไปทั้งตัว จากที่ไม่รู้สึกแค่ฝั่งขวาตอนนี้เหมือนจะชาไปทุกสัดส่วนบนร่างกาย            ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เกิดมาเขายังไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเห็นร่างเขาตอนเปลือยเปล่าแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่…หน้าด้านเหลือทน มีผู้หญิงคนไหนกันที่อยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยล่อนจ้อนแบบนี้ในห้องสองต่อสองเหมือนเธอบ้าง ถ้าคนอื่นรู้เข้ามีหวังเธอไม่มีทางหาสามีได้แน่ อย่างว่าล่ะนะก็คนไม่ได้เรียนหนังสือก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร            พ่อจ๋า! แม่จ๋า! ช่วยลูกด้วย ผมกำลังโดนแทะโลมทางสายตา สุรเชษฐ์พร่ำบ่นในใจเมื่อคิดว่าสาวใช้คงใช้สายตาจ้องมองเขาไปทั้งตัว

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวนาผู้ยากจนซ้ำสามียังพิการ

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวนาผู้ยากจนซ้ำสามียังพิการ

เมืองแฟนตาซี

5.0

ว่าที่แพทย์หญิงที่ย้อนกลับไปสู่อดีตในร่างหญิงอวบอ้วนที่สามีและลูกชิงชัง และอยากให้เธอตายอยู่ทุกวัน เธอจะไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเป็นอันขาด นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายไทยโบราณนะคะ แต่ไม่ได้ย้อนยุคไปไกลมาก ชื่อเรื่องอาจจะเหมือนจีนโบราณแต่ความจริงแล้วคือไม่ใช่ค่ะ (อยากเขียนแต่ความสามารถยังไม่มากพอ) ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวนาผู้ยากจนซ้ำสามียังพิการ เป็นเรื่องราวของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หกที่ทะลุมิติไปอยู่ในร่างหญิงอวบอ้วนในปีพุทธศักราช 2495 เธอต้องเลี้ยงลูกสองคนและสามีพิการขาหักทั้งสองข้างอีก แถมพวกเขายังชิงชังหญิงอ้วนใจร้ายอย่างเธอด้วย ภาษาที่ใช้ในเรื่องนักเขียนจินตนาการขึ้นมาเองค่ะไม่ได้อิงประวัติศาสตร์แต่อย่างใด ส่วนประเพณีหรือวัฒนธรรมและความเป็นอยู่บางส่วนไรต์อ้างอิงมาจากเรื่องจริงแต่ส่วนใหญ่เกิดจากจินตนาการอาจมีบางตอนที่ไม่สมเหตุสมผล เนื้อหาค่อนไปทางอีสานนะคะ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ ใครที่ชอบแนวนี้รอติดตามกันได้เลยนะคะว่าเธอจะไปใช้ชีวิตอยู่ในยุคนั้นให้รอดพ้นได้อย่างไร ถ้าชอบถ้าใช่อย่าลืมกดหัวใจกดติดตามให้ไรต์ด้วยนะค้า

เกิดใหม่มีสามีตาบอด

เกิดใหม่มีสามีตาบอด

เมืองแฟนตาซี

5.0

เกิดใหม่มีสามีตาบอด เรื่องนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในเขตอีสานเหมือนเดิมนะคะ แต่คราวนี้ไม่มีมิติไม่มีของวิเศษใด ๆ ค่ะ ปมไม่หนักไม่มีดรามาไม่มีการแก้แค้นเอาคืน เนื้อเรื่องย่อยง่าย เป็นแนวบ้าน ๆ ตามเคย อ่านได้เรื่อย ๆ แต่ภาษาที่ใช้จะใช้เป็นภาษากลางทั้งหมดนะคะ หากใครชอบแนวนี้ฝากกดเข้าชั้นกดหัวใจให้ไรต์ด้วยน้า บางบทบางตอนในนิยายอาจไม่สมเหตุสมผล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ลลิลสาวโสดวัยสามสิบปีต้องย้อนกลับไปในอดีต จิตสุดท้ายก่อนจากโลกปัจจุบันไปเธออยากมีสามีหล่อรวยและที่สำคัญเขาต้องรักเธอ แต่ทว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ที่ผอมแห้งแรงน้อยแถมยังขี้โรคแล้วจะมีชายใดมาเมียงมอง และที่แย่ไปกว่านั้นเธอต้องแต่งงานกับชายตาบอดแทนพี่สาวฝาแฝดของเธออีกด้วยที่สำคัญเขาคนนั้น…ไม่ได้ต้องการเธอ ไพลินสวมเสื้อกันหนาวตัวหนาสีครีมเดินออกมาต้อนรับช่างแต่งหน้าที่เป็นหญิงแท้หนึ่งและร่างเป็นชายใจเป็นหญิงอีกหนึ่ง            “เชิญทางนี้เลยค่ะ” ช่างแต่งหน้าและผู้ช่วยเดินถือชุดเจ้าสาว และกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ตามหลังไพลินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน            ไพลินอดแปลกใจไม่ได้ เหตุใดพี่สาวของเธอถึงยังไม่ลุกขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวสักที มือเล็กเคาะประตูหน้าห้องอยู่สักพัก พอไม่มีใครมาเปิดประตูไพลินจึงเปิดเข้าไปอย่างถือวิสาสะ เพียงตาอาจจะนอนขี้เซาเพราะคงเหนื่อยจากการเตรียมงานก็เป็นได้            ร่างบอบบางก้าวเท้าพ้นประตูเข้ามาในห้องก็ต้องตกใจเมื่อพบแค่ความว่างเปล่า ผ้าปูที่นอนยังคงเรียบตึงราวกับว่าพี่สาวของเธอยังไม่ได้นอน สายตาเหลือบมองไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กวางอยู่บนเตียงนอนมีปากกาด้ามหนึ่งวางทับอยู่ ไพลินไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปหยิบมาอ่านทันที เธอรู้สึกหน้าชาวาบเมื่อเห็นข้อความในกระดาษ            ทำไมพี่สาวเธอถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้ เธอทำราวกับว่าการแต่งงานคือการเล่นขายของอย่างไรอย่างนั้น ไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมวันที่ไปลองชุดเจ้าสาวเพียงตาถึงได้ใจดีกับเธอนัก            “มีอะไรเหรอคะ” หัวหน้าช่างแต่งหน้าที่มีร่างเป็นชายใจเป็นหญิงเอ่ยถามขึ้น ไพลินยังไม่ได้ตอบคำถามประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง “แม่คะ ตาหนีไปแล้วค่ะ” ไพลินบอกแม่หน้าตาตื่นพร้อมกับยื่นกระดาษในมือให้ “ฮะ! หนีไปไหน” พาขวัญพูดด้วยน้ำเสียงตกใจแล้วหยิบกระดาษจากมือลูกมาอ่าน ‘แม่คะ พ่อคะ ตาต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะที่ตาต้องเลือกทำแบบนี้ พ่อกับแม่อย่าบังคับตาเลยค่ะ ตาไม่อาจแต่งงานกับคนที่ตาไม่ได้รัก งานแต่งงานครั้งนี้ตายกให้เป็นหน้าที่ของลินก็แล้วกันค่ะ ที่จริงลินคือพี่สาวของตาต่างหากล่ะคะเพราะยังไงลินก็เกิดก่อนตา เขาทั้งสองคนเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก เจ้าบ่าวตาบอดกับเจ้าสาวความจำเสื่อม ส่วนตาขอไปสานฝันตัวเองก่อนนะคะ อนาคตของตายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ตาไม่มีวันเอาชีวิตไปทิ้งไว้กับคนตาบอดหรอกค่ะ พ่อกับแม่ไม่ต้องตามหาตานะคะ กว่าพ่อกับแม่จะเห็นจดหมายฉบับนี้ตาคงเกือบจะถึงกรุงเทพฯแล้ว เงินค่าสินสอดสองหมื่นตาขอยืมไปตั้งตัวก่อนนะคะ ถ้าตาได้งานทำแล้วตาจะคืนให้ค่ะ’ รักพ่อกับแม่นะคะ ตา ตามความเชื่อลูกฝาแฝดคนที่คลอดทีหลังจะเป็นแฝดพี่เพราะพี่จะเสียสละให้น้องคลอดก่อน แต่เพียงตาไม่คิดแบบนั้นเธอคลอดทีหลังเธอก็ต้องเป็นน้อง เมื่ออ่านข้อความในกระดาษจบพาขวัญก็แทบลมจับ ร่างเธอเซไปสองสามก้าว เนื้อตัวสั่นเทาเหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้อง “แม่!” ไพลินถลาเข้าไปประคองแม่ไว้ทัน แล้วพาแม่ไปนั่งที่เตียงนอน “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณแม่” หัวหน้าช่างแต่งหน้าถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เห็นแม่เจ้าสาวใบหน้าเผือดสีก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย “ยายตาหนีเข้ากรุงเทพฯแล้วค่ะ” พาขวัญเอ่ยขึ้นเสียงเบา เธอกำลังช็อกไม่คิดว่าเพียงตาจะทำได้ลงคอ ไม่คิดว่าตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาลูกสาวได้วางแผนไว้หมดทุกอย่างแล้ว ไม่แปลกใจว่าทำไมลูกตอบตกลงแต่งงานง่ายดายนัก

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เมียเด็กของคุณป๋า

เมียเด็กของคุณป๋า

โรแมนติก

4.9

“ฮึ ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เป็นแม่ของลูกฉันจำใส่หัวเธอไว้!” “ค่ะ หนูรู้ตัวดีว่าตัวเองก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่คุณใช้เงินซื้อมา” “รู้ตัวก็ดี จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำ!” น้ำเสียงราบเรียบท่าทีนิ่งเฉยสายตาเย็นชาของ ปรเมศวร์ จ้องหน้า พิชญา เด็กสาวด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ เพราะไม่มีทางเลือกเธอต้องยอมเป็นของเล่นให้เขาจนกว่าเขาจะเบื่อเพื่อแลกกับความสุขสบายของครอบครัว เธอต้องอดทนนะ แนนนี่ “หนูเจ็บ!” เด็กสาวในชุดนักเรียน มองหน้าชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว เมื่อเธอขัดขืนไม่ยอมทำตามคำสั่ง "อย่ามาลีลา" เขาพ่นลมหายใจแรงๆ อย่างหงุดหงิด ยิ่งดวงตากลมโตคู่นั้นสั่นระริกมันยิ่งสร้างรำคาญใจให้แก่เขา “ไม่ทำได้มั้ย” เด็กสาวมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งขาไขว่ห้างหลังพิงโซฟาจ้องหน้าเธออย่างเบื่อหน่าย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคำขอของเธอไม่เป็นผลแต่เธอก็อยากจะลองดูอีกสักครั้ง พรึบ! “ฮึ...ไม่อยากให้พ่อแม่และน้อง ๆ เธอสบายรึไง!” ใบหน้าหล่อคมคายที่นิ่งเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์ยากจะคาดเดา เดินตรงเข้าไปประชิดตัวสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า สายตาเกรี้ยวกราดเลือดเย็นมองเธออย่างดูถูกเหยียดหยาม “แคก ๆ ๆ” เด็กสาวสำลักควันบุหรี่ที่เขาตั้งใจพ่นใส่ “อย่ามาทำเป็นลีลาแค่นอนอ้าขาให้ฉันเอามันจะตายรึไง!” เขาทิ้งมวนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช่เท้าเหยียบ พรึบ! ร่างบางถูกผลักล้มหงายหลังนอนราบกับเตียงอย่างแรง “อย่าทำอะไรหนูเลย” สองมือยกขึ้นไหวพร้อมดันตัวรูดถอยหนีเมื่อชายหนุ่มค่อยๆ เอามือค้ำยันที่นอนคลานเข่าเข้ามาประชิดตัว “อย่าทำเหมือนไม่เคย!” น้ำเสียงราบเรียบแววตาดุดันทำเอาคนฟังถึงกับจิตใจวูบหาย สาวน้อยมองเขาอย่างหวาดกลัวเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบางเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอเทพบุตรในคราบซาตานอย่างเขา ที่ภายนอกเป็นนักธุรกิจหนุ่มเจ้าพ่อเหมืองเพชรพันล้านที่ทุกคนในแวดวงไฮโซรู้จักเขาดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงและด้านมืดของเขา ที่ดุร้าย ป่าเถื่อนเหมือนสัตว์ป่า “ขอแค่เรียนจบอดทนไว้” สาวน้อยได้แค่นึกคิดพูดปลอบใจตัวเอง เพียงแค่เธอเรียนจบมีงานทำเธอก็จะไม่ต้องตกเป็นทาสอารมณ์ของคนใจร้ายอย่างเขา ที่เห็นเธอเป็นเพียงสินค้าตัวหนึ่ง แต่เธอจะรู้มั้ยว่าสินค้าทุกอย่างที่ตกต้องอยู่ในมือเขาแล้วนั้น ถ้าเขาไม่เบื่อเธอจะไม่ได้อิสรภาพและชีวิตของเธอคืน แควก!! “กรี๊ด!!!” “หนูเจ็บ!” ชุดนักเรียน ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ อย่างไม่ไยดี “ฮึ...น่ารำคาญ!” “ทำเป็นเล่นตัว เล่นตัวยังไงราคาค่าตัวเธอมันก็ไม่ได้ขึ้นไปกว่านี้หรอก” นิ้วเรียวยาวปลดกระดุมเสื้ออย่างเร่งรีบ สายตาคมกริบจดจ้องไปยังร่างเปลือยเปล่า ดวงตาสาวน้อยยังคงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ถึงนี่จะเป็นครั้งที่สองที่เขาจะทำเรื่องน่าอายกับเธอแต่ด้วยความที่ยังเด็ก เธอทั้งสับสนและไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องมาแบกรับทุกอย่างไว้แต่เพียงคนเดียว แค่เพราะพ่อเธอต้องการเงินไปใช้หนี้การพนัน เพื่อให้น้อง ๆ ได้ทีที่ซุกหัวนอน เพื่อให้แม่ได้มีหน้ามีตาอยู่ในสังคมจอมปลอมทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องมาแบกรับทุกอย่างไว้แค่คนเดียว ทั้งหมดนี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัวตามช่อง ผิดก็แต่ชายหนุ่มบินไปๆ มาๆ เพื่อติดต่อธุรกิจทำให้เธอไม่ต้องประเชิญหน้ากับเขาทุกวัน แต่ในเวลาเดียวกันถ้าเขากลับมาเขาจะส่งลูกน้องคนสนิทมารับตัวเธอเพื่อไปสนองอารมณ์ของเขา “อ้าขาออก!” น้ำเสียงราบเรียบที่เขาเอ่ยออกมาพร้อมฝ่ามือใหญ่จับที่ขา ทำให้คนตัวเล็กถึงกับสะดุ้ง พรึบ! ร่างบางถูกดึงให้มาอยู่ใต้ร่างหนา “ฉันไม่อยู่...แอบไปร่านที่ไหนรึเปล่า” ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากบางชมพูระเรื่อ ผิวขาวใสเรียบเนียนอมชมพูทำให้สายตาคู่ดุดันค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนมองร่างบางด้วยความปรารถนา “ฉันลงทุนซื้อเธอมาด้วยเม็ดเงินก้อนโต เธอคงจะรู้ดีว่าต้องทำยังไงฉันถึงจะพอใจและครอบครัวเธอถึงจะสบาย” ใบหน้าหล่อเหลา ก้มลง...มอบจุมพิตให้แก่เธออย่างอ่อนโยน แต่นั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้คนตัวเล็กใต้ร่างรู้สึกดีขึ้นสักนิด แต่ทว่าเธอกลับรู้ดีว่านี่มันแค่เริ่มต้น “ฮื้อ!” สาวน้อยนิ่วหน้าเมื่อสัมผัสถึงของแข็งบางอย่างค่อย ๆ ถูกสอดใส่ดันเข้ามาในตัวเธอโดยไร้ซึ่งเกาะป้องกัน “รู้ใช่มั้ยฉันไม่ชอบเสียง มันน่ารำคาญ!” เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่นเป็นเสียตรง เมื่อแก่นกายขนาดใหญ่สอดดันเข้ามาในตัวเธอทีเดียวจนมิดลำ ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เมื่อแก่นกายขนาดใหญ่สับเอวสอบถาโถมเข้าใส่ร่องแคบเธออย่างเร่าร้อน รุนแรง แต่เธอก็ต้องเก็บกลั่นไม่ให้มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาเพราะฉะนั้นมันจะยิ่งเป็นการทำให้เขาหงุดหงิดและกระทำกับเธอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ติวสวาท ปิศาจร้อนรัก

ติวสวาท ปิศาจร้อนรัก

มหาเศรษฐี

5.0

“คุณช่วยสอนเรื่องอย่างว่าให้ฉันได้ไหม?” “ห๊ะ?!” ทันทีที่เธอพูดจบ ออสตินก็อย่างตกใจจนเกือบจะพลัดตกเก้าอี้แล้วด้วย ไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดเรื่องนี้กับเขา ออสติน เบรเดน ปิศาจหนุ่มผู้เจนจัดในเรื่องเริงรัก ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยินคำขอสุดพิศดารพันลึกจากปากของดรัลพร แก้วกานต์ เมื่ออยู่ๆ เธอก็บุกมาถึงห้องทำงานแล้วขอให้เขาช่วยรับหน้าที่ “ติวเตอร์” เพื่อสอน “บทเรียนพิศวาส” ให้เธอเป็น “ผู้หญิงเร่าร้อน” ในแบบที่เขาชอบ และเขาคงจะรับหน้าที่ดังกล่าว หากว่าเธอไม่ใช่น้องสาวของเพื่อนสนิท และเป็นคนที่เขาพยายามเก็บไม้เก็บมือให้อยู่ห่างจากเธอมาตลอด เพราะเขาดันรู้สึกอยากครอบครองเธอตั้งแต่เธออายุได้เพียงสิบสามปีเท่านั้น! ทว่าคนอย่างดรัลพรผู้มุทะลุมีหรือจะยอมให้เขาปฏิเสธคำขอเธอง่ายๆ เมื่อเธอยั่วยวนเขาด้วยท่าทีไม่ประสีประสาจนเขาต้องหลวมตัวตกปากรับคำว่าจะเป็น “คุณครูกิตติมศักดิ์” สอนบทเรียนแสนพิเศษนั้นให้กับเธอ เพียงแต่เธอต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแพงลิบลิ่ว ด้วย “พรหมจรรย์” ที่เพียรรักษามานานของเธอ “คราวหลัง... อย่าได้คิดจะอ่อยผู้ชายคนอื่นอีก เข้าใจไหม?!” เขาถามเมื่อฟาดแส้ลงมาอีกครั้ง “แยกขาออกเดี๋ยวนี้!” “อื้อ!” ดรัลพรร้องอีกครั้งเมื่อเขาฟาดแส้ลงมาเพื่อเป็นการทำโทษและตักเตือนถึงผลของการขัดคำสั่งของเขา

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

โรแมนติก

5.0

“คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?” ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

นักล่าคู่กับหมอมหัศจรรย์

นักล่าคู่กับหมอมหัศจรรย์

โรแมนติก

3.5

เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน “คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม”

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ทะลุมิติไปเป็นสามีตัวอ้วนของหญิงอัปลักษณ์
1

บทที่ 1 บักอ้วน

20/02/2024

2

บทที่ 2 สามีเปลี่ยนไป

20/02/2024

3

บทที่ 3 ตะกรุดคาดเอว

20/02/2024

4

บทที่ 4 แค่พี่น้อง

20/02/2024

5

บทที่ 5 ปมในใจ

20/02/2024

6

บทที่ 6 ถูหลังให้

20/02/2024

7

บทที่ 7 เล้าเป็ดเล้าไก่

20/02/2024

8

บทที่ 8 สมบัติแม่ก็เหมือนสมบัติเรา

20/02/2024

9

บทที่ 9 ผสมผสาน

20/02/2024

10

บทที่ 10 คนที่ไม่รัก

20/02/2024

11

บทที่ 11 หาบฟางข้าว

20/02/2024

12

บทที่ 12 ระบม

20/02/2024

13

บทที่ 13 คืนรัง

20/02/2024

14

บทที่ 14 เจ็บซ้ำ ๆ

20/02/2024

15

บทที่ 15 ขายผัก

20/02/2024

16

บทที่ 16 ไม่เป็นอย่างที่คิด

20/02/2024

17

บทที่ 17 แต่งหน้า

20/02/2024

18

บทที่ 18 ปลาหลดอมฮอลล์

20/02/2024

19

บทที่ 19 ในที่สุดก็ทำได้

20/02/2024

20

บทที่ 20 นินทา

20/02/2024

21

บทที่ 21 โยนหินถามทาง

20/02/2024

22

บทที่ 22 สร้างความมั่นใจ

20/02/2024

23

บทที่ 23 หงุดหงิด

20/02/2024

24

บทที่ 24 พี่อยากเป็นผัวนิด

20/02/2024

25

บทที่ 25 เยี่ยมลูกสาว

20/02/2024

26

บทที่ 26 พี่อยากมีลูกกับฉันไหม

20/02/2024

27

บทที่ 27 ว่าที่สะใภ้คนใหม่

20/02/2024

28

บทที่ 28 แตกหัก

20/02/2024

29

บทที่ 29 แลกมาด้วยเงิน

20/02/2024

30

บทที่ 30 แค่อาหารมื้อเย็น

20/02/2024

31

บทที่ 31 ทำความรู้จักกันไว้

20/02/2024

32

บทที่ 32 นอนกับหญิงอื่น

20/02/2024

33

บทที่ 33 รอยนั้นหายไปไหน

20/02/2024

34

บทที่ 34 ต้องมีอันเป็นไป

20/02/2024

35

บทที่ 35 แอบมาหาเมีย

20/02/2024

36

บทที่ 36 ทุกอย่างมีที่มา

20/02/2024

37

บทที่ 37 หลักฐานมัดตัว

20/02/2024

38

บทที่ 38 ไม่มีน้ำลาย

20/02/2024

39

บทที่ 39 งมงาย

20/02/2024

40

บทที่ 40 เหตุผลของทุกเรื่อง

20/02/2024