ท่านอ๋องพระชายาท่านจะหย่าแล้วนะ

ท่านอ๋องพระชายาท่านจะหย่าแล้วนะ

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
43.8K
ชม
15
บท

ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!

บทที่ 1 No.1

ลู่เจียหง ปีนี้อายุยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศ จบเกียรตินิยมเหรียญทองมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับหนึ่ง เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านเภสัชกรรมจึงถูกส่งตัวมาที่ศูนย์การวิจัยยาหลักแห่งชาติที่เมืองฉงชิ่งเพื่อค้นคว้าตัวยาชนิดใหม่สำหรับใช้รักษาโรคอุบัติใหม่ร้ายแรงที่ขยันเกิดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละปี โดยจะเป็นการผสานกันระหว่างตัวยาสมัยใหม่กับยาตำหรับจีนโบราณดั้งเดิม

รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะสร้างคุณูประการให้แก่ประเทศชาติ และถ้ามันสำเร็จยังจะเป็นอีกแหล่งรายได้หนึ่งด้วย

ห้องแล็บใหญ่ของรัฐบาลเต็มไปด้วยนักวิจัยมือฉกาจ และการแข่งขันที่สูง ทุกคนล้วนนำเสนอสูตรยาใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน บรรยากาศการทำงานจึงไม่ต่างจากตกอยู่ในทะเลโลหิตเพลิง ลู่เจียหงจึงดูดายไม่ได้ เพื่อชีวิตของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายเธอเองก็ต้องสร้างประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเช่นเดียวกัน

หากสูตรยาที่เธอคิดค้นสามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้ผู้ป่วยสักคนก็ถือว่าชีวิตนี้เกิดมาคุ้มค่าแล้ว เพียงแต่การต้องทำงานทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส ชีวิตของลู่เจียหงจึงมีแต่เรื่องงาน ไร้เรื่องรักและความสุขสนุกสนานของชีวิต ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอเลือกเองและยอมรับได้

ในที่สุดช่วงเช้าของการทำงานก็ผ่านไปอีกวัน นักวิจัยสาวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แม้ปากไม่หิวแต่ท้องก็ต้องกิน

“เจียหงไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม ตรงหัวมุมมีร้านเปิดใหม่พวกเราว่าจะไปลองกินกันสักหน่อย” เพื่อร่วมงานคนหนึ่งของเธอชวน

ลู่เจียหงส่ายหน้า เธอเหนื่อยเกินไปที่จะเดินไปถึงหัวมุมถนน ขอฝากท้องเอาไว้กับร้านป้าใต้ตึกเหมือนเดิมดีกว่า “พวกเธอไปกันเถอะ ฉันขอไปกินที่ร้านในตึกนี้ดีกว่า ถูกและง่าย จะได้รีบกลับขึ้นมาทำงานต่อเร็ว ๆ” นักวิจัยสาวให้เหตุผล

“นับถือ นับถือ เธอขยันขนาดนี้ สิ้นปีนี้ต้องได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแน่ ๆ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

“อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย ในแผนกของเราเธอถือเป็นนักวิจัยที่เก่งที่สุด”

ลู่เจียหงยิ้มรับ อยากให้เป็นจริงดั่งที่เพื่อนร่วมงานพูดเช่นเดียวกัน เกียรติยศยิ่งใหญ่ใครเล่าจะไม่อยากได้ แต่เธอก็รู้ตัวดีว่ายังต้องศึกษาค้นคว้าอีกมากกว่าจะไปถึงจุดสูงสุดของสายอาชีพ

“งั้นพวกเราขอตัวไปกินข้าวเที่ยงก่อนนะ”

“ได้ ฉันก็จะไปเหมือนกัน”

ลู่เจียหงรอสักพักจนคิดว่าคนน่าจะซาแล้วจึงเดินไปลงลิฟต์ เนื่องจากตึกสูงยี่สิบชั้นแห่งนี้อยู่กันหลายหน่วยงานคนใช้กล่องโดยสารในการขึ้นลงจึงมีมากหน้าหลายตา หญิงสาวรอให้คนข้างในออกมาก่อนเธอจึงค่อยเดินเข้าไป

ห้องวิจัยยากินพื้นที่อยู่บนชั้นสิบทั้งชั้น ส่วนร้านศูนย์อาหารรวมกันอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เนื่องจากโครงสร้างของตึกนี้เป็นการปรับปรุงต่อเติมมาจากอาคารเก่าประจำเมือง ลิฟต์ตัวแรกจึงขึ้นได้เพียงครึ่งหนึ่งหากต้องการขึ้นชั้นสูงขึ้นไปจะต้องเปลี่ยนไปต่อลิฟต์ใหม่อีกตัวที่อยู่คนละฝั่ง

ดังนั้นลู่เจียหงจึงต้องลงลิฟต์ตัวแรกไปยังชั้นห้า จากนั้นก็เดินลัดเลาะตึกที่ซับซ้อนเหมือนบันไดงูไปอีกฝั่งเพื่อกดลิฟต์ต่อลงไปที่ชั้นหนึ่งเพื่อไปกินข้าว ทำกิจวัตรอย่างนี้เป็นประจำจนเธอชาชินเสียแล้ว

แต่ทำไมวันนี้ถึงได้รู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติก็ไม่รู้ หรืออาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ทำงานมาแล้วทั้งอาทิตย์ความเครียดสะสม อดทนต่ออีกครึ่งวันเดี๋ยวก็ได้พักผ่อนแล้ว...ลู่เจียหงบอกตัวเอง

ต่อให้เก่งกาจขนาดไหนตะเกียงก็ยังมีวันหมดน้ำมัน

ลู่เจียหงบีบนวดไหล่ของตัวเองไล่ความเมื่อยขบ เธอเดินหลับตาลากขาไปตามทางเดินทอดยาวตามความเคยชิน แต่แล้วก็มีเด็กหลายคนวิ่งสวนมาชนจนเธอเกือบล้มลงจับกบ

“แย่จริง เด็กที่ไหนขึ้นมาวิ่งเล่นบนนี้ได้” หญิงสาวบ่นปอดแปด

เมื่อเธอเข้าไปในลิฟต์ก็ยิ่งโมโหหนักเมื่อพบว่าเด็กพวกนั้นกดเลขชั้นไล่ไปทุกปุ่ม “กว่าจะไปถึงชั้นหนึ่งต้องใช้เวลาเท่าไหร่เนี่ย” ลู่เจียหงบ่น

ระหว่างรอเธอก็ไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียเปล่าจึงถือโอกาสพิงหัวเข้ากับผนังลิฟต์เพื่อพักสายตาไปตลอดทาง แต่แล้วก็เผลอหลับไปจริง ๆ โดยไม่รู้ตัว...

เมื่อลู่เจียหงลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ป่าแห่งหนึ่ง รอบบริเวณมีแต่ไม้ยืนต้นสีเขียวสดขนาดใหญ่จนคล้ายป่าดึกดำบรรพ์ มีเสียงนกร้องและธารน้ำไหลดังอยู่ไกล ๆ ลิฟต์ก็หาย ตึกก็ไม่มีแล้ว ส่วนตัวเธอนอนพิงอยู่กับหินก้อนใหญ่หนำซ้ำยังรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด

“โอ๊ย!”

ลู่เจียงหงยกมือขึ้นแตะบริเวณขมับก็พบว่ามีเลือดสด ๆ ไหลออกมาเป็นทางจนถึงปลายคาง บางส่วนแห้งไปแล้วแต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไหลซึมมาไม่หยุด...แผลน่าจะใหญ่ไม่เบา

“ที่นี่มันที่ไหนกัน เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมาโผล่ที่ป่าแบบนี้ได้...หรือมีคนลักพาตัวเรา!” ลู่เจียหงคิดฟุ้งซ่านไปหมด เพราะเธอเองก็เป็นนักวิจัยชั้นนำระดับประเทศมีองค์ความรู้อยู่ในหัวมากมาย หากบริษัทยาใดได้ตัวไปคงสามารถทำกำไรจากงานของเธอได้อีกมาก

โดยเฉพาะพวกบริษัทยาเถื่อนที่ชอบมาหาซื้อตัวนักวิจัยไปในราคาสูง ๆ แล้วจับไปทำงานที่ต่างประเทศจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

แต่เธอจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่เพราะฝีมือพวกโจรชั่วหรอก คอยดูนะถ้ารอดไปได้จะแจ้งตำรวจมาจับพวกมันให้ติดคุกหัวโตให้หมด

หญิงสาวตะเกียดตะกายลุกขึ้นยืนก่อนจะสะดุดชายกระโปรงยาวสีแดงของตัวเองจนล้มกลิ้งลงไปบนพื้นใบไม้แห้งเจ็บตัวอีกหน

“บ้าเอ๊ย” ลู่เจียหงสบถอย่างหัวเสีย โจรลักพาตัวบ้าอะไรจับเหยื่อมาทิ้งในป่าไม่พอยังเปลี่ยนชุดของเธอให้กลายเป็นชุดหงส์สีแดงที่ใช้สำหรับใส่แต่งงานแทนชุดนักวิจัยที่สวมอยู่แต่เดิมอีก “เป็นพวกโจรโรคจิตหรือยังไง”

หญิงสาวรวบรวมกำลังอีกครั้ง ถ้าอยากเอาตัวรอดจากสถานการณ์ประหลาดนี้ไปให้ได้ใจต้องสู้...ลู่เจียหงถลกกระโปรงยาวที่เกะกะขึ้นมัดเป็นปมตรงบริเวณขาอ่อน ก็ใครเล่าจะบ้าใส่เสื้อผ้ารุ่มร่ามขนาดนี้เดินบุกป่าฝ่าดง เดินสามก้าวล้มหนึ่งก้าว มีหวังโดนไอ้พวกโจรชั่วตามมาจับได้ก่อนพอดี

ลู่เจียหงสวมบทสาวเลือดนักสู้ เห็นเอวบางร่างน้อยอย่างนี้เมื่อก่อนเธอก็เคยไปออกค่ายกับพวกเพื่อน ๆ ที่ชมรมในมหาวิทยาลัย ปีนเขามาแล้วทั่วมณฑล ป่าแค่นี้เอาชีวิตเธอไม่ได้หรอก

หญิงสาวเดินไปตามป่ากระทั่งพบเข้ากับเกี้ยวมงคลสีแดง ตอนแรกเธอนึกว่ามีทางรอดแล้วกระทั่งเห็นศพคนตายเกลื่อนกลาดอยู่รอบเกี้ยว

“กรี๊ด!”

ถึงจะเก่งกาจแค่ไหนแต่ลู่เจียหงก็ยังเป็นผู้หญิงขวัญอ่อนเจอศพคนและกองเลือดมากมายใครไม่ตกใจก็แปลกแล้ว...เธอรีบวิ่งหาที่หลบซ่อนตัว ใช้มืออุดปากเหลียวซ้ายแลขวาจนมั่นใจว่าไม่มีคนร้ายอยู่แถวนั้นก็ค่อย ๆ ย่องออกไปสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ

“พวกมันเป็นโจรแบบไหน ยุคนี้แล้วยังใช้ดาบในการฆ่าฟันกับลูกธนูอีก...หรือเป็นพวกโจรกระจอกที่ไม่มีปัญญาซื้อปืน คงไม่ใช่หรอกมั้ง” เธอตั้งข้อสังเกตหลังจากพลิกศพของผู้ตายทุกคนดูอย่างละเอียดแล้ว เธอเลือกเอามีดสั้นที่ตกอยู่แถวนั้นมาเหน็บเอาไว้ที่ผ้าคาดเอว แล้วเลือกมีดดาบที่มีขนาดไม่ใหญ่มากพอถือแกว่งไหวเอาไว้อีกเล่ม “ถึงยังไงมีอาวุธติดมือเอาไว้ก็ยังดีกว่าไม่มีล่ะวะ”

พอได้ของป้องกันตัวมาอยู่ในมือแล้วเธอก็เดินตามเสียงธารน้ำกระทั่งพบแม่น้ำใหญ่สายหนึ่ง ตามความรู้ในการเดินป่าหนึ่งศูนย์หนึ่งที่พอมีติดสมองอยู่บ้าง หากเดินตามแม่น้ำไปย่อมพบทางออกหรือหมู่บ้านคนถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าเดินหลงอยู่ในป่ากว้างที่ไม่รู้ทิศทางและไม่มีเข็มทิศ

เดินไปได้สักพักก็เริ่มเหนื่อยอ่อนลู่เจียหงจึงนั่งพัก เดินมาไกลขนาดนี้แล้วคนร้ายก็ยังไม่ตามมา อาจจะปลอดภัยแล้วก็ได้

หญิงสาววักน้ำขึ้นล้างหน้าแล้วก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นว่าเงาสะท้อนที่ปรากฎอยู่บนผืนน้ำใสไม่ใช่ใบหน้าของตัวเอง!

“ใคร! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่”

แน่นอนว่าศีรษะของเธอได้รับความกระทบกระเทือนจนเลือดออก แต่มันจะเป็นไปได้หรือที่แผลนี้จะส่งผลกระทบจนทำให้เธอจำใบหน้าของตัวเองไม่ได้ เพราะถ้าความทรงจำจะหายไปจริง ๆ มันต้องหายไปทั้งหมดสิ จะแค่ทำให้ลืมเฉพาะใบหน้าของตัวเองได้อย่างไร

ลู่เจียหงก้มลงมองเงาสะท้อนของใบหน้าตัวเองอีกครั้ง

“นี่มันไม่ใช่หน้าของเราจริง ๆ”

เพราะผู้หญิงที่เธอเห็นนั้นแม้ใบหน้าจะมีเค้าความสวยอยู่แต่กลับมีสิวผดสีแดงขึ้นกระจายอยู่ทั่วหน้าเรียกได้ว่าขึ้นจนแทบไม่มีช่องว่างให้ผิวได้หายใจ พวกมันบดบังเครื่องหน้าทุกส่วนจนมิด ช่างแตกต่างจากความสวยนำสมัยด้วยฝีมือหมอของเธออย่างลิบลับ

“เรื่องนี้มันไม่ปกติแล้ว...หรือว่าเราตายไปแล้วและกำลังตกอยู่ในความฝันก่อนที่สมองจะหยุดทำงาน” ลู่เจียหงคาดเดาตามประสาคนที่หมกมุ่นในทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์

แต่แล้วก็มีเรื่องเหนือธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับเธอเพราะจู่ ๆ ก็มีความทรงจำบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยหลั่งไหลเข้ามาสู่สมอง!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
ข้าไม่ใช่คนดีท่านอย่าได้หวัง

ข้าไม่ใช่คนดีท่านอย่าได้หวัง

โรแมนติก

3.5

จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ขอเลิกกับสามีงี่เง่า

ขอเลิกกับสามีงี่เง่า

Thalia Frost
5.0

กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

Arvin Bikoff
5.0

หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”

สามี ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง

สามี ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ