ในวันครบรอบการตายของลูกชาย ฉันเจอสามีของฉันอยู่ในบ้านพักส่วนตัวของเรากับเมียน้อยที่กำลังตั้งท้องของเขา เขาส่งการ์ดเชิญงานแต่งงานของพวกเขาสองคนมาให้ฉัน พร้อมกับคลิปเสียงที่เขาเรียกฉันว่า ‘ผู้หญิงมีมลทิน’ จากเหตุการณ์เลวร้ายที่พรากชีวิตลูกชายของเราไป และเขายังสารภาพว่าแอบทำให้ฉันเป็นหมันเพื่อที่จะได้มีทายาทที่ ‘บริสุทธิ์’ เขาคิดว่าเขากำลังจะสร้างราชวงศ์ใหม่ แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไปร่วมงานแต่งงานของเขา และจะเผามันให้วอดวายไปกับตา
ในวันครบรอบการตายของลูกชาย ฉันเจอสามีของฉันอยู่ในบ้านพักส่วนตัวของเรากับเมียน้อยที่กำลังตั้งท้องของเขา
เขาส่งการ์ดเชิญงานแต่งงานของพวกเขาสองคนมาให้ฉัน พร้อมกับคลิปเสียงที่เขาเรียกฉันว่า ‘ผู้หญิงมีมลทิน’ จากเหตุการณ์เลวร้ายที่พรากชีวิตลูกชายของเราไป และเขายังสารภาพว่าแอบทำให้ฉันเป็นหมันเพื่อที่จะได้มีทายาทที่ ‘บริสุทธิ์’
เขาคิดว่าเขากำลังจะสร้างราชวงศ์ใหม่ แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไปร่วมงานแต่งงานของเขา และจะเผามันให้วอดวายไปกับตา
บทที่ 1
ไอวี่ วรโชติ POV:
กฎข้อแรกที่ภาคินกับฉันตั้งขึ้นมาก็คือ เราต้องรับโทรศัพท์ของกันและกันเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม มันเป็นกฎที่หล่อหลอมขึ้นจากเลือดและความสิ้นหวังบนถนนที่เปียกแฉะของกรุงเทพฯ ในตอนที่เรายังเป็นแค่เด็กเหลือขอที่ท้องว่างเปล่า แต่กำปั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ดังนั้น เมื่อโทรศัพท์ของสามีฉันตัดเข้าสู่ระบบฝากข้อความเสียงเป็นครั้งที่ห้า ในวันครบรอบการตายของลูกชายของเรา ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้แค่ไม่ว่าง แต่เขาอยู่กับคนอื่น
ทุกปีในวันนี้ เราจะตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีดีลธุรกิจ ไม่มีการประชุม ไม่มีการรับสาย เราจะขับรถสองชั่วโมงขึ้นเหนือไปยังบ้านพักริมทะเลสาบที่กาญจนบุรี หลังที่เราซื้อมันด้วยเงินสะอาดก้อนแรกสิบล้านบาท ที่นั่นคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา เป็นพื้นที่สงบที่เราอนุญาตให้ตัวเองได้โศกเศร้าถึงลูกชายที่เราไม่มีวันได้อุ้ม เราจะจุดเทียนสีขาวหนึ่งเล่ม นั่งบนระเบียงไม้เก่าๆ และจะไม่พูดอะไรกันเลยจนกว่าพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ท้องน้ำจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีส้มและสีม่วง
มันเป็นพิธีกรรมของเรา เป็นคำสัญญาเงียบๆ ว่าแม้ในความเงียบงันที่อึดอัดของการสูญเสีย เราจะไม่มีวันเดียวดาย เรายังมีกันและกัน
เช้านั้น ฉันตื่นขึ้นมาคนเดียวบนเตียงคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนฝั่งของเขายังคงเย็นเฉียบและเรียบตึง เหมือนมีก้อนน้ำแข็งก่อตัวขึ้นในท้องของฉัน พอถึงตอนเที่ยง ไร้วี่แววของเขา ก้อนน้ำแข็งนั้นก็เริ่มปริแตก พอถึงบ่ายสามโมง มันก็กลายเป็นเศษน้ำแข็งแหลมคมที่ทิ่มแทงปอดของฉัน
ฉันจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน เขาเคยเอาตัวบังฉันจากคมมีดของศัตรู คมมีดฝังลึกลงไปที่แผ่นหลังของเขา ทิ้งรอยแผลเป็นน่าเกลียดไว้ถาวร เขาล้มทับลงบนตัวฉัน เลือดอุ่นๆ ของเขาเปรอะแก้มฉัน และกระซิบว่า “พี่อยู่นี่นะไอวี่ พี่จะอยู่ตรงนี้เสมอ” และเขาก็อยู่จริงๆ ตลอดเวลายี่สิบปี ภาคิน เตชะวิวัฒน์ คือสิ่งเดียวที่มั่นคงในชีวิตที่วุ่นวายของฉัน เขาคือคู่ชีวิต คือนักวางแผน คือสถาปนิกผู้ออกแบบอาณาจักรที่เราสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่า
แต่ตอนนี้ เขาแค่... หายไป
“ลีโอ” ฉันพูดใส่โทรศัพท์ เสียงของฉันสงบนิ่งจนน่ากลัว “ตามรอยรถของภาคิน เดี๋ยวนี้”
ไม่มีความลังเลใดๆ “ครับนายหญิง”
สัญญาณจีพีเอสดังขึ้นในไม่ถึงนาทีต่อมา เลือดในกายฉันเย็นเฉียบ เขาอยู่ที่บ้านพักหลังนั้น เขาไปที่นั่นโดยไม่มีฉัน
ภาพระหว่างทางขับรถเลือนลาง มีเพียงต้นไม้ไร้ใบในฤดูหนาวกับท้องฟ้าสีเทา ลูกน้องของฉัน ขบวนรถ SUV สีดำสนิท ขับขนาบข้างรถของฉัน พวกเขารู้โดยไม่ต้องเอ่ยถาม พวกเขารู้ว่าวันนี้คือวันอะไร และพวกเขารู้ว่าแววตาของฉันเป็นอย่างไร มันเป็นแววตาเดียวกับที่ฉันมีก่อนจะเข้าเทคโอเวอร์กิจการของศัตรู ก่อนที่ฉันจะขยี้คนที่ทรยศเราให้แหลกคามือ มันคือแววตาของราชินีที่เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม
เราจอดรถบนถนนกรวดยาว เสียงยางรถบดกับกรวดดังเหมือนเสียงกระดูกแตก ฉันเห็นรถซีดานสีดำของเขาจอดอยู่ใกล้ระเบียง แต่มีรถอีกคันหนึ่ง เป็นรถคอมแพคเก่าๆ ราคาถูก จอดอยู่ข้างๆ มันดูไม่เข้ากับความหรูหราเรียบง่ายของบ้านพักอย่างรุนแรง เหมือนเป็นการจงใจดูถูกกัน
ฉันก้าวลงจากรถ ส่งสัญญาณให้ลูกน้องรออยู่กับที่ อากาศหนาวเย็นยะเยือก กัดกินผิวที่เปลือยเปล่าของฉัน ฉันมองผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้าไป เห็นไฟกำลังลุกโชนอยู่ในเตาผิง และแล้วฉันก็เห็นพวกเขา
ภาคินยืนอยู่ข้างเตาผิง หันหลังให้ฉัน มีผู้หญิงสาวคนหนึ่ง อายุคงไม่พ้นวัยรุ่น ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เธอตัวเล็ก ผมสีเข้มยาวสลวยระหลัง เธอสวมเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งของเขา เสื้อแคชเมียร์สีเทาอ่อนที่ฉันให้เป็นของขวัญวันเกิดล่าสุดแก่เขา มันหลวมโพรกบนร่างผอมบางของเธอ แขนเสื้อยาวจนกลืนมือของเธอหายไป
เขายื่นมือไปทัดผมที่หลุดลุ่ยของเธอไว้หลังใบหู สัมผัสของเขาอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ มันเป็นแบบเดียวกับที่เขาเคยสัมผัสฉันตอนที่เขาคิดว่าฉันหลับไปแล้ว เป็นท่าทีที่อ่อนโยนและแสดงความเป็นเจ้าของที่เคยทำให้หัวใจฉันเจ็บปวดด้วยความรักเสมอ การได้เห็นเขาทำแบบนั้นกับคนอื่นมันรู้สึกเหมือนกำลังกลืนแก้วที่แตกละเอียด
เธอหัวเราะคิกคัก เสียงใสๆ เบาๆ ที่เสียดแทงแก้วหูของฉัน จากนั้นเธอก็เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบเขา
โลกรอบตัวฉันหมุนคว้าง อากาศในปอดกลายเป็นเถ้าถ่าน นี่ไม่ใช่แค่การทรยศ แต่มันคือการลบหลู่ เขาพาผู้หญิงคนอื่นมาที่นี่ ที่ของเรา ที่ของลูกชายเรา
ความโกรธแค้นที่บริสุทธิ์และมืดบอดเข้าครอบงำฉันจนหมดสิ้น ฉันเดินผ่านประตูหน้าไป อ้อมไปยังอนุสรณ์หินเล็กๆ ที่เราสร้างไว้ริมน้ำ มันเป็นหินแบนเรียบง่ายที่สลักชื่อไว้เพียงชื่อเดียว: ลีโอ ลีโอของเรา ข้างๆ กันนั้นมีม้าโยกไม้แกะสลักตัวเล็กๆ ที่ภาคินใช้เวลาเป็นเดือนในการทำตอนที่ฉันกำลังท้อง เขาบอกว่าราชาทุกคนต้องมีม้าศึกคู่ใจ
ฉันมองม้าไม้ตัวน้อย ดวงตาที่ถูกวาดขึ้นจ้องมองผืนน้ำสีเทาอย่างว่างเปล่า แล้วฉันก็หันกลับไปมองที่หน้าต่าง มองสามีของฉันกำลังจูบกับผู้หญิงอีกคนในความอบอุ่นของบ้านเรา
เท้าของฉันฟาดออกไป ฉันเตะม้าโยกไม้อย่างสุดแรงเกิด มันแตกกระจายกระทบกับพื้นดินที่เย็นจัด เสียงไม้แตกดังลั่นเหมือนเสียงกระดูกหัก หัวของมันขาดกระเด็นออกมา กลิ้งมาหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของฉัน
เสียงนั้นดังพอที่จะได้ยิน ประตูหน้าบ้านพักเปิดผางออก ภาคินยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาและเจ้าเล่ห์อย่างรวดเร็ว เด็กสาวคนนั้น เกวลิน แอบมองออกมาจากข้างหลังเขา ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความกลัวระคนท้าทาย กลิ่นน้ำหอมดอกไม้ราคาถูกของเธอโชยออกมาตามลมร้อน เป็นความหอมหวานที่น่าคลื่นไส้จนฉันอยากจะอาเจียน
ตอนนี้ลูกน้องของฉันลงจากรถแล้ว มือของพวกเขาวางอยู่บนอาวุธ สร้างกำแพงมนุษย์ที่เงียบงันและน่าเกรงขามอยู่ข้างหลังฉัน
สายตาของภาคินกวาดจากใบหน้าของฉัน ไปยังลูกน้องของฉัน แล้วก็ลดลงมองเศษซากของม้าโยกที่แตกหัก แววตาของเขาฉายแววบางอย่าง—อาจจะเป็นความเจ็บปวด—ก่อนที่มันจะหายไป
“ไอวี่” เขาพูด เสียงเรียบ “เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันมาในวันครบรอบของลูกชายเรา” ฉันพูด เสียงของฉันเองก็ต่ำและอันตรายไม่แพ้กัน ฉันพยักพเยิดไปทางเด็กสาวที่หลบอยู่ข้างหลังเขา “แล้วคุณพานังนี่มาทำไม”
เด็กสาวคนนั้น เกวลิน เกาะแขนเขาแน่น เธอดูเด็กมาก เปราะบางมาก เธอดูเหมือนฉันในอดีต ก่อนที่ชีวิตข้างถนนจะทุบทำลายความอ่อนโยนทั้งหมดไปจากตัวฉัน
ภาคินค่อยๆ ดันเธอไปหลบข้างหลังเขามากขึ้น ท่าทีปกป้องนั้นยิ่งทำให้ฉันเจ็บปวดรวดร้าว เขาเคยทำแบบนั้นเพื่อฉัน เขาเคยเป็นโล่กำบังให้ฉัน
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ” เขาพยายามอธิบาย เป็นประโยคที่เก่าแก่และน่าสมเพชที่สุดในโลก
“เหรอ” ฉันก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว “คุณพาอีตัวของคุณมาในที่ที่เราใช้ไว้อาลัยให้ลูกของเรา คุณปล่อยให้มันใส่เสื้อของคุณในบ้านที่เราสร้างขึ้นมา บอกฉันหน่อยสิภาคิน ว่าส่วนไหนที่ฉันเข้าใจผิด”
เขาไม่สะทกสะท้าน เขายังคงมองฉันด้วยสายตาที่แน่วแน่ เขามักจะเป็นนักวางแผนเสมอ คนที่มองเห็นล่วงหน้าได้สิบก้าว แต่เขาไม่เห็นก้าวนี้ เขาไม่ได้คาดคิดว่าฉันจะปรากฏตัวขึ้น
“เธอชื่อเกวลิน” เขาพูด ราวกับว่ามันสำคัญนักหนา
“ฉันไม่สนว่ามันชื่ออะไร” ฉันถ่มน้ำลาย “ฉันสนแค่ว่ามันอยู่ที่นี่ ในบ้านของเรา ในวันนี้” ฉันก้าวเข้าไปอีกก้าว สายตาจับจ้องไปที่เขา “คุณมีเวลาสิบวินาที เอาตัวมันออกไปให้พ้นสายตาฉัน แล้วเราสองคนค่อยมาคุยกัน”
เขามองไปที่เกวลิน สีหน้าของเขาอ่อนโยนลงในแบบที่ทำให้เศษเสี้ยวสุดท้ายของหัวใจฉันแหลกสลาย เขาพึมพำอะไรบางอย่างกับเธอ เสียงเบาเกินกว่าที่ฉันจะได้ยิน แล้วก็หันกลับมามองฉัน
“ไม่” เขาพูดเสียงเรียบ “เธอจะอยู่ที่นี่”
โลกของฉันไม่ได้แค่หมุนคว้าง แต่มันหยุดหมุนไปเลย
เขาเลือกมัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ต่อหน้าลูกน้องของฉัน ต่อหน้าดวงวิญญาณของลูกชายเรา
ฉันมองเขา มองเขาจริงๆ เป็นครั้งแรกในรอบนานมาก ผู้ชายที่มีรอยแผลเป็นบนหลัง ผู้ชายที่เคยขโมยขนมปังให้ฉันเพราะฉันหิวโซ ผู้ชายที่กอดฉันสามวันเต็มหลังจากที่เราเสียลูกไป ฉันจำเขาไม่ได้อีกแล้ว
“ได้” ฉันพูด คำเดียวนั้นลอยค้างอยู่ในอากาศที่หนาวเหน็บ ฉันหันไปหาลูกน้องของฉัน เสียงของฉันชัดเจนและมั่นคง เป็นเสียงของราชินีที่กำลังออกคำสั่ง
“ไปเอามันมา”
หนังสืออื่นๆ ของ Gavin
ข้อมูลเพิ่มเติม