ห้าปีเต็มที่ฉันเป็นดั่งเงาและคนรักในความลับของเขา เพียงเพราะคำสัญญาที่ให้ไว้ข้างเตียงคนตายกับพี่ชายของเขา...ผู้ชายที่ฉันควรจะได้แต่งงานด้วย และในวันที่คำสัญญานั้นสิ้นสุดลง เขากลับสั่งให้ฉันเตรียมงานหมั้นของเขากับผู้หญิงคนอื่น
ห้าปีเต็มที่ฉันเป็นดั่งเงาและคนรักในความลับของเขา เพียงเพราะคำสัญญาที่ให้ไว้ข้างเตียงคนตายกับพี่ชายของเขา...ผู้ชายที่ฉันควรจะได้แต่งงานด้วย
และในวันที่คำสัญญานั้นสิ้นสุดลง เขากลับสั่งให้ฉันเตรียมงานหมั้นของเขากับผู้หญิงคนอื่น
บทที่ 1
ปีที่ห้ากำลังจะสิ้นสุดลง มันคือวันที่หนึ่งพันแปดร้อยยี่สิบห้า นับตั้งแต่เคทลินให้คำมั่นสัญญา และเป็นวันที่เธอตัดสินใจจะทำลายมันทิ้งในที่สุด
เคทลินยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าต่างกระจกบานสูงจรดเพดาน สายตาของเธอจับจ้องไปยังแสงไฟระยิบระยับของเมืองใหญ่เบื้องล่าง แสงไฟพร่าเลือนจนกลายเป็นเพียงรอยเปื้อนของสีที่ไร้ความหมาย
ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เธอไม่ได้เป็นเพียงเงาของกรวีร์ วงศ์วิวัฒน์ เป็นทั้งผู้ช่วยส่วนตัว คนแก้ปัญหา ผู้หญิงที่คอยรองรับอารมณ์เกรี้ยวกราดและเก็บกวาดความผิดพลาดของเขา แต่เธอยังเป็นคนรักของเขาด้วย
คนรักในความลับที่ถูกซุกซ่อนไว้ในเพนต์เฮาส์สุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ บทบาทที่เธอเล่นไปเพียงเพราะสำนึกในหน้าที่ที่บิดเบี้ยว
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคำสัญญาที่ให้ไว้กับชายผู้กำลังจะตาย ชายที่เธอรักอย่างสุดหัวใจ
ความทรงจำนั้นยังคงมีอำนาจหยุดลมหายใจของเธอได้เสมอ กลิ่นยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาล เสียงบี๊บของเครื่องวัดสัญญาณชีพที่ดังไม่หยุด และมือของจิณณ์ พี่ชายของกรวีร์ ที่ค่อยๆ เย็นลงในมือของเธอ
“ห้าปีนะเคท” เสียงของเขาแหบพร่า เป็นเพียงเศษเสี้ยวของเสียงทุ้มนุ่มที่เธอเคยหลงใหล “แค่ช่วยดูแลเขาห้าปี กรมันบ้าบิ่น พี่เหลือเขาแค่คนเดียว สัญญาได้ไหม”
จิณณ์ ภัทรดำรง...ผู้ชายที่ควรจะเป็นอนาคต เป็นสามีของเธอ แสงสว่างหนึ่งเดียวในโลกของเธอที่ดับวูบลงในซากรถที่บิดเบี้ยวและเศษกระจกที่แตกละเอียด เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เขาจะรับกรวีร์เป็นน้องบุญธรรมและมอบนามสกุลภัทรดำรงให้
เธอตอบตกลง เธอคงยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา และในความโศกเศร้า เธอก็ได้ถ่ายทอดความภักดีนั้นไปยังคนเพียงคนเดียวที่เขาเหลือทิ้งไว้ เธอเข้าใจผิดไปว่าน้ำหนักของคำสัญญานั้นคือความรักที่มีต่อกรวีร์
ประตูห้องถูกกระแทกเปิดออกดังปัง!
“เคท”
เสียงของกรวีร์เฉียบขาด ตัดผ่านความเงียบงัน เขาไม่แม้แต่จะมองเธอ ความสนใจทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ที่แนบอยู่ข้างหู
“ผมไม่สนว่าจะต้องใช้อะไร” เขาตวาดใส่โทรศัพท์ “จัดการให้ได้”
เขากดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาหนัง ดวงตาของเขาที่เคยเย็นชาและเมินเฉย บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความโหดร้ายอย่างที่เธอคุ้นเคย ในที่สุดมันก็จับจ้องมาที่เธอ
“ได้มารึยัง”
“ข้อเสนอซื้อกิจการอยู่บนโต๊ะทำงานคุณแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบไร้อารมณ์ “ฉันขีดเส้นใต้ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญไว้ให้แล้ว”
“ฉันไม่ได้ขอให้เธอวิเคราะห์” เขาพูด พลางแสยะยิ้มที่มุมปาก เขาเดินไปที่บาร์แล้วรินเครื่องดื่มให้ตัวเอง เขาชอบเกมแบบนี้ ชอบอำนาจที่เขามีเหนือเธอ เขาเชื่อสุดใจว่าเธอหลงรักเขาหัวปักหัวปำ เป็นเหมือนลูกหมาเชื่องๆ ที่จะไม่มีวันหนีไปไหน “ฉันหมายถึงเรื่องการควบรวมกิจการกับกลุ่มอัครไพศาล เชอรีนกับฉันกำลังจะแต่งงานกัน มันสำคัญต่อบริษัท ต่อครอบครัวของเรา เพราะฉะนั้นอีกสองสามเดือนข้างหน้า ฉันต้องการให้เธอทำตัวดีๆ อย่าสร้างเรื่องเข้าใจไหม ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนอ่อนไหวง่ายแค่ไหน”
เชอรีน อัครไพศาล เดินเฉิดฉายเข้ามาในห้อง สองแขนของเธอโอบรอบคอของกรวีร์จากด้านหลัง เธอประทับรอยจูบลงบนแก้มของเขา ดวงตาที่เปล่งประกายแห่งชัยชนะสบเข้ากับดวงตาของเคทลินผ่านไหล่ของเขา
“อย่าไปดุเธอเลยค่ะกร” เชอรีนพูดเสียงหวานหยดย้อย “เธอก็พยายามเต็มที่แล้วนะคะ เพียงแต่...แหม คุณจะไปคาดหวังให้คนพื้นเพแบบเธอมาเข้าใจความกดดันที่เราเจอได้ยังไงล่ะคะ จริงไหม บางคนเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ แต่บางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นผู้ตาม”
สีหน้าของกรวีร์อ่อนลงเมื่อมองเชอรีน เขาหันไปดึงเธอเข้ามากอด “คุณใจดีกับเธอเกินไป”
ฉากนี้เป็นฉากที่เธอคุ้นเคย เป็นละครที่เธอต้องดูซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตลอดห้าปี ทายาทผู้หยิ่งผยอง แฟนสาวไฮโซผู้สมบูรณ์แบบ และลูกน้องขี้แพ้ที่คลั่งรักจนโงหัวไม่ขึ้น
มือที่ทาเล็บอย่างสวยงามของเชอรีนยื่นออกไป ไม่ใช่เพื่อหยิบแก้ว แต่เพื่อลากไล้นิ้วลงบนสาบเสื้อของกรวีร์อย่างยั่วยวน
“โอ๊ย ที่รัก” เธอครางเสียงหวาน ดวงตาไม่ละไปจากเคทลินเลย เธอจงใจถอยหลังไปหนึ่งก้าว ชนเข้ากับโต๊ะข้างๆ จนแก้วไวน์แดงล้มคว่ำ ไวน์สาดกระเซ็นลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดของกรวีร์ “ดูสิว่าเธอทำอะไรลงไป!” เธอร้องเสียงหลง พลางชี้นิ้วกล่าวหามาที่เคทลิน “เธอยืนอยู่ใกล้เกินไปจนฉันตกใจ นี่มันเสื้อสั่งตัดพิเศษเลยนะ!”
คำกล่าวหาที่ไร้สาระและโจ่งแจ้งลอยอยู่ในอากาศ เคทลินไม่ได้ขยับตัวแม้แต่นิ้วเดียว
ใบหน้าของกรวีร์มืดครึ้ม เขามองจากรอยเปื้อนบนเสื้อไปยังเคทลิน ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่น่าขนลุกอย่างที่เธอคุ้นเคย
“ตาบอดรึไง!” เขาตวาดลั่น “ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉัน!”
มือของเคทลินที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าชุดเดรสสีดำเรียบๆ กำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ เธอคิดถึงคืนนั้นเมื่อปีที่แล้ว คืนที่เขาเมาและอ่อนแอ กระซิบว่ามีเพียงเธอคนเดียวที่เข้าใจเขา บางที...บางทีพวกเขาอาจจะมีอะไรที่จริงจังกันได้ คำสัญญาเพียงครั้งเดียวนั้น ความหวังริบหรี่นั้น คือสิ่งที่ล่ามเธอไว้ที่นี่ คำสัญญาที่เขาคงลืมไปแล้ว หรือไม่เคยตั้งใจจะพูดมันเลย ความเจ็บปวดเล็กๆ ที่ฝ่ามือเป็นสิ่งที่ช่วยดึงสติ มันเป็นของจริง
เธอหันหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำแล้วเดินไปที่ประตู
“แล้วก็อีกเรื่อง” เสียงของกรวีร์หยุดเธอไว้
เธอหยุดนิ่ง หันหลังให้พวกเขา
“เชอรีนกับฉันกำลังจะหมั้นกัน” เขาประกาศ น้ำเสียงเจือความโหดร้ายอย่างจงใจ “งานจะมีขึ้นเดือนหน้า ฉันหวังว่าเธอจะจัดการเรื่องทั้งหมด เพราะยังไงเธอก็รู้ดีว่าฉันเก่งเรื่องการวางแผนอนาคตแค่ไหน น่าเสียดายนะที่จิณณ์ไม่มีโอกาสได้ทำแบบเดียวกันให้เธอ”
ทุกคำพูดเหมือนค้อนที่ทุบลงมา
นี่แหละ คือการยืนยันครั้งสุดท้าย แต่แทนที่จะเจ็บปวด ความรู้สึกปลดปล่อยอย่างประหลาดกลับแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เธอเคยคิดอย่างโง่เขลาว่าเธอรักกรวีร์ แต่ในวินาทีนี้ ด้วยคำพูดทิ่มแทงสุดท้ายอันแสนโหดร้ายของเขา ม่านหมอกแห่งความโศกเศร้าและภาระหน้าที่ก็จางหายไปในที่สุด เธอไม่ได้รักเขา เธอไม่เคยรักเขาเลย เธอแค่ยึดติดอยู่กับเงาของคนตาย พยายามทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเขาด้วยการสังเวยตัวเองให้กับน้องชายของเขา
เธอเป็นอิสระแล้ว
“ยินดีด้วยค่ะ” เธอพูด เสียงสงบนิ่งจนน่าตกใจ คำพูดนั้นไม่ได้มีรสชาติเหมือนเถ้าถ่าน แต่เหมือนลมหายใจแรกที่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์หลังจากถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินมานานหลายปี
รอยยิ้มเยาะของกรวีร์ชะงักงัน เขามองแผ่นหลังของเธอด้วยความสับสนและหงุดหงิดในแววตา นี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เขาต้องการ น้ำตาอยู่ไหน? คำอ้อนวอนล่ะ? ความใจสลายล่ะ? เขาเกลียดความสงบนิ่งที่น่าขนลุกนี่ เขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างที่ร้ายกาจกว่าเดิม แต่เธอไปแล้ว ประตูปิดลงเบาๆ ข้างหลังเธอ
เขาสบถแล้วหันกลับไปหาเชอรีน *ช่างมันเถอะ* เขาคิดพลางดึงทายาทสาวเข้ามากอด *คงแค่เก็บอาการ เดี๋ยวกลับบ้านไปก็ร้องไห้ฟูมฟายเองแหละ ยัยนั่นหลงฉันจะตาย ไม่มีวันไปไหนรอดหรอก* เขาคิดในใจว่าจะส่งกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงลิบลิ่วที่เธอไม่มีปัญญาซื้อไปให้สักใบ นั่นดูเหมือนจะช่วยแก้ปัญหาได้เสมอ
เธอเดินออกจากเพนต์เฮาส์ ก้าวเดินสม่ำเสมอและควบคุมได้ เธอไม่วิ่ง เธอไม่ร้องไห้
เมื่อลงมาถึงอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ของตัวเองในตึกเดียวกันที่เงียบสงัด เธอดึงแล็ปท็อปออกมา นิ้วของเธอร่อนไปบนคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวแม่นยำและเป็นไปโดยอัตโนมัติ
เธอไม่ได้กำลังตอบอีเมล
เธอกำลังลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันเอเชียน ครอสคันทรี แรลลี่ การแข่งขันสุดทรหด การประลองที่โหดร้ายและอันตรายซึ่งจัดขึ้นอีกฟากหนึ่งของโลก
เธอใช้ชื่อที่ไม่มีใครเรียกมาห้าปีแล้ว ชื่อที่เป็นของชีวิตอีกด้านหนึ่ง ชีวิตก่อนที่จะมีคำสัญญา
อีเมลยืนยันการสมัครปรากฏขึ้นในกล่องจดหมาย มันไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว
เธอปิดแล็ปท็อป
คำสัญญาได้สิ้นสุดลงแล้ว โทษทัณฑ์ของเธอได้รับการชดใช้แล้ว
ถึงเวลาที่ต้องหายตัวไป
บทที่ 1
29/10/2025
บทที่ 2
29/10/2025
บทที่ 3
29/10/2025
บทที่ 4
29/10/2025
บทที่ 5
29/10/2025
บทที่ 6
29/10/2025
บทที่ 7
29/10/2025
บทที่ 8
29/10/2025
บทที่ 9
29/10/2025
บทที่ 10
29/10/2025
บทที่ 11
29/10/2025
บทที่ 12
29/10/2025
บทที่ 13
29/10/2025
บทที่ 14
29/10/2025
บทที่ 15
29/10/2025
บทที่ 16
29/10/2025
บทที่ 17
29/10/2025
บทที่ 18
29/10/2025
บทที่ 19
29/10/2025
บทที่ 20
29/10/2025
บทที่ 21
29/10/2025
บทที่ 22
29/10/2025
บทที่ 23
29/10/2025
บทที่ 24
29/10/2025
บทที่ 25
29/10/2025
บทที่ 26
29/10/2025
บทที่ 27
29/10/2025
บทที่ 28
29/10/2025
บทที่ 29
29/10/2025
บทที่ 30
29/10/2025
หนังสืออื่นๆ ของ Gavin
ข้อมูลเพิ่มเติม