Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ผู้หญิงทะเลกับผู้ชายบนเกาะ

ผู้หญิงทะเลกับผู้ชายบนเกาะ

ต๋อง น่ะ

5.0
ความคิดเห็น
137
ชม
20
บท

รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย

บทที่ 1 สิ่งมหัศจรรย์

ชายหนุ่มร่างบึกบึนนอนแน่นิ่งที่ชายหาดอันขาวสะอาดดูงามตา คลื่นได้ซัดกระทบร่างครั้งแล้วครั้งเล่า แสงตะวันได้สาดส่องทั่วชายหาดและเรือนร่างของชายหนุ่มผิวสีแทน คลื่นซัดลูกแล้วลูกเล่าแต่ยังไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มจะรู้สึกตัว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มนั้นได้รู้สึกขึ้นมา นั่นคือแสงแดดอันร้อนแรงที่แยงตา จนทำให้ชายหนุ่มเริ่มลืมตาขึ้นและขยับตัวอย่างช้าๆ

เมฆหนุ่มหล่อลูกน้ำเค็มลุกขึ้นนั่งและครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะยังมึนงงอยู่ว่ามานอนตรงชายหาดได้อย่างไร เมฆพยายามทบทวนความจำที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไรก็จำได้ในทันที ในวันเกิดเหตุนั้นออกเรือหาปลาอยู่กลางทะเล จูจู่ก็เกิดพายุโหมกระหน่ำโดยไม่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน ฝนฟ้าคะนองคลื่นซัดกระหน่ำเรือหาปลาแตกเป็นเสี่ยงๆ จนร่างของเมฆจมลงสู่ก้นทะเล เมฆพยามตะเกียดตะกายขึ้นเหนือน้ำแต่ไม่เป็นผล หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

เมฆครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเมื่อไม่สามารถจำอะไรได้ เขาจึงลุกขึ้นยืนและเดินโซซัดโซเซลัดเลาะชายหาดไปเรื่อยๆ ได้เจอชาวบ้านหลายคนที่มองดูเขาอย่างกับสัตว์ประหลาด และถามเป็นเสียงเดียวกัน

“มึงรอดมาได้อย่างไร”

“กูไม่รู้ พอกูตื่นขึ้นมาก็อยู่บนชายหาดนี่แล้ว”เมฆตอบอย่างมึนงงและสับสนตัวเอง ในส่วนลึกเมฆก็คิดอย่างเดียวกับชาวบ้าน เขารอดมาได้อย่างไรเพราะเรือล่มอยู่กลางทะเล

“มึงโชคดีว่ะ มีพระดีอะไรหรือเปล่า”ชายหนุ่มคนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ไม่มี”เมฆส่ายหัว

“เอ่อ ถ้าอย่างงั้นถือว่าดวงยังไม่ถึงฆาต”ชายหนุ่มพูดขึ้นและได้เดินจากไป

เมฆพยายามที่จะไม่พูดและโต้ตอบกับชาวบ้านมากนัก เพราะยังจำเรื่องราวหลังจากเรือล่มไม่ได้ ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากคำว่าไม่รู้เหมือนกัน เมฆจีงรีบเดินกลับบ้านอย่างโดยเร็ว เพราะเมฆเป็นห่วงพ่อแม่และน้องสาวสุดที่รัก

เมฆใช้เวลาเดินมาที่บ้านไม่นานนัก ก็มาถึงบ้านที่เป็นกระท่อมหลังเล็กๆ เมฆยืนนิ่งมองเข้าไปภายในกระท่อมหลังเล็กของครอบครัวเขา เมื่อเมฆได้เห็นพ่อแม่และน้องสาว จึงรีบเดินเข้าไปในทันทีพร้อมตะโกนเรียกจนเสียงดังกังวาน

“พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้ว”

สมบุญกับกุหลาบซึ่งเป็นพ่อแม่ของเมฆ และอีกคนหนึ่งคือฟ้าน้องสาวสุดที่รักต่างหันหน้ามาพร้อมกัน ทุกคนต่างตกตะลึงและดีใจแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน

“ลูกแม่มึงรอดมาได้อย่างไง”กุหลาบถามขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ผมก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ตรงชายหาดแล้ว”

“แล้วมึงอยู่บนชายหาดได้อย่างไรว่ะ มีแต่คนบอกว่ามึงตายไปแล้ว แต่เมื่อมึงกลับมาได้พ่อก็ดีใจว่ะ”สมบุญพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไห้ไหลออกมา

“ผมไม่รู้จริงๆ”เมฆส่ายหน้าและนั่งลงข้างๆน้องสาวแสนสวย

เมฆพยายามย้อนนึกเหตุการณ์อีกครั้งหลังจากเรือแตก ก็พอจำได้ลางๆว่า เห็นหญิงสาวผมยาวแวกว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆ พอหลังจากนั้นเมฆก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

“พี่เมฆรู้ไหมว่าฟ้าภาวนาบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พี่รอดปลอดภัยด้วยแหละ”

“ขอบใจฟ้ามากนะ อาจเป็นแรงอธิฐานของน้องก็ได้”เมฆยิ้มให้ฟ้าน้องสาวอย่างเบิกกว้าง

“เอาเถอะ ไหนๆมึงก็ปลอดภัยแล้ว อย่าไปพูดอะไรให้มากความ”กุหลาบเอ่ยขึ้นและจับมือเมฆไว้แน่น

“พี่เมฆรู้ไหมว่าพี่หวานเป็นห่วงพี่มากไม่เป็นอันกินอันนอนเลย”ฟ้ามองตาพี่ชาย เพราะเธอก็อยากรู้ว่าเมฆจะรู้สึกได้อย่างไร เมื่อพูดถึงคนรักของพี่ชาย

เมฆอมยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะรู้สึกดีใจอย่างมากที่หวานคนรักได้เป็นห่วงเป็นใยเขาอย่างมากตามคำบอกของฟ้า

“เมฆ เมฆ เมฆ”หวานตะโกนพร้อมวิ่งมาอย่างรวดเร็วจนเกือบล้ม เมื่อเธอมาถึงตรงร่างของเมฆ แต่หวานก็ไม่กล้าเข้าไปกอดเพราะสมบุญกับกุหลาบนั่งมองอยู่ เธอจึงรู้สึกเกรงใจและยังมีความอายที่จะกระทำเช่นนั้น

“หวานดีใจมากเลยที่เมฆกลับมาอย่างปลอดภัย”หวานนั่งลงข้างๆใกล้ๆเมฆ

“หวานรู้ได้อย่างไงว่าเมฆกลับมาแล้ว”เมฆถามด้วยความสงสัย

“ข่าวของเมฆดังไปทั่วหมด มีแต่คนพูดถึงหวานจึงมาหาเมฆเพื่อความแน่ใจไง”

“ข่าวไวจังเลยนะ ต่อไปพี่เมฆต้องเตรียมตอบคำถามชาวบ้านแล้วแหละว่ารอดมาได้อย่างไง”ฟ้าพูดขึ้น

“หวานก็มัวแต่ดีใจ จนลืมถามเมฆไปเลยว่ารอดมาได้อย่างไร”

“เมฆก็ไม่รู้พอตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่บนชายหาดแล้วนั่นแหละ”

“แปลกนะ สงสัยคลื่นคงซัดเมฆเข้าฝั่งมาอย่างแน่นอน”หวานมองหน้าเมฆและยิ้มอย่างสุขใจ

“อย่าไปพูดถึงมันเลย เพราะเมฆคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก”เมฆถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่วายคิดถึงหญิงผมยาวที่แวกว่ายอยู่กลางทะเล เมฆยังสงสัยไม่หายว่าคนหรือผี หรือสิ่งใดที่อาศัยอยู่ในท้องเทะเลอันแสนกว้าง

“ถ้างั้นพวกเอ็งคุยกันไปก่อนนะเดี๋ยวแม่จะไปทำกับข้าวให้กิน”กุหลาบพูดจบก็ลุกขึ้นออกไปนอกบ้านเพื่อก่อไฟทำกับข้าวให้ลูกชายได้กิน

“พี่สองคนคุยกันไปก่อนนะ ฟ้าจะไปบอกข่าวดีกับพี่มะขาม”เมื่อฟ้าพูดจบเธอก็รีบวิ่งออกจากบ้านทันที เพื่อไปหามะขามและบอกกล่าวเรื่องราวของเมฆที่รอดชีวิตมาจากท้องทะเล

เมื่อฟ้าวิ่งออกจากบ้านไปจนสุดลูกตา เมฆจึงชวนหวานเดินไปยังริมทะเลในมุมที่เขาทั้งสองพบหาพูดคุยกันเป็นประจำ สาเหตุที่ทั้งสองต้องคอยหลบอยู่ในมุมเมื่อพบเจอกัน เพราะพ่อของหวานกับพ่อของเมฆไม่ถูกกันเป็นคู่อริตั้งแต่หนุ่มๆ

ทั้งคู่เดินได้ลัดเลาะริมชายหาดและเดินไปจนห่างไกลสายตาผู้คน เมื่อถึงในที่แห่งรักในมุมสงบ สองร่างได้นั่งเคียงคู่กันตรงซอกหินอันเงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดกระทบหินดังเป็นระยะๆ ดั่งเสียงเพลงอันโรแมนติกท่ามกลางธรรมชาติ

เมฆหันหน้ามามองหวานด้วยสายตาอันหยาดเยิ้มเป็นประกาย ด้วยความคิดถึงและรักใคร่ในตัวหวานอย่างเหลือล้น เขาจึงเอื่อมมือไปกุมมือของหวานไว้อย่างหลวมๆ พร้อมกับยกขึ้นมาบริเวณใกล้ริมฝีปาก จนทำให้หวานรู้สึกเขินอายแต่ก็ยินดีและเต็มใจ

“ไม่เอาน่าเมฆเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะทำไง”หวานเหล่สายตามองเมฆแล้วค่อยๆดึงมือกลับ

“เมฆรักหวานมากเลยนะ”เมฆดึงมือหวานกลับมาใหม่แล้วกระทำตามความคิดเดิม เขาค่อยๆโน้มริมฝีปากลงมาจุมพิตที่หลังมือของหวาน

“อย่าอายผีสางบ้าง”หวานพยายามผลักร่างของเมฆให้ออกห่าง ในขณะเดียวกันเมฆก็ไม่ยอมแพ้โอบกอดหวานไว้ในวงแขนอย่างรวดเร็ว หวานพยายามออกแรงดิ้นนิดหน่อยเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของเมฆแต่ไม่เป็นผล หวานจึงจำยอมด้วยใจจริงให้เมฆโอบกอดอยู่อย่างนั้น ยิ่งเมฆกอดนานเท่าไรยิ่งทำให้หวานคล้อยตามอารมณ์ ที่เมฆส่งมาให้อย่างเหลือล้นไม่มีวันหมดสิ้น แต่แล้วความรู้สึกและความต้องการ ที่ทั้งสองมีให้กันต้องหยุดชะงักในทันใด เมื่อมีเสียงดังตูมพร้อมน้ำที่กระจายกระเด็นจนเปียกชุ่มร่างของสอง ทั้งคู่จึงรีบหันไปมองในทันทีและต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น

“ปลาอะไรขนาดหางยังใหญ่ขนาดนี้”หวานตาโตด้วยความตะลึง

เมฆรีบลุกขึ้นยืนดูและมองอยู่นานสองนาน แต่ก็ไร้ร่องรอยปลาตัวที่หวานเห็น เมฆจึงครุ่นคิดและใคร่สงสัยว่าเป็นปลาหรือว่าตัวอะไรกันแน่

“เมฆคิดอะไรยืนนิ่งไปเลย”หวานเอ่ยขึ้น

“คิดถึงหวานนั่นแหละ”พอเมฆได้สติจึงเปลื่ยนเรื่องมาใช้คำหวานแทน

“ไม่เชื่อหรอก หรือว่าที่รอดมาได้เพราะมีนางเงือกมาช่วยแน่เลยตัวเมื่อกี้ใช่ไหม”หวานหัวเราะกับความคิดของตัวเอง เพราะหวานพูดไปเรื่อยแหย่เมฆเล่นเฉยๆ

เมฆสะดุ้งกับคำพูดและความคิดของหวานอย่างมาก จึงทำให้ยืนนิ่งไปอีกครั้งหนึ่ง เมฆจึงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เรือแตก เขาพยายามนึกคิดแต่ก็คิดไม่ออกว่าหลังจากนั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

“หรือว่านางเงือกมาช่วยเมฆไว้จริงๆบอกมาเดี๋ยวนี้นะ”หวานแกล้งพูดหยอกล้ออีกครั้งหนึ่ง

“เมฆรักหวานคนเดียว ถึงมีสิบนางเงือกเมฆก็ไม่สนหรอก”เมื่อเมฆได้สติจึงรีบก้มลงพรหมจูบทั่วใบหน้าของหวานอย่างคนหื่นกระหาย ซึ่งในครั้งนี้หวานไม่ได้ปฏิเสธอย่างใด เธอตอบรับแรงปราถนาของเมฆและของตัวเองอย่างเต็มใจ

“ไอ้เมฆมึงทำอะไรลูกสาวกู”

เสียงชายแก่ๆดังขึ้นกระหึ่มด้วยความดุดัน จึงทำให้ทั้งเมฆและหวานต่างถอยห่างร่างออกจากกัน แต่แล้วหวานต้องมายืนบังร่างของเมฆไว้เพราะจอมพ่อของเธอหันกระบอกปืนมายังเมฆ

“พ่ออย่าทำอะไรเมฆนะ ถ้าพ่อจะยิงเมฆก็ผ่านศพหวานไปก่อน”หวานจ้องมองสู้สายตาผู้เป็นพ่ออย่างองอาจ

“หวานถอยไป”จอมตะโกนเสียงดังอีกครั้ง

“พ่อของหวานไม่กล้ายิงหรอก”หวานกระซิบข้างๆหู เมื่อเธอเห็นเมฆกำลังจะออกมายืนอยู่หน้าเธอ เพราะกลัวจอมจะยิงหวานจริงๆ

“นังหวานผู้ชายหมู่บ้านเรามีตั้งมากมายทำไมไม่เลือก ดันไปชอบพอกับไอ้เมฆบ้านมันมีอะไรบ้าง”จอมกัดฟันแน่นด้วยความโมโห

“เมฆหนีไปเร็ว ถ้าเมฆรักหวานก็ต้องเชื่อหวาน”หวานกระซิบที่ข้างหูของเมฆอีกครั้ง

“ได้”เมฆรับคำ

“ไปเลย”หวานค่อยๆกระซิบให้เมฆได้ยิน

เมื่อหวานส่งสัญญาณให้เมฆได้หลบหนี เมฆจึงรอจอมพ่อของหวานเผลอ หลังจากนั้นจึงรีบวิ่งหลบหนีหายไปในทันที

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ต๋อง น่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
5.0

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

ไฟรักมาเฟียร้าย [เจ้านาย VS เลขา]

ไฟรักมาเฟียร้าย [เจ้านาย VS เลขา]

สนพ. อิ่มรัก
4.8

ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

Amye Hochschild
5.0

ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ