ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

เทียนธีรา

5.0
ความคิดเห็น
110.5K
ชม
66
บท

เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น

บทที่ 1 บุษบาริมทาง

ตึกสูงระฟ้าที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบหรูหราและทันสมัยตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงบ่งบอกความมั่งคั่งทางการเงินของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ตึกแห่งนี้มีชื่อว่าทีเอ็นทาวเวอร์เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ‘ธนากิจกรุ๊ป’ เจ้าของสถาบันการเงินและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ

ร่างอรชรซึ่งเป็นสาวน้อยวัยยี่สิบสองปีลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ถอดหมวกกันน็อกคืนให้คนขับแล้วจ่ายเงินค่าโดยสาร ก่อนจะยกมือบางลูบผมนุ่มสลวยของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้ารูปไข่ซึ่งปราศจากเครื่องสำอางตกแต่งหากทว่าเนียนใสเป็นธรรมชาติเงยขึ้นมองตึกสูงตรงหน้าแล้วก้มลงมองการแต่งตัวของตนอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก ถึงแม้เสื้อเชิ้ตสีครีมแขนตุ๊กตาและกระโปรงทรงเอสีดำเข้มที่สวมอยู่จะเรียบร้อยแต่ก็ดูมอซอเหลือเกินเมื่อเทียบกับความหรูหราของตึกแห่งนี้

วิโรษณา ดุษยา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกมาจนดังฟู่เพื่อระบายความตื่นกลัว บอกตัวเองว่าเข้าไปเถอะไหนๆ ก็มาแล้ว คงจะไม่ดีนักถ้าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน

จากนั้นเรียวขาเนียนสวยดั่งหยกสลักซึ่งรองรับด้วยรองเท้าส้นสูงหนังกลับสีดำจึงก้าวเข้าไปในตัวตึก โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นชายสูงวัยที่ยืนประจำอยู่ด้านหน้าของตึกหรูคอยบริการเปิดประตูให้เฉกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่เดินเข้าออกตึกแห่งนี้

“ขอบคุณค่ะคุณลุง” วิโรษณาไม่ลืมที่จะยิ้มและกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“เชิญตามสบายครับ” ชายสูงวัยยิ้มรับและโค้งศีรษะลงเล็กน้อย

ร่างแน่งน้อยเดินดุ่มตรงไปหน้าลิฟต์แล้วกดเรียก รอไม่ถึงสามนาทีประตูลิฟต์ก็เปิดออก สาวน้อยก้าวเข้าไปข้างในแล้วกดตัวเลขชั้นสามสิบห้าซึ่งทั้งชั้นเป็นห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุด

ติ๊ง!

เมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่สามสิบห้าก็มีเสียงสัญญาณดังขึ้น วิโรษณาก้าวออกจากลิฟต์ จากนั้นจึงเดินไปตามทางเดินซึ่งปูด้วยพรมราคาแพงตรงไปยังห้องผู้บริหารสูงสุดของธนากิจกรุ๊ปอย่างพอจะจำได้ เพราะหลายเดือนก่อนเธอเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง

“หนูมาขอพบคุณอยุทธ์ค่ะ” เสียงหวานบอกกับเลขานุการหน้าห้องซึ่งเป็นสาวใหญ่วัยกลางคน เลขานุการของประธานธนากิจกรุ๊ปเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวพลางขยับแว่นเล็กน้อย

“คุณวิโรษณาใช่ไหมคะ” อรชาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ผู้เป็นเจ้านายสั่งเอาไว้แล้วว่าจะมีแขกของท่านมาหา

“ใช่ค่ะ”

“เชิญเลยค่ะ ท่านประธานรอคุณอยู่”

เลขานุการของอยุทธ์ผายมือไปยังประตูห้อง วิโรษณากล่าวขอบคุณแล้วจึงเดินไปเคาะประตูและผลักเข้าไปหลังได้ยินเสียงอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของห้อง

เมื่อร่างอรชรเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะ บุรุษสูงวัยซึ่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ก็ละสายตาจากเอกสารบนโต๊ะแล้วเงยขึ้นมองผู้มาใหม่ทันที

“สวัสดีค่ะคุณลุง” มือเรียวบางยกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เสียงหวานใสเอ่ยทักทายผู้มีพระคุณพร้อมกับคลี่ยิ้มอวดฟันซี่เล็กๆ ขาวสะอาดซึ่งจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบราวกับสร้อยไข่มุกน้ำงาม

“มาแล้วเหรอหนูปุ้ม” อยุทธ์เอ่ยทักทายตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือไว้ด้วยความเอ็นดู “นั่งก่อนสิ”

“ขอบคุณค่ะ” มือบางเลื่อนเก้าอี้เบาๆ แล้วทรุดตัวลงไปนั่งอย่างนุ่มนวล

อยุทธ์มองสาวน้อยตรงหน้าอย่างพอใจ นอกจากใบหน้าที่หมดจดและผิวพรรณที่เปล่งปลั่งเกลี้ยงเกลาแล้ว อากัปกิริยาทุกอย่างของวิโรษณายังเป็นไปอย่างเรียบร้อยสำรวม ก่อให้เกิดความน่าเอ็นดูแก่ผู้พบเห็นอยู่เป็นเนืองนิตย์ นี่เองกระมังเขาจึงได้หลงรักเด็กสาวคนนี้เหมือนกับลูกแท้ๆ ของตน

“คุณลุงเรียกปุ้มมาพบมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”

ประธานธนากิจกรุ๊ปเอนกายลงกับเก้าอี้ในท่วงท่าที่สบายมากขึ้น แม้จะสูงวัยมากแล้วแต่เขาก็ยังเต็มไปด้วยความภูมิฐานสง่างาม ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยากในครั้งยังหนุ่มก็ยังมีเค้าหล่อเหลาอยู่เช่นเดิม หากจะมีเปลี่ยนแปลงบ้างก็แค่สีผมเท่านั้นที่เริ่มแซมด้วยสีขาวเป็นบางส่วน

“สอบเสร็จแล้วใช่ไหม” อยุทธ์เอ่ยถามสาวน้อยซึ่งตนได้ให้ทุนการศึกษาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมจนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และที่ผ่านมาวิโรษณาก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังเพราะผลการเรียนของเธออยู่ในระดับดีเยี่ยมมาโดยตลอด

“สอบเสร็จแล้วค่ะคุณลุง เทอมนี้เทอมสุดท้ายแล้ว” วิโรษณายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเตรียมใส่ในซองเอกสารมาให้กับอยุทธ์ “นี่ค่ะทรานสคริปของปุ้ม”

ชายวัยกลางคนกวาดมองผลการเรียนของเด็กในอุปการะอย่างพึงพอใจเพราะเกรดเฉลี่ยของเธออยู่ในระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยทีเดียว

“เก่งมาก... นี่เรียนแค่สามปีครึ่งเองใช่ไหม”

“ค่ะคุณลุง โชคดีที่สารนิพนธ์ไม่มีปัญหาอะไร ทางมหาวิทยาลัยเลยอนุมัติให้จบได้ค่ะ”

“เก่งๆ ขอบใจมากนะที่ไม่เคยทำให้ลุงผิดหวัง”

“ปุ้มต่างหากล่ะคะที่ต้องกราบขอบพระคุณคุณลุงที่ให้โอกาสและช่วยเหลือปุ้มมาตลอด”

“เรียนจบแล้วอยากทำอะไร”

“ยังไม่ทราบเลยค่ะคุณลุง ตอนนี้ปุ้มก็ช่วยครูแก้วดูแลน้องๆ ที่สถานสงเคราะห์อยู่ค่ะ”

วิโรษณาหมายถึงสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าที่ตนเติบโตมา เธอเองเป็นลูกกำพร้าเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในนั้น วิโรษณาอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็กจนโตโดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมีที่มาที่ไปอย่างไร พ่อแม่เป็นใคร ตอนเด็กๆ เคยโหยหาคำตอบเหล่านั้นเหมือนกัน แต่ความรักความอบอุ่นที่ได้รับจากครูแก้วกานดากับครูคนอื่นๆ รวมถึงทุนการศึกษาและโอกาสที่อยุทธ์หยิบยื่นมา ก็ทำให้วิโรษณาได้คิดว่าบางครั้งชีวิตของคนเราก็ไม่จำเป็นต้องเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ เทียนธีรา

ข้อมูลเพิ่มเติม
กริชเพียงขิม

กริชเพียงขิม

โรแมนติก

5.0

ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา

วิวาห์รอง

วิวาห์รอง

มหาเศรษฐี

5.0

เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

พวกเจ้าคอยดู ข้าไม่ปล่อยไว้แน่

พวกเจ้าคอยดู ข้าไม่ปล่อยไว้แน่

Ellary Delossa
5.0

หยุนม่านชิง บุตรสาวของฮูหยินเอกจากจวนโหวหวยอัน ซึ่งถูกสลับตัวตอนอายุยังน้อย และเติบโตในชนบท เมื่อนางได้กลับมาที่จวนท่านโหวหวยอัน นางคาดหวังความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว แต่ไม่คาดคิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตาจวนโหวถูกยึดครองโดยหยุนโหรวเจียที่เป็นลูกสาวปลอม ในการวางแผนของลูกสาวปลอมและคู่หมั้นของนาง หยุนม่านชิงต้องแต่งงานในฐานะอนุภรรยา ต้องทำตัวนอบน้อมและก้มหัวให้ทุกคนเพื่อเอาใจคนในบ้าน นางคิดว่าจะได้ความรักและความสามัคคีในครอบครัว แต่กลับต้องถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องจนถึงแก่ชีวิตเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับมาสู่วันที่เปลี่ยนโชคชะตาของนาง หยุนม่านชิงไม่ยอมอดทนอีกต่อไป นางค่อยๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของลูกสาวปลอม ไม่ได้ต้องการความรักที่เป็นเพียงภาพลวงอีก และได้เรียกคืนทุกสิ่งที่เป็นของนางทีละนิดเมื่อนางตัดสินใจที่จะตัดขาดจากจวนท่านโหวอย่างสิ้นเชิง คนทั้งจวนกลับคุกเข่าขอร้องไม่ให้นางจากไป!

โชคชะตาของพระชายา

โชคชะตาของพระชายา

Raff Madison
4.5

ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"

ดั่งลมหวนรัก ตอนพิเศษ

ดั่งลมหวนรัก ตอนพิเศษ

pimchan publication
5.0

เพราะรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนจึงยินยอมแต่งงานกับเขา เพราะถูกบังคับเขาจึงเห็นหล่อนเป็นเศษธุลีดินไร้ค่า แม้เป็นเมียแต่ง หล่อนคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักหล่อนตอบกลับมา ไม่มาก... ก็น้อย แต่ไม่นึกว่าเมื่อเขาหลอกให้หล่อนรักเขาสุดหัวใจ เขากลับขับไล่หล่อนออกมาจากชีวิตด้วยเหตุผลว่า เขาไม่รักหล่อน... "เธอเข้ามาในชีวิตฉันง่ายๆ ก็ช่วยออกไปง่ายๆ ด้วยเถอะ" ถ้อยคำเจ็บปวดทำร้ายที่ตามมาหลอกหลอน แม้ในยามที่หล่อนหลีกลี้จากเขามาได้นานเนิ่น ในวันที่หล่อนเข้มเเข็งและอยู่ได้โดยไม่มีเขา ลูกในท้องที่หล่อนปกปิดเขาเอาไว้ กำลังจะทำให้หล่อนกับเขาหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่หล่อนไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ................................................................ “การแต่งงานของเราเกิดขึ้นเพราะฉันถูกบังคับ การที่ฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ” ธีภพ วิชญ์วิศิษฐ์ “ความรักของมนอาจจะดูไร้ค่าแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งเดียวที่มนพอจะให้คุณธีร์ได้ ที่ผ่านมาคุณธีร์แสดงออกเสมอว่าคุณธีร์ไม่ต้องการและทิ้งขว้างมันมาตลอด มันก็ไม่ใช่ความผิดของมนที่สุดท้ายมนจะหมดรัก มนหวังว่าคุณธีร์จะเข้าใจ เหมือนที่มนเคยเข้าใจคุณธีร์” มนพัทธ์ สว่างโชติ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ
1

บทที่ 1 บุษบาริมทาง

19/03/2024

2

บทที่ 2 บุษบาริมทาง

19/03/2024

3

บทที่ 3 บุษบาริมทาง

19/03/2024

4

บทที่ 4 บุษบาริมทาง

19/03/2024

5

บทที่ 5 บุษบาริมทาง

19/03/2024

6

บทที่ 6 บุษบาริมทาง

19/03/2024

7

บทที่ 7 ผู้มีพระคุณ

19/03/2024

8

บทที่ 8 ผู้มีพระคุณ

19/03/2024

9

บทที่ 9 เล่ห์ซาตาน

19/03/2024

10

บทที่ 10 เล่ห์ซาตาน

19/03/2024

11

บทที่ 11 เล่ห์ซาตาน

19/03/2024

12

บทที่ 12 เล่ห์ซาตาน

19/03/2024

13

บทที่ 13 เล่ห์ซาตาน

19/03/2024

14

บทที่ 14 คฤหาสน์วัชรเดชา

19/03/2024

15

บทที่ 15 คฤหาสน์วัชรเดชา

19/03/2024

16

บทที่ 16 กรงเล็บซาตาน

19/03/2024

17

บทที่ 17 กรงเล็บซาตาน

19/03/2024

18

บทที่ 18 กรงเล็บซาตาน

19/03/2024

19

บทที่ 19 กรงเล็บซาตาน

19/03/2024

20

บทที่ 20 ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

19/03/2024

21

บทที่ 21 ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

19/03/2024

22

บทที่ 22 ซาตานร้ายรัก

19/03/2024

23

บทที่ 23 ซาตานร้ายรัก

19/03/2024

24

บทที่ 24 ซาตานร้ายรัก

19/03/2024

25

บทที่ 25 ซาตานร้ายรัก

19/03/2024

26

บทที่ 26 ซาตานร้ายรัก

19/03/2024

27

บทที่ 27 ซาตานร้ายรัก

19/03/2024

28

บทที่ 28 ซาตานหวงรัก

19/03/2024

29

บทที่ 29 ซาตานหวงรัก

19/03/2024

30

บทที่ 30 ซาตานหวงรัก

19/03/2024

31

บทที่ 31 ซาตานหวงรัก

19/03/2024

32

บทที่ 32 ซาตานหวงรัก

19/03/2024

33

บทที่ 33 ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

19/03/2024

34

บทที่ 34 ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

19/03/2024

35

บทที่ 35 วิวาห์แสนชัง

19/03/2024

36

บทที่ 36 วิวาห์แสนชัง

19/03/2024

37

บทที่ 37 วิวาห์แสนชัง

19/03/2024

38

บทที่ 38 วิวาห์แสนชัง

19/03/2024

39

บทที่ 39 วิวาห์แสนชัง

19/03/2024

40

บทที่ 40 พิศวาสหวาม

19/03/2024