Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ท่านอ๋องพระชายาท่านจะหย่าแล้วนะ

ท่านอ๋องพระชายาท่านจะหย่าแล้วนะ

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
21
ชม
3
บท

ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!

บทที่ 1 No.1

ลู่เจียหง ปีนี้อายุยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศ จบเกียรตินิยมเหรียญทองมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับหนึ่ง เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านเภสัชกรรมจึงถูกส่งตัวมาที่ศูนย์การวิจัยยาหลักแห่งชาติที่เมืองฉงชิ่งเพื่อค้นคว้าตัวยาชนิดใหม่สำหรับใช้รักษาโรคอุบัติใหม่ร้ายแรงที่ขยันเกิดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละปี โดยจะเป็นการผสานกันระหว่างตัวยาสมัยใหม่กับยาตำหรับจีนโบราณดั้งเดิม

รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะสร้างคุณูประการให้แก่ประเทศชาติ และถ้ามันสำเร็จยังจะเป็นอีกแหล่งรายได้หนึ่งด้วย

ห้องแล็บใหญ่ของรัฐบาลเต็มไปด้วยนักวิจัยมือฉกาจ และการแข่งขันที่สูง ทุกคนล้วนนำเสนอสูตรยาใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน บรรยากาศการทำงานจึงไม่ต่างจากตกอยู่ในทะเลโลหิตเพลิง ลู่เจียหงจึงดูดายไม่ได้ เพื่อชีวิตของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายเธอเองก็ต้องสร้างประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเช่นเดียวกัน

หากสูตรยาที่เธอคิดค้นสามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้ผู้ป่วยสักคนก็ถือว่าชีวิตนี้เกิดมาคุ้มค่าแล้ว เพียงแต่การต้องทำงานทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส ชีวิตของลู่เจียหงจึงมีแต่เรื่องงาน ไร้เรื่องรักและความสุขสนุกสนานของชีวิต ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอเลือกเองและยอมรับได้

ในที่สุดช่วงเช้าของการทำงานก็ผ่านไปอีกวัน นักวิจัยสาวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แม้ปากไม่หิวแต่ท้องก็ต้องกิน

“เจียหงไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม ตรงหัวมุมมีร้านเปิดใหม่พวกเราว่าจะไปลองกินกันสักหน่อย” เพื่อร่วมงานคนหนึ่งของเธอชวน

ลู่เจียหงส่ายหน้า เธอเหนื่อยเกินไปที่จะเดินไปถึงหัวมุมถนน ขอฝากท้องเอาไว้กับร้านป้าใต้ตึกเหมือนเดิมดีกว่า “พวกเธอไปกันเถอะ ฉันขอไปกินที่ร้านในตึกนี้ดีกว่า ถูกและง่าย จะได้รีบกลับขึ้นมาทำงานต่อเร็ว ๆ” นักวิจัยสาวให้เหตุผล

“นับถือ นับถือ เธอขยันขนาดนี้ สิ้นปีนี้ต้องได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแน่ ๆ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

“อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย ในแผนกของเราเธอถือเป็นนักวิจัยที่เก่งที่สุด”

ลู่เจียหงยิ้มรับ อยากให้เป็นจริงดั่งที่เพื่อนร่วมงานพูดเช่นเดียวกัน เกียรติยศยิ่งใหญ่ใครเล่าจะไม่อยากได้ แต่เธอก็รู้ตัวดีว่ายังต้องศึกษาค้นคว้าอีกมากกว่าจะไปถึงจุดสูงสุดของสายอาชีพ

“งั้นพวกเราขอตัวไปกินข้าวเที่ยงก่อนนะ”

“ได้ ฉันก็จะไปเหมือนกัน”

ลู่เจียหงรอสักพักจนคิดว่าคนน่าจะซาแล้วจึงเดินไปลงลิฟต์ เนื่องจากตึกสูงยี่สิบชั้นแห่งนี้อยู่กันหลายหน่วยงานคนใช้กล่องโดยสารในการขึ้นลงจึงมีมากหน้าหลายตา หญิงสาวรอให้คนข้างในออกมาก่อนเธอจึงค่อยเดินเข้าไป

ห้องวิจัยยากินพื้นที่อยู่บนชั้นสิบทั้งชั้น ส่วนร้านศูนย์อาหารรวมกันอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เนื่องจากโครงสร้างของตึกนี้เป็นการปรับปรุงต่อเติมมาจากอาคารเก่าประจำเมือง ลิฟต์ตัวแรกจึงขึ้นได้เพียงครึ่งหนึ่งหากต้องการขึ้นชั้นสูงขึ้นไปจะต้องเปลี่ยนไปต่อลิฟต์ใหม่อีกตัวที่อยู่คนละฝั่ง

ดังนั้นลู่เจียหงจึงต้องลงลิฟต์ตัวแรกไปยังชั้นห้า จากนั้นก็เดินลัดเลาะตึกที่ซับซ้อนเหมือนบันไดงูไปอีกฝั่งเพื่อกดลิฟต์ต่อลงไปที่ชั้นหนึ่งเพื่อไปกินข้าว ทำกิจวัตรอย่างนี้เป็นประจำจนเธอชาชินเสียแล้ว

แต่ทำไมวันนี้ถึงได้รู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติก็ไม่รู้ หรืออาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ทำงานมาแล้วทั้งอาทิตย์ความเครียดสะสม อดทนต่ออีกครึ่งวันเดี๋ยวก็ได้พักผ่อนแล้ว...ลู่เจียหงบอกตัวเอง

ต่อให้เก่งกาจขนาดไหนตะเกียงก็ยังมีวันหมดน้ำมัน

ลู่เจียหงบีบนวดไหล่ของตัวเองไล่ความเมื่อยขบ เธอเดินหลับตาลากขาไปตามทางเดินทอดยาวตามความเคยชิน แต่แล้วก็มีเด็กหลายคนวิ่งสวนมาชนจนเธอเกือบล้มลงจับกบ

“แย่จริง เด็กที่ไหนขึ้นมาวิ่งเล่นบนนี้ได้” หญิงสาวบ่นปอดแปด

เมื่อเธอเข้าไปในลิฟต์ก็ยิ่งโมโหหนักเมื่อพบว่าเด็กพวกนั้นกดเลขชั้นไล่ไปทุกปุ่ม “กว่าจะไปถึงชั้นหนึ่งต้องใช้เวลาเท่าไหร่เนี่ย” ลู่เจียหงบ่น

ระหว่างรอเธอก็ไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียเปล่าจึงถือโอกาสพิงหัวเข้ากับผนังลิฟต์เพื่อพักสายตาไปตลอดทาง แต่แล้วก็เผลอหลับไปจริง ๆ โดยไม่รู้ตัว...

เมื่อลู่เจียหงลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ป่าแห่งหนึ่ง รอบบริเวณมีแต่ไม้ยืนต้นสีเขียวสดขนาดใหญ่จนคล้ายป่าดึกดำบรรพ์ มีเสียงนกร้องและธารน้ำไหลดังอยู่ไกล ๆ ลิฟต์ก็หาย ตึกก็ไม่มีแล้ว ส่วนตัวเธอนอนพิงอยู่กับหินก้อนใหญ่หนำซ้ำยังรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด

“โอ๊ย!”

ลู่เจียงหงยกมือขึ้นแตะบริเวณขมับก็พบว่ามีเลือดสด ๆ ไหลออกมาเป็นทางจนถึงปลายคาง บางส่วนแห้งไปแล้วแต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไหลซึมมาไม่หยุด...แผลน่าจะใหญ่ไม่เบา

“ที่นี่มันที่ไหนกัน เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมาโผล่ที่ป่าแบบนี้ได้...หรือมีคนลักพาตัวเรา!” ลู่เจียหงคิดฟุ้งซ่านไปหมด เพราะเธอเองก็เป็นนักวิจัยชั้นนำระดับประเทศมีองค์ความรู้อยู่ในหัวมากมาย หากบริษัทยาใดได้ตัวไปคงสามารถทำกำไรจากงานของเธอได้อีกมาก

โดยเฉพาะพวกบริษัทยาเถื่อนที่ชอบมาหาซื้อตัวนักวิจัยไปในราคาสูง ๆ แล้วจับไปทำงานที่ต่างประเทศจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

แต่เธอจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่เพราะฝีมือพวกโจรชั่วหรอก คอยดูนะถ้ารอดไปได้จะแจ้งตำรวจมาจับพวกมันให้ติดคุกหัวโตให้หมด

หญิงสาวตะเกียดตะกายลุกขึ้นยืนก่อนจะสะดุดชายกระโปรงยาวสีแดงของตัวเองจนล้มกลิ้งลงไปบนพื้นใบไม้แห้งเจ็บตัวอีกหน

“บ้าเอ๊ย” ลู่เจียหงสบถอย่างหัวเสีย โจรลักพาตัวบ้าอะไรจับเหยื่อมาทิ้งในป่าไม่พอยังเปลี่ยนชุดของเธอให้กลายเป็นชุดหงส์สีแดงที่ใช้สำหรับใส่แต่งงานแทนชุดนักวิจัยที่สวมอยู่แต่เดิมอีก “เป็นพวกโจรโรคจิตหรือยังไง”

หญิงสาวรวบรวมกำลังอีกครั้ง ถ้าอยากเอาตัวรอดจากสถานการณ์ประหลาดนี้ไปให้ได้ใจต้องสู้...ลู่เจียหงถลกกระโปรงยาวที่เกะกะขึ้นมัดเป็นปมตรงบริเวณขาอ่อน ก็ใครเล่าจะบ้าใส่เสื้อผ้ารุ่มร่ามขนาดนี้เดินบุกป่าฝ่าดง เดินสามก้าวล้มหนึ่งก้าว มีหวังโดนไอ้พวกโจรชั่วตามมาจับได้ก่อนพอดี

ลู่เจียหงสวมบทสาวเลือดนักสู้ เห็นเอวบางร่างน้อยอย่างนี้เมื่อก่อนเธอก็เคยไปออกค่ายกับพวกเพื่อน ๆ ที่ชมรมในมหาวิทยาลัย ปีนเขามาแล้วทั่วมณฑล ป่าแค่นี้เอาชีวิตเธอไม่ได้หรอก

หญิงสาวเดินไปตามป่ากระทั่งพบเข้ากับเกี้ยวมงคลสีแดง ตอนแรกเธอนึกว่ามีทางรอดแล้วกระทั่งเห็นศพคนตายเกลื่อนกลาดอยู่รอบเกี้ยว

“กรี๊ด!”

ถึงจะเก่งกาจแค่ไหนแต่ลู่เจียหงก็ยังเป็นผู้หญิงขวัญอ่อนเจอศพคนและกองเลือดมากมายใครไม่ตกใจก็แปลกแล้ว...เธอรีบวิ่งหาที่หลบซ่อนตัว ใช้มืออุดปากเหลียวซ้ายแลขวาจนมั่นใจว่าไม่มีคนร้ายอยู่แถวนั้นก็ค่อย ๆ ย่องออกไปสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ

“พวกมันเป็นโจรแบบไหน ยุคนี้แล้วยังใช้ดาบในการฆ่าฟันกับลูกธนูอีก...หรือเป็นพวกโจรกระจอกที่ไม่มีปัญญาซื้อปืน คงไม่ใช่หรอกมั้ง” เธอตั้งข้อสังเกตหลังจากพลิกศพของผู้ตายทุกคนดูอย่างละเอียดแล้ว เธอเลือกเอามีดสั้นที่ตกอยู่แถวนั้นมาเหน็บเอาไว้ที่ผ้าคาดเอว แล้วเลือกมีดดาบที่มีขนาดไม่ใหญ่มากพอถือแกว่งไหวเอาไว้อีกเล่ม “ถึงยังไงมีอาวุธติดมือเอาไว้ก็ยังดีกว่าไม่มีล่ะวะ”

พอได้ของป้องกันตัวมาอยู่ในมือแล้วเธอก็เดินตามเสียงธารน้ำกระทั่งพบแม่น้ำใหญ่สายหนึ่ง ตามความรู้ในการเดินป่าหนึ่งศูนย์หนึ่งที่พอมีติดสมองอยู่บ้าง หากเดินตามแม่น้ำไปย่อมพบทางออกหรือหมู่บ้านคนถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าเดินหลงอยู่ในป่ากว้างที่ไม่รู้ทิศทางและไม่มีเข็มทิศ

เดินไปได้สักพักก็เริ่มเหนื่อยอ่อนลู่เจียหงจึงนั่งพัก เดินมาไกลขนาดนี้แล้วคนร้ายก็ยังไม่ตามมา อาจจะปลอดภัยแล้วก็ได้

หญิงสาววักน้ำขึ้นล้างหน้าแล้วก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นว่าเงาสะท้อนที่ปรากฎอยู่บนผืนน้ำใสไม่ใช่ใบหน้าของตัวเอง!

“ใคร! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่”

แน่นอนว่าศีรษะของเธอได้รับความกระทบกระเทือนจนเลือดออก แต่มันจะเป็นไปได้หรือที่แผลนี้จะส่งผลกระทบจนทำให้เธอจำใบหน้าของตัวเองไม่ได้ เพราะถ้าความทรงจำจะหายไปจริง ๆ มันต้องหายไปทั้งหมดสิ จะแค่ทำให้ลืมเฉพาะใบหน้าของตัวเองได้อย่างไร

ลู่เจียหงก้มลงมองเงาสะท้อนของใบหน้าตัวเองอีกครั้ง

“นี่มันไม่ใช่หน้าของเราจริง ๆ”

เพราะผู้หญิงที่เธอเห็นนั้นแม้ใบหน้าจะมีเค้าความสวยอยู่แต่กลับมีสิวผดสีแดงขึ้นกระจายอยู่ทั่วหน้าเรียกได้ว่าขึ้นจนแทบไม่มีช่องว่างให้ผิวได้หายใจ พวกมันบดบังเครื่องหน้าทุกส่วนจนมิด ช่างแตกต่างจากความสวยนำสมัยด้วยฝีมือหมอของเธออย่างลิบลับ

“เรื่องนี้มันไม่ปกติแล้ว...หรือว่าเราตายไปแล้วและกำลังตกอยู่ในความฝันก่อนที่สมองจะหยุดทำงาน” ลู่เจียหงคาดเดาตามประสาคนที่หมกมุ่นในทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์

แต่แล้วก็มีเรื่องเหนือธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับเธอเพราะจู่ ๆ ก็มีความทรงจำบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยหลั่งไหลเข้ามาสู่สมอง!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ฉันนี่แหละเศรษฐี

ฉันนี่แหละเศรษฐี

Abelard Evans
5.0

ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี

คนทั้งโลกกำลังตกหลุมรักภรรยาผม

คนทั้งโลกกำลังตกหลุมรักภรรยาผม

กฤษฎิ์ แสนชล
4.9

หยุนซีแต่งงานกับกู้ซือเฉิน คุณชายที่สูญเสียสิทธิ์ที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลแทนน้องสาว ตอนแรก พวกเขาเพียงแค่ว่าที่สามีภรรยาในนามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวของหยุนซีถูกค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตาม ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างที่คิดเลย ใครจะไปคิดว่าเธอเป็นทั้งแฮ็กเกอร์มืออาชีพ นักประพันธ์เพลงลึกลับ และทายาทคนเดียวของนักแกะสลักที่มีชื่อเสียงระดับชาติ.... มีทั้งนักร้องชื่อดัง นักแสดงที่เคยได้รับรังวัลมากมายและผู้สืบทอดของตระกูลที่ร่ำรวยมาตามจีบว่าที่ภรรยาของเขา กู้ซือเฉินควรทำอย่างไรดี?

ชะตารักลิขิตด้ายแดง

ชะตารักลิขิตด้ายแดง

l3oonm@
5.0

ใบฟาง นักโจรกรรม เธอโดนทิ้งไว้ในบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่เมื่อไหร่ตัวเธอก็ไม่ทราบ อาจจะพูดได้ว่าเมื่อเธอจำความได้เธอก็คิดว่าที่นี่คือบ้านของเธอแล้ว เมื่ออายุได้ห้าขวบ มีสองสามีภรรยาชาวจีนรับตัวเธอไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรบุญธรรม ทั้งคู่เป็นนักธุรกิจที่เดินทางไปทั่วโลกเพื่อทำการค้า แต่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ นี่คือสิ่งที่คนภายนอกรับรู้ผ่านเอกสารที่ปลอมแปลงมาเรียบร้อยแล้ว แต่ความจริงทั้งคู่คือนักโจรกรรมที่ตำรวจทั่วโลกต้องการตัว ทุกครั้งที่ออกทำภารกิจสองสามีภรรยาจะปลอมแปลงหน้าตาและบุคลิกของตนเองทุกครั้ง ทำให้ไม่มีใครจับผิดทั้งคู่ได้ แม้กระทั่งลายนิ้วมือทั้งคู่ก็สามารถเปลี่ยนได้ทุกครั้ง เมื่อใบฟางถูกรับมาเลี้ยงดูแล้ว ทั้งคู่สอนทุกสิ่งที่ตนรู้และเล่ห์เหลี่ยมที่ตนมีให้กับใบฟางทั้งหมด ใบฟางที่เป็นเพียงเด็กน้อยที่ยังไม่เข้าใจโลกที่โหดร้าย หลังจากที่ถูกฝึกจนพอจะเริ่มทำภารกิจได้ ในวัยเพียงหกขวบงานแรกของเธอคือ ขโมยกระเป๋าสตางค์ ซึ่งเธอก็ทำให้ทั้งคู่ได้เห็นความเร็วและความสามารถของเธอ ในวัยเจ็ดขวบเธอเริ่มชำนาด้านการขโมยของเล็กของน้อย จนหลอกล่วงคนอื่น วัยแปดขวบเธอแสดงความสามารถโดยการเข้าร่วมงานประมูลกับพ่อแม่บุญธรรมและได้ขโมยแหวนเพชรมูลค่าเกือบสิบล้านหยวนมาได้ ทุกครั้งที่เธอได้รับภารกิจเธอตั้งใจทำอย่างมากเพราะคิดว่านี่คือสิ่งที่จะทำให้ทั้งคู่รักเธอ เพียงแค่ได้รับคำชื่นชมจากทั้งคู่เธอจึงคิดเสมอว่านี่คือคนที่เป็นพ่อแม่ของเธอ การแสดงความรักของเธอคืองานที่ได้รับจะต้องไม่มีสิ่งใดผิดพลาดเพื่อให้พ่อแม่บุญธรรมรักเธอ แต่สิ่งที่เธอคิดเป็นสิ่งที่ผิดมาตลอด เมื่ออายุได้ยี่สิบปีเธอทำงานพลาดครั้งแรก เกือบจะถูกตำรวจจับตัวได้ พ่อแม่บุญธรรมที่เธอคิดเสมอว่าคือคนในครอบครัวได้หลบหนีทิ้งเธอไว้โดยไม่หันกลับมามอง จนเมื่อเธอซ่อนตัวจนตำรวจคิดว่าเธอหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ข่าวตามล่าเธอเงียบหายไป ทั้งคู่จึงได้ติดต่อกลับมา เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหากจวนตัวต้องเอาตัวรอดให้ได้ แต่เธอหวังเพียงอยากให้ทั้งคู่รักเธออย่างที่เธอรักพ่อแม่บุญธรรมสักนิดก็ยังดี เมื่อเบื่อที่ต้องใช้ชีวิตหลบหนีตำรวจ รวมทั้งองค์กรใต้ดินที่ตามล่าค่าหัวเธออย่างหนัก ทั้งคู่จึงขอให้เธอทำงานสุดท้ายให้ คือขโมยหยกเหอเถียนที่เพิ่งค้นพบเจออายุราวๆสามพันปี งานนี้ไม่ง่ายแต่หากจะแลกมาด้วยอิสระภาพที่ทั้งคู่จะยอมปล่อยเธอไป เธอจึงตกลงรับงานนี้ เธอใช้เวลาดูสถานที่ ทางหนีทีไล่อยู่สองสัปดาห์ เมื่อมั่นใจว่าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็เริ่มออกปฏิบัติการ หยกเหอเถียน ที่เธอต้องขโมยเป็นเพียงกำไลข้อมือเท่านั่น ระบบนิรภัยที่แน่นหนาไม่เกินความสามารถของเธอ เมื่อนำออกมาได้ก็เตรียมหลบหนี แต่ใครจะรู้ว่าพ่อแม่บุญธรรมที่แสนน่าเคารพรักนั้นได้ขายข้อมูลให้กับองค์กรใต้ดินเพื่อชิงของจากเธอ พร้อมทั้งฆ่าเธอเพื่อรับค่าหัวที่มูลค่าสูง แม้การต่อสู้ที่ถูกฝึกมาอย่างชำนาญ อาวุธในมือ มีดสั้น ปืนถูกนำออกมาใช้ ถึงจะฆ่าคนฝุ่นนั่นไปเยอะเพียงใด แต่เธอคนเดียวจะสู้คนที่เตรียมพร้อมมาถึงสามสิบคนได้อย่างไร ใบฟางหัวเราะให้กับความโง่ของเธอ แม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่าพ่อแม่บุญธรรมก็ยังขายเธอได้ เธอเย้ยหยันให้กับชีวิตที่บัดซบ สาปแช่งเทพแห่งโชคชะตาที่ให้เธอมาเกิดกับพ่อแม่แท้ๆที่ไม่ต้องการเธอ แล้วยังส่งพ่อแม่บุญธรรมที่ทำให้ชีวิตของเธอต้องพบจุดจบเช่นนี้

เจ้าสาวของนักรบ

เจ้าสาวของนักรบ

SHASHAwriter
5.0

บุณย์นราถูกฉุดออกมาจากห้องหอในคืนแต่งงาน ซ้ำยังถูกข่มเหงจากชายโฉดจนย่อยยับ หากแค่นั้นเรียกว่าโชคร้ายแล้ว การต้องมาเจอชายคนนั้นอีกครั้ง ในสถานะของประธานบริษัท ที่เธอเพิ่งได้งาน ไม่โชคร้ายยิ่งกว่าหรือ เพราะทันทีที่เห็นหน้าเธอ เขาก็มีคำสั่ง ให้ไล่เธอออก แต่กลับยื่นขอเสนออันสุดแสนร้ายกาจเป็นทางเลือก ราวกับรู้ว่าบุณย์นรากำลังอับจนซึ่งหนทางอยู่ ###### “ตำแหน่งที่เธอทำอยู่ ที่นี่ไม่ได้เปิดรับ” บุณย์นราตากระตุกถี่ยิบขึ้นเหมือนกัน มันมีด้วยหรือ ไม่เปิดรับ แล้วประกาศออกไปแต่แรกทำไมว่ารับคน “ไม่รับพนักงานตำแหน่งที่ว่า แล้วที่นี่รับตำแหน่งอะไร” จบคำถามของเธอปุ๊บ เสียงตอบห้วนสั้นก็ดังขึ้น “แม่บ้าน” ขุนพลเลิกคิ้วมองนายนิด ๆ ส่วนบุณย์นราก็นิ่งไป อันที่จริงไม่ได้รังเกียจงาน แต่ก็ติดเรื่องวุฒิ เรื่องเงินเดือน เธอมาสมัครงานเพราะอยากได้เงิน แล้วไอ้ที่เรียนมาสี่ปีจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเรียนมาแทบตาย แล้วให้ไปเป็นแม่บ้าน อีกอย่างแม่บ้านก็ไม่มีโอกาสก้าวหน้าเอาเสียเลย คิดได้อย่างนั้นก็จ้องตาเขานิ่ง ทำอย่างไรดี ตอนนี้เธอจนตรอกแล้ว มีแต่ต้องเดินไปข้างหน้าเท่านั้น แล้วเลยกลั้นใจถามออกไป เสียงอ่อยลงเล็กน้อย “แม่บ้าน เงินเดือนเท่าไร” “ห้าหมื่น” เงินเดือนขนาดนั้น ทำบุณย์นรางันไปราวกับถูกแช่แข็ง นักรบเห็นอาการของคนตรงหน้า ก็ออกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ไหนขุนพลบอกเพดานเงินพวกเด็กจบใหม่ไว้ที่หมื่นห้าไงวะ นี่เขาให้ตั้งห้าหมื่น ทำไมยายนี่ได้ยินยังทำเฉยอยู่ เลยกระแอมทีหนึ่ง เสริมเสียงแข็ง ๆ ต่ออีกว่า “อาหารที่พักมี ฟรีไวไฟ แต่ต้องอยู่ประจำที่บ้านตลอด ไม่รับแบบไปเช้าเย็นกลับ” บุณย์นราตัดสินใจได้ตั้งแต่ได้ยินตัวเลขครึ่งแสนนั่นแล้ว อารมณ์เดือดดาลของเธอก็สงบลงเกินครึ่งแล้วด้วย เลยถามเสียงอ่อนกลับไปถึงขอบเขตงาน “แม่บ้านที่ว่านี่ ต้องทำอะไรบ้าง” “ทำอาหารกับงานสวนแค่นั้นมั้ง ห้าหมื่นน่ะ” นักรบถามกลับหน้าตาย บุณย์นรามองอย่างคืบแคลงแล้วถามกลับเหมือนกัน “นั่นสิ แม่บ้านอะไร ทำไมเงินเดือนตั้งห้าหมื่น” “แม่บ้านที่รับก็คือต้องทำงานในบ้านทั้งหมด รวมถึงงาน...บนเตียง” นักรบเน้นคำหลังเป็นการเฉพาะ แววตาของเขาก็วาววับขึ้นเล็กน้อยอีกด้วยบุณย์นราเกือบตอบตกลงอยู่แล้ว หากไม่สะดุดกับคำหลังสุดที่หลุดจากปากเขาเข้าเสียก่อน

พี่น้องต้องกระแทก

พี่น้องต้องกระแทก

nugkeanransawat
5.0

ไอรัก เธอเป็นสาวสวยวัย19ปีที่หุ่นอวบสมส่วนผิวขาวน่ารัก ทว่าเธอถูกเก็บมาเลี้ยงในครอบครัวร่ำรวยที่มีพี่ชายต่างพ่อต่างแม่ถึงสี่คน แล้วเหล่าพี่ชายวัยกลัดมันจะทนความสวยของน้องสาวที่โตขึ้นทุกวันๆจนไม่ล่วงเกินเธอได้หรือ? ในบ้านบ้านหลังใหญ่นี้มีอยู่เจ็ดคนคือไอรักน้องสาวคนเล็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง ไออุ่นพี่ชายคนโต ไอเย็นพี่ชายคนรอง ไอคิวพี่ชายคนที่สามไอน้ำพี่ชายคนสุดท้อง และพ่อกับแม่ ไออุ่นเป็นพี่คนโตอายุ27และทำงานในบริษัทของพ่อ เขาอบอุ่น เป็นผู้นำและรักน้องๆ และหล่อเข้มสูงใหญ่ล่ำสันผิวสีแทน ไอเย็นอายุยี่25เขาเป็นคนใจเย็นสุขุม เงียบ ๆ นิ่งๆ และหล่อคมผิวขาวผอมสูง ไอคิวเรียนอยู่มหาลัยปี4เป็นหนุ่มแว่นหน้าหล่อตี๋มาดเด็กเรียนที่ฉลาดและชื่อดังในมหาลัย ไอน้ำเรียนอยู่ปี2เขาเป็นนักกีฬารักบี้ประจำมหาลัยที่ร่าเริงผิวขาวและหล่อล่ำกล้ามใหญ่ มีสาวมาติดพันเขาเยอะเอาเรื่อง ส่วนไอรักน้องสาวคนสวยเรียนอยู่มหาลัยปี1 เธอมีใบหน้าสวยรูปไข่ผิวขาว สูง160และอวบอิ่มสมส่วนไปทุกจุด

คุณหมอขอรักนะคะ

คุณหมอขอรักนะคะ

เนื้อนวล
5.0

เมื่ออาจารย์หมอรูปหล่อว่าที่สามีในอนาคตกำลังจะถูกจับแต่งงาน เธอซึ่งเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงมานานจึงต้องแสดงตัว กลเม็ด หรือน้ำมันพราย เธอไม่เกี่ยง ขอเพียงแค่ให้ได้คุณหมอสุดหล่อมาเป็นสามีก็พอแล้ว “ท่อนชายถูกไถไถลไปมากับร่องชุ่ม เม็ดสวาทถูกหัวเอ็นบดขยี้หลายครั้งจนนิวารินร้องไม่เป็นภาษา และวินาทีที่รอคอยก็เดินทางมาถึง ท่อนชายพุ่งทะยานเข้ามาสุดแรง และมิดด้าม “อ๊ะ... ซี๊ดดดด” “โอ้วววว... แน่นมากนิว... แน่นที่สุด โอ้วววว” “ขยับค่ะพี่หมอ.... ขยับนะคะ นิว... นิวอยากเสร็จกับท่อนพี่หมอ... อ๊า... อา... ซี๊ดดด” “ร้อนแรงเหลือเกินคนสวยของพี่... อืมมม” บั้นเอวของวชิรวิชญ์ขยับเคลื่อนไหวแรงระรัว ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กระแทกกระทั้นเข้าสู่โพรงหวาน จนกระทั่งสวรรค์ทั้งผืนถล่มลงมาใส่ เสียงครางเสียวซ่านของนิวารินถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งจนเหลือแต่เสียงอู้อี้ ก่อนที่พายุสวาทจะผ่านพ้นไป

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ท่านอ๋องพระชายาท่านจะหย่าแล้วนะ
1

บทที่ 1 No.1

24/02/2025

2

บทที่ 2 No.2

24/02/2025

3

บทที่ 3 No.3

24/02/2025