น้ำผึ้งในรอยทราย

น้ำผึ้งในรอยทราย

vanalak

5.0
ความคิดเห็น
ชม
11
บท

โชคชะตาเล่นตลกกับเธอหรือไร แค่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวแต่กลับถูกลักพาตัว เธอตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นเคยมิหนำซ้ำยังมารู้ความจริงอีกว่า ชายรูปหล่อที่ตนตบหน้าในคืนนั้น ดันเป็นกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย ความซวยยังไม่หมด เมื่อฝ่าบาททรงยืนยันต้องการให้เธอเป็นสนม แต่มีหรือคนอย่างนิลลนาจะยินยอม ต่อให้ใหญ่มาจากไหน เธอไม่เคยเกรง แต่แล้วทำไมจากพระพักตร์บึ้งตึง ดันกลับกลายมาเป็นอ่อนโยน เวลายิ่งผันผานหัวใจยิ่งแปรเปลี่ยน

บทที่ 1 จิตเสน่หา

เสียงกดชัตเตอร์ดังทั่วสนามหญ้าขนาดใหญ่ ญาติพี่น้องต่างพากันแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ นิลลนา วาดวิจิตร หญิงสาววัยยี่สิบสองปี อดีตดาวมหาวิทยาลัยด้วยใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ดวงตาเรียวสวย จมูกโด่งรั้น คิ้วเรียวยาว ผมหยักศกเคลียแผ่นหลัง ด้วยรูปร่างเค้าโครงทำให้มีชายหลายคนต่างขายขนมจีบเป็นทิวแถว แต่นิลลนาไม่อาจปักใจชอบใครเพราะมุ่งแต่ต้องการทำความสำเร็จให้พ่อแม่ชื่นใจ

นิราพรแย้มยิ้มยินดีกับความสำเร็จ ลูกยามสวมชุดครุยช่างดูมีสง่า คนเป็นแม่โอบกอดแนบแน่นเพื่อถ่ายรูปโดยมีช่างภาพถูกว่าจ้างมาโดยเฉพาะ วิชยุทธมองภรรยาแล้วอดอมยิ้มเสียไม่ได้ เห็นใบหน้าแสนสุขแล้วอิ่มเอมอีกคน ลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ทำให้ผิดหวังเลย ชายผู้ได้ชื่อว่าพ่อหิ้วดอกไม้มาส่งให้ถึงมือบุตรสาว

“ยินดีด้วยนะนิล ลูกทำสำเร็จแล้วนะ”

นิลลนารับมาน้ำตาคลอกอดบิดาแน่น ที่สำเร็จมาได้เพราะพ่อคอยส่งเสียให้เรียน

“ขอบคุณมากนะคะพ่อ”

คนเป็นพ่อลูบศีรษะลูกแผ่วเบา ก่อนเพื่อนร่วมงานและญาติสนิทคนอื่นจะมาแสดงความยินดี เวลาล่วงเลยจนกระทั่งเข้าสู่หกโมงเย็น นิลลนาแข้งขาสั่นด้วยรองเท้าส้นสูงแถมยืนถ่ายรูปกับคนนั้นที คนนี้ทีทั้งวัน

“นิล!”เสียงตะโกนเรียกพร้อมสาวร่างสูงโปร่งในสภาพสวมชุดครุยวิ่งเข้ามา

“ยัยดาอย่าวิ่งน่าเกลียด!”นิลลนารีบปราม

เพื่อนสาวตรงเข้าสวมกอด “เป็นไงเหนื่อยไหมนิล ยินดีด้วยวะแก”

“แกก็เหมือนกันแหละยัยดา ยินดีด้วยนะ!”

สองสาวกอดกันอีกครั้ง แล้วคลายอ้อมแขนออก ดาริการู้สึกตัวรีบยกมือกระพุ่มไหว้บิดามารดาเพื่อนแล้วยิ้มแห้งๆ

“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ ขอโทษด้วยนะคะที่ดาไม่ได้ทักทายก่อนพอดีดีใจมากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรหรอกลูก”นิราพรบอก

“มาทำไมล่ะแก ไม่ไปถ่ายรูปกับญาติๆ เหรอ”นิลลนาเอ่ยถาม

“พอดีกำลังจะกลับเลยมาทักทายก่อน หาตัวกันยากชะมัดเลย ดีนะที่เห็น”ดาริกาบ่นอุบ

“จะกลับแล้วเหรอ”

“ใช่จ้ะ แม่กับพ่อจะพาไปเลี้ยงที่ร้านอาหารน่ะ”

นิลลนาหันมองบิดามารดา เห็นพูดคุยกับญาติๆ อยู่ ทางนี้คิดว่าคงไปเลี้ยงฉลองเหมือนกัน ร่างบางสาวเท้าหาผู้ให้กำเนิดทั้งสอง

“พ่อกับแม่คะ เดี๋ยวนิลไปไหว้พ่อแม่ดาก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมา”

“จ้ะลูก”วิชยุทธตอบ

สองสาวจูงมือกันไปอีกทางหนึ่ง นิลลนามาถึงกลุ่มญาติของเพื่อน

“พ่อคะแม่คะนี่นิลค่ะ เพื่อนดาเอง”

คนถูกแนะนำยกมือไหว้ท่าทีนอบน้อม มารดาและบิดาเพื่อนยกมือรับแล้วยิ้มอ่อนโยนเป็นกันเอง นิลลนาลากเพื่อนสาวไปยังกลุ่มชายหนุ่มที่เยื้องออกไป

“พี่นัท นี่เพื่อนดาชื่อนิล”เธอแนะนำเพื่อนให้พี่ชายรู้จัก

“สวัสดีค่ะ”นิลลนายกมือไหว้อีกครั้ง

เขารับไหว้แล้วจ้องมองใบหน้าสวยหวานไม่วางตา ดาริกามองพี่ชายแล้วใช้มือแตะเบาๆ ที่ท่อนแขน

“พี่นัท!”

“ว่าไงดา”

“เป็นอะไร ยืนนิ่งเชียว”

“เปล่าพี่ไม่ได้เป็นอะไร”ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ตรงเพื่อนของน้อง

ดาริกาหันมาทางเพื่อน ความจริงหากพี่ชายเธอกับนิลรู้จักกันมากกว่านี้คงดีไม่น้อย แต่เพราะพี่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก่อนเธอรับปริญญาไม่กี่วัน ไม่อยากนั้นอาจสนิทสนมคบหากันก็ได้ พี่ชายไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เลย

นิลลนาตกประหม่าเพราะรับรู้ถึงสายตาของพี่ชายเพื่อน ปกติมักพบสายตาเช่นนี้มาตลอด แต่กับชายคนนี้ค่อนข้างเกรงใจไม่กล้าเดินหนี กลัวเพื่อนเสียความรู้สึกเลยทำแค่ยืนต่อหน้าแล้วเมินมองทางอื่นเหมือนไม่รับรู้

“แหม... ไม่ได้เป็นอะไรแต่จ้องเพื่อนดาตาไม่กระพริบเลยนะ”ดาริกาแซวพี่ชายทันที นัทพลรีบหลุบตามองพื้นด้วย

“ก็... เพื่อนดาสวย”เขาอ้อมแอ้มตอบ

ดาริกาหัวเราะแล้วโอบไหล่เพื่อนสาว

“นิลว่าไง พี่ชายบอกว่านิลสวย”

นิลลนาหันมองเพื่อน แล้วช้อนสายตามองชายหนุ่ม

“ขอบคุณค่ะ”

“พี่พูดจริงนะครับ”ชายหนุ่มรีบแก้ตัวเพราะคิดว่าคนถูกชมอาจเข้าใจว่าตนโกหก

“นิลไม่ได้คิดมากกับคำชมหรอกค่ะ”เธอตอบแล้วหันมองเพื่อน “ดาเดี๋ยวนิลไปก่อนนะ พ่อกับแม่รอนานแล้ว”

ดาริการะบายลมหายใจ แบบนี้หมดสนุกเลย อุตส่าห์เชียร์พี่ชายแต่สุดท้ายเพื่อนก็ไม่ยอม ขนาดพี่นัทออกจะหล่อยังไม่ชายตาแล ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงไม่สนใจหนุ่มไหนเลย

“โอเคนิล ไว้เจอกันนะแก”

“ไว้เจอกันดา”

เธอปลีกตัวออกมาจากวงศาคณาญาติและหลีกเลี่ยงสายตาพี่ชายเพื่อนยามมองมาเหมือนต้องตาต้องใจ มาถึงกลุ่มของตนเองบิดารีบโอบไหล่บุตรสาวพากันขึ้นรถเดินทางไปยังร้านอาหารไทยชื่อดัง อดีตเอกอัคราชทูตประจำประเทศเดนมาร์กมายังโต๊ะไม้สักขนาดใหญ่ มีเก้าอี้ไม้บุนวมสีครีม ตรงกลางวางแจกันดอกกุหลาบขาว สามจุด ผ้าปูลูกไม้สีขาว ทุกคนนั่งประจำที่โดยมีวิชยุทธอยู่หัวโต๊ะ

ไม่นานอาหารถูกลำเลียงมาเสริฟ์เพราะทางลูกค้าทำการสั่งไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย อาหารอิตาเลี่ยน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและอาหารไทยหน้าตาน่าทานจนทุกคนน้ำลายสอ นิลลนามองบิดาแล้วยิ้มกว้างคิดไม่ออกว่าควรตักจานไหนทานก่อนดีเพราะมันล้วนแล้วแต่เรียกน้ำย่อยให้ทำงาน

“น่าทานมากเลยค่ะพ่อ”นิลลนาชมเปราะ ก่อนตักยำสามกรอบใส่ปาก

“น่าทานก็ทานมากๆ นะลูก วันนี้เป็นวันของนิลเลย”คนเป็นพ่อบอก

หญิงสาวไม่รอช้ารีบตักอาหารโปรดของตนใส่จานเพิ่ม ญาติพี่น้องเลยจัดการตาม ในวงมีการพูดคุยกันตามประสาจนเลยไปถึงการหางานหลังจบการศึกษาของนิลลนาด้วย คนถูกเอ่ยถึงนั่งเงียบกริบช่วงเวลาสำหรับการเล่าเรียนมันยาวนานมากแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องการทำคือท่องเที่ยวประเทศที่ใฝ่ฝันมานาน

จบมื้ออาหารทุกคนออกมายืนออด้านหน้า บรรดาญาติต่างพากันกล่าวขอบคุณและร่ำลาเพื่อเดินทางกลับที่พักของตนเอง นิลลนายกมือกระพุ่มไหว้จนกระทั่งรถเคลื่อนหาย ถึงคราวตัวเองต้องพักผ่อนบ้างเพราะเหนื่อยมาทั้งวันเช่นกัน

“กลับกันเถอะค่ะคุณ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”นิราพรเอ่ยชวน เธอเองค่อนข้างเพลียเหมือนกัน

ครอบครัวทั้งสามขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน รถเคลื่อนเข้าสู่บ้านเดี่ยวราคานับสิบล้าน ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ามีไม้ถูกตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ หินขนาดใหญ่จัดวางอย่างสวยงาม ถนนทอดยาวสู่ตัวบ้าน เมื่อรถจอดเทียบทุกคนจึงลงแล้วสาวเท้าเข้าด้านในผ่านโถงกลางขนาดใหญ่ พื้นเป็นหินอ่อนสีเทา ปีกซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัวและห้องรับรองแขกยามมาเยี่ยมเยือน ปีกขวาเป็นห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว

ชั้นสองมีบันไดวนราวจับสีเหลืองทอง มีห้องราวหกห้องเพื่อรับรองยามญาติสนิทหรือเพื่อนบิดามาจากต่างประเทศเข้าพัก นิลลนาอยู่ห้องมุมสุดทางเดินเพราะไม่ชอบเสียงรบกวนสักเท่าไหร่ เธอควงแขนบิดาไว้แน่นแล้วยกยิ้ม

“พ่อคะ วันนี้นิลขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ง่วงมากเลย”

“ไปสิลูก”

คนเป็นลูกหันมองมารดา “แม่นิลไปนอนก่อนนะคะ”

“ไปเถอะนิล พักผ่อนซะ เดี๋ยวเราต้องทำอะไรอีกมาก”

ฟังคำแม่แล้วทำเอาเธอแทบอยากกระโจนหนีเสียเดี๋ยวนี้ เพิ่งเรียนจบหมาดๆ ให้ทำงานเลยคงไม่ไหว พูดกับแม่คงไม่ได้ผลที่บ้านพ่อใหญ่สุด เธอเชื่อว่าอย่างไรเสียพ่อคงเข้าใจต่อการตัดสินใจนี้ เธอปล่อยแขนบิดาเป็นอิสระก่อนเดินขึ้นบันไดเข้าห้องตนเอง

ร่างบางล้มตัวลงนอนหยิบนิตยสารของประเทศซากวัยมาอ่าน ประเทศซึ่งไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนัก แต่ทว่าเหตุใดมันถึงมีมนต์ขลังกับเธอนัก เพียงแค่เห็นเมืองไฮดริกยามราตรี มันช่างสวยงามจนแทบอยากเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้น ผ่าจันทราสถานท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ หากคู่รักใดได้ไปอธิฐานที่นั้นล้วนแต่สมหวัง พระจันทร์ดวงกลมส่องแสงนวลผ่อง เหนือหน้าผาความสูงนับร้อยเมตร แค่เพียงคิดก็ทำให้ตื่นเต้นเสียจนนอนแทบไม่หลับแล้ว

และที่สำคัญกว่านั้น กษัตริย์แห่งประเทศมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมาหนักหนา เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาสีอำพัน คิ้วเข้มหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูป ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว ผมสีดำสนิท เขาว่ากันว่าพระองค์ทรงหล่อเหลาจนหญิงสาวใดได้พบเห็นต่างมอบใจให้ แต่สำหรับนิลลนาเธอไม่ได้สนใจต่อตัวพระองค์เลยสักนิด แค่เพียงต้องการท่องเที่ยวในประเทศนี้เท่านั้น พรุ่งนี้เธอจะขอบิดาเพื่อเดินทางแค่ครั้งเดียวในชีวิต อยากไปมากจริงๆ ไม่รู้เพราะอะไร

เกือบเก้าโมงเช้า คนขี้เซาขยับลุกจากเตียงกว้าง อ้าปากหาวบิดกายขับไล่ความเมื่อย เอี้ยวตัวหันมองนาฬิกาหัวเตียง มือบางยกปิดปากสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าตนเองจะหลับยาวถึงขนาดนี้ สะบัดผ้าห่มรีบหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว คนตัวเล็กวิ่งลงบันไดจนถึงห้องอาหาร มารดามองมาสีหน้าตำหนิ เพราะเห็นบุตรสาวกระโตกกระตากไม่เรียบร้อย

“ตื่นแล้วเหรอนิล แล้วทำไมไม่เดินลงมาดีๆ วิ่งทำไม โตแล้วนะลูก”คนเป็นแม่สอนทันที

“ขอโทษค่ะแม่ พอดีนิลรีบคิดว่าพ่อกับแม่รอ”เธอยิ้มเก้อแล้วเลื่อนเก้าอี้ไม้สักมานั่งเคียงบิดา

คนเป็นพ่อหันมองบุตรสาวแล้วยิ้ม

“ทานข้าวก่อนสิลูก พ่อจะได้คุยกับนิลเรื่องอนาคตด้วย”

นิลลนาหน้าเหี่ยวลงทันใด อนาคตอีกแล้วเหรอ ถ้าหากมีน้องสักคน หรือพี่ก็คงดีไม่น้อย พ่อแม่จะได้ไม่พากันคาดหวังในตัวเธอขนาดนี้

ข้าวต้มทะเลถูกตัดใส่จาน คนจิตตกตักใส่ปากอย่างฝืดคอ ครุ่นคิดจนลูกตากรอกไปมาเพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาทำให้บิดามารดายินยอม ควรทำอย่างไรดี พ่อเป็นคนมีเหตุผลแต่แม่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ แต่ถ้าพ่อยินยอมแม่จะไม่กล้าขัด ริมฝีปากบางเม้มสนิทคิ้วขมวดย่นจนวิชยุทธสังเกตเห็น

“เป็นอะไรเหรอลูก ดูขมวดคิ้วเสียยุ่งเชียว”

เมื่อเห็นพ่อเปิดทาง คนตัวเล็กวางช้อนตีหน้าเศร้าซึม เอี้ยวกายโอบกอดบิดาไว้

“พ่อคะ นิลเรียนมาตลอดชีวิตแล้วนะคะ ตอนนี้นิลอยากพัก ขอเวลาสักสองเดือนแล้วนิลค่อยหางานทำได้ไหมคะ”เธออ้อนบิดาเสียงหวาน คนเป็นแม่มองลูกแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

“จะพักอะไรตั้งสองเดือนกันนิล มันนานเกินไป อาทิตย์สองอาทิตย์ก็พอแล้ว ถ้าไม่หางานทำเดี๋ยวคนอื่นจะว่าเอาว่าเราน่ะ เกาะพ่อแม่กินรู้ไหม”คนเป็นแม่รีบสกัดเสียก่อน ไม่อยากให้ลูกเสียเวลาโดยใช้เหตุ ลูกคนอื่นจบมาต่างทำงานกันทั้งนั้น แถมหน้าที่การงานค่อนข้างดีเสียด้วย ไม่อยากให้ลูกน้อยหน้า

“จะเป็นไรไปคุณ ให้ลูกพักบ้างเถอะ เรียนจบเกียรตินิยมมานับว่าดีแล้ว”เขายิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

“จริงเหรอคะพ่อ!”

“จริงสิ นิลอยากพักก็พักเถอะพ่อไม่ว่า”

เธอหยัดกายออกจากอ้อมแขนบิดาแววตาทอประกาย

“ถ้าอย่างนั้นนิลอยากขออีกเรื่องได้ไหมคะพ่อ”

“เรื่องอะไรเหรอลูก?”เขามองบุตรสาวสีหน้าสงสัยเต็มที่ ปกติลูกคนนี้ไม่ค่อยขออะไร เป็นเรื่องการเรียนเสียส่วนมาก

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ vanalak

ข้อมูลเพิ่มเติม
เงากลางทรวง

เงากลางทรวง

โรแมนติก

5.0

กลิ่นจันทร์ หญิงสาวมากความสามารถ หนีห่างไกลเมืองไทยเพราะเจ็บช้ำจากแฟนหนุ่มซึ่งนอกใจ ทว่าเมื่อกลับมาเขากลับกลายเป็นเจ้าของบ้านที่เธอเคยอาศัยตั้งแต่เด็ก แม่เลี้ยงและพี่สาวต่างบิดารวมหัวกันหักหลังเธอกับพ่อ ขายบ้านหลังนี้ กลิ่นจันทร์ต้องการได้คืน แต่เธอไม่มีเงินมากพอ เมื่อนั้น แฟนหนุ่มซึ่งอยู่ในหัวใจเธอตลอดเวลา แม้เขาทำเรื่องผิดมหันต์ เธอก็มิอาจทำใจให้ลืมลง คิมหันต์ ชายหนุ่มผู้ฝ่าฝันอุปสรรค จำตั้งตัวเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ได้สำเร็จ กระนั้นในหัวใจเขากลับเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง เพียงเพราะถูกแฟนสาวทรยศหนีไปต่างประเทศ เพียงเพราะได้พบกับผู้ชายคนใหม่ ความแค้นฝังแน่นในอก เขารอวันเอาคืน และโอกาสก็มาถึง “ผมจะคืนบ้านให้ ถ้าคุณยอมเป็นเมียผมเป็นเวลาหนึ่งปี”

ร่ายรักกับดักใจ

ร่ายรักกับดักใจ

โรแมนติก

5.0

ไม่รู้ว่าเป็นคราวซวยหรือสวรรค์กลั่นแกล้งกันแน่ เมื่อไฮโซสาวสร้างข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวันอย่างเมริยา สิทธิศักดิ์โสภณ ต้องตกกระไดพลอยโจน ถูกจับแต่งงานกับหนุ่มรูปกายภายนอกดูสุภาพบุรุษ ท่าทางสุขุมนุ่มลึก อย่างด็อกเตอร์ กันตธร วัชรเดชานนท์ เพียงเพราะสองคนถูกแอบถ่ายขณะเข้าโรงแรมด้วยกัน ทว่าเมริยาไม่เคยคิดเลยว่า ภาพลักษณ์ของชายคนนี้แท้จริงเป็นแค่ภาพลวงตากันตธรเองก็ไม่คิดเช่นกันว่าภาพลักษณ์ของเธอแท้จริงคือสิ่งหลอกลวง เมื่อเขาไม่ใช่อย่างที่เธอคิด และเธอไม่ใช่อย่างที่เขาคิด การอยู่ร่วมบ้านจึงกลายเป็นเรื่องวุ่นปั่นป่วน ********************************* “ชุดคุณเลือกเอาเองก็แล้วกัน เผื่ออยากใส่แบบวาบหวิวโชว์เยอะๆ แบบที่คุณชอบไง” ชายหนุ่มประชดแล้วยักไหล่ คนถูกเยาะเย้ยสุดทน อารมณ์เริ่มขุ่นมัวอีกครั้ง เมริยากัดริมฝีปากแล้วจ้องมองว่าที่เจ้าบ่าว “ใช่! อย่างฉันมันต้องแหวกมันต้องเว้าเอาให้เห็นถึงข้างในนั้นล่ะถึงจะเป็นสไตล์ของฉัน!” คนสวยย้อนจ้องหน้าเขาไม่วางตา “เชิญตามสบาย อยากจะแหวกขนาดไหนก็เชิญผมไม่ว่าอะไรหรอก” เมริยาจ้องมองแผ่นหลังเขาที่หายเข้าไปในห้องลองเสื้อ มือบางกำแน่นด้วยความเดือดดาล โอ้ย! เธอโมโหจนแทบจะกระอักออกมาอยู่แล้ว ไอ้หมอนี่ต้องตายด้วยมือเธอสักวัน *********************************** เมริยาเห็นสันกรามอีกฝ่ายรู้ดีว่าเขากำลังทรมาน ค่อยๆ ใช้แขนชันกายขึ้นโน้มใบหน้าใกล้ใบหูกระซิบแผ่ว “หลับแล้วเหรอคะ คุณสามี...”คนฟังขนลุกซู่ รีบลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ “เฮ้ย! คุณทำอะไร!”เขาร้องลั่น คนตัวเล็กลุกนั่งแสร้งยิ้มหวานยั่วยวน กันตธรอ้าปากค้างเห็นชุดที่สาวเจ้าใส่เล่นเอาใจสั่น สติแทบคงไว้ไม่อยู่ สะบัดไล่ความคิดด้านมืดออก จะตกหลุมพรางของเธอไม่ได้ “ถะ...ถอยออกไปเลยนะ ผมขอเตือนวันนี้คุณไม่ได้แอ้มผมหรอก”ชายหนุ่มบอกเสียงสั่น “แน่ใจเหรอคะที่รักขา...”หญิงสาวแสร้งลากเสียงหวานก่อนเขยิบกายเข้ามาใกล้ “ออกไปเลยคุณ ผมไม่มีวันทำอะไรคุณหรอก อย่ามาหื่นขอร้อง”กันตธรกระถดกายหนี *********************************************

ทัณฑ์ปรารถนา

ทัณฑ์ปรารถนา

โรแมนติก

5.0

เหตุใดพรหมลิขิตจึงชักนำให้เธอได้พบกับเขา ชายผู้ชิงชังเธอ และโอบอุ้มเธอในคราวเดียวกัน เธอเกิดมาในชาติตระกูลต่ำต้อย มีความสุขตามสถานะ แต่ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยนเมื่อญาติเพียงคนเดียวลาจากตลอดกาล เธอถูกอุปการะโดยเศรษฐีซึ่งพิการไม่สามารถเดินได้ เธอย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสถ์หลังใหญ่หรูหรา โอ่อ่าราวกับราชวัง และนั้นคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เขาคือปีศาจในคราบเทพบุตรสุดแสนเพอร์เฟค ธานต์เมธา ชื่อนี้เป็นของบุตรชายเพียงคนเดียว ของผู้รับอุปการะเธอ ทันทีที่เขากลับมาจากการท่องเที่ยวกับคู่หมั้น เธอถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหิวเงิน หวังปลอกลอกบิดา เขาขุดสารพัดวิธีขึ้นมาเพื่อกำจัดเธอให้พ้นทาง และครั้งสุดท้ายเธอเกือบสูญสิ้นซึ่งสิ่งหวงแหน ความอดทนที่มีขาดสะบั้น โชคชะตาเข้าข้าง ศศิรญากลายเป็นลูกบุญธรรมของชายชราไร้ทายาท ศศิรญากลายเป็นหญิงสาวผู้โชคดีมีทุกอย่างทัดเทียมเขาในทันที เธอเปลี่ยนชื่อใหม่ ศึกษาต่อต่างประเทศ เธอกลับมาในรูปโฉมใหม่ และพร้อมเอาคืนคนที่ทำกับเธออย่างสาสม “อยากลองดีกับฉันนักใช่ไหม งั้นเรามาแสดงบทรักที่เธอโชกโชนมาจากเมืองนอกกันที่นี่ดีกว่า ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่ปฏิเสธฉันหรอกนะ อย่างเธอ…”ดวงตาเรียวคมกวาดมองทั่วเรือนร่างอย่างหยามเหยียด“ไม่ว่าที่ไหนก็คงได้ใช่ไหม!” พิมพ์วลัญช์แทบสะอึกกับคำพูดของเขาแต่ยังคงตั้งสติไว้ แทนที่หล่อนจะโวยวายหรือผลักไสเขาเหมือนดั่งที่เคยทำเมื่อก่อนแต่กลับยิ้มยั่ว “ก็ได้นี่คะ ฉันชอบอยู่แล้ว ตอนอยู่เมืองนอกแม้แต่ระเบียงฉันยังเคยมาแล้วเลย!”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เจ้าสาว(ไม่)ปรารถนารัก

เจ้าสาว(ไม่)ปรารถนารัก

คุณธิดา
5.0

นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
4.9

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ซีไซต์
5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

Charlton Buccafusco
5.0

ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ