เจ้าบ่าว (ไม่) จำกัดรักซีรีส์ เจ้าบ่าวขบวนสุดท้าย

เจ้าบ่าว (ไม่) จำกัดรักซีรีส์ เจ้าบ่าวขบวนสุดท้าย

สรีสามัญ

5.0
ความคิดเห็น
945
ชม
12
บท

รื่องราวชวนปวดหัวเมื่ออรณิมารับท้าพนันกับปาภัทรเพื่อให้ธีรรภัคหนุ่มหล่อหน้าตาดีมาตกหลุมรัก เรื่องจะอลวนอลเวงขนาดไหนมาอ่านกันเลย! +++ โปรยปราย “คืนนี้คุณจะเป็นของผม คุณต้องชดใช้ให้ผมได้ยินไหมอรณิมา” ท้ายประโยคธีรรภัคเอ่ยเสียงชัดถ้อยชัดคำจนหญิงสาวอดกลัวใจชายหนุ่มไม่ได้ อรณิมาจำต้องเก็บถ้อยคำที่อยากจะพร่ำด่าเขาออกมา เมื่อหญิงสาวเห็นเพียงแววตาที่สะท้อนกับหยาดน้ำตาคู่นั้น...แววตาพราวระยับมัวหมองจนมิเหลือเค้าของเพื่อนร่วมห้องเรียนคนก่อน ...นายภัค ประตูห้องถูกเปิดออกด้วยคีย์การ์ดใบเดียว เวลานี้อรณิมาถูกปิดตาอยู่ ธีรรภัคเหลียวมองใบหน้าหวานที่ถูกปิดตาอย่างกรุ่นโกรธ ยามนี้ชายหนุ่มพาดร่างของอรณิมาไว้กับบ่าของเขา นับแต่ที่เขารู้เรื่องการพนันของอรณิมา กับปาภัทร ความผิดหวังก็เข้ามาก่อตัวขึ้นมาเรื่อย ผิดหวังที่เพื่อนทั้งสองรวมหัวกันหลอกเขา คนหนึ่งล้อเล่นกับความรู้สึกเพื่อน แต่อีกคนหนึ่งอยากเสนอให้เขาแทบขาดใจ ดวงใจของชายหนุ่มนั้นแหลกสลาย ธีรรภัคคนเดิมคนเป็นผู้ชายที่โง่งมมากที่ตกหลุมรักสตรีที่มีมารยาร้อยเล่มเกวียนอย่างอรณิมา “เลิกมารยาสักที อรณิมา” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นขณะอุ้มหญิงสาวชุดเดรสยาวหางปลาหรูหราลงกับเตียงอย่างรุนแรง “ภัคเปิดตาให้อรเถอะนะ” อรณิมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หญิงสาวคว้ามือเปะปะไปมาในอากาศ “…” ธีรรภัคไม่ตอบรับในทันที กระนั้นนัยน์ตาของชายหนุ่มกลับเหลือบเห็นชายผ้า “ไหนอรบอกว่าอยากใช้ร่างกายแลกกับความผิดที่อรก่อไว้ไง” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นขณะตวาดหญิงสาวดังสนั่น อรณิมาไหล่สั่นเล็กน้อย หญิงสาวพยายามกระถดหนีเสียงอย่างเขา “ภัคจะปิดตาอรไว้แบบนี้แหละ” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นอย่างชิงขังในมารยาร้อยเล่มเกวียนของหญิงสาว ‘ความแค้นวันนี้ต้องชำระวันนี้สิ’ ธีรรภัคคิดในใจ มือหนาถอดรองเท้าของตนเองออก ในเวลานี้ชายหนุ่มมีแต่ความแค้นเคืองต่อหญิงสาวถึงที่สุด “ภัคจะทำอะไร...อร” อรณิมาหวีดร้องสุดเสียงเมื่อได้ยินเสียงเสียงแควกดังขึ้นใกล้ตัวของหญิงสาว “จำคำพูดตัวเองแล้ว...จำวันนี้ไว้ให้ดี...ยัยเพิ้งอรณิมา” ธีรรภัคเอ่ยแล้วตวาดหญิงสาวเสียงดังสนั่นห้องนอนโรงแรมห้าดาว ดีลักซ์หรูหรา อรณิมารู้สึกหวาดกลัวถึงที่สุด เมื่อมือหนาของชายหนุ่มกระฉากชุดเดรส ของเธอออกมากองที่เรียวขาของเธอ +++

บทที่ 1 บทนำ

บทนำ

เวลา 07.00 น.

พุทธศักราช 2564

บ้านเดี่ยวย่านใจกลางเมืองหลวงขนาดหลายตารางวา

ตัวบ้านทาสีขาวสะอาดตา กระเบื้องลายสีฟ้าสะดุดตาถูกปูทับซ้อนกันเป็นมุมสูงตามแปลนบ้านแบบที่เจ้าของโครงการบ้านได้ให้สถาปนิกผู้ชำนาญได้ออกแบบหมู่บ้านนี้มาอย่างดี

แสงแดดยามเช้าอาบไล้ประตูรั้วบ้านลวดลายหงส์

ที่ออกแบบอย่างวิจิตร…ดูแล้วชวนประหลาดตายิ่งนัก

ถัดเข้าไปในบ้านหลังใหญ่พื้นหญ้าเขียวขจีทอดยาวไป

ตั้งแต่ประตูรั้วบ้านจรดหน้าบานประตูบ้านบานกระจก

กระจกหน้าบ้านเเบบบานสไลด์ถูกล็อคจากหน้าบ้านอย่าง

แน่นหนาเพื่อป้องกันโจรผู้ร้ายที่ชุกชุมในละแวกนั้น

แสงแดดยามเช้าสาดเล็ดลอดเข้าไปในห้องโถงขนาดกว้าง ร่างสูงโปร่งของธีรรภัคนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้

ชายหนุ่มบิดขี้เกียจเล็กน้อยด้วยท่าสบาย ๆ มือเรียวหนาของเขาเอื้อมเสยผมขึ้น

แสงสะท้อนของรัศมีสุริยาสะท้อนให้เห็นใบหน้าเรียวรูปไข่ ผิวสีสำลียิ่งยามสะท้องแสงตะวัน ยิ่งขับให้ผิวนวลผ่องขึ้นกว่าเดิม

ชายหนุ่มสวมกางเกงบ๊อกเซอร์สีฟ้าตัวเดียว ธีรรภัคเคยชินกับการอยู่บ้านคนเดียวตามประสาหนุ่มโสด ธีรรภัคไม่สวมเสื้อเขาเปลือยท่อนบนอย่างรู้สึกสบายตัว

ร่างสูงโปร่งเหลียวมองกระจก ภาพเบื้องหน้าของชายหนุ่มอดทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เวลานี้เขามีกล้ามเนื้อเป็นมัดหน้าท้องเขา ใช่...เขามีซิกแพ็ก

ปีนี้ธีรรภัคอายุอานามก็ปาเข้าไป 36 พอดี กระนั้นยิ่งเขาอายุเยอะเท่าไหร่เขากลับต้องดูแลรักษาร่างกายตนเองมากยิ่งขึ้นจนคนแถวบ้านมักคิดว่าเขามีอายุ 29 ปี กระนั้นธีรรภัคก็หาได้สนใจอะไรไม่

เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้น ธีรรภัคเอื้อมมือเรียวขึ้นหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมาสไลด์แล้วรับสาย

“ฮัลโหล” เสียงนุ่มกรอกลงไปตามสาย ดวงหน้าคมคายแต้มรอยยิ้มอ่อนขับให้ดวงหน้าของชายหนุ่มหวานกว่าเดิม

ธีรรภัคกรอกเสียงลงไปแล้วเอาหูแนบกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด

ขายาวสองข้างพาชายหนุ่มมาหยุดที่ห้องครัว สายตาคู่คมกวาดหาเครื่องบดกาแฟที่เขาเพิ่งซื้อมาใหม่หมาด ๆ

เครื่องบดกาแฟแบบเซรามิกตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวขนาดใหญ่ มือหนาเอื้อมหยิบถุงเมล็ดกาแฟขึ้นมาเธอใส่เครื่องบดลงไป

ไม่นานเกินรอ กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นก็โชยเข้าจมูกของชายหนุ่ม ธีรรภัคเดินไปยังเคาน์เตอร์ชงกาแฟทันที

“ไงเพื่อน” ชายหนุ่มเอ่ยกรอกเสียงลงไปตามสาย

มือเรียวบางยกแก้วกาแฟขึ้น กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นทำให้เขาอารมณ์ดีได้ไม่ยาก

แก้วกาแฟสีขาวถูกวางไว้บนจานรองขนมขนาดเล็กลายกนกสีน้ำเงินสวย ธีรรภัคแนบหูโทรศัพท์ข้างหนึ่งแล้วถือจานรองแก้วกาแฟมาด้วย

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ...คุณเพื่อน” ปลายสายตอบกลับมา

“ขอบใจเว้ย” ธีรรภัคตอบกลับ ดวงหน้าคมคายของชายหนุ่มแต้มรอยยิ้มระบายเล็กน้อย

“เห้ย...เดือนหน้าข้าจะแต่งงานแล้วนะเว้ย” ปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

“บ๊ะ...น้องคนไหนของแกว่ะ” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นพลางตบเข่าฉาดใหญ่อย่างกระเซ้า

“เจ้าสาวข้าอย่างเด็ด” ปาภัทรเพื่อนสนิทหนุ่มกล่าว

“วู้ว...ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็น คุณปาภัทร คนอย่างเอ็งชมผู้หญิงคนไหนมาก่อน ข้าธีรรภัคคนนี้ชักอยากจะเห็นใบหน้าแม่คนงามของเอ็งแล้วละซิ” ธีรรภัคเอ่ยแกมเย้า

ดวงหน้าคมคายคลี่ยิ้มเล็กน้อย มือเรียวของเขาเอื้อมหยิบแก้วกาแฟแล้วซดกาแฟร้อนดังโฮกใหญ่

“เอ้อ...แล้วคาสโนว่าตัวพ่ออย่างเอ็งเมื่อไหร่จะสละตำแหน่งว่ะ” ปลายสายเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก

เพียงได้ยินถ้อยคำของเพื่อนสนิทหนุ่มอย่างปาภัทร ธีรรภัคถึงกับสำลักจนกาแฟร้อนหอมกรุ่น

“แค่ก ๆ ...ไม่มีทางเว้ย...รอน้ำท่วมหลังเป็ดสะก่อนว่ะ” ธีรรภัคเอ่ยตอบเพื่อนสนิทหนุ่มพลางสำลักกาแฟโฮกใหญ่

“เอ็งหมายถึง...ยัยเพิ้งนั่นน่ะเหรอ...โหยไม่ได้ครึ่งของน้องตาลข้าหรอกเว้ย” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นขณะนำกระดาษชำระเช็ดคราบกาแฟที่เลอะบนโต๊ะกลมทรงหรูหรา

“อ้อน้องลูกตาลนมหวานน่ะเหรอ” ปลายสายเอ่ยแกมเยาะเพื่อนสนิทหนุ่ม

ธีรรภัคอดขำพรืดออกมาไม่ได้จนกาแฟร้อนแทบจะลวกลิ้นตาย ทว่าเสียงออดดังขึ้นหน้าบ้านหนึ่งครั้ง

‘ปิ๊งป่อง’

“เดี๋ยวข้ามาน่ะเว้ย...แค่นี้ก่อนพอดีน้องลูกตาลนมหวานมาว่ะ” ธีรรภัคเอ่ยตอบอย่างยียวน แล้ววางสายเพื่อนสนิทคนสุดท้ายที่กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวหมาด ๆ ไป

“งานแต่งที่ใดเป็นได้แค่แขกรับเชิญ” ธีรรภัคอดรำพึงกับตนเองไม่ได้

บ้านสีขาวสะอาดตาหลังใหญ่โต สไตล์ตะวันตกตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของอรณิมา

ดวงหวานแต้มรอยยิ้มอย่างยินดี เธอพยายามคลี่ยิ้มหวานให้มากที่สุด แม้ว่าเวลานี้อรณิมาจะเริ่มไม่สบอารมณ์มากถึงที่สุดแล้วก็ตาม

ในมือทั้งสองข้างของสตรีผู้มาเยือนหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หอบกล่องขนมเค้กชิ้นใหญ่มาฝากเพื่อนบ้านใหม่

อรณิมาเพิ่งจะย้ายบ้านมาใหม่หมาด ๆ คุณย่าของเธอสอนเสมอว่า การแบ่งปันเป็นสิ่งดี มนุษย์เป็นสัตว์สังคม การขาดมิตรภาพก็เสมือนต้นหญ้าขาดน้ำ ฉะนั้นวันนี้หญิงสาวจึงตั้งใจอบขนมมาฝากเพื่อนบ้านในหมู่บ้านทุกคน

คฤหาสน์ทรงสูงสไตล์ตะวันตกนี้ อรณิมาเพิ่งจะเคยเห็นแบบจริงจังเป็นครั้งแรก

ด้วยรูปทรงที่ประหลาดอดทำให้หญิงสาวรู้สึกสะดุดในใจไม่ได้

“นี่น่าจะหลังสุดท้ายแล้ว” อรณิมาเอ่ยด้วยเสียงหวานหากแต่อ่อนจาง

...นี่นะหรือบ้านของเขาที่ปาภัทรเอ่ยถึง

ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าใดที่อรณิมาถือกล่องขนมเค้กสองปอนด์รออยู่อย่างนั้น...นานจนหญิงสาวอดรู้สึกแปลกใจในตัวของเพื่อนบ้านหนุ่มไม่ได้

เวลานี้อรณิมาสวมชุดเดรสสีโอรส ผ้าชีฟองเนื้อดีปลิวเอื่อย ๆ ไปตามแรงวาโย กระโปรงของอรณิมาเป็นชุดเดรสสั้นกระนั้นเมื่อถูกแรงลมพัดทำใหอาภรณ์ท่อนล่างปลิวได้ไม่ยาก

“ทำไมนานอย่างนี้นะ” อรณิมาอดบ่นกระปอดกระแปดไม่ได้

คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ดวงหน้าหวานที่ประทินโฉมมาอย่างดีเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาจากไรผม

ดีหน่อยที่ลมโชยทว่าความคิดของอรณิมาต้องหยุดลง เมื่อหญิงสาวแหงนใบหน้ามองท้องฟ้า

ภาพเบื้องหน้าของอรณิมาเป็นมวลหมู่ก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่ลอยผ่านไป บรรยากาศรอบด้านดูอึมครึมราวกับว่าวันนี้ฟ้าดินไม่เป็นใจเอาซะเลย

ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะหยุดคิด รองเท้าส้นสูงของอรณิมาก็พาร่างอรชรไถลไปตามทางเสียก่อน

“ว้าย” อรณิมาเอ่ยหวีดร้องเสียงดังลั่นหน้าบ้านของชายหนุ่ม ขณะที่หญิงสาวจวนเจียนจะเซล้มลง

“ระวังคุณ!” ธีรรภัคเอ่ยร้องขึ้น แล้วพุ่งตัวเข้าไปชวยหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย

ร่างสูงโปร่งก้าวผิดจังหวะทำให้ร่างของเขาเซถลาล้มลงไปพร้อมกับสตรีตรงหน้า

เวลานี้ธีรรภัคล้มทับบนเรือนกายอรณิมา ชายหนุ่มเบิกตากว้างแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ สายตาเจ้ากรรมของชายหนุ่มหันไปปะทะกับทรวงอกของอรณิมา

“ว้าย…นายโรคจิต” อรณิมาหวีดร้องขึ้น ขณะหญิงสาวพยายามลุกขึ้นให้พ้นจากรัศมีของชายหนุ่ม

ดวงหน้าหวานของอรณิมาอยู่ใกล้บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าคมรคาย หากแต่อ่อนเยาว์ราวชายหนุ่มแรกรุ่น

“ผม...ผมไม่ได้ตั้งใจ” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ชายหนุ่มวางตัวไม่ถูกนัก ขณะเดียวกันมือไม้ของเขาก็สาละวนไปหมด

“ฉัน...ไม่เป็นไรค่ะ” เพียงคำแรกที่หญิงสาวเอ่ยออกมาทำให้ ธีรรภัคอดชะงักในน้ำเสียงไม่ได้

‘เราเคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ที่ไหนนะ’ ธีรรภัคอดคิดในใจไม่ได้

น้ำเสียงของผู้มาเยือนตรงหน้าคุ้นหูเขามาก กระนั้นความรู้สึกปวดหัวอ่อนจางก็เข้าครอบงำชายหนุ่ม

ธีรรภัคยกมือกุมขมับเล็กน้อย สงสัยการเข้านอนดึกเมื่อวานและเรื่องที่ออฟฟิศคงทำให้เขาเวียนศีรษะ

“คุณเป็นอะไรไหมคะ” อรณิมาเอ่ยถามขึ้นขณะลอบสังเกตอากัปกิริยาของชายหนุ่มที่กุมขมับด้วยแววตาสงสัย

“ไม่...ผมไม่เป็นไร” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ชายหนุ่มตรงหน้าของเธอจัดว่ามีใบหน้าอ่อนเยาว์และค่อนข้างรูปงามราวเทพบุตรลงมาจุติก็ไม่ปาน กระนั้นอรณิมากลับเห็นแววตาหยิ่งยโสในท่วงที

“คุณเป็นใคร” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยสีหน้าราบเรียบ นัยน์ตาเรียวรีหลี่ลงเพื่อประเมินสถานการณ์ตรงหน้า

“ฉันชื่ออรณิมาค่ะ พอดีฉันเพิ่งย้ายบ้านมาใหม่ค่ะ...ฉันเลยเอาขนมมาฝากเพื่อนบ้านค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” อรณิมาเอ่ยขึ้น

“โอ...ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มอุทานขึ้น ท้ายประโยคธีรรภัคพยายามปรับน้ำเสียงให้สุภาพกว่าเดิม

“ว้าย...กล่องขนมฉัน” อรณิมาเอ่ยด้วยเสียงหวานแหลม ขณะดวงตากลมโตของหญิงสาวกวาดมองกล่องขนมที่ร่วงอยู่ปลายขาเรียวยาวของชายหนุ่ม

‘อ๋อ…ยัยนี่เอาขนมมาให้’ ธีรรภัคคิดในใจ

“เอ่อ...ขนมของคุณ น่าจะเละแล้วล่ะครับ” ธีรรภัคเอ่ยขณะลอบมองอากัปกิริยาของสตรีตรงหน้าด้วยนัยน์ตาค้นหา

“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ นิซุ่มซ่ามเอง” อรณิมาเอ่ยอย่างตำหนิตัวเอง ดวงตากลมโตมีหยาดน้ำใสคลอเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรนะครับ ผมชื่อธีรรภัคครับ แต่เรียกผมว่าภัค...ก็ได้ครับ” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นแล้วสบสายตาของหญิงสาวที่ยังคงจับจ้องมองกล่องขนมเค้กที่คว่ำอยู่อย่างแสนเสียดาย

ดวงหน้าหวานของหญิงสาวเกล้ามวยผมตรงหน้าเขาอดขึ้นสีแดงเรื่อไม่ได้ อรณิมาสัมผัสได้ว่าเวลานี้ดวงตาของธีรรภัคเปล่งประกายระยิบระยับกว่าเดิม

“ค่ะ งั้นเรียกฉันว่านิ เฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” อรณิมากล่าวแล้วระบายรอยยิ้มหวานบนใบหน้าได้รูปสวย

“ถ้าอย่างนั้นนิคงไม่รบกวนคุณภัคแล้วล่ะค่ะ” อรณิมาเอ่ยขณะก้มหยิบกล่องขนมเค้กขึ้นมาด้วยแววตาโศกเศร้า

อากัปกิริยาเบื้องหน้าของธีรรภัคอดทำให้เขารู้สึกผิดไม่ได้ เพราะเมื่อก่อนหน้านี้สองชั่วโมงก่อนทำให้เขาอดทึ่งในตัวหญิงสาวผู้มาเยือนคนนี้ไม่ได้

‘...ทำไงดีว่ะไอ้ภัค เขาจะร้องไห้ไหม’ ธีรภัคอดขบคิดไม่ได้

“จะเป็นไรไหมครับ...ถ้าหากว่าผมจะเชิญคุณนิมาดื่มกาแฟที่บ้านผม” ชายหนุ่มเอ่ยแก้เก้อขณะยกแขนสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง

อรณิมาอดสะดุดในถ้อยคำของธีรรภัคไม่ได้ ดวงหน้าหวานแต้มรอยยิ้มอ่อนจาง หญิงสาวสบสายตาของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วคลี่ยิ้มอย่างยินดี

“ถ้าอย่างนั้นนิคงต้องรบกวนคุณภัคแล้วล่ะค่ะ” อรณิมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส

“ถ้าอย่างนั้นก็...เชิญครับ” ธีรรภัคเอ่ยแล้วผายมือเชื้อเชิญเธอให้เดินเข้าบ้านของเขา

ประตูรั้วหน้าบ้านลวดลายฉลุหงส์ปิดลงอย่างแผ่วเบา ธีรรภัคยกมือขึ้นลูบคางตนเองอย่างใช้ความคิด

‘นี่มันสวรรค์ชัดๆ’ ธีรรภัคคิดในใจ

ดวงตาของธีรรภัคลอบมองปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของอรณิมาที่สาวเท้าเข้าไปในบ้านของเขาแล้วอย่างราชสีห์หิวโซ

+++

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ทางใหม่ เริ่มใหม่

ทางใหม่ เริ่มใหม่

Beckett Grey
4.5

ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

Odey Jagoe
5.0

เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"

พระชายาสารพัดพิษ

พระชายาสารพัดพิษ

เกาะครีต
5.0

"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ