Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ทะลุมิติไปเป็นสามีตัวอ้วนของหญิงอัปลักษณ์

ทะลุมิติไปเป็นสามีตัวอ้วนของหญิงอัปลักษณ์

แก้วใบเล็ก

5.0
ความคิดเห็น
3.7K
ชม
48
บท

หนุ่มวิศวะผู้หวงความโสดต้องทะลุมิติไปเป็นสามีของหญิงสาวหน้าผีที่มีแต่คนรังเกียจ แต่พ่อกับแม่ของเขาอยากได้หลานแล้วเขาจะทำอย่างไรเมื่อเขาก็ไม่สามารถมีลูกกับคนที่ไม่ได้รักได้เช่นกัน .............................. เรื่องนี้มาแนวแบบอีสานบ้าน ๆ อีกแล้วค่ะ บทสนทนาในเรื่องเป็นภาษาอีสานนะคะ อาจจะอ่านลำบากหน่อยแต่ไรต์มีคำแปลให้ค่ะ มาวินหนุ่มวิศวะย้อนอดีตกลับไปอีสานในปี 2528 และเขาก็พบว่าเขามีภรรยาแล้วและเธอยังมีหน้าตาอัปลักษณ์อีก ไม่พอแค่นั้นเธอยังอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่ากลางเขาที่ทุรกันดารเพราะถูกครอบครัวผลักไสไล่ส่ง แล้วหนุ่มเมืองกรุงอย่างเขาจะอยู่กับเธอได้หรือไม่ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ …………………………………. หลายนาทีต่อมา มาวินนอนเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผาก สักพักก็พลิกกายไปมาอยู่หลายครั้ง ร้อนด้วย คิดไม่ตกด้วย            “อ้ายนอนบ่อหลับเบาะ” (พี่นอนไม่หลับเหรอ)            ถึงเขาจะไม่ได้พลิกกายแรงแต่เธอก็รู้สึกได้ เพราะเรือนก็หลังแค่นี้            “อื้อ” (ครับ)            “เป็นหยัง เฮ็ดเวียกเมื่อยเบาะ” (เป็นอะไร ทำงานเหนื่อยเหรอ) เขาเพิ่งทำงานวันแรกอาจจะปวดเมื่อยตามร่างกายจนนอนไม่หลับ            “หึ” (ไม่) เขาคิดเรื่องนี้มาทั้งวัน คิดว่าพูดกับเธอดีกว่าเก็บมันไว้ ว่าแล้วก็เอ่ยถามเธอ “นิดอยากเลิกกับอ้ายบ่อ” (นิดอยากเลิกกับพี่ไหม) ทั้งสองแต่งงานกันเพราะพ่อกับแม่ของเขาอยากได้หลานเพราะพี่ชายของเขาเป็นหมันไม่สามารถมีหลานให้พ่อกับแม่ได้ ส่วนพ่อกับแม่ของนิตยาก็เต็มใจให้ลูกแต่งงานกับเขาเพราะอยากได้ค่าสินสอด ในหมู่บ้านนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนเอาคนอย่างอำนาจไปเป็นสามี เช่นเดียวกับนิตยาผู้มีหน้าตาอัปลักษณ์ผู้ชายในหมู่บ้านนี้ก็ไม่มีใครเลือกเธอไปเป็นภรรยาเช่นกัน ไม่มีใครอยากคุยกับเธอแม้แต่คนในครอบครัวยังเลือกเชื่อหมอดูมากกว่าเชื่อลูกตัวเอง หาว่าเธอเป็นกาลกินีจนต้องไล่มาอยู่คนเดียวกลางป่ากลางเขาเช่นนี้            นิตยาครุ่นคิดในใจ ทำไมวันนี้เขาถามแปลก ๆ ปกติอำนาจไม่เคยพูดเรื่องนี้ จากที่เธอสังเกตเขารู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้มาอยู่กับเธอเพราะอยู่กับนิตยาเธอไม่เคยบ่น ไม่เคยด่าเหมือนอยู่กับพ่อแม่ของเขา เขาไม่ทำงานเธอก็ไม่เคยสนใจ ทำหน้าที่ของตนไปมีอะไรให้กินเขาก็กิน เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องเลิกกันหรือแยกกันอยู่            นิตยาไม่ได้ตอบออกไปแต่กลับย้ำสิ่งที่คิดว่าเขาน่าจะลืม “พ่อกับแม่อ้ายเพิ่นอยากได้หลาน” (พ่อกับแม่พี่เขาอยากได้หลาน) ตลอดกว่าหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกันมาทั้งสองไม่เคยยุ่งเกี่ยวกันในฐานะสามีภรรยาเลยสักครั้ง และนิตยาก็ยินดีที่ทุกอย่างเป็นเช่นนั้น            “อ้ายฮู่อยู่ แต่เฮาบ่อได้มักกัน เฮามีลูกนำกันบ่อได้” (พี่รู้ แต่เราไม่ได้รักกัน เรามีลูกด้วยกันไม่ได้) คนไม่รักกันมีลูกด้วยกันนับวันก็ยิ่งหมางเมิน ดีไม่ดีผลกรรมไปตกอยู่ที่ลูก อีกอย่างถึงอยากมีมากแค่ไหนก็คงไม่มีใครบังคับเขาได้ เพราะเขารู้ว่าร่างเดิมนี้นกเขาไม่ขันมาหลายปีแล้ว คงเป็นก่อนที่จะแต่งงานกับนิตยากระมัง อำนาจถึงกล้าแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ เพราะเขาคิดว่าตัวเองมีลูกไม่ได้ และเขาก็คงไม่ได้ชอบเธอเช่นกัน แต่ที่ยอมแต่งงานเพราะตัดรำคาญพ่อกับแม่ที่ชอบบ่นชอบบังคับเขา            “อ้ายอยากเลิกบ่อกะสั่น ถ้าอ้ายอยากเลิกกะเลิกกะได้” (พี่อยากเลิกไหมล่ะ ถ้าพี่อยากเลิกก็เลิกได้)            ถึงเธอไม่ได้รักอำนาจในแบบสามีแต่เขาก็เป็นเหมือนพี่ชายที่สามารถนอนเป็นเพื่อนเธอได้ทั้งวัน อย่างน้อยก็รู้สึกว่าโลกนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว            “อ้ายจั่งได๋กะได้” (พี่ยังไงก็ได้)            มาวินแค่ให้อิสระในการตัดสินใจของเธอเท่านั้น เพราะเท่าที่เขารู้เธอไม่มีสิทธิ์ได้เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว            “กะซั่นอ้ายกะอยู่เป็นหมู่ข่อยไปนิ่ล่ะ ค่านอยู่มื่อได๋กะจั่งไป” (ถ้าอย่างนั้นพี่ก็อยู่เป็นเพื่อนฉันไปอย่างนี้แหละ ขี้เกียจอยู่วันไหนก็ค่อยไป)            เธอไม่ห้ามหากเขาจะไปเพราะที่ผ่านมาเธอก็อยู่เพียงลำพัง เรื่องลูกก็ให้ไปคุยกับพ่อแม่เขาเอาเอง เพราะเธอก็ไม่สามารถมีอะไรกับคนที่ไม่รักได้เช่นกัน            “อื้อ จั่งซั่นกะได้ มื่อได๋ที่นิดมีคนมาอยู่นำ อ้ายจั่งสิไป ตอนนี่เฮากะอยู่นำกันแบบอ้ายน่องไปก่อน” (อือ อย่างนั้นก็ได้ วันไหนที่นิดมีคนมาอยู่ด้วยแล้วพี่ค่อยไป ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันเหมือนพี่น้องไปก่อน)

บทที่ 1 บักอ้วน

“อ้ายทิด!” (พี่) เสียงนิตยาร้องเรียกสามีมาแต่ไกล วันนี้เขานอนตื่นสายกว่าทุกวัน เธอเดินเข้ามาใกล้ ขาก้าวขึ้นบันได แล้วเรียกเขาอีกครั้งพร้อมเปิดประตูบ้านเข้ามา “อ้ายทิดนาจ!” (พี่นาจ)

ชายร่างอ้วนท้วนที่กำลังนอนสลบไสลอยู่ในห้องแคบ ๆ ถึงกับสะดุ้ง ดีดตัวลุกขึ้นนั่งเหยียดขาตรงอยู่บนที่นอนเก่าซอมซ่อ ผมเผ้าชี้ฟูทำหน้ามึนงง

ใครเรียก? เขาชื่อมาวินแล้วนาจมาจากไหน

ดวงตาคมคายมองหญิงสาวที่สวมผ้าถุงเสื้อแขนยาวสีดำมีผ้าคลุมหน้าด้วยความตกใจ

“เป็นหยังคือเฮ็ดหน่าจั่งซั่น” (ทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้น) นิตยาพูดพร้อมกับใช้มือคลี่ผ้าขาวม้าที่คลุมหน้าออกช้า ๆ

“เฮ้ยผี!” มาวินร้องขึ้น หน้าตาแตกตื่น ถอยกรูดจนหลังไปชนกับสังกะสีที่ใช้ทำฝาผนังบ้าน “เอ๋อฮ่อน” (โอ๊ยร้อน) มาวินสะดุ้งโหยงเมื่อโดนสังกะสีช่วงเที่ยงลวกแขน เขาผละกายออกห่างจากสังกะสีแทบไม่ทัน ยกมืออีกข้างลูบแขนตัวเองป้อย ๆ “ทำไมพูดอีสานได้วะ” มาวินพึมพำกับตัวเองทั้งที่เขาเป็นคนลูกครึ่ง

อ้อ ใช่สิเขาลืมไปว่าเขาเป็นลูกครึ่งอุดรฯ-หนองคาย แค่เขาไปอยู่กรุงเทพฯตั้งแต่เด็กแค่นั้นเอง

“ฮะ! เจ้าว่าหยังเกาะ เฮ็ดปานบ่อเคยเห็นหน่าข่อย เจ้าเป็นบ้านอนติ” (ฮะ! พี่ว่าอะไรนะ ทำยังกับไม่เคยเห็นหน้าฉัน พี่นอนละเมอเหรอ)

นิตยาถาม ขาก็ก้าวเข้าไปใกล้สามีขี้เกียจไม่หยุด เธอได้ยินเหมือนเขาพูดภาษากลาง

“อย่า! อย่าเข่ามา” (อย่า! อย่าเข้ามา) อำนาจโบกมือไม่ให้เธอเดินเข้ามาใกล้ ทำไมหน้าผู้หญิงคนนี้ถึงได้น่านัก แก้มขวายังปกติดี แต่แก้มข้างซ้ายสูงตั้งแต่คางขึ้นไปจนถึงขมับนั้นเหมือนมีเส้นเลือดดำสอดสานกันอยู่เป็นพันเป็นหมื่นเส้นคล้ายกับรากฝอยของพืช มันไม่ใช่ปานดำ มองผ่าน ๆ คล้ายกับผีอย่างไรอย่างนั้น “อ้ายขอตั้งสติก่อน” (พี่ขอตั้งสติก่อน) ตอนนี้ในใจเขากำลังสับสนวุ่นวายไปหมด

นิตยาทำหน้างงกับคำว่าอ้ายของเขา ปกติเขาแทนตัวเองว่ากูกับมึงกับเธอเสมอ แล้ววันนี้ทำไมแทนตัวเองว่าพี่ได้

แต่แล้วเธอก็คิดว่าสามีตัวเองนอนละเมอจึงไม่คิดอะไรมาก “กะซั่นข่อยสิไปเฮ็ดแนวกิน เจ้าไปล่างหน่าไป” (ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปทำกับข้าว พี่ไปล้างหน้าเถอะ) ว่าแล้วนิตยาก็เดินทะลุไปอีกฝั่งของบ้านที่มีเพียงห้องเดียว แล้วเริ่มก่อไฟทำอาหาร

“เอ้อ” (ครับ) มาวินในร่างอำนาจรับคำเสียงแผ่ว มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา ร่างอ้วนเกือบร้อยกิโลกรัมงอขาเข้ามาหาตัวแล้วนั่งกอดเข่าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก มันแทบจะกอดไม่มิดเพราะติดพุง เขาค่อย ๆ ทำใจให้เย็น หายใจเข้าลึกหายใจออกยาวอยู่หลายนาที ก่อนที่ความจำของร่างเดิมจะค่อย ๆ พรั่งพรูเข้ามาในหัว

มาวินไปงานเลี้ยงของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเขตสาทร จำได้ว่าขากลับตัวเองไม่ได้เมา รถไม่ได้เกิดอบัติเหตุ แต่ว่าเขาเบรกรถกะทันหันเพราะเห็นเด็กที่วิ่งข้ามถนนโดนรถยนต์คันข้างหน้าเหยียบตายไปต่อหน้าต่อตา จนเขาเกิดอาการ…แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และหัวใจวายเฉียบพลัน

ใช่ เขาหัวใจวายตายเพราะเขาเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว

แล้วไอ้อ้วนนี้ล่ะทำไมเขาถึงตาย มาวินนั่งคิดสักพัก…

เมื่อคืนก่อนนอนร่างนี้รับประทานอาหารเย็นกับซุบหน่อไม้อย่างเอร็ดอร่อยจนข้าวเหนียวหมดไปหนึ่งกระติบใหญ่เพียงคนเดียว จากนั้นก็เข้านอน แล้วเขาก็…

ใช่ ผู้ชายคนนี้นอนหลับตายโดยไม่รู้ตัวหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าไหลตาย

เฮ้อ! ก็ตายไม่ค่อยต่างกันนัก บทจะตายก็ตายง่ายเหลือเกิน ที่สำคัญร่างนี้มีภรรยาแล้ว ภรรยาที่มีใบหน้าอัปลักษณ์

มาวินแหงนหน้ามองหลังคาบ้านที่มุงด้วยสังกะสี เห็นแสงตะวันที่ลอดผ่านรูรั่วของสังกะสีเป็นประกายระยิบระยับคล้ายกับมองดูดาวตอนกลางคืน แต่โทษทีมันไม่ได้โรแมนติกขนาดนั้น ตอนนี้ตัวเขาเปียกโชกไปหมดเพราะเหงื่อไหลทะลักออกมาไม่หยุด จากนั้นไล่สายตาลงมามองรอบห้อง กะด้วยสายตาน่าจะกว้างยาวแค่สี่คูณห้าเมตรเท่านั้น ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบถุงผ้ามีซิบรูดอยู่ด้านหน้า ราวตากผ้าที่ทำด้วยไม้ไผ่อีกหนึ่งอัน และกระจกขนาดเท่าสองฝ่ามือแขวนอยู่บนผนัง ข้างกันมีกระบอกไม้ไผ่แขวนอยู่ในนั้นมีหวีอยู่เพียงอันเดียว ข้างตู้เสื้อผ้ามีหนังสือวางตั้งอยู่สองกอง

ผนังบ้านก็เป็นสังกะสี มีประตูที่ทำจากฟางข้าวสองข้างซ้ายขวา เขาลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก “โอย!” ร่างนี้อ้วนจนลุกแทบไม่ไหว เข่าก็ปวด เอวก็ปวด หลังก็ปวด จากนั้นก็เดินไปดูประตูฝั่งซ้ายก่อนจึงรู้ว่ามันเป็นชานยื่นออกไปแล้วมีบันไดอยู่สี่ขั้น พื้นด้านล่างต่างระดับก้าวเพียงหนึ่งช่วงขาก็ถึง มีสังกะสีมุงอยู่ด้านบนสามแผ่น แล้วพาร่างใหญ่เดินมาฝั่งขวา เห็นนิตยากำลังใช้ฝาหม้อพัดวีไฟให้ลุก ผมยาวดำขลับปกคลุมอยู่เต็มแผ่นหลัง มองข้างหลังเธอก็ดูสวยดี

ฝั่งขวานี้เป็นชานยื่นออกไปเช่นกันความกว้างน่าจะสามเมตรส่วนความยาวเท่ากับตัวบ้านด้านยาว ด้านบนมุงด้วยสังกะสีเช่นกัน ข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ข้างผนังบ้านมีหม้อ ฝาหม้อ ทัพพี กระชอน หวดนึ่งข้าว และกระติบข้าวแขวนอยู่ ส่วนพื้นที่ด้านล่างฝั่งขวามีหม้อดินหรือแอ่งน้ำสองใบมีถาดสังกะสีใบเล็กปิดไว้มีขันสีเงินใบเล็กวางอยู่ด้านบน ถัดมาทางซ้ายเป็นเตาไฟและหม้อนึ่งไว้สำหรับนึ่งข้าว

นิตยาหันหลังมาเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนกำลังยืนมองเธอ “ยืนเบิ่งหยัง” (ยืนดูอะไร)

มาวินเสมองไปทางอื่นแล้วตอบออกไป “เบิ่งต้นยาสูบ” (ดูต้นยาสูบ) เขาตอบไปอย่างนั้นทั้งที่ยืนจ้องเธออยู่ “อ้ายอยากอาบน่ำ” (พี่อยากอาบน้ำ) รู้สึกเหม็นเปรี้ยวตัวเองจนเกือบจะทนไม่ไหว ก่อนมาที่นี่เป็นโรคหัวใจ มาอยู่ที่นี่เป็นโรคอ้วน มันช่างเลวร้ายไม่ต่างกันนัก

“อาบน่ำ?” สามีเธอไม่เคยอาบน้ำหลังจากตื่นนอนในตอนสาย เหตุใดวันนี้นึกอยากอาบน้ำขึ้นมา

“แมน” (ใช่)

แต่เหงื่อเขาออกมากน่าจะร้อนจัดนิตยาจึงไม่ได้ใส่ใจ “ไปแหมะ” (ไปสิ) จากนั้นก็ยกหม้อที่ภายนอกสีดำเมี่ยมเพราะเธอใช้ทั้งถ่านทั้งฟืนขึ้นตั้งไฟ

มาวินเดินไปยังราวตากผ้าที่มีผ้าขาวม้าพาดอยู่ หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วเดินลงไปข้างล่าง ร่างต้วมเตี้ยมเดินไปยังห้องน้ำโดยเร็วโดยลืมนึกไปว่า ห้องน้ำมีแค่ถังน้ำเอาไว้ล้างก้นและขันน้ำสีเงินหนึ่งใบเท่านั้น แหงนหน้ามองหลังคาเมื่อรู้สึกร้อนแปลก ๆ

เห็นพระอาทิตย์สาดแสงลงมาจนเต็มหน้าเขาหรี่ตาแทบไม่ทัน

อ้าว! ลืมไปว่าห้องน้ำไม่มีหลังคา แต่ก็ขอปัสสาวะสักหน่อยก็ยังดี เขาหันหลังจะปิดประตูห้องน้ำ แล้วก็ไม่เห็น เขาเดินออกไปหาประตูห้องน้ำด้านนอก

อ้อ ประตูห้องน้ำเป็นเพียงสังกะสีแผ่นเดียวแค่ยกมาปิดประตูไว้เท่านั้น มาวินทำหน้าเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวา ดีหน่อยที่ห้องน้ำมีส่วนของตัวเรือนบังไว้นิตยาจึงมองไม่เห็นเขา

เฮ้อ! ชีวิต ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ เมื่อก้มมองของรักของหวงก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยขนาดของมันก็ไม่ได้หดไปตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเหมือนข้อมูลที่เขาอ่านมา

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ แก้วใบเล็ก

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ