ท่านอ๋องพระชายาท่านจะหย่าแล้วนะ

ท่านอ๋องพระชายาท่านจะหย่าแล้วนะ

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
44.1K
ชม
15
บท

ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!

บทที่ 1 No.1

ลู่เจียหง ปีนี้อายุยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศ จบเกียรตินิยมเหรียญทองมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับหนึ่ง เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านเภสัชกรรมจึงถูกส่งตัวมาที่ศูนย์การวิจัยยาหลักแห่งชาติที่เมืองฉงชิ่งเพื่อค้นคว้าตัวยาชนิดใหม่สำหรับใช้รักษาโรคอุบัติใหม่ร้ายแรงที่ขยันเกิดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละปี โดยจะเป็นการผสานกันระหว่างตัวยาสมัยใหม่กับยาตำหรับจีนโบราณดั้งเดิม

รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะสร้างคุณูประการให้แก่ประเทศชาติ และถ้ามันสำเร็จยังจะเป็นอีกแหล่งรายได้หนึ่งด้วย

ห้องแล็บใหญ่ของรัฐบาลเต็มไปด้วยนักวิจัยมือฉกาจ และการแข่งขันที่สูง ทุกคนล้วนนำเสนอสูตรยาใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน บรรยากาศการทำงานจึงไม่ต่างจากตกอยู่ในทะเลโลหิตเพลิง ลู่เจียหงจึงดูดายไม่ได้ เพื่อชีวิตของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายเธอเองก็ต้องสร้างประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเช่นเดียวกัน

หากสูตรยาที่เธอคิดค้นสามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้ผู้ป่วยสักคนก็ถือว่าชีวิตนี้เกิดมาคุ้มค่าแล้ว เพียงแต่การต้องทำงานทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส ชีวิตของลู่เจียหงจึงมีแต่เรื่องงาน ไร้เรื่องรักและความสุขสนุกสนานของชีวิต ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอเลือกเองและยอมรับได้

ในที่สุดช่วงเช้าของการทำงานก็ผ่านไปอีกวัน นักวิจัยสาวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แม้ปากไม่หิวแต่ท้องก็ต้องกิน

“เจียหงไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม ตรงหัวมุมมีร้านเปิดใหม่พวกเราว่าจะไปลองกินกันสักหน่อย” เพื่อร่วมงานคนหนึ่งของเธอชวน

ลู่เจียหงส่ายหน้า เธอเหนื่อยเกินไปที่จะเดินไปถึงหัวมุมถนน ขอฝากท้องเอาไว้กับร้านป้าใต้ตึกเหมือนเดิมดีกว่า “พวกเธอไปกันเถอะ ฉันขอไปกินที่ร้านในตึกนี้ดีกว่า ถูกและง่าย จะได้รีบกลับขึ้นมาทำงานต่อเร็ว ๆ” นักวิจัยสาวให้เหตุผล

“นับถือ นับถือ เธอขยันขนาดนี้ สิ้นปีนี้ต้องได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแน่ ๆ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

“อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย ในแผนกของเราเธอถือเป็นนักวิจัยที่เก่งที่สุด”

ลู่เจียหงยิ้มรับ อยากให้เป็นจริงดั่งที่เพื่อนร่วมงานพูดเช่นเดียวกัน เกียรติยศยิ่งใหญ่ใครเล่าจะไม่อยากได้ แต่เธอก็รู้ตัวดีว่ายังต้องศึกษาค้นคว้าอีกมากกว่าจะไปถึงจุดสูงสุดของสายอาชีพ

“งั้นพวกเราขอตัวไปกินข้าวเที่ยงก่อนนะ”

“ได้ ฉันก็จะไปเหมือนกัน”

ลู่เจียหงรอสักพักจนคิดว่าคนน่าจะซาแล้วจึงเดินไปลงลิฟต์ เนื่องจากตึกสูงยี่สิบชั้นแห่งนี้อยู่กันหลายหน่วยงานคนใช้กล่องโดยสารในการขึ้นลงจึงมีมากหน้าหลายตา หญิงสาวรอให้คนข้างในออกมาก่อนเธอจึงค่อยเดินเข้าไป

ห้องวิจัยยากินพื้นที่อยู่บนชั้นสิบทั้งชั้น ส่วนร้านศูนย์อาหารรวมกันอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เนื่องจากโครงสร้างของตึกนี้เป็นการปรับปรุงต่อเติมมาจากอาคารเก่าประจำเมือง ลิฟต์ตัวแรกจึงขึ้นได้เพียงครึ่งหนึ่งหากต้องการขึ้นชั้นสูงขึ้นไปจะต้องเปลี่ยนไปต่อลิฟต์ใหม่อีกตัวที่อยู่คนละฝั่ง

ดังนั้นลู่เจียหงจึงต้องลงลิฟต์ตัวแรกไปยังชั้นห้า จากนั้นก็เดินลัดเลาะตึกที่ซับซ้อนเหมือนบันไดงูไปอีกฝั่งเพื่อกดลิฟต์ต่อลงไปที่ชั้นหนึ่งเพื่อไปกินข้าว ทำกิจวัตรอย่างนี้เป็นประจำจนเธอชาชินเสียแล้ว

แต่ทำไมวันนี้ถึงได้รู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติก็ไม่รู้ หรืออาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ทำงานมาแล้วทั้งอาทิตย์ความเครียดสะสม อดทนต่ออีกครึ่งวันเดี๋ยวก็ได้พักผ่อนแล้ว...ลู่เจียหงบอกตัวเอง

ต่อให้เก่งกาจขนาดไหนตะเกียงก็ยังมีวันหมดน้ำมัน

ลู่เจียหงบีบนวดไหล่ของตัวเองไล่ความเมื่อยขบ เธอเดินหลับตาลากขาไปตามทางเดินทอดยาวตามความเคยชิน แต่แล้วก็มีเด็กหลายคนวิ่งสวนมาชนจนเธอเกือบล้มลงจับกบ

“แย่จริง เด็กที่ไหนขึ้นมาวิ่งเล่นบนนี้ได้” หญิงสาวบ่นปอดแปด

เมื่อเธอเข้าไปในลิฟต์ก็ยิ่งโมโหหนักเมื่อพบว่าเด็กพวกนั้นกดเลขชั้นไล่ไปทุกปุ่ม “กว่าจะไปถึงชั้นหนึ่งต้องใช้เวลาเท่าไหร่เนี่ย” ลู่เจียหงบ่น

ระหว่างรอเธอก็ไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียเปล่าจึงถือโอกาสพิงหัวเข้ากับผนังลิฟต์เพื่อพักสายตาไปตลอดทาง แต่แล้วก็เผลอหลับไปจริง ๆ โดยไม่รู้ตัว...

เมื่อลู่เจียหงลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ป่าแห่งหนึ่ง รอบบริเวณมีแต่ไม้ยืนต้นสีเขียวสดขนาดใหญ่จนคล้ายป่าดึกดำบรรพ์ มีเสียงนกร้องและธารน้ำไหลดังอยู่ไกล ๆ ลิฟต์ก็หาย ตึกก็ไม่มีแล้ว ส่วนตัวเธอนอนพิงอยู่กับหินก้อนใหญ่หนำซ้ำยังรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด

“โอ๊ย!”

ลู่เจียงหงยกมือขึ้นแตะบริเวณขมับก็พบว่ามีเลือดสด ๆ ไหลออกมาเป็นทางจนถึงปลายคาง บางส่วนแห้งไปแล้วแต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไหลซึมมาไม่หยุด...แผลน่าจะใหญ่ไม่เบา

“ที่นี่มันที่ไหนกัน เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมาโผล่ที่ป่าแบบนี้ได้...หรือมีคนลักพาตัวเรา!” ลู่เจียหงคิดฟุ้งซ่านไปหมด เพราะเธอเองก็เป็นนักวิจัยชั้นนำระดับประเทศมีองค์ความรู้อยู่ในหัวมากมาย หากบริษัทยาใดได้ตัวไปคงสามารถทำกำไรจากงานของเธอได้อีกมาก

โดยเฉพาะพวกบริษัทยาเถื่อนที่ชอบมาหาซื้อตัวนักวิจัยไปในราคาสูง ๆ แล้วจับไปทำงานที่ต่างประเทศจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

แต่เธอจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่เพราะฝีมือพวกโจรชั่วหรอก คอยดูนะถ้ารอดไปได้จะแจ้งตำรวจมาจับพวกมันให้ติดคุกหัวโตให้หมด

หญิงสาวตะเกียดตะกายลุกขึ้นยืนก่อนจะสะดุดชายกระโปรงยาวสีแดงของตัวเองจนล้มกลิ้งลงไปบนพื้นใบไม้แห้งเจ็บตัวอีกหน

“บ้าเอ๊ย” ลู่เจียหงสบถอย่างหัวเสีย โจรลักพาตัวบ้าอะไรจับเหยื่อมาทิ้งในป่าไม่พอยังเปลี่ยนชุดของเธอให้กลายเป็นชุดหงส์สีแดงที่ใช้สำหรับใส่แต่งงานแทนชุดนักวิจัยที่สวมอยู่แต่เดิมอีก “เป็นพวกโจรโรคจิตหรือยังไง”

หญิงสาวรวบรวมกำลังอีกครั้ง ถ้าอยากเอาตัวรอดจากสถานการณ์ประหลาดนี้ไปให้ได้ใจต้องสู้...ลู่เจียหงถลกกระโปรงยาวที่เกะกะขึ้นมัดเป็นปมตรงบริเวณขาอ่อน ก็ใครเล่าจะบ้าใส่เสื้อผ้ารุ่มร่ามขนาดนี้เดินบุกป่าฝ่าดง เดินสามก้าวล้มหนึ่งก้าว มีหวังโดนไอ้พวกโจรชั่วตามมาจับได้ก่อนพอดี

ลู่เจียหงสวมบทสาวเลือดนักสู้ เห็นเอวบางร่างน้อยอย่างนี้เมื่อก่อนเธอก็เคยไปออกค่ายกับพวกเพื่อน ๆ ที่ชมรมในมหาวิทยาลัย ปีนเขามาแล้วทั่วมณฑล ป่าแค่นี้เอาชีวิตเธอไม่ได้หรอก

หญิงสาวเดินไปตามป่ากระทั่งพบเข้ากับเกี้ยวมงคลสีแดง ตอนแรกเธอนึกว่ามีทางรอดแล้วกระทั่งเห็นศพคนตายเกลื่อนกลาดอยู่รอบเกี้ยว

“กรี๊ด!”

ถึงจะเก่งกาจแค่ไหนแต่ลู่เจียหงก็ยังเป็นผู้หญิงขวัญอ่อนเจอศพคนและกองเลือดมากมายใครไม่ตกใจก็แปลกแล้ว...เธอรีบวิ่งหาที่หลบซ่อนตัว ใช้มืออุดปากเหลียวซ้ายแลขวาจนมั่นใจว่าไม่มีคนร้ายอยู่แถวนั้นก็ค่อย ๆ ย่องออกไปสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ

“พวกมันเป็นโจรแบบไหน ยุคนี้แล้วยังใช้ดาบในการฆ่าฟันกับลูกธนูอีก...หรือเป็นพวกโจรกระจอกที่ไม่มีปัญญาซื้อปืน คงไม่ใช่หรอกมั้ง” เธอตั้งข้อสังเกตหลังจากพลิกศพของผู้ตายทุกคนดูอย่างละเอียดแล้ว เธอเลือกเอามีดสั้นที่ตกอยู่แถวนั้นมาเหน็บเอาไว้ที่ผ้าคาดเอว แล้วเลือกมีดดาบที่มีขนาดไม่ใหญ่มากพอถือแกว่งไหวเอาไว้อีกเล่ม “ถึงยังไงมีอาวุธติดมือเอาไว้ก็ยังดีกว่าไม่มีล่ะวะ”

พอได้ของป้องกันตัวมาอยู่ในมือแล้วเธอก็เดินตามเสียงธารน้ำกระทั่งพบแม่น้ำใหญ่สายหนึ่ง ตามความรู้ในการเดินป่าหนึ่งศูนย์หนึ่งที่พอมีติดสมองอยู่บ้าง หากเดินตามแม่น้ำไปย่อมพบทางออกหรือหมู่บ้านคนถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าเดินหลงอยู่ในป่ากว้างที่ไม่รู้ทิศทางและไม่มีเข็มทิศ

เดินไปได้สักพักก็เริ่มเหนื่อยอ่อนลู่เจียหงจึงนั่งพัก เดินมาไกลขนาดนี้แล้วคนร้ายก็ยังไม่ตามมา อาจจะปลอดภัยแล้วก็ได้

หญิงสาววักน้ำขึ้นล้างหน้าแล้วก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นว่าเงาสะท้อนที่ปรากฎอยู่บนผืนน้ำใสไม่ใช่ใบหน้าของตัวเอง!

“ใคร! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่”

แน่นอนว่าศีรษะของเธอได้รับความกระทบกระเทือนจนเลือดออก แต่มันจะเป็นไปได้หรือที่แผลนี้จะส่งผลกระทบจนทำให้เธอจำใบหน้าของตัวเองไม่ได้ เพราะถ้าความทรงจำจะหายไปจริง ๆ มันต้องหายไปทั้งหมดสิ จะแค่ทำให้ลืมเฉพาะใบหน้าของตัวเองได้อย่างไร

ลู่เจียหงก้มลงมองเงาสะท้อนของใบหน้าตัวเองอีกครั้ง

“นี่มันไม่ใช่หน้าของเราจริง ๆ”

เพราะผู้หญิงที่เธอเห็นนั้นแม้ใบหน้าจะมีเค้าความสวยอยู่แต่กลับมีสิวผดสีแดงขึ้นกระจายอยู่ทั่วหน้าเรียกได้ว่าขึ้นจนแทบไม่มีช่องว่างให้ผิวได้หายใจ พวกมันบดบังเครื่องหน้าทุกส่วนจนมิด ช่างแตกต่างจากความสวยนำสมัยด้วยฝีมือหมอของเธออย่างลิบลับ

“เรื่องนี้มันไม่ปกติแล้ว...หรือว่าเราตายไปแล้วและกำลังตกอยู่ในความฝันก่อนที่สมองจะหยุดทำงาน” ลู่เจียหงคาดเดาตามประสาคนที่หมกมุ่นในทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์

แต่แล้วก็มีเรื่องเหนือธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับเธอเพราะจู่ ๆ ก็มีความทรงจำบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยหลั่งไหลเข้ามาสู่สมอง!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

Burke Gee
5.0

ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

Critter
5.0

เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"

จวนร้างแห่งนี้มีสตรีถูกทิ้ง

จวนร้างแห่งนี้มีสตรีถูกทิ้ง

pailinnaka591
5.0

ซ่งจื่อเหยียนถูกน้องสาววางแผนร้าย ในงานวันเกิดองค์หญิงหกกลับพบว่านอนกอดก่ายอยู่กับเว่ยเซียวหยาง แต่เขารังเกียจสตรี แต่งกับนางหรือฝันเฟื่องหรือไง นางจึงถูกไล่ไปอยู่จวนร้างไกลเมืองหลวงถึงห้าสิบลี้ หลี่จื่อเหยียนมาถึงทั้งทีก็สวมบทคุณแม่เลย  ซ่งจื่อเหยียนเจ้าของร่างเดิมจากไปขณะคลอดลูก  แล้วฉันทำไมต้องมาเบ่งแทนวะ ให้ไปแม่น้ำเหลืองเลยไม่ได้หรือไง มันเจ็บนะโว้ย ฮือๆๆๆ สาวใช้ของนางพยายามช่วย ป้าหูอายุห้าสิบแล้ว เป็นชาวบ้านครอบครัวเดียวที่อยู่แถวนั้น "คุณหนูเบ่งอีกนิดเจ้าค่ะ  ฮือๆที่นี่อยู่ไกลนักไม่มีหมอตำแยสักคน" "เอาน่าแม่นางเย่วเล่อ ข้าไม่เคยทำคลอดแต่ข้าก็เคยคลอดลูกแหละน่า นี่ๆอาซ้อซ่งเจ้าเบ่งอีกหน่อย แล้วอย่าสลบไปแบบเมื่อกี้เล่า อดทนหน่อย "อ๊ายย  โอ๊ยเจ็บโอ๊ยเวรกรรมฉิบหายยังไม่ทันมีผัว  ไม่ทันได้รู้รสชาติการป๊าบๆกับผู้ชายเลย  ก็ต้องมาเบ่งลูก  อื้อเจ็บ  อ๊ะ อ๊ายยย" "คุณหนู  ท่านเบ่งอีกนิด  น้ำร้อนเตรียมแล้ว  เย่วหลีกำลังไปเอาเจ้าค่ะ  เหตุใดท่านอ๋องพระทัยร้ายนักฮือๆๆ" "พอแล้ว ไอ้อ๋องสุนัขนั่นสมควรไปตายซะ อ๊าย ข้าเจ็บจะตายเจ้าจะมารำพึงรำพันอะไรเย่วเล่อ  ออกแล้วข้าคลอดแล้ว  อ๊ะ อ๊ายยย" หลี่จื่อเหยียนคลอดบุตรชายของร่างเดิมออกมาหนึ่งคน  จากนั้นนางก็เพลียจนหลับไป

จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

Gavin
5.0

ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ