นายตัวร้ายกับหนุ่มดอกไม้

นายตัวร้ายกับหนุ่มดอกไม้

ต๋อง น่ะ

5.0
ความคิดเห็น
258
ชม
44
บท

บางครั้งการจากลา อาจเจ็บปวดน้อยกว่าอยู่ด้วยกัน

บทที่ 1 ครั้งแรกก็ถูกใจ

ช่วงหลังเลิกเรียนมักจะมีความวุ่นวาย ของบรรดานักศึกษาชายหญิง ยิ่งสถาบันการศึกษาที่อยู่ติดกันด้วย แต่ยังดีที่สองสถาบันนี้ไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกัน เพราะเป็นการแยกระหว่างชายหญิงเลยก็ว่าได้ สถาบันแห่งหนึ่งเป็นวิทยาลัยเทคโนการช่างที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชาย ส่วนอีกแห่งเป็นวิทยาลัยพาณิชย์ที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิง ผู้ชายก็มีแต่เป็นส่วนน้อย และเป็นส่วนน้อยที่ไม่มีการทะเลาะวิวาทกับสถาบันอื่น

และการจราจรหน้าสถาบันสองแห่งนี้ ก็เริ่มติดขัด เพราะบรรดานักศึกษาเริ่มทยอยกลับบ้าน เฉกเช่นเดียวกับอ้นนักศึกษาพาณิชย์ปี3 ที่ค่อยๆขับมอเตอร์ไซค์ออกจากวิทยาลัยและขับผ่านหน้าวิทยาลัยเทคโนการช่าง ที่มีแต่กลุ่มเด็กช่างจับกลุ่มคุยกัน เสียงดังแข่งกับเสียงรถที่แล่นผ่าน

อ้นพยายามที่จะไม่มองสองฝากฝั่ง เพราะกลัวเด็กช่างหาว่ามองหน้า เดี๋ยวจะถูกรุมทำร้ายโดยไม่รู้ตัว ซึ่งบรรดาหนุ่มในอาชีวะรู้ข้อนึ้เป็นอย่างดีทุกคน

อ้นได้ขับรถมอเตอร์ไซค์เลยวิทยาลัยเทคโนการช่างมาพอสมควร เขาจึงเริ่มเบาใจแต่แล้วกลับมีสิ่งที่ทำให้เขาตระหนกตกใจจนได้ เพราะหนุ่มเทคโนวิ่งตัดหน้ารถมอเตอร์ไซค์ของเขา อ้นเบรครถกะทันหัน จึงทำให้ล้อหลังปัดจนเกือบล้ม แต่ก็ยังดีที่รีบนำขาลงยันพื้นไว้

ส่วนหนุ่มเทคโนที่วิ่งตัดหน้ารถของอ้น เขาหยุดวิ่งหันมองหน้าอ้นแว่บหนึ่ง และหันกลับไปมองข้างหลังซึ่งสิ่งที่เขาเห็น คือคู่อริห้าถึงหกคนกำลังจะวิ่งข้ามถนนมาหาเขาเพื่อทำร้ายร่ายกาย ในช่วงเวลานั้นหนุ่มเทคโนคิดหาทางหนี พอเขาหันหน้ากลับมา ก็เห็นอ้นกำลังจะเร่งเครื่องรถขับออกไป หนุ่มเทคนิคจึงรีบเดินอ้อมไปข้างรถมอเตอร์ไซค์ของอ้น และคร่อมท้ายรถทันทีส่วนสองมือจับที่บ่าอ้นไว้

"ขับออกไปเลยเร็วๆ" หนุ่มเทคโนพูดเสียงดังจนนนท์ทำอะไรไม่ถูก

"ลงไปจะขึ้นมาทำไม"อ้นไม่ยอมขับรถออกไป

"ไม่ลง พาหนีไปทีถ้าไม่พาไปกูจะบอกพวกนั้นมึงเป็นเพื่อนกู" ใจของหนุ่มเทคโนร้อนรน เพราะคู่อริใกล้ประชิดเข้ามา

ส่วนอ้นทั้งตื่นตระหนกและกลัวจนทำอะไรไม่ถูก หนุ่มเทคนิคเห็นท่าไม่ดีเพราะอ้นนิ่งเฉยไม่ยอมออกรถสักที เขาจึงตัดสินใจเขยิบร่างดันให้อ้นไปข้างหน้า ส่วนสองมือของเขาเอื่อมไปจับที่คันเร่งและบิดออกไปอย่างรวดเร็ว

อ้นเจอหนุ่มเทคโนดันร่างจนเกือบตกเบาะ และแผ่นอกหนุ่มเทคโนประชิดแผ่นหลังเขา

"ก้มหัวลงหน่อย"หนุ่มเทคโนสั่งด้วยเสียงห้วน

อ้นทำตามอย่างว่าง่าย และเขาต้องบีบร่างกายให้เล็กลงอีก เพราะตัวของอ้นอยู่ในวงแขนของหนุ่มเทคโนที่โอบเขาไว้ ยิ่งหนุ่มเทคโนขับเร่งความเร็วขึ้นมากเท่าไร อ้นใจหายใจคว่ำจนเกือบจะช็อค

"ขับช้าๆหน่อยๆเดี๋ยวรถล้ม"อ้นตะโกนแข่งกับเสียงรถ

"หุบปากถ้าไม่อยากเจ็บตัว"

อ้นถึงกับหุบปากทันทีด้วยความกลัว และยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ส่วนหนุ่มเทคโนมองดูที่กระจก และเขาไม่เห็นคู่อริแล้วจึงเริ่มผ่อนความเร็วรถลง แต่เขาก็ยังไม่วางใจซะทีเดียว และคิดว่าคืนนี้จะยังไม่กลับหอพัก เพราะกลัวคู่อริรอบดักทำร้ายตอนที่เขากลับหอพัก เขาจึงพยายามคิดหาวิถีทางเพื่อหลบซ่อนตัวสักคืน

"พวกนั้นไม่ตามมาแล้ว "อ้นพูดขึ้นหลังจากมองที่กระจกรถ และไม่เห็นคนกลุ่มนั้นตามมา

"มึงพักที่ไหนเดี๋ยวขับไปส่ง"หนุ่มเทคโนพูดโดยลดความห้วนลง

"ไม่ต้องก็ได้ จอดตรงนี้แหล่ะเดี๋ยวกลับเอง"

"กูบอกว่าจะไปส่งฟังไม่รู้เรื่องเหรอ"

อ้นคิดในใจรถก็ของเขา และหนุ่มเทคโนมีสิทธิ์อะไรจะไปส่งเขา แต่ด้วยความกลัวอ้นจึงยอมและบอกทางกลับห้องพักของเขา ในระหว่างทางหนุ่มเทคโนได้คิดไว้ ถ้าเกิดอ้นให้พักด้วยจะดีทีเดียว เขาก็จะขออาศัยสักคืนหนึ่ง รุ่งเช้าค่อยกลับ

เมื่อหนุ่มเทคโนมาถึงที่หมายตามที่อ้นบอก เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอ้นอยู่หอพัก หนุ่มเทคโนจึงเริ่มคิดแผนการณ์ทันที่ เมื่อจอดรถหน้าหอพักของอ้น ซึ่งเป็นตึกสามชั้น มียามเฝ้าประตูและน่าจะมีคีย์การ์ด ซึ่งจะปลอดภัยมากสำหรับเขา

"ถึงแล้ว นายกลับไปเลย"อ้นรีบลงรถเพื่อออกจากอ้อมแขนของหนุ่มเทคโน

"มึงพักคนเดียวเหรอ"

"ถามทำไม"

"ก็อยากรู้นี่"หนุ่มเทคโนเริ่มเสียงอ่อนลง เพราะเขาเริ่มสังเกตุอ้นเพิ่มขึ้น และได้เห็นว่าอ้นเป็นผู้ชายสไตส์น่ารัก ผิวขาวหน้าใสๆการพูดจาเรียบร้อย และข้อสำคัญเป็นนักศึกษาพาณิชย์ที่ผู้ชายจริงๆเรียนไม่มากนัก

"จะรู้ไปทำไม ส่งเสร็จก็กลับได้แล้ว"

"ยังกลับไม่ได้ ไม่รู้ว่าพวกนั้นดักรอตรงไหนบ้าง ต้องดึกๆก่อนค่อยกลับ"ในความคิดของหนุ่มเทคโนอยากจะค้างสักคืนหนึ่ง

"แล้วแต่นาย เราจะขึ้นห้อง"อ้นรีบล็อครถและหันหลังกลับ เพื่อที่จะเข้าไปในหอพักของเขา

"เดี๋ยวก่อน"หนุ่มเทคโนเดินไปดักหน้า

"มีอะไรอีก"

"อยากรู้จักชื่อ"หนุ่มเทคโนแกล้งยิ้ม

"อ้น"อ้นคิดในใจว่าจะถามทำไมเดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว แต่ที่ตอบไปเพื่อตัดความรำคาญ

"เราชื่อเอ ขอบใจมากนะที่ช่วยไว้"

"ฮือ"อ้นพยักหน้าแล้วเบี่ยงตัวเดินหลบเอหนุ่มเทคโน และรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าหอพัก

ส่วนต้นก็กำลังใช้ความคิดอย่างหนักที่จะใช้วิธี ที่จะขอนอนค้างกับอ้นสักคืน เพราะเขาต้องใช้วิธีหว่านล้อมจะมาใช้การขู่บังคับก็ไม่ได้ เพราะเป็นถิ่นของอ้น แค่ตะโกนคำเดียวยามก็พร้อมวิ่งมาช่วยอ้น

"อ้น"เอ ตะโกนเรียกพร้อมวิ่งตาม ส่วนอ้นก็หันหน้ามาพร้อมความรำคาญ

"อะไรอีก"

"คือเรา"เขาหยุดใช้ความคิดและรีบเปลื่ยนสรรพนาม เพราะถ้าใช้มึงกู อ้นคงยากที่จะให้พักด้วย

"มีอะไรก็พูดมา"อ้นรู้สึกแปลกใจกับน้ำเสียงที่เปลื่ยนไป เพราะมีนนุ่มขึ้นและการแทนตัวเองก็น่าฟัง

"คือเราอยากหลบที่นี่สักพัก พอดึกๆเดี๋ยวเราก็กลับ"เอพยายามพูดให้น้ำเสียงอ่อนหวานให้มากที่สุด

"ไม่ได้ เราไม่เคยรู้จักกัน จะมาขออยู่ได้อย่างไง"อ้นรีบปฎิเสธทันที เพราะกลัวจะมีปัญหาตามมา

"ถ้านายไม่ให้เราหลบอยู่ที่นี่ เราไปก็ได้แต่ถ้าเราโดนพวกนั้นทำร้ายจนบาดเจ็บหรือตาย นายก็มีส่วนด้วยแหล่ะ "อ้นแกล้งหันหลังกลับและค่อยๆเดิน ในใจก็คิดว่าเมื่อไรจะเรียกซะที

ส่วนอ้นยืนครุ่นคิด ถ้าเกิดเอเป็นอะไรไป เขาก็จะรู้สึกผิดทันที ที่ไม่ช่วยต้นให้ตลอดรอดฝั่ง และข้อสำคัญเขาเป็นคนพาต้นขึ้นรถมา ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นเรื่องวุ่นๆก็จะตามมา

"เอ"อ้นตะโกนเรียกและเดินไปหาเอ

"อะไร"เอหยุดเดินและอมยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็หันหน้ามาอย่างช้าๆ พร้อมตีหน้าเศร้าหงอยเหงา

"คืนนี้พักกับเราก็ได้ พรุ่งนี้เช้าค่อยไป"อ้นฝืนพูดและไม่มีรอยยิ้มใดๆเกิดขึ้นบนใบหน้า ถึงแม้ต้นจะเปลื่ยนตีหน้าเศร้าเป็นยิ้มหวานก็ตาม

ถึงอ้นจะไม่ยิ้มตอบแต่เอก็ไม่สน เพราะคืนนี้มีที่หลบคู่อริแล้ว เขาจึงรีบเดินไปข้างๆอ้น และพยายามชวนอ้นคุยแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจนกระทั้งเข้าไปในห้องจึงได้ยินเสียงของอ้น

"ตามสบายนะ"อ้นพูดขึ้น

"ขอบใจมากนะ"เอมองไปรอบๆห้องที่ดูสะอาดตา ที่มีเตียงนอนพอนอนได้สองคน มีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งพร้อม ส่วนทีวีอยู่ปลายเตียง ตู้เย็นอยู่ตรงข้างประตูทางเข้า และมีระเบียงไว้ตากผ้าหรือนั่งเล่นก็ได้ ซึ่งแตกต่างจากห้องของเขาที่อยู่กับเพื่อนสามคน แต่ในห้องไม่มีอะไรเลยนอกจากพัดลมขนาดเล็กตัวเดียว

"ห้องน่าอยู่มากเลย"เอพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งในระหว่างนั้นอ้นก็นำน้ำเปล่ามาให้เอดื่ม ส่วนตัวของเขาก็นั่งลงบนเตียงนอน

"ขอบใจมากนะ"เอยิ้มหวานให้อีกครั้ง แต่ก็ยังไร้รอยยิ้มตอบกลับ

"นายกับพวกนั้นไปมีเรื่องอะไรกัน"อ้นชำเลืองมองต้น

"เราไม่ได้มีเรื่องกับมันหรอก แต่พวกมันมีเรื่องกับเพื่อนเรา และพวกมันตามมาหาเรื่อง"

"เพื่อนนายหายไปไหน"อ้นถามด้วยความสงสัย

"ก็ไม่รู้ต่างคนต่างหนี"

"ดีหนอ"อ้นทำน้ำเสียงประชด

"แหม ลูกผู้ชายก็แบบนี้แหล่ะ"

"ไม่จำเป็น ต้องทำแบบนี้หรอกลูกผู้ชายน่ะ"

"แล้วจะให้ทำแบบไหนล่ะเอจ้องมองอ้นด้วยสายตาฉ่ำวาว

"มองอะไร"อ้นรู้สึกแปลกๆที่เจอสายตาของต้นจ้องมองเป็นเวลานาน

"มองคนน่ารัก"

อ้นรู้สึกเขินนิดหน่อยที่ถูกชมต่อหน้า แต่เขาก็แสร้งแก้เขินโดยการลุกขึ้นยืน

"เราจะซักผ้าแล้วนะ นายจะซักไหมพรุ่งนี้จะได้มีเสื้อผ้าใส่ไปเรียน"นนท์เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เพื่อนำเสื้อผ้าและผ้าเช็ดมาให้ต้นเปลื่ยน

"เอ้า เสื้อกับกางเกงเอาไว้เปลื่ยน แล้วก็ไปอาบน้ำเราจะซักผ้า" อ้นยื่นเสื้อผ้าให้เอ

"ไม่ต้องเปลื่ยนก็ได้ อยู่ห้องเราก็แก้ผ้านอนทุกคืนอยู่แล้ว"เอยิ้ม

"นั้นมันห้องนายนี่มันห้องเราถ้าไม่ใส่ก็กลับไป"ในใจของอ้นตอนนี้รู้สึกว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก ลึกๆของเขาแล้วก็อยากเห็นผู้ชายแก้ผ้าต่อหน้าเหมือนกัน

"ได้สิ แล้วแต่คำสั่ง"เมื่ออ้นรับเสื้อกางเกงมาก็นำมาวางไว้ บนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งส่วนนนท์ก็วุ่นเก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้วเพื่อที่จะนำไปปั่นเครื่องหยอดเหรียญ ที่อยู่ชั้นล่างของหอพัก

เมื่ออ้นเก็บเสื้อผ้าใส่ตะกร้าเรียบร้อยแล้ว ก็จะหันมาบอกเอว่า ที่เขาจะลงไปซักผ้าชั้นล่างของหอพัก แต่ก็ต้องสะดุดตาสะดุดใจ กับร่างกายเปลือยท่อนบนที่มีมัดกล้ามพอประมาณ ส่วนท่อนล่างมีเพียงกางเกงในตัวจิ๋วห่อหุ้มอยู่ อ้นรีบหันข้างและชำเลืองมองบริเวณส่วนที่พองนูน ส่วนเอพอสังเกตเห็นอากัปกิริยาของอ้น เขาจึงแกล้งเดินมาตรงหน้าของอ้น

"ซักกางเกงในให้ด้วยไหมเราจะถอดให้"

*ไม่ต้องนายซักเองซิ"อ้นรีบเดินไปหยิบเสื้อกางเกงที่ต้นกองไว้กับพื้น นำมาใส่ไว้ในตะกร้า

"เราจะไปซักผ้าข้างล่างนะ แล้วเราจะไปซื้อข้าวด้วย "อ้นพูดจบก็รีบเดินไปเปิดประตู และออกจากห้องไปในทันที ส่วนเอก็ยืนกอดอกอมยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องน้ำ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ต๋อง น่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ดั่งลมหวนรัก ตอนพิเศษ

ดั่งลมหวนรัก ตอนพิเศษ

pimchan publication
5.0

เพราะรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนจึงยินยอมแต่งงานกับเขา เพราะถูกบังคับเขาจึงเห็นหล่อนเป็นเศษธุลีดินไร้ค่า แม้เป็นเมียแต่ง หล่อนคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักหล่อนตอบกลับมา ไม่มาก... ก็น้อย แต่ไม่นึกว่าเมื่อเขาหลอกให้หล่อนรักเขาสุดหัวใจ เขากลับขับไล่หล่อนออกมาจากชีวิตด้วยเหตุผลว่า เขาไม่รักหล่อน... "เธอเข้ามาในชีวิตฉันง่ายๆ ก็ช่วยออกไปง่ายๆ ด้วยเถอะ" ถ้อยคำเจ็บปวดทำร้ายที่ตามมาหลอกหลอน แม้ในยามที่หล่อนหลีกลี้จากเขามาได้นานเนิ่น ในวันที่หล่อนเข้มเเข็งและอยู่ได้โดยไม่มีเขา ลูกในท้องที่หล่อนปกปิดเขาเอาไว้ กำลังจะทำให้หล่อนกับเขาหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่หล่อนไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ................................................................ “การแต่งงานของเราเกิดขึ้นเพราะฉันถูกบังคับ การที่ฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ” ธีภพ วิชญ์วิศิษฐ์ “ความรักของมนอาจจะดูไร้ค่าแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งเดียวที่มนพอจะให้คุณธีร์ได้ ที่ผ่านมาคุณธีร์แสดงออกเสมอว่าคุณธีร์ไม่ต้องการและทิ้งขว้างมันมาตลอด มันก็ไม่ใช่ความผิดของมนที่สุดท้ายมนจะหมดรัก มนหวังว่าคุณธีร์จะเข้าใจ เหมือนที่มนเคยเข้าใจคุณธีร์” มนพัทธ์ สว่างโชติ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

Charlton Buccafusco
5.0

ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"

เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด

เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด

จันดาลี
5.0

คุณหนูใบ้ที่ถูกข่มเหงรังแกหลังจากฟื้นขึ้นมากลับกลายเป็นสาวนักธุรกิจที่ทะลุมิติมาเข้าร่าง ในเมื่อชีวิตเก่าเจ้าของร่างอาภัพนักชีวิตใหม่นี้ฉู่เสวียนหนี่ขอสาบานว่าจะทำให้ดีเอง! *********** ผลจากการโหมงานหนักทำให้ฉู่เสวียนหนี่สิ้นใจตายคาโต๊ะทำงาน เดิมที่คิดว่าความตายคือจุดจบ...แท้จริงแล้วมันคือจุดเริ่มต้น เพราะวิญาณของเธอได้ทะลุมิติเข้ามายังยุคโบราณล้าหลัง เหมือนชะตากลั่นแกล้งไม่ผิดเพี้ยน ฉู่เสวียนหนี่ดันเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างของคุณหนูสามที่ชีวิตสุดแสนบัดซบ ได้รับผลข้างเคียงจากพิษแมงมุม คู่หมั้นที่เคยถูกหมายตาไว้ยื่นหนังสือถอนหมั้น หนำซ้ำยังถูกอุบายลวงญาติริษยาต้องออกจากจวนไปอาศัยกับแม่ชีที่อาราม

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

แม่ทูนหัวโคตรเลิศ

แม่ทูนหัวโคตรเลิศ

Isolde Marsh
5.0

ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
นายตัวร้ายกับหนุ่มดอกไม้
1

บทที่ 1 ครั้งแรกก็ถูกใจ

27/10/2024

2

บทที่ 2 ครั้งนี้ยิ่งโดนใจ

27/10/2024

3

บทที่ 3 ถูกใจ

27/10/2024

4

บทที่ 4 รักแท้ในคืนหลอกลวง

28/10/2024

5

บทที่ 5 คืนรักที่ไม่เร้าร้อน

29/10/2024

6

บทที่ 6 เพิ่มเติมคือรักเพิ่ม

30/10/2024

7

บทที่ 7 รักนี้เพื่อเธอคนเดียว

30/10/2024

8

บทที่ 8 กูรักมึง

30/10/2024

9

บทที่ 9 อยากบอกให้โลกรู้ว่ารัก

30/10/2024

10

บทที่ 10 เจ็บแล้วจำ

30/10/2024

11

บทที่ 11 บอสคนใหม่

30/10/2024

12

บทที่ 12 ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน

31/10/2024

13

บทที่ 13 เพื่อนเก่าเวลาใหม่

31/10/2024

14

บทที่ 14 รักเก่าที่อยากลืมแต่ลืมไม่ลง

31/10/2024

15

บทที่ 15 เผลอกายแต่ไม่เผลอใจ

31/10/2024

16

บทที่ 16 จำใจยอมสยบใต้เงื้อมมือที่ไม่อาจต่อกรได้

31/10/2024

17

บทที่ 17 ความในใจที่เปิดเผยต่อคนที่ฉันรัก

31/10/2024

18

บทที่ 18 ปล่อยรักไปด้วยใจที่บอบซ้ำ

31/10/2024

19

บทที่ 19 ความรักที่มีมากมายมิอาจทำใจได้

31/10/2024

20

บทที่ 20 เพราะรักจึงยอมทำทุกอย่าง

31/10/2024

21

บทที่ 21 นกน้อยในกรงทอง

31/10/2024

22

บทที่ 22 ศัตรูที่มองเห็น

31/10/2024

23

บทที่ 23 ศัตรูรอบด้าน

31/10/2024

24

บทที่ 24 คนที่รักต้องพานพับกันอีกครั้ง

31/10/2024

25

บทที่ 25 รักเขาข้างเดียวแสนเจ็บปวดรวดร้าว ทรมานจิตใจอย่างเหลือคณานับ

31/10/2024

26

บทที่ 26 อุ้งมือซาตาน

31/10/2024

27

บทที่ 27 อันตรายที่ก่อเกิดความรัก

31/10/2024

28

บทที่ 28 ป่ากามเทพ

31/10/2024

29

บทที่ 29 ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน

31/10/2024

30

บทที่ 30 ความรู้สึกหวั่นไหว1

31/10/2024

31

บทที่ 31 ความรู้สึกหวั่นไหว2

31/10/2024

32

บทที่ 32 ความรักพังทะลาย

31/10/2024

33

บทที่ 33 ลืมเลือนรัก

31/10/2024

34

บทที่ 34 ความจริงที่เปิดเผย

31/10/2024

35

บทที่ 35 หนีไปสุดหล้าตามหาไปจนสุดฟ้า

31/10/2024

36

บทที่ 36 เสี่ยงดวงรัก1

31/10/2024

37

บทที่ 37 เสี่ยงดวงรัก2

31/10/2024

38

บทที่ 38 หนุ่มบ้านไร่กับนายดอกไม้

31/10/2024

39

บทที่ 39 เมียข้าใครอย่าแตะ

31/10/2024

40

บทที่ 40 ผัวข้าใครอยากได้เอาไปเลย

31/10/2024