Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ถีงจะเงียบแต่ป้าฟาดเรียบทุกคณะ

ถีงจะเงียบแต่ป้าฟาดเรียบทุกคณะ

nugkeanransawat

5.0
ความคิดเห็น
15
ชม
5
บท

แนวโคแก่กินหญ้าอ่อน สาวใหญ่กับหนุ่มๆมหาลัย nc pwp 3p 18+ เรื่องราวของป้าแม่บ้านวัยสี่สิบ หล่อนเป็นแม่บ้านในมหาลัยที่ต้องวนไปทำความสะอาดในตึกต่างๆแต่ละคณะทุกสัปดาห์ ไม่รู้เพราะความเส่นห์แรงหรือเคยเป็นนักแสดงนางร้ายจอมมารยามาก่อน ป้าแม่บ้านสามารถตกนักศึกษาชายที่หล่อๆมากินตับเกือบครบทุกคณะ

บทที่ 1 หลอกเปิดซิงนักศึกษาด้วยกล้วยหวีเดียว

ถึงจะเงียบแต่ป้าฟาดเรียบทุกคณะ

ตอน หลอกเปิดซิงนักศึกษาด้วยกล้วยหวีเดียว

เสียงระฆังในรั้วมหาวิทยาลัยดังก้องกังวาล บอกเวลาเลิกเรียนของเหล่านักศึกษา บรรยากาศของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งคึกคักไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลออกมาจากตึกเรียนสูงใหญ่

สิตาป้าแม่บ้านวัยสี่สิบต้นๆ เธอสวมชุดฟอร์มแม่บ้านสีน้ำเงินเข้ม เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบเก่าๆ ที่เดินมานับไม่ถ้วนบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบของมหาวิทยาลัย

สิตาทำงานเป็นแม่บ้านประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้มานานหลายปี หน้าที่ของเธอคือการทำความสะอาดตึกเรียนต่างๆ วนไปแต่ละคณะทุกสัปดาห์ เธอรู้จักทุกซอกทุกมุมของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ราวกับลายมือตัวเอง ทุกวันเธอจะเห็นนักศึกษาหนุ่มสาวหน้าตาดีมากมายเดินผ่านไปมา บ้างก็รีบเร่งไปเรียน บ้างก็นั่งจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ในอดีตที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าสิตาเคยเป็นนักแสดงนางร้ายจอมมารยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการบันเทิง เธอมีเสน่ห์ร้ายกาจ สามารถสะกดสายตาผู้คนให้ตกอยู่ในภวังค์ได้ง่ายๆ ทว่าชีวิตในวงการบันเทิงนั้นไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด

เธอพลาดท่าไปเป็นเมียน้อยของมหาเศรษฐีและสุดท้ายก็โดนเมียหลวงของเขาฟ้องร้องจนหมดตัว ชีวิตของเธอจึงต้องระหกระเหเรร่อน ไร้ที่พึ่งพิง จนกระทั่งมาลงเอยด้วยการเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในมหาวิทยาลัยแห่งนี้

แต่เสน่ห์ร้ายกาจที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่ครั้งอดีต ไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลา แม้จะอยู่ในชุดแม่บ้านเรียบๆ และมีอายุมากขึ้น แต่สิตาก็ยังคงมีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดสายตาผู้คนได้อย่างน่าประหลาด

ใบหน้าของเธอยังคงสวยซ่อนเปรี้ยวแม้จะแก่ลงบ้างตามวัย ดวงตากลมโตเป็นประกายคมกริบยังแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์หุ่นที่ยังคงอวบอิ่มซ่อนรูป

หน้าอกหน้าใจใหญ่แน่นอกเสื้อยูนิฟอร์ม

วันนี้ สิตากำลังทำความสะอาดบริเวณโถงทางเดินของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เสียงพูดคุยและหัวเราะดังแว่วมาจากห้องเรียนที่เพิ่งเลิก เธอเหลือบมองไปยังกลุ่มนักศึกษาหนุ่มที่กำลังเดินสวนทางกับเธอ แต่ละคนดูดีมีอนาคตสดใส

สิตายิ้มบางๆ ให้กับตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้มาดเงียบๆ ของป้าแม่บ้านคนนี้ เธอมีความลับและเสน่ห์ร้ายกาจ

เสียงผู้คนจอแจในมหาวิทยาลัยดังอื้ออึง สิตาเดินเข้าไปทำความสะอาดโต๊ะเก้าอี้ที่ว่างอยู่ใต้ศาลาอย่างขะมักเขม้น

แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับหนุ่มเฟรชชี่ปีหนึ่งคนนึง เขานั่งซึมอยู่คนเดียวที่ศาลาข้างๆ ใบหน้าขาวใสดูอ่อนเยาว์และขี้อาย สิตายิ้มบางๆ รู้ในทันทีว่าเหยื่อรายนี้ช่างไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกเหลือเกิน

สิตาเดินเข้าไปนั่งในศาลาข้างๆ หนุ่มน้อยคนนั้น

"ทำไมมานั่งซึมอยู่คนเดียวล่ะจ๊ะหนุ่มน้อย" สิตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นมองสิตาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย "ผม เอ่อ! ผมเพิ่งมาเรียนอาทิตย์แรกครับ ยังไม่มีเพื่อนเลย"

สิตายิ้ม "อ้อ! เหมือนกันเลยจ้ะป้าก็เพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่" เธอโกหกคำโต "หนูมาจากจังหวัดไหนจ๊ะ หน้าตาคุ้นๆ เหมือนคนบ้านเดียวกันเลย"

"ผมมาจากจังหวัดเลยครับ" หนุ่มน้อยตอบอย่างใสซื่อ

"อู๊ย! บังเอิญจังเลยจ้ะ ป้าก็คนเลยนะเนี่ย" สิตาแกล้งทำเป็นตกใจ "แล้วหนูพักอยู่หอไหนล่ะจ๊ะ"

"ผมพักอยู่หอชายในซอย6ข้างมหาวิทยาลัยครับ หอสุกสว่างครับ" หนุ่มน้อยตอบตามตรง

สิตาฉีกยิ้มกว้าง "อ้อ! แถวนั้นเหรอจ๊ะ พอดีเลย ป้าก็พักอยู่แถวนั้นแหละจ้ะ ตอนเย็นป้าจะเอาผลไม้ไปฝากนะ พอดีหอหนูเป็นทางผ่านไปหอของป้าพอดีเลย" เธอโกหกอีกครั้ง เพราะแท้จริงแล้วหอพักของเธอไปคนละทางกับหอพักของหนุ่มน้อยคนนี้

หนุ่มน้อยหน้าแดงก่ำด้วยความดีใจ "ขอบคุณมากครับป้า"

ตกเย็น พอเลิกงาน สิตาก็กลับมาที่ห้องพักของเธอ เธอแต่งหน้าทาปากบางๆ ให้ดูสวยใส ก่อนจะปั่นจักรยานคู่ใจแวะตลาด ซื้อกล้วยหอมทองหวีหนึ่งแล้วตรงไปที่หอพักของหนุ่มน้อยหน้ามนทันที

เมื่อมาถึงห้องเช่าของหนุ่มน้อย สิตาเคาะประตูเบาๆ หนุ่มน้อยเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าที่ยังคงดูประหลาดใจระคนดีใจ

"ป้ามาจริงๆ ด้วย"

สิตายิ้มหวาน เดินเข้ามาในห้องพักเล็กๆ ของหนุ่มน้อย เธอวางกล้วยลงบนโต๊ะ แล้วนั่งลงบนเตียงเล็กๆ ข้างๆ เขา หนุ่มน้อยมองสิตาด้วยความตื่นเต้น

ทั้งสองนั่งกินกล้วยกันอย่างเงียบๆ คุยกันถึงเรื่องเรียน เรื่องชีวิตในมหาวิทยาลัย และเรื่องทั่วไป สิตาตั้งใจฟังทุกคำพูดของหนุ่มน้อย คอยให้คำแนะนำและแสดงความเข้าใจอย่างอ่อนโยน บรรยากาศในห้องอบอุ่นและเป็นกันเอง

เวลาล่วงเลยไปจนค่ำ หนุ่มน้อยเริ่มมีอาการง่วงนอน เขาเอนตัวลงนอนบนเตียง สิตามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปดึงถอดกางเกงของหนุ่มน้อยออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นแท่งเอ็นขาวผ่องที่ยังคงอ่อนนุ่ม

หนุ่มน้อยสะดุ้งเล็กน้อย สิตารีบก้มหน้าอ้าปากคาบดูดแท่งเอ็นขาวๆ ลำอ่อนนุ่ม

"จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! จ๊วบ! จ๊วบ! จ๊วบ!" เสียงดูดดังแผ่วเบาในความเงียบงัน สิตาดูดแท่งเอ็นหนุ่มรุ่นลูกในปากอย่างไม่ยอมคายจนแก้มของเธอตอบ

"โอ๊ย! ป้าครับ! อย่าทำผมครับ! อย่าทำโพ๊มมมม!"

หนุ่มน้อยร้องลั่นด้วยความตกใจและหวาดกลัว เขาพยายามดิ้นหนี แต่แท่งเอ็นกลับแข็งพองขึ้นมาจนคับปากคุณป้า

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ nugkeanransawat

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.7

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

เมียเก็บมาเฟีย

เมียเก็บมาเฟีย

เนื้อนวล
4.9

"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!

ไฟรักเร่าร้อน NC18++

ไฟรักเร่าร้อน NC18++

Me'JinJin
4.9

คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ