ภรรยาลับของเขา ความขายหน้าที่ถูกเปิดเผย

ภรรยาลับของเขา ความขายหน้าที่ถูกเปิดเผย

Gavin

5.0
ความคิดเห็น
90
ชม
20
บท

เจ้านายผลักฉันเข้าไปในห้องเพื่อรับมือกับคนไข้วีไอพีที่กำลังขู่จะฆ่าตัวตาย เธอคือเอวา เบญจรงค์ อินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชั่นชื่อดังที่กำลังคลุ้มคลั่งอาละวาดเพราะเรื่องคู่หมั้นของเธอ แต่เมื่อเธอโชว์รูปผู้ชายที่เธอรักให้ฉันดูทั้งน้ำตา โลกทั้งใบของฉันก็พังทลายลงในพริบตา มันคือเบน สามีของฉันที่แต่งงานกันมาสองปี เขาเป็นคนงานก่อสร้างใจดีที่ฉันเจอหลังจากอุบัติเหตุทำให้เขาสูญเสียความทรงจำ ทว่าในรูปนี้ เขาคือภากร โลหะกุล มหาเศรษฐีผู้เหี้ยมโหดที่ยืนอยู่หน้าตึกระฟ้าซึ่งมีชื่อของเขาปรากฏหราอยู่ และในตอนนั้นเอง ภากร โลหะกุลตัวจริงก็เดินเข้ามาในห้อง เขาสวมสูทที่ราคาแพงกว่ารถญี่ปุ่นคันเล็กๆ ของฉันทั้งคัน เขาก้าวผ่านฉันไปราวกับฉันไม่มีตัวตน แล้วโอบกอดเอวาไว้ในอ้อมแขน “ที่รัก ผมอยู่นี่แล้ว” เขากระซิบ น้ำเสียงทุ้มลึกและอ่อนโยนแบบเดียวกับที่เขาเคยใช้ปลอบฉันหลังจากเจอเรื่องแย่ๆ มาทั้งวัน “ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้ว ผมสัญญา” เขาเคยให้สัญญาแบบเดียวกันเป๊ะๆ กับฉันมาแล้วนับร้อยครั้ง เขาจูบหน้าผากเธอ ประกาศก้องว่าเขารักเธอเพียงคนเดียว...เป็นการแสดงให้ผู้ชมเพียงคนเดียวดู นั่นก็คือฉัน เขากำลังแสดงให้ฉันเห็นว่าชีวิตแต่งงานของเรา ชีวิตที่เราร่วมสร้างกันมาตอนที่เขาสูญเสียความทรงจำ เป็นเพียงความลับที่ต้องถูกฝังกลบให้มิด ขณะที่เขาอุ้มเธอออกจากห้อง ดวงตาเย็นชาของเขาสบตากับฉันเป็นครั้งสุดท้าย ข้อความนั้นชัดเจน...แกคือตัวปัญหาที่ต้องถูกกำจัด

บทที่ 1

เจ้านายผลักฉันเข้าไปในห้องเพื่อรับมือกับคนไข้วีไอพีที่กำลังขู่จะฆ่าตัวตาย เธอคือเอวา เบญจรงค์ อินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชั่นชื่อดังที่กำลังคลุ้มคลั่งอาละวาดเพราะเรื่องคู่หมั้นของเธอ

แต่เมื่อเธอโชว์รูปผู้ชายที่เธอรักให้ฉันดูทั้งน้ำตา โลกทั้งใบของฉันก็พังทลายลงในพริบตา

มันคือเบน สามีของฉันที่แต่งงานกันมาสองปี เขาเป็นคนงานก่อสร้างใจดีที่ฉันเจอหลังจากอุบัติเหตุทำให้เขาสูญเสียความทรงจำ

ทว่าในรูปนี้ เขาคือภากร โลหะกุล มหาเศรษฐีผู้เหี้ยมโหดที่ยืนอยู่หน้าตึกระฟ้าซึ่งมีชื่อของเขาปรากฏหราอยู่

และในตอนนั้นเอง ภากร โลหะกุลตัวจริงก็เดินเข้ามาในห้อง เขาสวมสูทที่ราคาแพงกว่ารถญี่ปุ่นคันเล็กๆ ของฉันทั้งคัน

เขาก้าวผ่านฉันไปราวกับฉันไม่มีตัวตน แล้วโอบกอดเอวาไว้ในอ้อมแขน

“ที่รัก ผมอยู่นี่แล้ว” เขากระซิบ น้ำเสียงทุ้มลึกและอ่อนโยนแบบเดียวกับที่เขาเคยใช้ปลอบฉันหลังจากเจอเรื่องแย่ๆ มาทั้งวัน “ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้ว ผมสัญญา”

เขาเคยให้สัญญาแบบเดียวกันเป๊ะๆ กับฉันมาแล้วนับร้อยครั้ง

เขาจูบหน้าผากเธอ ประกาศก้องว่าเขารักเธอเพียงคนเดียว...เป็นการแสดงให้ผู้ชมเพียงคนเดียวดู นั่นก็คือฉัน เขากำลังแสดงให้ฉันเห็นว่าชีวิตแต่งงานของเรา ชีวิตที่เราร่วมสร้างกันมาตอนที่เขาสูญเสียความทรงจำ เป็นเพียงความลับที่ต้องถูกฝังกลบให้มิด

ขณะที่เขาอุ้มเธอออกจากห้อง ดวงตาเย็นชาของเขาสบตากับฉันเป็นครั้งสุดท้าย

ข้อความนั้นชัดเจน...แกคือตัวปัญหาที่ต้องถูกกำจัด

บทที่ 1

สิ่งแรกที่ฉันได้ยินเมื่อเดินเข้ามาในคลินิกคือเสียงผู้หญิงกรีดร้อง มันไม่ใช่เสียงของความเจ็บปวด แต่เป็นเสียงของความเกรี้ยวกราดอย่างบ้าคลั่งชนิดที่ทำให้อากาศรอบตัวอึดอัดไปหมด

ฉันวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงาน กลิ่นยาฆ่าเชื้อและกระดาษเก่าๆ ที่คุ้นเคยช่างดูขัดแย้งกับความโกลาหลที่ดังมาจากสุดทางเดิน

“เกิดอะไรขึ้นคะ” ฉันถามแพรว เพื่อนร่วมงานที่กำลังชะโงกหน้ามองออกมาจากห้องทำงานของตัวเองอย่างประหม่า

“เธอไม่อยากรู้หรอก” แพรวกระซิบ ดวงตาเบิกกว้าง “คนไข้วีไอพีน่ะสิ ตัวเป้งเลย”

เสียงแหลมดังตามมา เป็นเสียงแก้วแตกกระทบกำแพง เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีก

“เขาเป็นของฉัน! ฉันจะฆ่าตัวตายถ้าต้องเสียเขาไป!”

ฉันเดินตรงไปยังต้นเสียง ในห้องให้คำปรึกษาที่ใหญ่ที่สุด หญิงสาวในชุดแบรนด์เนมยืนอยู่บนเก้าอี้ ถือเศษแจกันที่แตกจ่อคอตัวเอง ใบหน้าของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เครื่องสำอางราคาแพงเลอะเทอะไปหมด เธอสวยมาก แต่ในตอนนี้เธอดูเหมือนหมาจนตรอก

“เอมิกา ขอบคุณพระเจ้า” หมอไมตรี เจ้านายของฉันรีบวิ่งเข้ามาหา สีหน้าซีดเผือด “คุณต้องจัดการเรื่องนี้”

เขาผลักฉันไปข้างหน้า “เธอคือเอวา เบญจรงค์ อินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชั่น คนของเธอโทรมา บอกว่าเธอจะยอมคุยกับนักบำบัดผู้หญิงเท่านั้น และคุณคือคนเก่งที่สุดที่เรามี”

เอวา เบญจรงค์ ชื่อนี้คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นบนปกนิตยสารตามร้านสะดวกซื้อ

“และเธอมาที่นี่เพราะคู่หมั้นของเธอ” หมอไมตรีเสริมเสียงเบา “ภากร โลหะกุล หนึ่งเดียวคนนั้น”

หัวใจฉันหยุดเต้น

ภากร โลหะกุล

สามีของฉันชื่อเบน โลแกน เขาเป็นคนงานก่อสร้าง เขาเป็นคนง่ายๆ ใจดี และรักฉันมากกว่าสิ่งใดในโลก เราอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ อีกฟากหนึ่งของกรุงเทพฯ

มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ๆ นามสกุลโลแกนก็มีอยู่ทั่วไป ส่วนชื่อภากรอาจจะไม่ค่อยมี แต่ก็ยังเป็นไปได้

ฉันพยายามบอกตัวเองแบบนั้น พยายามกดความรู้สึกเย็นเยียบที่แผ่ซ่านไปทั่วอกลง มันก็แค่ชื่อเรื่องบังเอิญโง่ๆ ที่ไม่มีความหมายอะไรเลย

หมอไมตรีส่งแฟ้มคนไข้ใส่มือฉัน “นี่ข้อมูลของเธอ ขอให้โชคดี”

ฉันเปิดแฟ้ม มือสั่นเทา ใต้หัวข้อ “ชื่อคู่หมั้น” มีตัวอักษรพิมพ์ที่ดูเป็นทางการและชัดเจนว่า: ภากร โลหะกุล

ลมหายใจฉันสะดุด รู้สึกเหมือนเลือดทั้งตัวไหลลงไปกองที่เท้า

ฉันบังคับตัวเองให้ทำตัวเป็นมืออาชีพ ฉันเป็นนักบำบัด ฉันรับมือกับวิกฤตได้ ฉันสูดหายใจลึกๆ จัดชุดทำงานเรียบๆ ของตัวเองให้เข้าที่ แล้วเดินเข้าไปในห้อง

“คุณเอวาคะ” ฉันพูด น้ำเสียงสงบนิ่ง ทั้งที่ข้างในกรีดร้องโหยหวน “ฉันชื่อเอมิกา เราคุยกันได้ไหมคะ”

ทันทีที่เธอเห็นฉัน พลังงานที่บ้าคลั่งของเธอก็เปลี่ยนไป แววตาที่ดุร้ายอ่อนลงกลายเป็นความเปราะบางเหมือนเด็กๆ เธอทิ้งเศษแก้วลงพื้นเสียงดังเคร้ง

“เอมิกา” เธอครวญคราง ก้าวลงจากเก้าอี้ เธอวิ่งเข้ามาสวมกอดฉัน ซบหน้าร้องไห้ที่ไหล่ “คุณต้องช่วยฉันนะ”

ฉันกอดเธอไว้ ตัวแข็งทื่อ เธอเกาะฉันแน่นเหมือนเด็กๆ ท่าทีทั้งหมดของเธอบ่งบอกถึงชีวิตที่ได้ทุกอย่างที่ต้องการมาตลอด

เธอผละออก ปาดน้ำตาด้วยหลังมือ “เป็นเพราะภากรค่ะ ช่วงนี้เขาห่างเหินกับฉันมาก”

เธอควานหาโทรศัพท์มือถือ นิ้วปัดหน้าจออย่างรวดเร็ว “ดูสิคะ” เธอยื่นมันให้ฉันดู “นี่คือเรา เราดูสมกันมากเลยใช่ไหมคะ”

ในรูปคือเอวากำลังหอมแก้มชายหนุ่มในชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างประณีต เขากำลังยิ้ม ดวงตาของเขามีรอยย่นในแบบที่ฉันคุ้นเคยจนเจ็บปวด

มันคือเบนของฉัน

ไม่สิ มันคือภากร โลหะกุล และเขากำลังยืนอยู่หน้าตึกระฟ้าที่มีโลโก้ของ ‘โลหะกุล กรุ๊ป’ ประทับอยู่

“เขารักฉันมากนะคะ” เอวาอวดอ้าง น้ำเสียงเริ่มมีพลังขึ้น “วันเกิดล่าสุดของฉัน เขาซื้อเกาะส่วนตัวให้ฉันเลยนะ เขาบอกว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อฉัน ให้โลกทั้งใบกับฉันได้”

โลกของฉันกำลังเอียงกระเท่เร่ พื้นห้องเหมือนกำลังจะถล่มลงไป

“แต่มีบางอย่างเปลี่ยนไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน” เธอพูดต่อ ใบหน้าเศร้าหมองอีกครั้ง “ตั้งแต่เขากลับมา เขาหายตัวไปพักหนึ่งค่ะ คุณรู้ไหม สองปีเต็มเลย เขาประสบอุบัติเหตุอะไรสักอย่าง แล้วก็ความจำเสื่อม พอเขากลับมาได้ เขาก็...เปลี่ยนไป ดูเย็นชาขึ้น”

สองปี

เป็นเวลาเท่ากับที่ฉันแต่งงานกับเบนพอดี

ความจริงถาโถมเข้าใส่ฉันรุนแรงเหมือนโดนหมัดหนักๆ มันอัดอากาศออกจากปอดจนหมด เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าที่เจ็บปวดรวดร้าว

ความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ชัดเจนแจ่มแจ้ง

สองปีที่แล้ว คืนที่ฝนตกหนัก ซากรถที่บิดเบี้ยวบนถนนเปลี่ยว ฉันกำลังขับรถกลับบ้านหลังเลิกงานดึกเมื่อเห็นมัน ฉันจอดรถ หัวใจเต้นระรัว ฉันพบเขานอนสลบอยู่ เลือดไหลจากบาดแผลที่ศีรษะ เขาไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีโทรศัพท์ มีเพียงเสื้อผ้าที่สวมอยู่

ฉันเป็นนักบำบัด ไม่ใช่หมอ แต่ฉันรู้ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ ฉันขับรถพาเขาไปคลินิกเล็กๆ ที่ใกล้ที่สุด ผลวินิจฉัยออกมาว่า: ศีรษะกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ความจำเสื่อมโดยสิ้นเชิง

เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน หรืออะไรทั้งนั้น เขาเหมือนเด็กในร่างผู้ชาย หลงทางและหวาดกลัว ฉันรู้สึกสงสารเขาจับใจ ฉันจะทิ้งเขาไปเฉยๆ ไม่ได้ ตำรวจไม่มีเบาะแสอะไรเลย เขาไม่มีที่ไป

ฉันจึงพาเขากลับบ้าน

ฉันตั้งชื่อให้เขาว่าเบน เป็นชื่อพ่อของฉัน เรียบง่ายและแข็งแกร่ง

ในพื้นที่เล็กๆ ของอพาร์ตเมนต์ฉัน โลกใบใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น เขาต้องพึ่งพาฉันมาก เขารู้สึกขอบคุณฉันมาก สายตาของเขาจับจ้องมาที่ฉันตลอดเวลา เขาเรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด และฉันคือครูของเขา คือผู้นำทาง คือสิ่งเดียวที่เชื่อมโยยงเขากับโลกที่เขาจำไม่ได้

ความสัมพันธ์ของเราเติบโตอย่างรวดเร็วและลึกซึ้ง เขาเปิดเผยและจริงใจมาก เมื่อไม่มีอดีตมาถ่วงรั้ง เขาก็คือความรักที่บริสุทธิ์ เขาบอกฉันว่าเขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ในวันที่ฉันพบเขา

เขาเรียนทำอาหารให้ฉัน เขาสมัครงานที่ไซต์ก่อสร้างแถวบ้าน ภูมิใจที่ได้กลับบ้านพร้อมกับมือที่ด้านและสกปรก หาเงินมาเพื่อเราสองคน เขาจะเก็บเงินเป็นอาทิตย์ๆ เพื่อซื้อกุหลาบดอกงามให้ฉันเพียงดอกเดียว

เขารักฉันอย่างรุนแรงจนน่าทึ่ง เขาบอกว่าฉันคือดวงอาทิตย์ คือดวงจันทร์ คือท้องฟ้าทั้งใบของเขา เขาบอกว่าต่อให้ความทรงจำไม่กลับมา เขาก็ไม่สนใจ เพราะชีวิตของเขาเริ่มต้นที่ฉัน

หกเดือนหลังจากที่ฉันพบเขา เขาก็ขอฉันแต่งงาน เขาไม่มีแหวน มีเพียงก้อนหินเรียบๆ เล็กๆ ที่เขาเก็บมาจากริมแม่น้ำ เขาคุกเข่าลงบนพื้นในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ของเรา ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยน้ำตา

“เอม” เขาพูด น้ำเสียงสั่นเครือด้วยอารมณ์ “ผมไม่มีอดีต แต่ผมรู้ว่าผมอยากให้อนาคตทั้งหมดของผมมีคุณอยู่ด้วย แต่งงานกับผมนะ”

ฉันตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว

เราจัดพิธีเล็กๆ ที่สำนักงานเขต มีแค่เราสองคน มันเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของฉัน

ปีแรกของชีวิตแต่งงานของเราเต็มไปด้วยความรักที่เร่าร้อนและความสุขเรียบง่าย เราไม่ได้มีเงินมากมาย แต่เรามีกันและกัน เราตัวติดกันตลอดเวลา เขาบูชาฉัน และฉันก็รักเขาหมดหัวใจ

แล้วเมื่อประมาณสามเดือนก่อน เขาบอกฉันว่าเขาต้องไปทำงานที่อื่น เขาพูดคลุมเครือ บอกว่าเป็นโครงการก่อสร้างใหญ่ต่างจังหวัด เขาไปอยู่หนึ่งสัปดาห์

พอกลับมา เขาก็เปลี่ยนไป ตอนแรกการเปลี่ยนแปลงมันเล็กน้อยมาก เขาดูเก็บตัวมากขึ้น แสดงความรักทางกายน้อยลง เขาเลิกเรียกฉันด้วยชื่อเล่นที่เขาเคยตั้งให้ เขาบอกว่าเขาแค่เหนื่อยจากงาน

ตอนนี้ฉันเห็นภาพทั้งหมดแล้ว “งาน” ที่ว่าไม่ใช่งาน มันคือความทรงจำของเขากำลังกลับมา มันคือการที่เขากลับไปสู่ชีวิตจริงของเขา สู่ชีวิตของภากร โลหะกุล

และชีวิตของเรา การแต่งงานของเรา เป็นเพียงจุดพักชั่วคราวระหว่างทาง เป็นความลับ เป็นความไม่สะดวก

เอวายังคงพูดต่อไป แต่เสียงของเธอดังห่างไกลออกไป สิ่งที่ฉันรู้สึกได้มีเพียงความจริงอันโหดร้ายที่ถาโถมเข้ามา

“คุณฟังอยู่รึเปล่าคะ” เอวาถามอย่างหงุดหงิด เธอจิ้มแขนฉัน “ตาคุณแดงๆ นะคะ คุณร้องไห้ให้ฉันเหรอ คุณคงคิดว่าชีวิตฉันน่าเศร้ามากสินะ”

คำพูดของเธอช่างน่าขันจนฉันเกือบจะหัวเราะออกมา

ทันใดนั้น ประตูห้องให้คำปรึกษาก็เปิดผางออก

“เอวา!”

ภากร โลหะกุล ยืนอยู่ที่ประตู เขาสวมสูทราคาแพงที่น่าจะแพงกว่ารถของฉันทั้งคัน เขาทรงอำนาจ ดูน่าเกรงขาม และแตกต่างจากผู้ชายที่ซ่อมก๊อกน้ำรั่วให้ฉันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วโดยสิ้นเชิง

สายตาของเขาพบฉัน ในเสี้ยววินาทีนั้น ฉันเห็นแววตาตกใจ แววตาที่จดจำได้ แล้วมันก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยหน้ากากที่เย็นชาและแข็งกระด้าง

เขาส่งสายตามาให้ฉัน มันไม่ใช่แค่การมอง มันคือคำเตือน คำสั่งที่เงียบงันและโหดร้ายให้ฉันหุบปาก

เขาก้าวผ่านฉันไปราวกับฉันไม่มีตัวตน แล้วโอบกอดเอวาไว้ในอ้อมแขน “ที่รัก ผมอยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไรนะ”

“ภากร!” เธอร้องไห้ ซบลงในอ้อมกอดของเขา “คุณมาช้าจัง! ฉันกลัวมากเลย”

“ผมรู้ ผมรู้” เขากระซิบ น้ำเสียงทุ้มลึกและอ่อนโยนแบบเดียวกับที่เขาเคยใช้ปลอบฉันเวลาที่ฉันเจอเรื่องแย่ๆ “ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้ว ผมสัญญา”

คำพูดนั้นเหมือนมีดที่กรีดลงกลางใจ เขาเคยให้สัญญาแบบเดียวกันเป๊ะๆ กับฉันมาแล้วนับร้อยครั้ง

เขาจูบหน้าผากเธอ “ผมรักคุณนะเอวา รักคุณคนเดียว”

ฉันหันหน้าหนี ทนดูต่อไปไม่ไหว ดวงตาของฉันร้อนผ่าว แต่ฉันปฏิเสธที่จะให้น้ำตาไหลออกมา

เขากำลังประกาศต่อหน้าสาธารณชน เป็นการแสดงให้ผู้ชมเพียงคนเดียวดู นั่นก็คือฉัน เขากำลังแสดงให้ฉันเห็นว่าฉันอยู่ตรงไหน เขากำลังแสดงให้ฉันเห็นว่าฉันไม่มีค่าอะไรเลย

เขาอุ้มเอวาขึ้นในอ้อมแขน ประคองเธอราวกับสมบัติล้ำค่า ขณะที่เขาเดินออกไป ดวงตาเย็นชาของเขาสบตากับฉันเป็นครั้งสุดท้ายผ่านไหล่ของเธอ ข้อความนั้นชัดเจน: แกคือตัวปัญหาที่ต้องถูกกำจัด

ฉันยืนนิ่งอยู่ที่นั่น นานหลังจากที่พวกเขาจากไป ห้องกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ยกเว้นเสียงหัวใจของฉันที่แตกสลาย

ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานด้วยขาที่สั่นเทา ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มือสั่นมากจนต้องพยายามถึงสามครั้งกว่าจะปลดล็อกได้

ฉันเลื่อนดูรายชื่อผู้ติดต่อจนเจอเบอร์ที่ไม่ได้โทรหามาหลายปี

แม่ของฉัน

เธอรับสายในกริ๊งที่สอง “เอมิกาเหรอลูก?” เสียงของเธอชัดเจน มีสำเนียงยุโรปจางๆ

“แม่คะ” ฉันพูด เสียงของฉันเป็นเสียงกระซิบที่ขาดห้วง “หนูต้องการความช่วยเหลือจากแม่ค่ะ”

“แน่นอนจ้ะที่รัก ทุกอย่างเลย มีอะไรเหรอ”

“หนู...หนูอยากย้ายประเทศค่ะ หนูอยากไปอยู่กับแม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

มีความเงียบชั่วครู่ “แล้วสามีของลูกล่ะ แล้วเบนล่ะ”

ฉันหลับตาแน่น เสียงหัวเราะที่ขมขื่นและเจ็บปวดหลุดออกมาจากริมฝีปาก “เขาไม่ไปค่ะ”

ขณะที่ฉันกำลังเก็บของ เตรียมจะออกจากคลินิกและไม่กลับมาอีก เงาหนึ่งก็ทาบทับลงบนโต๊ะทำงานของฉัน

ฉันเงยหน้าขึ้น

เป็นภากร เขากลับมา

“เราต้องคุยกัน” เขาพูด น้ำเสียงต่ำและไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Gavin

ข้อมูลเพิ่มเติม
รักต้องห้าม  โทสะของผู้ปกครอง

รักต้องห้าม โทสะของผู้ปกครอง

วัยรุ่น

5.0

สิบปีเต็มที่ฉันแอบรักภาคิน วงศ์วรานนท์ ผู้ปกครองของฉัน หลังจากครอบครัวของฉันล้มละลาย เขาก็รับฉันไปดูแลและเลี้ยงดูฉันจนโต เขาคือโลกทั้งใบของฉัน ในวันเกิดอายุสิบแปดปี ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อสารภาพรักกับเขา แต่ปฏิกิริยาของเขากลับเป็นความเกรี้ยวกราดอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาปัดเค้กวันเกิดของฉันตกพื้นแล้วคำรามลั่น “สติแตกไปแล้วเหรอ? ฉันเป็นผู้ปกครองเธอนะ!” จากนั้นเขาก็ฉีกภาพวาดที่ฉันใช้เวลาวาดเป็นปีเพื่อเป็นคำสารภาพรักของฉันจนไม่เหลือชิ้นดี เพียงไม่กี่วันต่อมา เขาก็พาโคลอี้ คู่หมั้นของเขากลับมาบ้าน ผู้ชายที่เคยสัญญาว่าจะรอฉันโต ที่เคยเรียกฉันว่าดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดของเขา ได้หายไปแล้ว ความรักที่ร้อนแรงและสิ้นหวังตลอดสิบปีของฉันทำได้เพียงแผดเผาตัวเอง คนที่ควรจะปกป้องฉันกลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายฉันเจ็บปวดที่สุด ฉันก้มมองจดหมายตอบรับจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในมือ ฉันต้องไปจากที่นี่ ฉันต้องถอนรากถอนโคนเขาออกจากหัวใจ ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของพ่อ “พ่อคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เอวาตัดสินใจแล้ว เอวาอยากไปอยู่กับพ่อที่กรุงเทพฯ ค่ะ”

จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

มหาเศรษฐี

5.0

ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้

ไม่กี่สัปดาห์ก่อนงานแต่งงาน คู่หมั้นของฉัน ลืมฉันไปคนเดียว

ไม่กี่สัปดาห์ก่อนงานแต่งงาน คู่หมั้นของฉัน ลืมฉันไปคนเดียว

โรแมนติก

5.0

งานแต่งงานของฉันกับอีธาน รัตนภาคิน เหลืออีกแค่ไม่กี่สัปดาห์ เจ็ดปีที่ผ่านมา ฉันมั่นใจเหลือเกินว่าอนาคตของเราจะสมบูรณ์แบบ แต่แล้ว อีธานก็อ้างว่าตัวเอง “ความจำเสื่อมเฉพาะส่วน” จากอุบัติเหตุที่ศีรษะ เขาจำทุกคนได้หมดยกเว้นฉัน ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขากลับมาจำได้ จนกระทั่งได้ยินวิดีโอคอลของเขา “โคตรอัจฉริยะเลยว่ะ” เขาโอ้อวดกับเพื่อน อาการความจำเสื่อมของเขาเป็นแค่เรื่องโกหก เป็น “ใบเบิกทาง” ให้เขาได้ไปไล่ตามโคลอี้ วรินทร์ทิพย์ เน็ตไอดอลชื่อดังก่อนแต่งงาน หัวใจฉันแหลกสลาย แต่ก็แสร้งทำเป็นเชื่อต่อไป ฉันต้องทนเห็นเขาจีบโคลอี้อย่างเปิดเผย ทนดูรูปเซลฟี่เย้ยหยันของพวกเขาสองคน เขาหัวเราะเยาะความทุกข์ของฉัน และเลือกที่จะไปดูแลโคลอี้ที่แกล้งเจ็บป่วย หลังจากอุบัติเหตุที่เขาเป็นคนก่อ เขาทิ้งฉันที่บาดเจ็บไว้ข้างหลัง แล้วเลือกส่งโคลอี้ไปโรงพยาบาลก่อน เขายังพยายามจะตัดฉันออกจากความช่วยเหลือทางการเงินอีกด้วย ทำไมคู่หมั้นของฉันถึงกลายเป็นปีศาจที่เลือดเย็นและเจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้ การหักหลังของเขาทำลายความทรงจำดีๆ ทุกอย่างจนหมดสิ้น ฉันรู้สึกเหมือนคนโง่ที่ไปเชื่อใจคนโหดร้ายไร้หัวใจแบบนั้น ความหน้าด้านของเขาทำให้ฉันโลกหมุน แต่ฉันจะไม่ยอมเป็นเหยื่อของเขา แทนที่จะแตกสลาย แผนการอันเยียบเย็นก็ก่อตัวขึ้นในใจ ฉันจะทิ้งตัวตนเดิม แล้วกลายเป็นโอลีเวีย จันทรวงศ์ ฉันจะหายตัวไป ทิ้งเขา ทิ้งอดีต และทิ้งแหวนหมั้นของเขาไว้ข้างหลังตลอดกาล เพื่อทวงอิสรภาพของฉันกลับคืนมา

การคิดบัญชีอันขมขื่น ของภรรยา

การคิดบัญชีอันขมขื่น ของภรรยา

โรแมนติก

5.0

ฉันกับภวินท์ สามีของฉัน เราคือคู่รักที่สมบูรณ์แบบที่สุดในกรุงเทพฯ ใครๆ ก็เรียกเราว่าคู่รักทองคำ แต่ชีวิตแต่งงานที่ใครๆ ต่างอิจฉากลับเป็นเรื่องหลอกลวง เราไม่มีลูก เพราะเขามีภาวะทางพันธุกรรมที่หายากมาก เขาอ้างว่าผู้หญิงคนไหนก็ตามที่อุ้มท้องลูกของเขาจะต้องตาย เมื่อพ่อของเขาที่กำลังจะสิ้นใจเรียกร้องทายาท ภวินท์ก็เสนอทางออก...แม่อุ้มบุญ ผู้หญิงที่เขาเลือกคืออารยา เธอคือฉันในเวอร์ชันที่เด็กกว่า สดใสกว่า ทันใดนั้น ภวินท์ก็ยุ่งตลอดเวลา เขาต้องคอยดูแลเธอระหว่าง "กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วที่ยากลำบาก" เขาลืมวันเกิดฉัน เขาลืมวันครบรอบของเรา ฉันพยายามจะเชื่อเขา จนกระทั่งฉันบังเอิญได้ยินเขาคุยกับเพื่อนๆ ที่งานเลี้ยง เขาสารภาพกับเพื่อนว่าความรักที่เขามีให้ฉันคือ "ความผูกพันที่ลึกซึ้ง" แต่กับอารยา มันคือ "ไฟ" และ "ความเร่าร้อน" เขากำลังวางแผนจัดงานแต่งงานลับๆ กับเธอที่ภูเก็ต ในวิลล่าสุดหรูที่เขาเคยสัญญาว่าจะพาฉันไปฉลองวันครบรอบ เขากำลังจะมอบงานแต่งงาน ครอบครัว และชีวิตให้เธอ...ทุกสิ่งที่เขาปฏิเสธฉัน โดยใช้คำโกหกเรื่องภาวะทางพันธุกรรมร้ายแรงเป็นข้ออ้าง การทรยศหักหลังมันสมบูรณ์แบบเสียจนฉันรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง คืนนั้นเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน พร้อมกับคำโกหกเรื่องไปทำงานต่างจังหวัด ฉันยิ้มและสวมบทบาทภรรยาที่แสนดีต่อไป เขาไม่รู้ว่าฉันได้ยินทุกอย่าง เขาไม่รู้ว่าในขณะที่เขากำลังวางแผนชีวิตใหม่ ฉันก็ได้วางแผนหนีของฉันไว้แล้ว และที่แน่ๆ เขาไม่รู้ว่าฉันเพิ่งโทรหาบริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องเดียว...การทำให้คนหายตัวไป

ทายาทลับของเขา  การหลบหนีของเธอ

ทายาทลับของเขา การหลบหนีของเธอ

โรแมนติก

5.0

สามีทิ้งฉันไปในคืนที่สำคัญที่สุดในอาชีพการงานของฉัน—นิทรรศการศิลปะเดี่ยวครั้งแรกของฉันเอง ฉันเจอเขาในข่าว กำลังใช้ตัวเองบังผู้หญิงอีกคนจากแสงแฟลชของกล้องนับร้อย ขณะที่คนทั้งแกลเลอรีจ้องมองโลกของฉันที่พังทลายลงต่อหน้าต่อตา ข้อความของเขาคือการตบหน้าฉันฉาดใหญ่อย่างเย็นชาครั้งสุดท้าย: "เคธี่ต้องการฉัน เธอไม่เป็นไรหรอก" หลายปีที่ผ่านมา เขาเรียกงานศิลปะของฉันว่า "งานอดิเรก" โดยลืมไปว่ามันคือรากฐานของบริษัทพันล้านของเขา เขาทำให้ฉันกลายเป็นอากาศธาตุ ฉันจึงโทรหาทนายพร้อมกับแผนการที่จะใช้ความยโสโอหังของเขาย้อนกลับมาเล่นงานตัวเขาเอง "ทำเอกสารหย่าให้ดูเหมือนแบบฟอร์มสละสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาที่น่าเบื่อ" ฉันบอกเธอ "เขาจะเซ็นทุกอย่างเพื่อไล่ฉันออกจากออฟฟิศของเขา"

การหลอกลวงห้าปี การชดใช้ตลอดชีวิต

การหลอกลวงห้าปี การชดใช้ตลอดชีวิต

สยองขวัญ

5.0

ฉันคืออลินา ธีรโชติ ทายาทที่หายสาบสูญไปนานของตระกูลดัง ในที่สุดก็ได้กลับบ้านหลังจากต้องระหกระเหินในบ้านเด็กกำพร้ามาทั้งชีวิต พ่อแม่รักและเอ็นดูฉัน สามีทะนุถนอมฉัน ส่วนผู้หญิงที่พยายามทำลายชีวิตฉันอย่างคีรติก็ถูกขังอยู่ในโรงพยาบาลบ้า ฉันปลอดภัย ฉันเป็นที่รัก ในวันเกิดของฉัน ฉันตัดสินใจจะไปเซอร์ไพรส์ไอศูรย์ สามีของฉันที่ออฟฟิศ แต่เขาไม่อยู่ที่นั่น ฉันตามไปเจอเขาที่แกลเลอรี่ส่วนตัวแห่งหนึ่งอีกฟากของกรุงเทพฯ เขายืนอยู่กับคีรติ เธอไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลบ้า เธอดูสดใสเปล่งปลั่ง กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขขณะยืนอยู่ข้างๆ สามีของฉันและลูกชายวัยห้าขวบของพวกเขา ฉันมองผ่านกระจกใส เห็นไอศูรย์ก้มลงจูบเธอ เป็นจูบที่แสนคุ้นเคยและเต็มไปด้วยความรักแบบเดียวกับที่เขาเพิ่งจูบฉันเมื่อเช้านี้ ฉันแอบเข้าไปใกล้ขึ้นและได้ยินบทสนทนาของพวกเขา คำขอของฉันที่อยากไปเที่ยวสวนสนุกในวันเกิดถูกปฏิเสธ เพราะเขาสัญญาไว้แล้วว่าจะเหมาสวนสนุกทั้งสวนให้กับลูกชายของพวกเขา ซึ่งเกิดวันเดียวกับฉัน “ยัยนั่นซาบซึ้งที่มีครอบครัวจนเราพูดอะไรก็เชื่อไปหมด” ไอศูรย์พูด น้ำเสียงของเขาเจือความเหยียดหยามที่โหดร้ายจนฉันแทบหยุดหายใจ “น่าสมเพชชะมัด” โลกทั้งใบของฉัน—พ่อแม่ที่แสนดีซึ่งคอยให้เงินทุนสนับสนุนชีวิตลับๆ นี้ สามีผู้ทุ่มเท—เป็นเพียงเรื่องโกหกที่ดำเนินมานานถึงห้าปี ฉันเป็นแค่ตัวตลกที่พวกเขาจับมาเล่นละครตบตา โทรศัพท์ของฉันสั่น เป็นข้อความจากไอศูรย์ที่ส่งมาขณะที่เขายืนอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงของเขา “เพิ่งประชุมเสร็จ เหนื่อยมากเลย คิดถึงนะ” คำโกหกง่ายๆ นั่นคือฟางเส้นสุดท้าย พวกเขาคิดว่าฉันเป็นแค่เด็กกำพร้าผู้น่าสงสารที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับความรัก และจะควบคุมยังไงก็ได้ พวกเขาคิดผิด และกำลังจะได้รู้ว่าผิดมหันต์แค่ไหน

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เจ้าสาวตัวแทนคนนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

เจ้าสาวตัวแทนคนนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

Rik Toedtling
5.0

เรื่องย่อ: สุนวลเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกครอบครัวซูรับมาเลี้ยง เธอถูกแม่บุญธรรมพากลับจากชนบทเข้ามาอยู่ในเมือง และถูกให้แต่งงานแทนน้องสาวกับคุณชายครอบครัวฮั่วผู้ที่ไม่มีใครชอบหน้า เรื่องนี้จะกลายเป็นเทพนิยายสมัยใหม่หรือไม่? ไม่ คุณชายครอบครัวฮั่วผู้นี้มีนิสัยเจ้าชู้ มีข่าวฉาวไม่เว้นวัน นอกจากหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขาแทบไม่มีคุณสมบัติของเจ้าชายเลยแม้แต่น้อย ฮั่ว ซิเย่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของครอบครัวฮั่ว แต่กลับถูกครอบครัวไม่ชอบหน้าเพราะใช้ชีวิตเหลวไหล ไม่เอาไหน เพื่อทำตามสัญญาหมั้นที่คุณปู่กำหนดไว้ก่อนเสียชีวิต เขาจึงแต่งงานกับลูกสาวครอบครัวซู นามว่าสุนวล แต่ว่าคุณซูคนนี้กลับไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวลือกล่าวไว้เลย ฮั่ว ซิเย่พบว่าแท้จริงแล้วเธอคือหญิงสาวที่เขาเคยหลงรักเมื่อวัยเยาว์ และใต้รอยแผลเป็นอันน่าหวาดกลัวนั้น ซ่อนเร้นไว้ด้วยความงดงามที่สะกดทุกสายตา ในเวลาเดียวกัน สุนวลก็เริ่มล่วงรู้ความลับอันน่าตกตะลึงของฮั่ว ซิเย่เช่นกัน ชายที่ดูไม่ประสบความสำเร็จอย่างเขา เหตุใดถึงถือครองทรัพย์สินมหาศาลไว้ในมือได้? แท้จริงแล้ว เป้าหมายของเขาคืออะไรกันแน่?

รักร้ายจอมทระนง

รักร้ายจอมทระนง

มาชาวีร์
5.0

“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)

จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

Gavin
5.0

ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ