ต้าเฉิน มีคำสัญญาที่ให้ไว้กับเด็กสาวคนหนึ่ง ที่เขาตกหลุมรัก เป็นความรักอันแสนบริสุทธิ์ ที่ไม่มีคำว่ารักหลุดออกมาให้ได้ยิน จนถึงเวลาที่ต้องไปจากเธอ โดยที่ไม่บอกเธอสักคำ ทิ้งไว้แต่เพียงแหวนเพชรพร้อมกับคำสัญญาที่ว่า "รอพี่นะตัวเล็ก" อีก 6 เดือนเขาจะกลับมา หากใจเธอยังมีเขาอยู่ให้สวมแหวนวงนี้เอาไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย เมื่อกลับมาเขาจะเห็นและจะมอบคำว่ารักให้เธอ แต่... ชะตามันช่างเล่นตลก ทำให้คำว่ารักที่เตรียมเอาไว้ให้เธอ กลับกลายเป็นความแค้นและความตายที่เขากำลังจะส่งให้ เธอ... อลิน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของน้องสาวมาเฟีย เธอต้องชดใช้ด้วยชีวิต เขาเอาเธอมาทรมานให้สาแก่ใจและปล่อยให้ตายไปทีละนิด แต่มันไม่ง่ายเมื่อเธอคือคนที่มาเฟียรัก และเฝ้ารอมาตลอดหลายเดือน แทนที่เขาจะได้ทรมานเธอ แต่กลับเป็นเธอ... ที่ทรมานให้เขาคุ้มคลั่งแทน “คุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอตัดสินใจถาม ในเมื่อเขาก็ออกตัวว่าไม่ใช่คนที่เธอคิดถึง “ความตาย!!! แต่ก่อนตาย มาตกนรกกับผมก่อน” จบคำ เขาก็กระชากเธอแรงๆ จนแทบจะตัวปลิว
จอมทัพ หรือชื่อเล่น ต้าเฉิน เจ้าของกาสิโนในต่างประเทศ และเป็นเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาวในเมืองไทย 1 แห่ง เขาเป็นลูกครึ่งเสี้ยว บิดาเป็นชาวไต้หวันลูกครึ่งอเมริกัน และแม่เป็นคนไทย จึงสามารถมีธุรกิจที่ต่างประเทศได้ วันนี้เข้ากลายเป็นเจ้าของทั้งหมด เพราะทั้งบิดาและมารดาเสียชีวิต ต้องบินไปกลับไต้หวันเมืองไทย และอเมริกาเป็นว่าเล่น มาเมืองไทยคราวละเป็นเดือน
แต่ไปเมืองนอกคราวละหลายๆ เดือนเช่นกัน ทว่ารอบนี้แทนที่เขาจะได้มาตรวจงานที่เมืองไทยอย่างเดียว กลับต้องมาจัดพิธีศพน้องสาว ที่เขาต้องดูแลแทนพ่อกับแม่ตั้งแต่ ม.6 ยันเรียนจบปริญญา ไม่รู้เพราะปัญหาชีวิตที่ไม่เคยปรึกษาพี่ชายคนนี้ ส่งผลให้เธอเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า จึงทำให้ต้าเอสจบชีวิตลงที่คอนโดมิเนี่ยม
ภายในพิธีศพถูกจัดขึ้นที่มูลนิธิ ไทย- จีน โดยมีจอมทัพเป็นเจ้าของมูลนิธิ เป็นผู้นำและคอยให้ความช่วยเหลือเหล่าคนไทยเชื้อสายจีนมาโดยตลอด ซึ่งมูลนิธิตั้งอยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านนั่นเอง แขกเหรื่อหมุนเวียนกันเขามาร่วมงานทั้งวัน จอมทัพและลูกน้องก็ปลีกตัวมารับแขก แต่ถึงกระนั้นก็แทบจะไม่เชิญใคร
รับรู้กันเฉพาะคนรู้จักกันแค่ระแวกใกล้ๆ ก็พอ เพราะการตายของต้าเอส มันนำมาซึ่งแต่คำติฉินนินทา มันเป็นที่เสื่อมเสียแม้ว่าเขาจะไม่แคร์ก็ตาม แต่ไม่อยากให้ใครมาว่าน้องสาวแบบนั้น จึงอยากทำแบบเงียบๆ ไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โต
คนมาร่วมงานก็แค่อยากจะมาใส่ใจ เรื่องการตายของต้าเอสเท่านั้น และคงรู้กันหมดแล้วล่ะ จอมทัพคิด พลางเดินเข้าไปในงานพร้อมด้วยลูกน้องนับสิบคน ทุกคนอยู่ในชุดสูทสีดำทั้งหมด แต่เขาค่อนข้องโดดเด่นที่สุดเพราะเป็นนายใหญ่ ผิวขาวแบบคนไทยเชื้อสายจีน สูงใหญ่แบบฝรั่ง จมูกโด่งปากกระจับชมพู แต่ดวงตาเล็กตี๋แบบเอเชีย แต่นัยตาสีน้ำตาลอ่อน จอมทัพเดินผ่านแขกที่กำลังนั่งกินโจ๊ก หลังจากที่มาไหว้เสร็จพอดี จังหวะนั้นเสียงนินทาก็ดังเข้าหู
“เพิ่งได้ข่าวว่า พี่ชายของคนที่ตาย เป็นมาเฟียอยู่ใต้หวันด้วยนี่ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย” เสียงแขกคนหนึ่งกระซิบกัน ตามปกติ แต่ไม่มีใครรู้จักจอมทัพ ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เพราะเขาไม่เคยเปิดเผยตัว แทบจะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าต้าเอสมีพี่ชาย เพราะหญิงสาวขอไปใช้ชีวิตเพียงลำพังอย่างคนหัวสมัยใหม่ รักอิสระ แต่พอตายมาดันเป็นข่าวดังเสียอีก
“ระดับมาเฟียขนาดนี้ ดันปล่อยให้น้องสาวเป็นไปเป็นเมียน้อยอ่ะเนอะ” เสียงนินทาก็ดังขึ้นอีกและมันก็เล็ดลอดเข้าหูจอมทัพ เพราะถ้าตั้งใจฟังมันก็ได้ยิน
“แหมความรัก มันไม่เข้าใครออกใครนี่น่า” คำนินทายังพ่นออกมาจากปากมนุษย์ป้าไม่หยุด แน่นอนว่าใครนินทาจอมทัพจะได้ยินชัดกว่าปกติ ขณะเดินผ่าน เขาตวัดหางตามองไปที่คนกลุ่มนั้น สายตาเย็นชา แต่น่าเกรงขามพร้อมกับบุคลิกเยื้องย่างอย่างมังกรอันแสนสง่าผ่าเผย ทำให้คนนินทาถึงกับตาด้วยอาการตาโต ก่อนจะก้มหน้าก้มตา แล้วจอมทัพก็เดินเข้าไปในงานตามปกติ แต่คล้อยหลังเสียงซุบซิบก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เพราะแขกบางคนเพิ่งจะมาวันนี้ และก็ยังคงไม่รู้ว่าจอมทัพอยู่ในงาน เพราะคิดแต่เพียงว่าเป็นแขกผู้ใหญ่มาเท่านั้น
“พี่ชายคนที่ตายน่ะ เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากไต้หวันด้วย” มนุษย์ป้าอีกคนเอ่ยขึ้น
“ใช่ๆ เขาว่าไปดูธุรกิจที่ฮ่องกง ใต้หวัน อเมริกา แล้วกลับมาไม่ทันน้องตาย ใครเป็นต้นเหตุการตายน่ะ เตรียมตัวเลย พวกนี้สายโหดด้วยนะคะ” มนุษย์ป้าอีกคนแทรกขึ้น
“แหม มาเฟียมีอิทธิพลในฮ่องกงใต้หวันขนาดนี้ มันต้องโหดสิคะ แล้วนี่ปล่อยให้น้องเป็นไปเมียน้อยเขาได้ล่ะเนี่ย ข่าวรู้กันทั่วทุกสำนักแล้วมั้ง นี่น่าจะฆ่าตัวตายเพราะอับอายล่ะสิท่า”
“อะแฮ่ม! เอ่อ ขอโทษครับ เผื่อจะไม่ทราบว่า... คุณจอมทัพ หรือคุณต้าเฉินอยู่ในงาน” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น เพื่อจะได้หยุดการสนทนาของทุกคน ไม่งั้นจะสนุกกว่านี้ พร้อมกับส่งสัญญาณบอกกลุ่มที่กำลังนินทาเจ้านาย ให้หันไปมองจอมทัพ ซึ่งกำลังเคารพศพน้องสาวอยู่
“เอ่อ เอ่อคือ นะ นะ นั่นเหรอคะ” มนุษย์ป้าขี้นินทาเอ่ยถามเสียงสั่น
“นึกว่าผู้หลักผู้ใหญ่นักการเมืองซะอีก”
“พี่ชายครับ พี่ชายคุณต้าเอส” เขาย้ำอีกครั้งชัดๆ เน้นๆ
“จะเข้าไปทักทายท่านหน่อยไหมครับ” ชายหนุ่มบอกอีกครั้ง ทำเอาป้าๆ ทั้งหลายถึงกับหุบปากแล้วก้มหน้ากินโจ๊กต่อ เวลาเดียวกันนั้นแขกที่เป็นเครือญาติ หรือคนไทยเชื้อสายจีนด้วยกันก็ต่างทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้จอมทัพต้องออกไปต้องรับด้วยตัวเอง
“คนน้อยจังเลยคุณเฉิน” แขกผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถามน้ำเสียงหม่นพลางมองไปรอบๆ
“ก็มีแต่พี่น้องเราครับ แล้วก็คนรู้จักใกล้ๆ กัน ผมแทบไม่อยากจะให้เป็นข่าวด้วยซ้ำ” จอมทัพเอ่ยเสียงกดต่ำเรียบๆ แต่หม่นเพราะความเศร้า พลางยืนนิ่งๆ มองไปยังแขกเหรื่อในงาน
“อาเสียใจด้วยนะเรื่องหนูเอส กะทันหันมาก ไม่คิดว่า...”
“ครับ ไม่เป็นไร” จอมทัพรีบแทรกขึ้นทันที และยิ่งหม่นหนักเข้าไปอีกเมื่อต้องนึกถึงการจากไปของน้องสาว จนแขกผู้ใหญ่ท่านนี้ถึงกับเอามือลูบหลังเบาๆ เพราะรู้ว่าจอมทัพอดกลั้นความเสียใจเอาไว้อย่างหนัก นั่นก็เพราะว่าภายนอก จอมทัพเป็นคนที่โคตรแกร่ง เจ็บปวดเสียใจเพียงใดทำได้แค่นิ่ง เพื่อกดตัวเองให้อยู่ภายใต้ความน่าเกรงขาม ฉะนั้นเวลาเสียใจจึงทำได้แค่กัดฟันทน แม้ในหัวใจจะเจ็บปวด แหลกสลายแค่ไหนก็ตาม ฉากหน้าทุกคนจะได้เห็นแต่เพียงความเข้มแข็งดุดัน จะว่าจะแข็งกระด้างตามฉบับของมาเฟียก็ได้ ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา
“เชิญคุณอาด้านในดีกว่าครับ” จอมทัพสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับตัดบท แล้วผายมือเชิญแขกผู้ใหญ่เข้าไปด้านในเพื่อเคารพศพ จากนั้นเขาก็ยืนต้อนรับแขกไปเรื่อยๆ บางคนก็ไม่กล้าเข้ามาคุยด้วยรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร หรือแค่เขายืนเฉยๆ บวกกับสายตาอันแสนเย็นชาก็น่าเกรงขามเกินพอแล้ว อย่าต้องให้คุยเลย โดยเฉพาะกลุ่มที่นินทายิ่งไม่กล้าสบตาเลยด้วยซ้ำ
“คุณท่านครับ ไปนั่งกับแขกผู้ใหญ่ก่อนไหมคครับ” ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้น
“ฉันไม่อยากคุยกับใครตอนนี้” จอมทัพตอบเสียงกดต่ำ
“ผมเข้าใจความรู้สึกครับ” ลูกน้องตอบ แต่จอมทัพก็ตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปงานอีกครั้ง เหมือนจะไปสมทบกับญาติๆ แต่ลูกน้องคนหนึ่งก็เดินมากระซิบจากทางด้านหลังพอดี
“คุณท่านครับ ผมลากตัวมันมาแล้ว” เสียงกระซิบจากคนสนิทเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่น้ำเสียงเหี้ยม ทำให้จอมทัพชะงักฝีเท้าที่กำลังเดิน สีหน้าเรียบเฉย แต่แววตามีความดุดันเกรี้ยวกราด เมื่อได้ยินเช่นนั้นสันกรามก็ขบกันแน่นจนเห็นเส้นเลือดนูน
“คนที่หนึ่ง” เจ้านายเอ่ยคล้ายกับจะถาม
“ครับคนที่หนึ่ง อยู่หลังห้องประชุม” เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้านายหนุ่มจึงหันไปกลับมองหน้าลูกน้องมือขวาที่ชื่อโจว์
“ให้คนของเราส่วนหนึ่ง ดูแลแขกในงานจนกว่าจะเสร็จ” จอมทัพบอกเสียงเรียบและเบา
“ครับ” คนสนิทรับคำ จากนั้นจอมทัพไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ทว่ากลับเดินออกจากงานไปอย่างช้าๆ ฝีเท้าหนักแน่น เยื้องย่างสง่าน่าเกรงขาม ปรายตามองแขกในงานเล็กน้อย กระทั่งเดินพ้นออกไป
บทที่ 1 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 2 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 3 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 4 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 5 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 6 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 7 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 8 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 9 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 10 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 11 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 12 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 13 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 14 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 15 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 16 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 17 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 18 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 19 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 20 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 21 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 22 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 23 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 24 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 25 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 26 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 27 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 28 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 29 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 30 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 31 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 32 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 33 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 34 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 35 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 36 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 37 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 38 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 39 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
บทที่ 40 รอยรักเชลยอสูร
12/11/2024
หนังสืออื่นๆ ของ มณีมายา/แอล/รมตี
ข้อมูลเพิ่มเติม