Cappuccino Effect  รักฉันนั้นเพื่อเธอ

Cappuccino Effect รักฉันนั้นเพื่อเธอ

MADMIND

5.0
ความคิดเห็น
27
ชม
21
บท

เรื่องราวของหญิงสาววัยเลขสี่ที่ใช้ชีวิตแบกภาระเพื่อแม่มาค่อนชีวิต ทุ่มเทเพื่อผู้ให้กำเนิดจนลืมนึกถึงชีวิตตัวเอง แต่แล้วในวันที่พ่อจากไป เธอพบว่าต้องแบกภาระหนี้ก้อนโต และเป็นเวลาเดียวกับที่ชายเจ้าของหัวใจหวนคืนมา ภาพความจำ ความรู้สึกเก่า ๆ คืนมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เมื่อเธอมีโอกาสอีกครั้ง ... เธอจะเลือกทางไหน? ...

บทที่ 1 ตอนที่ 1 เรื่องเซอร์ไพรส์ที่ไม่อยากเจอ

ในเมืองใหญ่…

เสียงแตรรถดังระงมไปทั่วท้องถนนในยามเช้าที่ผู้คนกำลังรีบเร่ง หญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็กส์สีกรมท่า สวมทับด้วยเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มกำลังก้าวเท้าข้ามถนนตรงทางม้าลายเพื่อไปยังออฟฟิศ แต่กลับต้องชะงักเท้าไว้เมื่อมีเสียงบีบแตรดังมาจากรถยนต์คันหรูสีดำที่กำลังแล่นฝ่าไฟแดงมาด้วยความเร็วสูงดังขึ้นอย่างกระชั้นชิด

“นังบ้า ขี้เกียจใช้ชีวิตแล้วหรือไง!” เสียงคนขับโผล่หน้าออกมาตะโกนด่าเมื่อขับรถผ่านหญิงสาวไปได้ไม่ไกล

“อะไรว่ะ นี่มันทางม้าลายนะ ไอ้บ้าเอ้ย!” คำด่ารัว ๆ นั้นไหลพรั่งพรูออกมาจากปากหญิงสาวที่ชื่อนารี เพราะทั้งรู้สึกตกใจและทั้งหงุดหงิดที่การทำตามกฎของเธอกลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิไปได้

“ไอ้เหี้ยเอ้ย น่าหงุดหงิดชะมัด แม่งเอ้ย!!” นารียังคงก่นด่าเจ้าของรถยนต์คันนั้นไปตลอดทางจนถึงออฟฟิศ

..............

ที่ทำงานของนารี...

ขณะนารีก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงาน พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้หญิงสาววัยสี่สิบกว่าต้องชะงักเท้าหยุดเดินแล้วดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทว่าเมื่อมองดูหน้าจอแล้วต้องถอนใจ ทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมา

“มาแล้ว เจ้าหนี้หรือแม่กันวะเนี่ย!” เธอพึมพำ แล้วกดรับสายนั้น

“คะแม่”

“นารีเหรอ พ่อแกเสียแล้วนะ” เสียงปลายสายแจ้งข่าวในทันที นารีเมื่อได้รับฟังข่าวการเสียชีวิตของผู้เป็นพ่อกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด ด้วยว่านารีนั้นโตมากับแม่เพียงสองคน พ่อของเธอแยกทางกับแม่เมื่อเธอเพิ่งจะจำความได้ และแต่งงานใหม่มีลูกกับเมียใหม่อีกสองคน ซ้ำผู้เป็นพ่อยังแทบไม่เคยเหลียวแลเธอกับแม่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นารีจะไม่มีความรู้สึกผูกพันหรือต้องรู้สึกเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นพ่อ

“แกต้องมางานศพของพ่อแกให้ได้ ขืนไม่มาพวกฝั่งโน้นคงได้เอาสมบัติพ่อแกไปจนหมดแน่ ๆ” คนเป็นแม่ไม่วายแสดงอาการหวงสมบัติเกินหน้าเกินตาตามปกติวิสัยของนาง จนไม่แม้แต่จะถามสารทุกข์สุขดิบของลูกสาวเลยสักนิด

“แค่นี้นะแม่ ต้องทำงานแล้ว” นารีวางสายคนเป็นแม่ไปแบบเซ็ง ๆ แล้วก็ให้นึกย้อนไปถึงชีวิตเมื่อครั้งยังอยู่บ้านนอกกับแม่ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่เคยกลับไปที่นั่น จะมีก็แต่เพียงส่งเงินให้คนเป็นแม่ได้ใช้ เพราะถึงกลับไปคนเป็นแม่ก็คงไม่ได้ยินดีมากเท่ากับการได้เห็นเงินถูกโอนเข้าบัญชี ‘เห็นเงินกับเห็นหน้าลูกสิ่งไหนมันจะทำให้แม่ชื่นใจมากกว่ากันนะ’

.................

จังหวัดบ้านเกิดของนารี...

ไม่กี่วันต่อมานารีลางานเพื่อมาเคารพศพบิดา ภายในงานนารีได้รู้จักนางมาลี เมียใหม่ของผู้เป็นพ่อ รวมทั้งน้อง ๆ อีกสองคนที่เกิดจากคนที่ได้ชื่อว่าแม่เลี้ยง ทุกคนในงานต่างพูดถึงแต่เรื่องมรดกที่พวกเขาจะมีสิทธิ์ได้ ไม่มีใครสนใจถามไถ่ความเป็นอยู่ของกันและกันสักเท่าใดนัก ดูไปแล้วก็เหมือนว่าทุกคนต่างมาที่นี่ก็เพื่อดูว่าตนเองจะได้อะไรบ้างก็เท่านั้น นารีที่ได้แต่นั่งหลบอยู่ในมุมเงียบ เฝ้ามองพฤติกรรมของคนที่ได้ชื่อว่าญาติมิตร แล้วก็ได้แต่ปลง ‘ก็ใช่นั่นแหละ คนที่ตายไปแล้วก็ตายไป ยิ่งไม่มีความดีให้น่าจดจำอีกไม่กี่วันก็จะกลายเป็นคนที่ถูกลืม ไม่ควรค่าให้พูดถึงได้มากเท่าสมบัติมีค่าเหล่านั้นหรอก’

ทนายนัดเปิดพินัยกรรมหลังจัดการเผาศพบิดาของนารีผ่านพ้นไปเพียงสองวัน ทุกคนที่มีสิทธิ์ในมรดกของผู้เป็นพ่อต่างตั้งหน้าตั้งตารอฟังพินัยกรรม ทว่าเมื่อเปิดออกมาแล้วกลับทำให้รู้สึกผิดหวังเสียยิ่งกว่า ด้วยว่าทรัพย์สมบัติของนายสมพงษ์นั้นแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว นารีกับแม่ได้รับเพียงบ้านหลังที่อยู่ในปัจจุบันซึ่งเป็นบ้านที่พ่อและแม่ของเธอร่วมกันกู้เงินซื้อด้วยกัน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังผ่อนไม่หมด ซ้ำร้ายเมื่อผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตลง ยังมีทีท่าว่าอาจจะโดนยึดขายทอดตลาด ด้วยว่าบิดาของเธอไม่ได้ส่งค่าบ้านมาเป็นเวลานาน จะว่าไปคนเป็นพ่อไม่ได้ทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้สองแม่ลูกเลยด้วยซ้ำ เพราะบ้านหลังนั้นจริง ๆ แล้วก็เป็นสิทธิ์ของนางละไมครึ่งหนึ่ง คงจะทิ้งไว้เพียง มรดกหนี้

“อะไรว่ะ ไอ้แก่เนี้ย ตายไปแล้วนอกจากจะไม่ทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้ ยังทิ้งภาระหนี้ไว้ให้กูอีก” ผู้เป็นแม่ก่นด่าไม่หยุดปากเมื่อต้องรับรู้ว่าตนเองอาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอน หากว่าไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบันได้

“เราจะทำยังไงกันดีล่ะแม่” นารีถามขึ้นด้วยรู้สึกว่าขณะนี้น่าจะหมดหนทาง เธอมองไม่เห็นเลยว่าจะหาเงินก้อนโตมาปลดหนี้ภายในเวลาหกเดือนได้อย่างไร

“ไม่รู้โว้ย” เมื่อถูกถามกระตุกต่อมเจ็บใจก็ยิ่งพาลโมโห คนเป็นแม่เลยได้แต่เอาอารมณ์ที่ค้างคาจากคนที่เพิ่งตายจากไปมาลงกับคนเป็นลูกสาว

เมื่อพูดคุยกับคนเป็นแม่ไม่ได้ผล นารีทำได้เพียงพาตัวเองออกมาเดินสูดอากาศนอกบ้าน ขณะก้าวเดินไปตามถนน หัวสมองก็คิดวนเวียนหาหนทาง ยิ่งคิดนารีก็ยิ่งรับรู้ได้ว่าการจากไปของผู้เป็นพ่อนั้นมาพร้อมกับภาระหนักอึ้ง เธอรู้สึกว่าภาระที่ต้องคอยแบกจนหนักอึ้งอยู่แล้วนั้น กลับยิ่งรู้สึกหนักมากขึ้นไปอีกเมื่อต้องรับรู้ถึงภาระหนี้บ้านที่เพิ่มเข้ามา ด้วยตลอดเวลาที่นารีเติบโตจนผ่านพ้นวัยสาว กระทั่งล่วงเลยวัยกลางคน เธอมีเพียงแค่ภาระที่จะต้องรับผิดชอบ นารีไม่เคยรู้ว่าการได้มีชีวิตในวัยสาวควรจะเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่าการได้มีความรักนั้นจะดีกับเธอหรือไม่ เพราะเธอมัวแต่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่น จนลืมที่จะใส่ใจชีวิตตนเอง กระทั่งเวลาผ่านไป นารีรู้ตัวอีกทีเธอก็อายุย่างเลขสี่เข้าไปแล้ว ทั้งยังต้องเฝ้ามองเพื่อน ๆ ที่ทยอยแต่งงานมีลูก มีครอบครัวไปเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวคนเดียว แต่ต้องแบกภาระหนักอึ้งเสียจนแทบจะแบกไม่ไหว ความรักงั้นเหรอ เมื่อนึกถึงความรัก นารีไม่เคยแน่ใจว่าเธอควรจะได้รับมันหรือไม่

“เอ้อ!” หญิงสาวถอนหายใจเพื่อไล่ความรู้สึกหนักอึ้งในความรู้สึกออกไป

“หกเดือนกับเงินสามล้าน ฉันจะไปหาที่ไหนกันละเนี้ย” นารีได้แต่บ่นกับตัวเองด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม เพราะรู้ดีว่าหากจะปรึกษาขอความเห็นจากคนเป็นแม่ก็คงจะไม่มีคำตอบใด ๆ เพราะนางละไมมักจะโยนภาระทุกอย่างมาให้เธอเป็นคนรับผิดชอบ และการจะต้องคิดว่าจะหาเงินสามล้านมาปลดหนี้ในเวลาแค่หกเดือน นั่นดูจะเป็นเรื่องยากเกินไป เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งมองไม่เห็นหนทาง

“ฉันจะทำยังไงดี โอ้ย! ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม!” หญิงสาวถอนหายใจสะบัดหน้าไปมา หวังเพื่อไล่ความรู้สึกกลัดกลุ้มออกไป

นารีปล่อยความคิดไหลไป ในขณะปลายเท้าก้าวไปอย่างไร้จุดหมาย รู้ตัวอีกที่ก็พบว่าตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ขณะกำลังช่างใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ พลันสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นั่นจึงทำให้เธอต้องเร่งพาตัวเองเข้าไปหลบฝนข้างในโดยไม่ต้องคิดอีกต่อไป

..............

ภายในร้านกาแฟ เสียงเพลงบรรเลงดังออกมาจากลำโพงเบา ๆ ทั้งยังอบอวลไปด้วยกลิ่นสดใหม่ของกาแฟ

“ขอคาปูร้อนแก้วหนึ่งค่ะ” หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน สวมทับด้วยเสื้อสูทโอเวอร์ไซซ์สีน้ำเงินเอ่ยสั่งเครื่องดื่มในทันทีที่ผลักประตูก้าวเข้ามาในร้าน

“รอสักครู่นะครับ”

หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้วนารีมองหาที่นั่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไปนั่งตรงโต๊ะมุมสุดของร้าน ด้วยรู้สึกว่าห่างไกลจากโต๊ะอื่น ๆ ทั้งยังรู้สึกมีความเป็นส่วนตัวมากกว่ามุมอื่นของร้าน

“เอาคาปูแก้วหนึ่งครับ” เสียงชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่สั่งเครื่องดื่ม เสียงทุ้มนั้นเรียกความสนใจให้นารีเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง และพบว่าหนุ่มเจ้าของเสียงผู้นั้นเป็นชายหนุ่มอายุราวสี่สิบต้น ๆ เสื้อยืดสีขาวถูกสวมทับด้วยเสื้อสูทช่วยทำให้การแต่งกายง่าย ๆ ดูเป็นทางการขึ้นมาอีกหน่อย อีกทั้งรูปร่างสูงโปร่ง ได้สัดส่วนยิ่งช่วยเสริมให้ชายผู้นี้ดึงดูดสายตาผู้คนได้ไม่ยาก แต่สำหรับนารีแล้วสิ่งที่ดึงดูดสายตาเธอกลับเป็นความรู้สึกคุ้นเคยกับชายผู้นี้ เหมือนว่าเคยพบเจอเขาที่ไหนมาก่อน และเมื่อความทรงจำของนารีทำงาน พลันหัวใจของหญิงสาวกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ ภาพความทรงจำในอดีตย้อนกลับมา ความสุข ความเจ็บปวด ค่อย ๆ ตอกย้ำพร้อม ๆ กับภาพเก่า ๆ ที่กำลังซ้อนทับกับภาพใบหน้าของผู้ชายตรงหน้า

..............

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

Silas Thorn
5.0

ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!

แม่ทูนหัวโคตรเลิศ

แม่ทูนหัวโคตรเลิศ

Isolde Marsh
5.0

ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

ขอเลิกกับสามีงี่เง่า

ขอเลิกกับสามีงี่เง่า

Thalia Frost
5.0

กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
Cappuccino Effect รักฉันนั้นเพื่อเธอ
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1 เรื่องเซอร์ไพรส์ที่ไม่อยากเจอ

23/03/2025

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2 ภาพวันวาน

23/03/2025

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3 พานพบอีกครา

23/03/2025

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4 แล้วเธอก็กลับมา

23/03/2025

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5 สมบัติของพ่อ

23/03/2025

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6 วันที่จำต้องจาก

23/03/2025

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7 เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด

23/03/2025

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8 แค่เป็นหนี้ ไม่ได้ฆ่าใครตายสักหน่อย

23/03/2025

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9 เปลี่ยนตัวเจ้าหนี้

23/03/2025

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10 หาทางออก

23/03/2025

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11 กลับบ้าน

07/04/2025

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12 งานเลี้ยงรุ่น

07/04/2025

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13 คำของพ่อ

07/04/2025

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14 ความขัดแย้ง

07/04/2025

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15 ความจริงในใจ

07/04/2025

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16 คน ... คนนั้น คนของเขา

07/04/2025

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17 ข่าวร้าย

07/04/2025

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18 แม่ลูกมึนตึง

07/04/2025

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19 การจากลาที่ไม่มีวันกลับ

07/04/2025

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20 เข้าใจผิดมาตลอด

07/04/2025

21

บทที่ 21 ตอนจบ ขอบคุณที่กลับมา

07/04/2025