เจ้าบ่าวหลุดจอง

เจ้าบ่าวหลุดจอง

เฌอเลียร์

5.0
ความคิดเห็น
816
ชม
23
บท

เจ้าบ่าวหลุดจองเป็นเรื่องของคุณกระทิงกับหมี่ที่ต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นคู่บ่าวสาวกัน เหตุผลก็เพราะเงินตัวเดียว มาตามอ่านกันค่ะ ว่าการแต่งงานปลอมๆ จะนำรักแท้มาสู่ทั้งสองหรือไม่ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ มัญชุพรเลือกชุดไทยศิวาลัยสีงาช้าง ต่อมาคือชุดเจ้าสาว เว็ดดิ้งแพลนเนอร์แนะนำชุดแบบเรียบหรู ทิ้งชายหางปลานิด ๆ ไม่ฟูฟ่องมาก หญิงสาวใส่แล้วอึดอัดที่อกนิดหน่อย คิดว่าน่าจะพอดีกับอกน้องสาว “ลองเดินดูนะคะ” เธอถูกจูงมาจนถึงห้องโถง พงศพัศในชุดสูทยืนอยู่ตรงนั้น แม้เสื้อผ้าเรียบโก้ แต่ไม่อาจกลบความดุดันของเขาลงได้ มัญชุพรเห็นแล้วคิดว่าเขาเป็นเจ้าบ่าวที่ ‘แนว’ ใช้ได้ “มีชุดที่โชว์อกน้อยกว่านี้ไหม เห็นนมเจ้าสาวตั้งขนาดนี้ เดี๋ยวฉันใจแตก ไม่ได้เข้าหอกันพอดี” พงศพัศมีความสามารถพิเศษเรื่องปากเสียหรืออย่างไร เขาว่าจนทำหน้ามัญชุพรซับสีเลือด “เดี๋ยวแก้ตรงอกให้นะคะ” “เอาแบบคลุมยาวถึงคอหอยไปเลย” เขาเพิ่งรู้สึกสนุกก็ตอนนี้ เมื่อเห็นเธอตอบโต้อะไรไม่ได้ หนุ่มชาวไร่ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย “ฉันเอาแบบนี้แหละค่ะ” ชักเข้าใจความรู้สึกอยากหนีของพรสรวงแล้ว นายตัวโตคนนี้ไม่เหมาะกับการเป็นเจ้าบ่าวใครเลย นอกจากหน้าดุแล้วยังไร้มารยาท “เปลี่ยนซะ ฉันไม่ชอบ” พงศพัศเห็นเธอเงียบหงิม ไม่คิดว่าจะแผลงฤทธิ์ได้ “เอาตัวนี้เลยค่ะ” “น้องสาวเธอเป็นคนใส่ในงานแต่งนะ ไม่ใช่เธอ เจ้าบ่าวอย่างฉันต้องออกความเห็นได้สิ” มัญชุพรสบตาคมดุ “มุกให้สิทธิ์ขาดฉันเลือกแทนแล้ว ชุดไหนที่ฉันชอบ น้องก็ต้องชอบด้วย ถ้าคุณไม่ชอบก็อย่ามองสิคะ” +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทที่ 1 บทนำ

“มุกไม่แต่งค่ะ”

พรสรวงแทบจะดิ้นร่า ๆ มือกำแน่น ตามองมารดาแบบจริงจัง ตอกย้ำเรื่องที่เจ้าตัวไม่ต้องการ

“ม๊าไปตกลงลับหลังได้ไง มุกไม่ยอมนะ”

พร้อมทำท่าผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หลุยส์ มัญชุพรผู้พี่ต้องรีบดึงมือไว้

“แต่งงานกับหลานชายคุณยายบัวแก้วไม่ดีตรงไหนฮึ”

นางพิสมัยรินชาลงถ้วย หนึ่งยื่นให้สามี สองให้ตัวเอง

“นายกระทิงคนนี้มีดีกว่านายเจมส์ลูกสส.นั่นอีก วันดีคืนดีไม่รู้พ่อเขาจะโดนไข้โป้งวันไหน หมดบารมีพ่อแล้วก็ไม่เหลืออะไร”

“ม๊าไม่เข้าใจอะไรเลย เจมส์เขากำลังทำบริษัทของตัวเอง ไม่พึ่งบารมีพ่อ”

เพราะเขาเป็นคนเช่นนี้อย่างไรเล่า พรสรวงจึงรัก เขาทำทำตัวเป็นโล้เป็นพายกว่าลูกนักการเมืองคนอื่น

“จะเชื่อได้ยังไง คนไม่เคยลำบาก คาบช้อนเงินช้อนท้องมาเกิด บริษัทนั่นไม่ใช่เปิดเพื่อผลาญเงินพ่อเขาเล่นรึ”

นางพิสมัยไม่ใช่พวกตื่นคนรวย หากมองการณ์ไกลกว่านั้น นางมองที่มาของความรวย มองต้นตระกูลซึ่งเหมือนดังรากลึก บ่งบอกการสั่งสอนอบรม อันจะเป็นพื้นฐานนิสัยของคน ลูกนักการเมืองที่เพิ่งรวย นางจึงไม่ชอบ

“ม๊า...”

ห้ามไม่ทันเสียแล้ว ร่างน้องสาวผุดลุกขึ้น

“อย่างน้อยมุกก็ควรมีสิทธิ์จะตัดสินใจสิว่าควรจะแต่งงานกับใคร”

สมาชิกครอบครัวที่นั่งในห้องรับแขกเหล่มองไปที่บิดา

“เตี่ย มุกไม่ยอมนะคะ”

พรสรวงอาศัยความเป็นลูกคนเล็กและเป็นคนโปรดออดอ้อนท่าน

“ลองคบหากันดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่โอเคค่อยว่ากัน”

เสี่ยจิวพยายามช่วย แต่พอสบกับสายตาพิฆาตของภรรยา ก็ต้องรีบแกล้งจิบชาหลบ

“ความจริงนายกระทิงก็ไม่เลวนะ ดาร์ค ทอล แอนด์แฮนซัม เสียอย่างเดียวหนวดเครารุงรังไปหน่อย”

จิรัฎฐ์ผู้พี่ หยิบขนมเปี๊ยะเข้าปาก เขาเป็นหนุ่มอวบอ้วนที่รู้สึกว่ากระเพาะตนเองว่างเสมอ จนพรสรวงชอบล้อเขาเล่นว่าเป็น...เฮียเล้งซาลาเปา

“ถ้าแต่งแล้วมุกจะได้เป็นคุณนายไร่ดาวเรืองไง”

“มุกไม่อยากเป็นคุณนาย เฮียแต่งเองเลยไหมล่ะ บางทีไร่นั้นอาจเลี้ยงวัวพันธุ์ดี มีวัวโคขุนให้กินเป็นสเต๊ก”

ชายหนุ่มขำมากกว่ากับคำเหน็บแนมนั้น

“ยังไงก็ตาม ถึงไม่ได้แต่งกับเจมส์ มุกก็จะไม่แต่งกับนายกระทิงนั่นเด็ดขาด”

น้องสาวเดินลงส้นเท้าตึง ๆ ขึ้นบันได ...อันเป็นเรื่องที่ทุกคนในบ้านคาดไว้อยู่แล้ว พรสรวงน่ารักเวลาอารมณ์ดี ด้วยผิวขาวเนียน ผมดำขลับ ปากนิด จมูกหน่อยแบบลูกครึ่งไทยจีน เธอจึงเหมือนนางฟ้าของบ้าน แต่หาพิโรธขึ้นมาเมื่อไร ก็กลับเป็นคนเอาแต่ใจอย่างเหลือเชื่อ

“หมี่ไปดูมุกที”

นางพิสมัยเรียกลูกสาวอีกคน

“หาทางกล่อมให้มุกยอมแต่งงานด้วย”

“โธ่! น้าไหม อย่าไปบังคับมุกเลย เขาไม่อยากแต่งก็ปล่อยไป”

จิรัฎฐ์ไม่ได้เห็นใจพรสรวงด้วยใจจริง เพราะทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน คนที่เขาอยากจะช่วยคือมัญชุพร เธอเป็นเบี้ยล่างให้แม่กับน้องสาวเสมอ

“น้าพยายามหาคนที่ดี เหมาะสมกับมุกที่สุดนะเล้ง”

นางพิสมัยไม่อาจใช้คำว่าแม่กับจิรัฎฐ์ได้ เพราะเป็นเพียงแม่เลี้ยง มัญชุพรก็เป็นลูกติด มีแต่พรสรวงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นลูกสาวนางกับจิว

“อาหมี่ไปดูน้องหน่อยไป”

บิดาเลี้ยงก็พลอยเห็นด้วยกับมารดาบอกตั้งแต่แรก มัญชุพรจึงตามน้องขึ้นไปบนห้อง เคาะจังหวะหนึ่งสอง...หนึ่ง...สองสาม เป็นอันรู้กันระหว่างน้องกับพี่สาว มัญชุพรเปิดเข้าไปก็เห็นเจ้าของห้องนั่งกดมือถืออยู่บนเตียง สักพักก็โยนลงไว้ทั้งอย่างนั้น ตัวล้มลงนอน

“เราไปหาทำบุญกันไหมพี่หมี่ มุกรู้สึกว่าพักนี้ตัวเองดวงตก”

เธอนั่งบนเตียงข้างน้อง หยิบมือถือที่ยังแสดงเมนูสุดท้ายที่เจ้าของเครื่องใช้ คือเบอร์โทรออกในชื่อของเจมส์ แต่ไม่มีคนรับสาย

“งานก็แย่ โปรเจ็คโดนรีเจ็คให้แก้ยับ ม๊ายังมาหาเหาใส่หัวให้อีก”

พรสรวงหลับตา ปากยังบ่น

“มุกอยากมีชีวิตเรียบ ๆ เงียบ ๆ เหมือนพี่หมี่จัง”

มัญชุพรเอื้อมมือไปลูบศีรษะน้องพลางอมยิ้ม หากเลือกได้ เธอก็อยากมีชีวิตอิสระเฉกเช่นน้องสาวเหมือนกัน หลังเรียนมหาวิทยาลัยเปิดจบมัญชุพรมีชีวิตอยู่แค่บ้านแล้วก็ร้าน หน้าที่คือทำบัญชีกับช่วยขายของนิด ๆ หน่อย ๆ เคยขอมารดาเหมือนกันว่าอยากไปทำงานข้างนอก แต่กลับได้รับคำตอบ

“จะไปเป็นลูกจ้างเขาทำไม กิจการเราก็มี ถ้าเบื่อก็มาดูแลแม่ ดูแลเตี่ย”

เธอรู้ว่าแม่รักและเสี่ยจิวก็เอ็นดู แต่มัญชุพรอยากมีอิสระเล็ก ๆ บ้าง ออกไปเห็นโลกกว้างที่มากกว่าอาณาเขตที่แม่จะมาบงการ แต่ดูเหมือนวันนั้นจะไม่มาถึงเสียที

“ชีวิตทุกคนก็ต่างมีปัญหาทั้งนั้นแหละ”

“พูดเหมือนแม่ชีปลงโลกแล้ว”

คนนอนปล่อยเสียงฮึก่อนเอ่ย

“เรียกว่ามองโลกตามความเป็นจริงมากกว่า”

ชีวิตไม่อิสระ ใช่ว่าจะไม่มีความสุข มัญชุพรจึงเลือกคิดในแง่ดี หาอะไรทำที่เป็นประโยชน์ ให้พ้นเสียจากความฟุ้งซ่าน

“ยังไงมุกก็ไม่แต่งกับนายกระทิงเด็ดขาด”

คนชื่อน่ากลัว ทำงานอาบเหงื่อไคลกลางไร่ พรสรวงไม่ใช่ดูถูกคน แต่เธอไม่ชอบแบบนี้ ชอบคนแต่งตัวดี สวมเชิ้ตสีขาวสะอาด ๆ หรือสวมเสื้อยืดกางเกงยีนแบบไม่มอซอ

“เราเคยเห็นเขาแล้วเหรอ นายกระทิงคนนี้”

“แล้วพี่หมี่ล่ะ เคยเจอเขาไหม”

น้องสาวพลิกตัวเป็นนอนหงาย หรี่ตามองอีกฝ่าย

“เขาทำไร่ ต้องเคยมาซื้อของที่ร้านเราสิ”

บ้านเสี่ยจิวเป็นร้านขายเครื่องมือการเกษตรและเมล็ดพันธุ์พืชใหญ่ที่สุดในอำเภอ คนทำไร่ล้วนมาหาเครื่องมือทำมาหากินที่นี่ทั้งนั้น

“ก็...เคยเห็นอยู่นะ”

แบบแว็บ...แว็บ เขาตัวสูงอย่างที่จิรัฎฐ์ว่า ดาร์คไหม ก็น่าจะ เคยเห็นผิวเขาที่โผล่พ้นแขนเสื้อที่เจ้าตัวพบไว้ เป็นสีแทน ส่วนแฮนด์ซัม มัญชุพรไม่รู้ เพราะเขาไว้หนวด เคยเผลอสบตากันครั้งหนึ่ง จำได้ว่าดูดุน่าดู

“เขาเป็นเหมือนเฮียเล้งบอกไหม”

“ก็มีส่วน แต่การที่จะรู้ว่าใครเป็นคนยังไง เราควรต้องไปเจอตัวจริงของเขาเอง”

“โธ่...พี่หมี่ ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์เลย”

น้องปากยู่

“มุกจะเอาข้อมูลไปทำอะไร”

“ก็ในเมื่อเขาอยากแต่งงานก็แสดงว่ากำลังหาเมียอยู่นะสิ มุกเก๊าะ...จะหาคนที่แมชท์กับเขา”

คนเศร้าอยู่ไม่นานเริ่มวางแผน

“ตัวเองพูดอยู่ไม่ใช่เหรอ ว่าไม่อยากโดนบังคับ แล้วนี่จะยังไม่จับคู่ให้เขาอีก”

“มุกแค่ให้สิ่งที่เขาต้องการเอง แบบที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”

“เธอนี่ชักสมเป็นว่าที่สะใภ้นักการเมืองขึ้นมาทุกที”

พรสรวงหัวเราะคิกจนเห็นเขี้ยวเสน่ห์

“เขาต้องมีสเปคบ้างแหละน่า นายกระทิงคนนี้”

สมองเจ้าโปรเจ็คกำลังทำงานเต็มที่ หาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง

“บางทีเขาอาจจะเป็นเหมือนมุก ที่ไม่ชอบการจับแต่งงานแบบคลุมถุงชนแบบนี้ น่าจะคุยกันได้” มัญชุพรถึงกับพยักหน้าตาม สมองคิดว่าหากเป็นน้องสาว บางทีอาจจะโน้มน้าวให้อีกฝ่ายปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้

“พี่หมี่ต้องคอยช่วยมุกนะ”

น้องลุกขึ้นจับแขน ส่งสายตาอ้อนปิ๊ง ๆ อันเป็นกิริยาประจำที่เจ้าตัวอยากได้อะไรจากใครก็มักใช้ไม้นี้

“จะช่วยเท่าที่ทำได้นะ”

เธอกลอกตาแบบขัดลำบากเสียเหลือเกิน

“มุกจะหาทางทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ได้แต่งงานกับนายกระทิงนั่น”

พรสรวงส่งกำหมัด สูดลมหายใจอย่างมุ่งมั่น โดยไม่รู้เลยว่าอีกฟากหนึ่งในไร่ดาวเรือง ชายหนุ่มอีกคนก็คิดจะเลี่ยงการแต่งงานครั้งนี้เหมือนกัน

“ยายก็แก่แล้ว คงจะอยู่ได้ไม่นาน”

พงศพัศเพิ่งกลับมาจากในไร่มาเหนื่อย ๆ เขายังต้องมานั่งฟังเรื่องกวนใจ

“อยากเห็นทิงเป็นฝั่งเป็นฝา”

มีไม่กี่คนในโลกที่กล้าเรียกชื่อเล่นเขาสั้น ๆ แบบนี้

“ลูกสาวคนเล็กของพิสมัยกับเสี่ยจิวเป็นคนน่ารัก เรียนจบตั้งปริญญาโทการตลาด เพียบพร้อมขนาดนี้ ต้องอยู่กับทิงได้ ช่วยกับบริหารไร่ดาวเรืองให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป”

ยายบัวแก้วนอนบ่นตั่ง พูดเหมือนเพ้อ มีสุนีย์คนสนิทคอยพัดวี

“ยายอยากเห็นทิงมีครอบครัวก่อนตาย”

มีการไอประกอบ พงศพัศจำได้ว่าเมื่อวานท่านยังนั่งเล่นไพ่กับพวกแม่ครัวอยู่เลย

“ไม่แต่งนะครับ ถ้าอยากได้เมีย ผมจะหาเอง” เสียงห้าวกับตาดุ ๆ อาจทำให้คนเกรงกลัว แต่มิใช่กับสองหญิงที่เลี้ยงเจ้าตัวมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก

“แล้วไหนละคะ คนที่คุณกระทิงอยากเอาเป็นเมีย”

สุนีย์ลูกคู่ยายบัวแก้วเริ่มทำงาน

“อย่าบอกนะคะว่าจะเอาอีตัวมาเป็นเมีย แม่มน ๆ อะไรนั่นหรือเปล่า ได้ข่าวว่าเข้าเมืองทีไรก็ไปกินกันทุกที”

สาววัยห้าสิบกว่าค้อน ชายหนุ่มกอดอก นึกอยากเตะคนที่เอาเรื่องส่วนตัวเขามาเม้าท์

“ผมก็เลือกน่า สะใภ้ยายต้องเป็นคนดีที่สุด คือตอนนี้ยังหาไม่เจอก็เท่านั้นเอง”

เจ้านายกับลูกน้องสบตากัน...ผิดจากที่คิดไว้เสียที่ไหน คาดว่าเขาต้องปฏิเสธแน่ ต้องดำเนินการแผนต่อไป

“ลองไปพบหนูมุกหน่อยเถอะค่ะ ผู้ใหญ่คุยกันไว้แล้ว อย่าให้เสียหน้าเลย”

สุนีย์เปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงอ่อนลง ชายหนุ่มเม้มปากอึดอัด

“ยายไปรับปาก จัดการกันเอง ทำไมมาลำบากที่ผมล่ะ งานในไร่ยิ่งยุ่งอยู่”

“เพราะงานในไร่ยุ่งอย่างนี้ไงคะ คุณกระทิงถึงต้องรีบมีเมียมาช่วยจัดการ”

ลูกคู่ได้ทีรีบเสริม แล้วก็ได้รับตาดุ ๆ จ้องตอบกลับมาแทน

“ยายแค่หวังดีกับหลาน”

คนป่วยไม่จริงแกล้งทำเสียงเครือ

“อยากให้ทิงได้ชีวิตที่ดีที่สุด วิญญาณทองโปรยกับดาวเรือง เวลามองจากฟ้าจะได้เป็นสุข”

ยายบัวแก้วตาลอยมองเพดานประกอบอาการ

“พ่อกับแม่ผมตายเป็นยี่สิบปีแล้วครับยาย ป่านนี้ไปเกิดแล้วมั้ง”

“คุณกระทิงอย่าขัดผู้ใหญ่สิคะ ท่านอาจสะเทือนใจ”

มีเสียงสะอื้นฮักจากผู้เป็นยาย

“...เห็นไหม บาปนะคะทำคนแก่ร้องไห้”

สุนีย์เอ็ดเขา เหมือนยังเป็นเด็กชายอายุสิบขวบ

“ยังไงก็ตาม ผมไม่แต่งงานนะครับ บอกไว้เลย มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม ผมไปพักแล้ว เหนื่อยมาทั้งวัน”

ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากห้องนั่งเล่น เดินอาด ๆ ขึ้นบันไดไป

“ไม่ได้ผล คุณกระทิงนี่ดื้อจริง ๆ ค่ะคุณยาย”

คนในห้องนั่งเล่นรอจนกว่าเสียงฝีเท้าหนัก ๆ จะหายไป แล้วค่อยคลายอาการ กลับมาเป็นปรกติ

“ก็ดื้อสมกับชื่อมันนั่นแหละหลานคนนี้”

ยายบัวแก้วลุกขึ้นเหยียดแข้งเหยียดขาหลังจากนอนเมื่อยแกล้งป่วยอยู่เป็นนานสองนาน

“ฝั่งโน้นคงเป็นเหมือนกัน”

ผู้อาวุโสแห่งไร่ดาวเรืองหมายถึงบ้านนางพิสมัย

“ยังเหลืออีกแผนค่ะ กลเม็ดเด็ดพรายก้นไห”

บ่าวคนสนิทจีบปากจีบคอ

“รับรองแผนนี้เด็ด แต่เสี่ยงให้ใจหวิว”

“ว่ามาสิ”

สุนีย์เล่าให้นายฟังพร้อมอาการตาโต เอามือทาบอก

“ฉันต้องเสี่ยงถึงขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย”

“อยากได้สะใภ้ก็ต้องเทหมดหน้าตักค่ะ”

ยายบัวแก้วในอกหวิว รู้สึกจะเป็นลมขึ้นมาทันที ภาวนาให้ลูกสาวและลูกเขยที่ตายไป ดลบันดาลให้แผนนี้สำเร็จไปด้วยดีเถิด

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ เฌอเลียร์

ข้อมูลเพิ่มเติม
พรางกุหลาบ

พรางกุหลาบ

โรแมนติก

5.0

ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์

สามีมาเฟียคนนี้เป็นของคุณนะ

สามีมาเฟียคนนี้เป็นของคุณนะ

โรแมนติก

5.0

ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!

ภริยา(ไม่)รักของนายหัว

ภริยา(ไม่)รักของนายหัว

โรแมนติก

5.0

วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++

อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก

อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก

โรแมนติก

5.0

อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์

รักหย่า...อย่ารัก

รักหย่า...อย่ารัก

โรแมนติก

5.0

ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้

นักล่าคู่กับหมอมหัศจรรย์

นักล่าคู่กับหมอมหัศจรรย์

test
3.5

เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.7

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เจ้าบ่าวหลุดจอง
1

บทที่ 1 บทนำ

31/12/2021

2

บทที่ 2 ลูกสาวคนโตของเสี่ยจิว

31/12/2021

3

บทที่ 3 หลานชายคุณยายบัวแก้ว

31/12/2021

4

บทที่ 4 งานแต่งที่ไม่เต็มใจ

31/12/2021

5

บทที่ 5 ตัวแทนลองชุดเจ้าสาว

31/12/2021

6

บทที่ 6 มื้อไม่ปรารถนา

31/12/2021

7

บทที่ 7 ก่อนเริมพิธีแต่งงาน

31/12/2021

8

บทที่ 8 เจ้าสาวตัวแทน

31/12/2021

9

บทที่ 9 งานแต่ง

31/12/2021

10

บทที่ 10 หลักประกันหนี้

31/12/2021

11

บทที่ 11 นายหญิงคนใหม่แห่งไร่ดาวเรือง

31/12/2021

12

บทที่ 12 แม่ครัวมือใหม่

31/12/2021

13

บทที่ 13 นอนเตียงเดียวกัน

31/12/2021

14

บทที่ 14 ข้อเสนอ

31/12/2021

15

บทที่ 15 การตัดสินใจ

31/12/2021

16

บทที่ 16 ความสุขมักอยู่ไม่นาน

31/12/2021

17

บทที่ 17 กลับบ้าน

31/12/2021

18

บทที่ 18 คนดื้อดึง

31/12/2021

19

บทที่ 19 ซ่อน

31/12/2021

20

บทที่ 20 ความรู้สึกของเขา

31/12/2021

21

บทที่ 21 ลูก

31/12/2021

22

บทที่ 22 ง้อ

31/12/2021

23

บทที่ 23 บทส่งท้าย

31/12/2021