Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ

ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ

ปูริดา

5.0
ความคิดเห็น
13K
ชม
112
บท

ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”

บทที่ 1 ตอนที่ 1

ผมลากไล้ปลายนิ้วบนขอบแก้วที่ภายในมีน้ำสีอำพันอยู่เกือบจะครึ่งด้วยสับสนระคนปวดร้าวใจ

กี่แก้วแล้วที่ผมดื่มเจ้าน้ำนี่เข้าไป...ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะคืนนี้ผมแค่อยากจะดื่มให้เมา...จะได้ลืมความเจ็บปวด ดื่มเพื่อให้ลืมเรื่องที่มันยังคงดังก้องอยู่ในหู

ฮึ! ผมหัวเราะเยาะเย้ยตนเองที่มองคนไม่ออก ไม่น่าเชื่อว่าจะคบกับเธอคนนั้นมาได้ถึงเจ็ดปีด้วยกัน คบกันตั้งแต่เรียนมัธยมห้า จวบจนเรียนจบมหาวิทยาลัย เริ่มต้นทำงานเก็บเงินเพื่อจะได้สร้างครอบครัวกับเธอ แต่สุดท้ายแล้วเธอกลับมาบอกผมว่า...

“สอง...เราเลิกกันเถอะ”

เธอบอกเลิกผมในวันที่ผมจะขอเธอแต่งงาน...

“ทำไมละแพรว...ผมทำอะไรผิดเหรอ” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไหนเราสัญญากันไว้แล้วไง หลังเรียนจบ ทำงานเก็บเงินสักระยะ แล้วเราจะแต่งงานกันไง”

ความจริงผมก็พอจะรู้มาสักระยะ...อ๋อ ไม่ใช่สิ น่าจะรู้ระแคะระคายเรื่องที่แฟนสาวเริ่มมีทางทีที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ขึ้นปีสามแล้วล่ะ ตอนนั้นผมยังพยายามคิดในแง่ดีอยู่ เป็นเพราะเราเรียนกันหนัก เลยไม่ค่อยมีเวลาได้พบกัน อีกทั้งเราทั้งคู่ต่างก็ต้องวางแผนเรื่องอนาคตที่มันจะต้องดีและเต็มไปด้วยความสุข ผมยังคงพยายามเชื่อแบบนั้นมาตลอด ทั้งที่เพื่อน ๆ ของผมต่างก็พยายามบอกให้รู้...

แพรวไปกับผู้ชายคนอื่นอยู่เสมอและผู้ชายคนนั้นก็มิใช่คนอื่นคนไกล เป็นคนที่ผมรู้จักดี เป็นคนที่ผมรู้และเชื่อว่า เขาพร้อมที่จะแทงข้างหลังผมได้เสมอ ทั้งที่เราเป็น...พี่น้องกัน!

รอยยิ้มของแพรวเต็มไปด้วยความหยามหยัน เหยียดหยาม ความหมายจากดวงตาที่มองมา...เหมือนกับว่าผมเป็นหมาวัดแต่หมายปองดอกฟ้า ไม่เจียมตัวเองเอาเสียเลย

“เพราะไม่ว่าทำยังไง สองจะไม่ได้เป็นที่หนึ่งไง สองไม่เคยกระตือรือร้นที่จะสร้างบริษัทของตัวเองอย่างที่เคยบอกกับแพรว เพราะสองต้องทำงานที่บริษัทของพ่ออย่างเดียว แล้วยังจะเป็นได้แค่พนักงานกระจอก ๆ ที่อย่าว่าแต่จะได้ขึ้นเงินเดือนเลย แค่โอกาสที่จะได้เป็นผู้จัดการอย่างคนอื่นที่เงินเดือนขึ้นแล้วขึ้นอีกก็ไม่มี”

ก็จะมีได้ยังไงล่ะ ในเมื่อทุกคนคอยแต่กดไม่ให้เขาโง่หัวนะ ให้ผมทำดีแค่ไหนก็แค่เสมอตัว แต่เมื่อไหร่ที่ทำได้ไม่ดี ทำผิดพลาดไป ก็จะมีคนพูดจาเหยียดหยามกระแทกแดกดันใส่ เป็นแค่คนโง่ที่ริอาจทำตัวว่าเก่ง หน้าตาก็ไม่ดีแล้วยังไม่มีสมองอีก

“แล้วอย่างนี้จะให้แพรวเชื่อได้ยังไงว่าสองสามารถเลี้ยงดูแพรวกับลูกให้อยู่สุขสบาย มีรถไว้ขับไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องกังวลว่าถ้าดึกดื่นแล้วจะไม่มีรถกลับบ้าน มีเงินมีทองให้ใช้โดยไม่ต้องเดือนเนื้อร้อนใจ ไม่ต้องกังวลว่าต้นเดือนมีเงินแต่พอปลายเดือนต้องประหยัด เพราะเงินไม่พอจะซื้อของดี ๆ กิน”

ใครว่าเขาไม่เคยคิด แต่เพราะความสามารถผมไม่ถึงไง ผมถึงต้องทนให้พี่ชายโขกสับ ทำงานในตำแหน่งเล็ก ๆ ในบริษัทของพ่อ รับเงินเดือนที่พอจ่ายค่าอาหารกลางวันและค่ารถไปกลับก็แทบจะไม่เหลือแล้ว

“มันหมดยุคที่จะกัดก้อนเกลือกินแล้วล่ะสอง ถ้าไม่คิดทำอะไรให้ดีกว่านี้ เราก็เลิกกันเถอะ ถ้ายังรักกันอยู่ ก็ปล่อยแพรวไปเถอะ อย่าเป็นตัวถ่วงของแพรวเลยค่ะ”

“นั่นสินะ...” ผมพูดเสียงเบาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ขณะมองคนรักด้วยสายตาเจ็บปวดและผิดหวัง “สองจะไปสู้พี่...คุณเป็นหนึ่งได้ยังไงกันล่ะ ทั้งหน้าตาดี เป็นถึงลูกคุณหญิงที่แต่งงานกันอย่างสมเกียรติ ฐานะการงานก็ดีไปหมด ส่วนสองก็เป็นเพียงแค่ลูกเมียน้อยที่พ่อไม่ได้อยากจะให้เกิดมาสักหน่อยนี่เนอะ”

ที่ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมคุณเป็นหนึ่งถึงได้จองล้างจองผลาญผมไม่ยอมหยุดเสียที ทั้งที่เขาดีกว่าผมมากมาย เป็นลูกคุณหญิงที่ร่ำรวยมีหน้ามีตา มีทั้งพ่อและแม่ที่รักจนแทบจะทูนหัวทูลเกล้าให้ทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ได้เสมอ ผิดกับผมที่เป็นเพียงแค่ลูกที่พ่อไม่ได้ต้องการจะให้เกิดมา แต่ไม่ใช่แม่ที่กว่าจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไรก็เมื่อมีผมอยู่ในท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่รู้ว่าพ่อไม่ได้ต้องการทั้งผมและแม่ แต่แม่ก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายผม ไม่คิดทอดทิ้งและไม่ได้คิดจะให้ผมไปอยู่กับพ่อ เพียงแค่...อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดมาพรากแม่ไปจากผม ทำให้ผมต้องมาอยู่เป็นคนในบ้านของพ่อ

เขารับว่าผมเป็นลูกนะ...ให้การศึกษา แต่ไม่ให้ความรักและไม่ยอมให้ใช้นามสกุล นอกจากเพื่อนที่สนิทจริง ๆ สองคนเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นพ่อผมและผมเป็นน้องชายคนละแม่กับคุณเป็นหนึ่ง ซึ่งแรก ๆ ผมก็ไม่เข้าใจอะไร แต่เมื่อโตขึ้น ก็เริ่มรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรและรับได้ในบางส่วน ยกเว้นเรื่องงานที่ความจริงแล้วผมอยากจะเรียนทำอาหาร อยากมีร้านอาหารเล็ก ๆ เป็นของตัวเองสักร้าน แต่พ่อบอกผมต้องเรียนการเงิน ต้องเรียนบัญชี เพื่อทำงานในบริษัท ซึ่งผมก็ขัดอะไรไม่ได้ ต้องทำตามที่เขาสั่ง ในขณะที่คุณเป็นหนึ่งอยากทำอะไรก็ได้ทำ คงเป็นอย่างที่ผมได้ยินมาเสมอจริง ๆ นั่นแหละ...

ลูกคนโตมักเป็นที่รักของพ่อแม่ ของปู่ย่าตายาย ไม่ว่าจะทำเหี้ยอะไร ก็ยังมีคนคิดว่าดี ยังคงมีแต่คนชื่นชมชื่นชอบเสมอ ไม่ว่าจะทำผิดแค่ไหน ไม่ต้องถูกทำโทษ ได้รับโอกาสให้แก้ตัว เพราะพี่คนโตต้องเสียสละคอยดูแลน้อง

ลูกคนสุดท้อง น้องน้อยที่จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ ต้องเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม ทำราวกับว่าถ้าไม่ยอมจับเอาไว้ให้ดี เผลอปล่อยมือไปแล้วจะล้มจนเจ็บกาย อยากได้อะไรก็ต้องได้!

“สองอย่ามาพูดดูถูกเราแบบนี้นะ เราไม่ได้คิดจะจับพี่เป็นหนึ่งเลย”

ผมหัวเราะอย่างขมขื่น “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ แพรวร้อนตัวไปเองมากกว่า แต่เอาเถอะ จะเลิกก็เลิก สองก็ไม่อยากจะดึงรั้งคนที่หมดใจไว้เหมือนกัน หวังว่าแพรวจะจับคุณเป็นหนึ่งได้อยู่หมัดนะ ไม่ใช่ว่าพอบอกเลิกกับผมแล้ว ก็ถูกคุณเป็นหนึ่งทิ้งไปด้วยล่ะ” ผมเชื่อว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริง เพราะคุณเป็นหนึ่งเพียงแค่อยากจะเหยียบย่ำทำร้ายผม แย่งชิงทุกอย่างที่คิดว่านั่นคือของที่ผมรัก ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ผมอยู่อย่างไม่เป็นสุข คุณเป็นหนึ่งพร้อมที่จะทำ!

“สองจะเอาเรื่องที่แพรวเคยเป็นแฟนสองไปบอกกับพี่หนึ่งหรือไง คิดว่าพี่หนึ่งจะเชื่อสองหรือไง”

“ไม่จำเป็นหรอกแพรว ผมไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย เพราะอย่างคุณเป็นหนึ่งนะ ถ้าอยากรู้อะไร ก็สามารถรู้ได้เสมอแหละ เพียงแต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น ในเมื่อเราสองคนเคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน ผมก็ขออวยพรให้แพรวได้ในสิ่งที่หวังละกัน”

ผมปล่อยมือจากแพรวและมองหญิงที่คิดว่าจะสร้างครอบครัวด้วยกันเดินจากไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด แม้อยากจะไขว่คว้าให้เธอยังคงอยู่ข้างกาย แต่ผมก็รู้ เมื่อเขาหมดใจแล้ว ไม่ว่าจะรั้งยังไงสุดท้ายก็ต้องจากลากันอยู่ดี ถ้าผมยังไม่ยอมปล่อยวาง ก็เป็นตัวผมนั่นแหละที่จะเจ็บที่สุด

“ขอผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”

ผมเหลือบมองคนที่มานั่งใกล้ ๆ อย่างไม่สนใจเพียงแค่แวบหนึ่ง ก่อนดวงตาจะจับจ้องมองแก้วที่มีน้ำสีอำพันอยู่ข้างใน

“ดูเหมือนว่าคุณคงจะเพิ่งอกหักมา ถึงได้มาดื่มคนเดียวแบบนี้ ให้ผมนั่งดื่มเป็นเพื่อนดีกว่านะครับ”

ก็แค่อยากดื่มคนเดียว เจอคนมากวนแบบนี้ ผมว่า...ผมกลับไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปเป็นเบ้ให้เขาใช้งานอีก! แต่ผมกลับถูกเขาจับมือเอาไว้

“เดี๋ยวสิครับ จะรีบไปไหนละ คุยกันก่อนไหม ผมกำลังคิดว่ามีข้อเสนอดี ๆ ที่คุณน่าจะสนใจอยู่นะ”

“ปล่อย”

“อยากได้ความรักแท้ไหม”

“รักแท้!” ผมอยากจะหัวเราะให้แผ่นดินพลิกกลับ สมัยนี้มันจะมีเหรอ รักแท้นะ หรือถ้ามี...คิดว่ามันจะหาพบกันได้ง่าย ๆ หรือยังไง

“ถึงคุณจะไม่เชื่อ แต่ทำไมไม่ลองฟังที่ผมจะบอกกับคุณก่อนละ”

น้ำเสียงเหมือนจะท้าทายว่าคนอย่างผมที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง คงจะทำไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง ทำให้ผมซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาหันมาสนใจ ทั้งที่ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้ลังเลที่จะตอบออกไปหรอกนะ

ไม่ต้องรักแท้หรอก แค่มีใครสักคนอยู่กับผมในวันที่ผมท้อแท้สิ้นหวัง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวงก็คงดีกว่าที่ผมจะกลับไปที่บ้านหลังนั้น...ที่ซึ่งผมเป็นเพียงแค่ส่วนเกินที่เขาไม่ต้องการ ที่ซึ่งไม่เคยมีความรักให้กับผมเลย

“ที่ไหน”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ ปูริดา

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ