Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ไฟรักไฟเชลย
5.0
ความคิดเห็น
32.6K
ชม
96
บท

เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง

บทที่ 1 ตอนที่ 1

เมื่อทางที่จะทำให้น้องสาวได้จัดการคนบางคนถูกขวางทางเอาไว้ เขาจำเป็นต้องถางทาง(เธอ)...ออกไป แต่เมื่อคุณเธอไม่ยอม แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ!

หนึ่งสาวร้าย ก็ปากไม่ได้จัดสักเท่าไหร่นะ แค่มีคนพูดลับหลังว่าเลี้ยงสุนัขไว้หรือเปล่าเท่านั้นเอง

หนึ่งหนุ่มหล่อ...หล่อมาก หน้าตาคมเข้ม การแต่งกายก็เริดหรูดูดี(หรือเปล่าไม่แน่ใจ) ที่หลายครั้งถูกเรียกหลับหลังว่าคุณสำอาง

เมื่อสองหนุ่มสาวมาเจอกัน ศึกนี้ใครจะชนะ?

chapter 1

เสียงประตูห้องพักเปิดออก ทำให้คนที่นอนหงุดหงิดอยู่บนเตียง เพราะเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก ด้วยขาขวาถูกพันไว้ด้วยเฝือกพลาสติกเพื่อช่วยพยุงกระดูกที่ร้าวอยู่ไม่ให้เคลื่อนที่ผิดรูป อันเนื่องมาตอนที่รถไปชนเข้ากับต้นไม้นั้น ตัวเธอได้กระแทกเข้ากับขอบประตูอย่างรุนแรง ยังดีว่ากระจกที่แตกร้าวไม่กระเด็นมาบาดตามผิวให้เป็นรอยแผลอันน่าเกลียด ส่วนขานี่...เธอไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไปโดนอะไรมาถึงได้แตกร้าวจนต้องเข้าเฝือกนานแรมเดือนแบบนี้ จะเดินจะเหินก็ไม่สะดวกเอาเสียเลย

ใบหน้านวลผ่องเรียวรูปไข่ค่อนไปทางซีดแย้มยิ้มอย่างเริงร่า ดวงตาเบิกกว้างอย่างยินดี เมื่อเห็นหน้าคนมาเยี่ยมในวันนี้ คนซึ่งเธออยากเจอหน้าที่สุดคนหนึ่งนับรองจากมารดา แต่รู้ดีว่าอีกฝ่ายนะยุ่งมากถึงมากที่สุด หน้าที่การงานและภาระอันหนักอึ้งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้เขาโผล่หน้ามาหาเธอได้ อยากจะลุกขึ้นกระโดนไปโอบแขนรอบคอแล้วกดจมูกบนแก้มสากด้วยไรเคราเขียวเป็นปื้นสักสองสามฟอน แต่ก็ทำได้เพียงแค่ขยับพลิกตัวที่ก็เคล็ดขัดยอกแปลบๆ ไปทั่วร่าง

“พี่ใหญ่! ดีใจจังเลยคะที่พี่ใหญ่มาเยี่ยม” เปรมมิกาเอ่ยพูดเสียงใสแจ๋ว ตื่นเต้นและยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นหน้าพี่ชายต่างบิดา คนซึ่งเธอรักไม่น้อยกว่ามารดาผู้ให้กำเนิด

มือเล็กยื่นไปหาอีกฝ่ายเพราะต้องการได้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ จากผู้เป็นพี่ชายพร้อมกับน้ำตาเอ่อล้นไหลคลอเบ้าอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ เมื่อได้เห็นคนที่หวังดีกับเธอจริง ๆ ไม่ใช่ต่อหน้าคือหวังดี ปากบอกว่ามาเยี่ยม แต่ไม่เคยมีใครสักคนที่จะถามไถ่เรื่องอาการเลยสักนิด มีแต่จะต่อว่าต่อขานที่เธอทำให้ครอบครัวอับอายขายขี้หน้า มิหนำซ้ำลับหลังยังพูดจานิทาว่าร้าย ไม่เคยหยุดพูดจาดูถูกหยามเหยียดให้เจ็บไปถึงหัวใจ อึดอัดจนอยากจะร้องไห้เสียก็หลายครั้ง แต่พอเห็นหน้าเศร้าเหงาของแม่ ทำเอาน้ำตาที่ควรจะไหลออกมาข้างนอกกลับไหลย้อนกลับเข้าไปข้างในแทน ทว่าตอนนี้...เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาได้อย่างไม่ต้องกักเก็บอีกแล้ว

“ยังไงละเรา ดูหน้าตาสดชื่นแจ่มใสขึ้นแล้วนี่” ผู้ที่ถูกเรียกว่า “พี่ใหญ่” เอ่ยทักด้วยใบหน้าที่แย้มยิ้มซึ่งน้อยคนนักที่จะได้เห็น กายหนาแกร่งเดินไปที่หยุดริมขอบเตียง กวาดสายตามองไปทั่วร่างแบบบางในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลอย่างโล่งไปทั้งทรวงเหมือนกับยกภูเขาอก เมื่อเห็นว่าน้องสาวบาดเจ็บเพียงแค่ภายนอกจริงๆ

“นึกยังไงถึงเอาตัวไปวัดถนนแบบนั้น อยากรู้มากนักหรือไง ไอ้พื้นถนนนั่นมันหนาเท่าไหร่” ชายหนุ่มถามประชดประชัน มือแกร่งยื่นไปทาบบนศีรษะทุย เขย่ายีผมนุ่มสลวยจนฟูสยาย

“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ วัดแล้วคุ้มไหม จะไปวัดอีกเมื่อไหร่ก็ช่วยบอกด้วยนะ คราวนี้พี่จะได้ส่งปอเต็กตึ้งไปคอยเก็บศพ”

อื้อฮื้อ...พี่ชายฉัน เล่นถามกันแบบนี้เลยนะ แทนที่จะถามว่าเธอเป็นยังไง เจ็บตรงไหนบ้าง ไม่มีเสียละ แต่ก็นี่แหละ นิสัยพี่ชายเธอ ปากร้ายเอาไว้ก่อน แต่ภายในนะคงเป็นห่วงเธอจะแย่แล้วละ

“พี่ใหญ่ก็ลองขับรถไปชนต้นไม้ดูบ้างซิคะ จะได้รู้ว่าเจ็บหรือว่าไม่เจ็บ” เอาดิ ถามรวนมาเธอก็ตอบรวนกลับไป

“ไม่ละ พี่มันพวกหนังบาง ไม่ปัญญาอ่อนพอจะเอาตัวเองไปวัดความหนาของพื้นถนนกับต้นไม้” ชายหนุ่มตอบแบบจิกกัดตามไปอีกนิด

“แล้วนี่ป้านาทไปไหน ทำไมถึงไม่อยู่ดูแลเราละ” เขาเอ่ยถามถึงนาทฤดีมารดาของอีกฝ่าย เมื่อมองไปแล้วไม่เห็น จะอยู่ในห้องน้ำก็ไม่ใช่ เพราะประตูเปิดอยู่

“แม่หรือคะ เปรมไล่ให้กลับไปบ้านแล้วละ อยู่นี่ก็เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายท่าเดียว ทำเอาเปรมปวดหัวมากกว่าจะรีบหายกลับไปนอนตีพุงที่บ้านอีกค่ะ” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเอือมระอา แต่น้ำเสียงของเปรมมิกากลับเต็มไปด้วยความรักมากมายจนแทบจะล้น แม่เหนื่อยกับการมาเฝ้าดูแลเธอจนไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนแล้ว ตอนนี้เธอเองก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ก็เลยอยากให้แม่พักผ่อนบ้าง

“พี่ใหญ่ถามถึงแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ศีรษะทุยเอียงเล็กน้อยอย่างสงสัย ก็รอยวันพันปี แม่แทบจะไม่พูดกับการันต์เลย แบบว่ากลัวมาดเข้ม ๆ หน้าเรียบเฉยจนเย็นชาและสายตาดุ ๆ ของพี่ชายคนนี้ แม่บอกว่าเห็นทีไรหัวใจจะหยุดเต้นเสียทุกครั้ง แต่เธอมองแล้วไม่เห็นว่ามันจะดุตรงไหน ออกจะน่ามองละไม่ว่า ดวงตาสีสีสนิมแวววาวคงความรู้สึกเฉยชาเป็นเนืองนิตย์ดูมีเสน่ห์ ลึกลับและน่าค้นหาจะตายไป

“เปล่า” สองมือใหญ่สอดในกระเป๋ากางเกง เดินไปหยุดอิงขอบประตูกระจกแก้วใส มองออกไปนอกโรงพยาบาล ถนนเส้นใหญ่มีรถวิ่งขวักไขว่ไปมาอย่างน่าปวดหัว เขาไม่ชอบเข้ามาในกรุงเทพเลย รถติด อากาศไม่บริสุทธิ์ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เห็นแก่ตัวและยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองไม่เคยจะสนใจคนรอบข้าง ลองถามดูว่ารู้จักคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงหรือเปล่า เก้าในสิบหลังคือไม่รู้จัก

“พี่จะได้คุยกับเราสะดวกหน่อย”

“เรื่อง?” เปรมมิกาเอียงศีรษะมองตามร่างแผ่นหลังกว้างอย่างแปลกใจ การันต์ดูเครียดขรึมมาก ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยอยู่เป็นเนืองนิตย์อยู่แล้วยิ่งเรียบเฉยจนเหมือนกับถูกใครบล็อกเอาไว้ด้วยปูนซีเมนต์ นัยน์ตาแข็งกระด้างดุค่อนไปทางน่ากลัวเลยเชียวแหละ ฟันขาวขบกัดกลีบปากนุ่ม คิ้วโก่งขมวดมุ่นเข้าหากันจนเกือบจะผูกเป็นปม ความรู้สึกมันบอก เรื่องที่อีกฝ่ายจะคุยด้วยนั้น เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่เธอประสบอุบัติเหตุนี่แหละ แต่มันเรื่องอะไรหว่า?...

“ที่ไปเมาจนเกิดอุบัติเหตุนะ ไม่ใช่เพราะอกหักรักคุดใช่ไหม”

อื้อฮื้อ...ถามตรงเป๊ะ ไม่อ้อมค้อมเลยพี่เรา ว่าแต่เรื่องที่เธออกเดาะนี่ ขนาดแม่อยู่ด้วยกันทุกวันยังไม่รู้เลยว่าเธอถูกผู้ชายที่คบหากันมาตั้งหลายปีทิ้งไปหาผู้หญิงคนใหม่ แล้วการัตน์รู้ได้ยังไง ใครปากโป้งหว่า? เซ็งจริงๆ เลย พวกพูดมากปากไม่มีหูรูดนี่

เปรมมิกาเบะหน้าอย่างเบื่อหน่าย อย่างนี้นี่เอง ญาติฝั่งบิดาถึงได้รุมประณามว่าเธอทำตัวไม่สมกับเป็นลูกของพ่อเอาเสียเลย ทำเสื่อมเสียวงศ์ตระกูล จนร่ำ ๆ อยากถามไปว่า เรื่องความรักของเธอมันเกี่ยวอะไรกับวงศ์ตระกูล ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้คิดจะนับว่าเธอเป็นญาติอยู่แล้ว และที่สำคัญก็คือว่า เธอไม่ได้ใช้นามสกุลบิดาสักหน่อย เธอเป็นแค่ลูกที่คนในครอบครัวพ่อไม่ต้องการ จนถึงกับรวมหัวกันให้เงินและบังคับให้แม่ไปทำแท้งด้วยซ้ำ แม้แม่จะใจแข็งและต้านเพียงใดก็ยังเพลี่ยงพล้ำเกือบจะถูกจับกรอกยาขับออก ทว่าเธอยังโชคดีที่วันนั้นแม้การัตน์จะอายุน้อยเพียงแค่เจ็ดขวบ แต่เด็กชายตัวน้อยกลับมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ปกป้องหญิงหัวอ่อนคนหนึ่งไว้จนเธอได้เกิดมา

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ ปูริดา

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ