1. อุ้มรักประกาศิต ภายใต้การแต่งงานที่เต็มไปด้วยความลับและการเสียสละ เขา "ประกาศิต" ชายหนุ่มผู้แอบรักมานาน เธอ "พราวรุ้ง" หญิงสาวที่ยอมอุ้มท้องแทนเพื่อรักษายาย ความจริงที่ไม่อาจปิดบังตลอดไป กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความรักอันอบอุ่น เมื่อความผูกพันค่อย ๆ เบ่งบาน จนกลายเป็นครอบครัวที่หัวใจปรารถนา 2. หวานใจภีม เมื่อการคลุมถุงชนไม่ได้พาแค่คนสองคนมาเจอกัน แต่พา "หัวใจ" และ "ชุมชน" ให้เติบโตไปพร้อมกัน ภีม หนุ่มสหกรณ์ข้าวอินทรีย์ผู้จริงจังกับงานจนใครๆ แซวว่าแต่งกับนาแล้ว พลอยใส บัณฑิตสาวโก๊ะสดใส กลับบ้านเกิดพร้อมฝันอยากทำคอนเทนต์วิถีบ้านๆ ทั้งสองถูกจับให้ร่วมมือกันเพื่อหวังสร้างแบรนด์ข้าวชุมชน แต่ทั้งคู่ตั้งกติกา ทดลองรัก 3 เดือน จากความไม่เต็มใจ กลายเป็นรอยยิ้มที่ค่อยๆ ละลายกำแพงหัวใจ จากตลาดนัด งานวัด จนถึงทุ่งนา ทั้งคู่ร่วมกันสร้างเพจ "ครัวคันนา" และแคมเปญ "ข้าวถุงเดียวเลี้ยงชุมชน" ที่ทำให้ทั้งตำบลคึกคัก ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ความอบอุ่น และโมเมนต์จิกหมอน ภีมจะยอมรับหรือไม่ว่า เขาแพ้หัวใจสดใสนั้นตั้งแต่วันแรกเจอ หวานใจภีม นิยายคลุมถุงชนแสนอบอุ่น ที่จะทำให้คุณยิ้มเหมือนอยู่กลางทุ่งข้าวสีทอง 3. หวานใจเลอทรัพย์ เมื่อ "เลอทรัพย์" วิศวกรหนุ่มสายนิ่งผู้ถนัดแต่เครื่องจักร ต้องมาเจอกับ "มินตรา" อสม.สาวโก๊ะเสียงใส ขวัญใจชาวบ้านผู้มากับพลังงานล้นเหลือ แค่แรกเจอก็ชวนให้ชีวิตที่เคยเงียบสงบของเขาสั่นไหว จากแปลงผักเล็กๆ กลางทุ่ง กลายเป็นสนามหัวใจที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ การโกลาหลจากฝูงไก่และห่านตัวแสบ และมิตรภาพที่งอกงามเหมือนผักสวนครัว แต่เมื่อโครงการเพื่อเด็กๆ ใกล้ล่มเพราะปั๊มน้ำพังกลางวิกฤต ชายหนุ่มผู้พูดน้อยจะพิสูจน์หัวใจให้สาวอสม.โก๊ะฮาเห็นได้หรือไม่ ว่าความรักที่เขามี...หนักแน่นไม่ต่างจากรถไถที่เขาขับ เสียงหัวเราะ ความอบอุ่น และคำสั้นที่สุดในโลก... "อยู่ด้วยกันไหม" คือคำตอบสุดท้ายที่ทำให้ทั้งหมู่บ้านเขินแทน!
ลมอุ่นพัดกลีบกุหลาบปลิวผ่านลานสวนของคฤหาสน์ตระกูลศิริวัฒน์ แสงเช้าละมุนสะท้อนผืนผ้าแพรบนซุ้มดอกไม้ สีขาวและทองตัดไปกับสีเขียวของสนามจนเหมือนภาพในโปสการ์ด ผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้ามาแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว
ประกาศิต... ชายหนุ่มที่มักยิ้มอยู่เสมอ และเจ้าสาวศิรินทิพย์ คุณหนูผู้สงบเสงี่ยมของบ้านตระกูลใหญ่ไม่แพ้กัน
“เจ้าบ่าวยิ้มเก่งจังเลยนะจ๊ะ” แขกผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเอ่ยแซว
“คุณลุงชมแบบนี้ ผมต้องยิ้มเพิ่มอีกสองเท่าเลยครับ” เขาตอบพร้อมหัวเราะเบา ๆ นัยน์ตามีประกายขี้เล่นตามแบบฉบับของเขา
พิธีการดำเนินไปอย่างเรียบร้อย เสียงดนตรีคลอเบา ๆ ใต้ร่มเงาต้นจามจุรี ศิรินทิพย์แตะชายกระโปรงอย่างเรียบร้อย ยิ้มละมุนด้วยมารยาท เธอหันไปสบตาพิมพ์ลดา พี่เลี้ยงสาวคนสวยที่คอยดูแลเธออยู่ไม่ห่าง สายตาที่ทั้งสองมองสบกันนั้น ทั้งอ่อนโยนและมั่นคง
หลังซุ้มด้านข้าง มีหญิงสาวรูปร่างบอบบางกำลังจัดวางจานรองเค้กอย่างตั้งใจ เธอสวมผ้ากันเปื้อนสีอ่อน ผมถูกรวบเรียบง่าย ใบหน้าสะอาดสะอ้าน
พราวรุ้งช้อนสายตามองเวทีพิธีเพียงแวบเดียว ก่อนกลับไปจดจ่ออยู่กับงานในมือ กลิ่นดอกมะลิที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่วัยเด็กลอยเบา ๆ ผสมกับกลิ่นชาอุ่น
“พราวจ๊ะ เดี๋ยวช่วยพี่จัดแก้วตรงโต๊ะผู้ใหญ่เพิ่มหน่อยนะ” แก้วใจซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ในบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
“ได้จ้ะพี่แก้ว” พราวรุ้งยิ้มบาง ๆ แล้วหยิบถาดแก้วอย่างคล่องแคล่ว
ประกาศิตเหลือบเห็นมุมที่พราวรุ้งกำลังจัดแก้ว เขาชะงักเสี้ยววินาที ราวกับความทรงจำเก่า ๆ เฉียดผ่านภาพหญิงสาวตัวเล็กที่วิ่งวุ่นช่วยงานบ้านเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขามาเยี่ยมบ้านของศิรินทิพย์ครั้งในฐานะคู่หมั้น เขาเคยเห็นพราวรุ้งคอยยกน้ำให้คนงาน ช่วยป้าแม่บ้านเช็ดกระจก และกลับไปอ่านหนังสืออย่างไม่ย่อท้อ ความทรงจำนั้นทิ้งรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปากของเขาโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าบ่าวคะ ได้เวลาตัดเค้กแล้วค่ะ” เสียงพิธีกรเรียก
“ครับผม” เขาตอบอย่างร่าเริง หันกลับไปประคองศิรินทิพย์ขึ้นเวที แม้ไม่ได้รักใคร่ประดุจดั่งคนรัก ก็เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ตลอดหลายปีมานี้เธอไม่เคยทำให้เขาต้องลำบากใจเลย ไม่เคยงี่เง่า ตามหึงหวง หรือพูดจาชวนทะเลาะ มีแต่เคารพเขาเสมอมา ดังนั้นการตัดสินใจแต่งงานเพื่อครอบครัวและธุรกิจ จึงทำให้เขาไม่ได้ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
เค้กสามชั้นประดับดอกไม้สีครีมยืนโดดเด่นกลางสายตาทุกคน มีเพียงไม่กี่คนที่สังเกตว่า พิมพ์ลดายืนห่างออกมาเล็กน้อย ทว่าแววตาที่มองศิรินทิพย์นั้นเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย ศิรินทิพย์ละสายตามองครู่หนึ่ง แล้วจึงหันกลับมาทำตามพิธีด้วยท่วงท่าสงบ
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ที่มาเป็นสักขีพยานให้พวกเรา” ประกาศิตกล่าวหลังตัดเค้ก น้ำเสียงของเขานุ่มและจริงใจ
“ผมหวังว่าสองครอบครัวเราจะร่วมมือกันอย่างดีทั้งทางธุรกิจและในฐานะคู่ค้าของกันและกัน” เขาพูดหยอกปิดท้าย
“ถ้าอาหารอร่อย ชมเจ้าของบ้านนะครับ แต่ถ้าชาเขียวหวานไปหน่อย ชมผมครับ เพราะผมเป็นคนแอบขอเพิ่มน้ำเชื่อมเอง” ผู้คนหัวเราะเบา ๆ กับอารมณ์ขันของเขา บรรยากาศในงานผ่อนคลายลง
ขณะที่แขกทยอยรับประทานของหวาน พราวรุ้งกำลังเก็บแก้วบนโต๊ะผู้ใหญ่ด้วยมือที่สั่นเพียงน้อยไม่ใช่เพราะความเหนื่อย แต่เพราะความหนักอึ้งในหัวใจ เธอแอบเงยหน้ามองเวทีอีกครั้ง ศิรินทิพย์ยิ้มจาง ๆ ทว่าในตาเต็มไปด้วยความเศร้า
“น้องพราวพักหน่อยไหม” แก้วใจยื่นขวดน้ำให้
“พราวไหวค่ะพี่ เดี๋ยวเสร็จโต๊ะนี้แล้วค่อยพัก” พราวรุ้งเอ่ยตอบ
สายลมเย็นยามบ่ายกระทบระฆังลม ก้องแผ่วเหมือนเตือนว่าค่ำคืนนี้กำลังใกล้เข้ามา ทุกอย่างดูสวยงามและปกติถ้ามองจากภายนอกงานแต่งของสองตระกูลใหญ่ที่เหมาะสมกันที่สุด แต่ในความเงียบ มีข้อตกลงบางอย่างที่ซุกซ่อนเอาไว้ และใครบางคนกำลังยอมแลกบางสิ่งที่สำคัญเพื่อคนที่รัก
เมื่อพิธีจบลง ดวงไฟระยิบระยับถูกจุดขึ้นทั่วสวน แขกเริ่มทยอยกลับ ประกาศิตยืนส่งอย่างสุภาพ เขายังยิ้ม แต่แววตาแอบมองตามร่างเล็กที่กำลังยกถาดจานเข้าครัว ราวกับมองผ่านม่านหมอกของกาลเวลา
“ขอบคุณที่มานะครับคุณอา”
“ยินดีมาก ๆ หลานชาย ดูแลหนูศิให้ดี ๆ”
“ครับผม” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเงียบสงบลง ศิรินทิพย์เดินมาหาเขา
“วันนี้เหนื่อยไหมคะ”
“นิดหน่อยครับ น้องศิเหนื่อยไหม ถ้าเหนื่อยพี่จะนวดให้คลายเมื่อย” เขาตอบติดตลก
ศิรินทิพย์ยิ้มบาง ๆ
“พี่ใหญ่ใจดีเสมอเลยนะคะ”
“เราโตมาด้วยกัน เราก็เหมือนน้องสาวของพี่ มีอะไรก็บอกพี่ได้” คำพูดนั้นเหมือนม้วนผ้าไหมที่คลุมความจริงเอาไว้อย่างนุ่มนวล เขาจะบอกเธอกลายๆ ว่าเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาว ไม่ต้องกังวลอะไรไป เหมือนจะรู้ด้วยว่าเธอเองก็ไม่ได้มีใจให้เขาเช่นกัน
ศิรินทิพย์ก้มหน้ารับคำอย่างสุภาพ พิมพ์ลดาที่คอยอยู่ไม่ไกลเงยขึ้นสบตาเจ้าสาว และขยับยิ้มให้กำลังใจ เธอเอ่ยเบา ๆ
“คุณหนูแวะทานซุปอุ่น ๆ ก่อนไหมคะ”
“ขอบคุณค่ะพี่พิมพ์ลดา” ศิรินทิพย์เอ่ยตอบ ก่อนหันไปบอกประกาศิต
“งั้นเจอกันตอนค่ำนะคะพี่ใหญ่”
“ครับ ตามสบาย”
ค่ำคืนคืบคลานอย่างช้า ๆ ไฟระย้าตามทางเดินสว่างขึ้นทีละดวง ห้องหอถูกตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้สีครีม กลิ่นดอกไม้สดลอยอ่อน ๆ
ประกาศิตยืนอยู่หน้ากระจก จัดเน็กไทง่าย ๆ แล้วยิ้มกับเงาตัวเอง
เขาไม่ได้คิดจะล่วงเกินใครมาตั้งแต่แรก แผนในหัวของเขาคือคุยให้ชัดเจนว่าหลังพิธีเสร็จสิ้น ธุรกิจดำเนินไปด้วยดี จะหาทางแยกย้ายไปอย่างผาสุก
ในอีกฟากหนึ่งของบ้าน ห้องเล็กชั้นล่างที่พราวรุ้งพักชั่วคราวมีเพียงโคมไฟตั้งโต๊ะส่องแสงอบอุ่น พราวรุ้งกุมมือแน่นจนเย็นเฉียบ เธอคิดถึงคุณยาย ยายสายบัวที่กำลังป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ความทรมานจากโรคและค่ารักษาที่พอกพูนคือเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจ
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น
“พราวรุ้ง” ศิรินทิพย์ยืนอยู่พร้อมกับพิมพ์ลดา ทั้งสองมองเจ้าของห้องอย่างเอ็นดูระคนเห็นใจไม่น้อย
บทที่ 1 1
25/11/2025
บทที่ 2 2
25/11/2025
บทที่ 3 3
25/11/2025
บทที่ 4 4
25/11/2025
บทที่ 5 5
25/11/2025
บทที่ 6 6
25/11/2025
บทที่ 7 7
25/11/2025
บทที่ 8 8
25/11/2025
บทที่ 9 9
25/11/2025
บทที่ 10 10
25/11/2025
บทที่ 11 11
25/11/2025
บทที่ 12 12
25/11/2025
บทที่ 13 13
25/11/2025
บทที่ 14 14
25/11/2025
บทที่ 15 15
25/11/2025
บทที่ 16 16
25/11/2025
บทที่ 17 17
25/11/2025
บทที่ 18 18
25/11/2025
บทที่ 19 19
25/11/2025
บทที่ 20 20
25/11/2025
บทที่ 21 21
25/11/2025
บทที่ 22 22
25/11/2025
บทที่ 23 23
25/11/2025
บทที่ 24 24
25/11/2025
บทที่ 25 25
25/11/2025
บทที่ 26 26
25/11/2025
บทที่ 27 27
25/11/2025
บทที่ 28 28
25/11/2025
บทที่ 29 29
25/11/2025
หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN
ข้อมูลเพิ่มเติม