Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ราคีร้ายคนเถื่อน

ราคีร้ายคนเถื่อน

ลิขิตนางฟ้า

4.6
ความคิดเห็น
246.5K
ชม
52
บท

มุกตาภาลูกนอกสมรสที่พ่อไม่ยอมรับ อุบัติเหตุค่ำคืนหนึ่งทำให้เธอตั้งครรภ์ สาวน้อยตัดสินใจไปหาพ่อของลูกเพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใคร สำคัญไปกว่านั้นไม่อยากให้แม่เสียใจ ทว่าความหวังเดียวพังภินท์ กลายเป็นเงินที่พ่อของลูกคิดทำทานให้เธอ เงินมาพร้อมคำพูดดูถูกดูแคลนทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นในบัดดล น้ำตาไที่ไหลรินแห้งเหือดหายเพราะช็อก เธอหันหลังให้พ่อเลี้ยงมรุเดช กุมหน้าท้องต้องการขอกำลังใจเดินจากมา หนทางข้างหน้าจะยอมรับชะตากรรมนี้เพียงคนเดียว 'ลูก' เธอไม่อาจทำลายแต่เธอจะลืมเขาให้หมดหัวใจ ผู้ชายที่เป็นรักแรกซึ่งได้มอบราคีร้ายให้เธอ คิดเสียว่าไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่และขอลาเขาชั่วชีวิต ตามที่เขาต้องการ

บทที่ 1 1

“เธอ เธอลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”

เสียงคล้ายคำรามปลุกมุกตาภาให้เปิดเปลือกตาช้าๆ “โอย!” สาวน้อยร้องเพราะรู้สึกเจ็บร้าวปวดตึงไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะกึ่งกลางกายที่โดนล่วงล้ำแทบทั้งคืน ดวงตาแดงก่ำมองรอบห้องที่ตนนอนหมดเรี่ยวแรง “ห้องนอนแขก” จำได้แล้วเมื่อคืนเธอโดนผู้ชายที่แอบชอบมาเนิ่นนานมอบฝากบทพิศวาสบนเรือนร่าง บทรักหนักหน่วงหยุดตนเองไม่ได้ของเขานั้นยังตรึงตราในหัวใจเพราะทั้งสุขสมซ่านใจระคนเจ็บปวดรวดร้าว

เขาโทษว่าเป็นความต้องการเป็นแผนการของเธอ น้ำตาพาลไหลออกมาเมื่อก้มมองร่างเปลือยเปล่าบอบช้ำใต้ผ้าห่ม

“ไม่ใช่เวลามาร้องไห้ตอนนี้ในเมื่อเธอตั้งใจให้มันเกิด มาคุยกัน ตอนนี้ฉันหาย ‘อยาก’ อย่างที่เธอต้องการแล้ว บอกมาเธอตั้งใจวางยาฉันใช่ไหม ทำบ้าอะไรหา! ทำ ทำไม ทั้งๆ ที่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเจ้านายเธอนะ”

“มุก…ดิฉันเปล่านะคะ เปล่าทำ…” เธอปฏิเสธไม่ยอมรับ เมื่อคืนแค่เอาน้ำดื่มมาให้ชายหนุ่มเท่านั้น

“ยังกล้าปฏิเสธเห็นๆ กันอยู่”

“ดิฉันเอาน้ำแร่มาเพิ่มให้เท่านั้นค่ะ”

ตอนดึกงานเลี้ยงวันเกิดคุณผริดาแขกทยอยกลับ มุกตาภาทำตามพี่สาวขอร้อง เธอไม่คิดพี่สาวจะทำเรื่องนี้

“น้ำแร่ของเธอมันปลุกความต้องการผู้ชายแบบนี้… ใช้บ่อยสินะน่ารังเกียจ” มรุเดชแผดเสียง กำลังหาทางออกเรื่องที่เกิดขึ้น คนก่อเรื่องดันไม่ยอมรับก็โกรธมาก ทำไมเขาจะไม่รู้เด็กสาวคนนี้แอบมองเขาเสมอ แต่ไม่คิดจะกล้าทำแบบนี้ และเรื่องก็ดันเกิดในบ้านแฟนสาวเสียด้วย

“มุกเอ่อ…เปล่าทำ ไม่รู้เรื่องจริงๆ ค่ะ ได้โปรดเชื่อ…”

“ฉันไม่อยากฟังคำปฏิเสธ” มรุเดชตวาดไม่อยากรับฟัง รับรู้

ความกังวลซึ่งปรากฏในวงหน้าคมคายของเขาทำให้เธอเห็นใจ ดูสิในเวลาเช่นนี้หัวใจก็ยังแคร์ผู้ชายคนนี้ “จะไม่บอกเรื่องนี้กับใครคะมุกสัญญา” กลายเป็นเธอที่ปลอบโยนเขา

“ฉันไม่เชื่อผู้หญิงใฝ่สูงแบบเธอหรอก” นัยน์ตาสีน้ำตาลไร้แววหวานอย่างที่เห็นเมื่อคืน เขาไม่ได้พอใจซ้ำเหยียบย่ำน้ำใจกันมุกตาภาก้มหน้า

ไม่ได้ดีพร้อมเหมือนคนรักของเขาแต่ทำไมต้องดูถูกกันขนาดนี้ด้วย

เวลายิ่งผ่านถ้อยคำที่เข้าหูตอกย้ำความรังเกียจดูถูกที่ชายหนุ่มมีให้ น้ำตาเธอไหลริน

“น้ำตาใช้เรียกร้องได้กับคนที่เขารักกันเท่านั้น อย่างเธอคงรู้ตัวเองอย่ามาบีบให้เหนื่อยเลย ฉันไม่อยากเห็นและไม่คิดสนใจ” มรุเดชเบือนสายตาหนีหน้าอกอวบขาวที่เป็นรอยจ้ำแดงซึ่งโผล่พ้นผ้าห่มด้วยใจสับสน

“เอ่อ… ค่ะ” เธอสูดเสียงสะอื้นมองหาเสื้อผ้า กัดฟันก้าวลงจากเตียง “จะไปเดี๋ยวนี้ วันนี้เป็นวันหยุดดิฉันคนอื่นคงไม่สงสัยค่ะ” ก้มหน้างุดกอดผ้านวมเดินผ่านร่างสูง

“เอาเงินไป…ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยน” มรุเดชคิดได้เพียงสิ่งนี้ เดินไปยังกระเป๋าสตางค์ซึ่งหยิบมาไว้บนเตียงนอน

ดวงตาดำระยับมีรอยแดงช้ำขอบตาคล้ำมองสบตาคม

“มีอะไร” มรุเดชถามด้วยความหงุดหงิด แม้จะอ่านสายตานั้นออก เด็กสาวกำลังตัดพ้อกัน แต่ชายหนุ่มไม่คิดว่าทำเกินไปหรอก ทุกอย่างใช่ความผิดเขาหรือไร

“ไม่มี…อะไรคะ” ปากอิ่มเม้มชิดกัน

“ถ้าอย่างนั้นเอาเงินไป คงพอนะ ถ้าเธอไม่รับเงินฉันจะคิดว่าเธอต้องการจับฉัน” มรุเดชเจรจาเสียงเข้ม

เอื้อมไปรับด้วยกลัวการดูถูกที่เขาว่า สองมือสัมผัสกัน คนยื่นเงินหดมือกลับ เงินจึงหล่นลงที่พื้นพรม “ขอโทษค่ะ” เธอกลัวอารมณ์เขาก้มลงหยิบ

สมเพชตนเองเพียงไรแต่ก็ไม่อาจหลีกหนีสิ่งนี้ กล้ำกลืนเป็นคนเห็นแก่เงิน หวังให้ความเกลียดชังลดลงบ้างแม้เพียงน้อยนิด สักเพียงเสี้ยวก็ยังดีกับข้อหาร้ายแรงแรกที่เขาว่า…

ใบหน้าถมึงทึงหันไปอีกทางคงเดินไปใส่เสื้อผ้า มุกตาภาเดินเข้าห้องน้ำก้มใบหน้าซึ่งพร่างพรายด้วยน้ำตามองเงินในมือ แปะ! น้ำตาไหลรินหยดเปียกปอนลงบนกระดาษซึ่งตีราคาความสาวที่สูญเสียไป…

เช้านี้เป็นวันคล้ายวันเกิด… วันเกิดที่ในวันนั้นคงมีเพียงแม่เฝ้าปลอบโยน และท่านคงนอนร้องไห้กอดเด็กน้อยไร้เดียงสามุกตาภา ผ่านมาปีแล้วปีเล่าจนบัดนี้ยี่สิบปีบริบูรณ์ วันคล้ายวันเกิดไม่เคยมีคำอวยพรจากพ่อ…แต่เธอยังบอกตนเองให้เข้มแข็งเพื่อรอเพียงเศษเสี้ยวการยอมรับ

ทว่าเช้านี้รู้สึกหดหู่หมดสิ้นเรี่ยวแรงกว่าทุกปี… ราคีที่ติดตัว อยากให้ทุกอย่างเป็นความฝันร้ายเหลือเกิน

มะลิลากำลังกวาดขยะหน้าตึกธนธรณ์ เห็นมุกสินีลูกสาวคนโตใจลอยมองไปบนตึกใหญ่ก็ซักถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรนีมองอะไร”

“เปล่านิแม่” สาวผิวขาวอายุยี่สิบสามปี รู่ปร่างอวบอั๋นก้มหน้ากวาดขยะต่อ

“เห็นมุกหรือเปล่า ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นเลย” มะลิลาถามถึงลูกสาวคนเล็ก

“ไม่เห็นนิแม่”

“ไปไหนหรือว่าไม่สบายปกติวันหยุดก็มาช่วยแม่นะ”

“ทำตัวเป็นคุณหนูมั้งวันนี้ลืมไปแล้วว่าตนเองไม่เป็นที่ยอมรับ” พี่สาวประชด

“ยายนี” มะลิลาเสียงเขียวไม่พอใจที่คนเป็นพี่ไม่เคยมองน้องสาวในแง่ดีเลย

“แม่อ่ะว่ามันไม่เคยได้เลยนะ รักกันจัง คุณพรหมเทพเขาไม่ยอมรับสักหน่อยว่ามันเป็นลูกสาว”

มะลิลาไม่อยากเถียงกับลูกให้อารมณ์ขุ่นมัว ใบหน้าเศร้าก้มกวาดขยะ แต่ในใจอดคิดสงสารมุกตาภาไม่ได้ เพราะเกิดมาไม่เป็นที่ยอมรับของพ่อ ถึงคุณพรหมเทพไม่สนใจคนรับใช้ต่ำต้อยอย่างเธอแต่มะลิลาก็อยากให้ลูกสาวได้เรียกฝ่ายนั้นว่าพ่อ ตามความเป็นจริง

ยี่สิบปีกว่ามะลิลาสาวใช้หน้าตาดีตกพุ่มหม้ายมีลูกติดวัยสามปี ในคืนหนึ่งคุณพรหมเทพประมุขของบ้านเมามายจนล่วงเกินมะลิลา แต่หนุ่มๆ มาติดพันมะลิลามากมายจนคุณพรหมเทพกังขาเมื่อสาวใช้มาบอกว่าตนเองท้อง

อีกอย่างเพราะกลัวคุณหญิงเกื้อฟ้าเลยปฏิเสธ ความโชคร้ายจึงตกที่เด็กน้อยมุกตาภาเมื่อคลอดออกมา คนในบ้านต่างหยอกล้อพูดกันสนุกปาก คุณหญิงเกื้อฟ้าก็รังเกียจมะลิลา แต่สาวใช้ผู้อาภัพไม่รู้จะไปไหน เธอไม่มีเงิน ไม่มีที่ไป ใจคุณหญิงเองกลัวเรื่องราวในบ้านจะแพร่งพรายออกไปให้คนนอกรู้ ในที่สุดเลิกขับไล่มะลิลาและลูกน้อย

“แม่เป็นไรไป” แม่เงียบไม่ด่าต่อมุกสินีสะกิด

“จะไปดูน้องกวาดให้เสร็จนะ” มะลิลาไม่สนใจมุกสินีคิดเป็นห่วงลูกที่หายเงียบไป

“คงเจอมันหรอก” มุกสินีสีหน้าฉายแววอิจฉา

“ทำไมต้องไม่เจอเรานี่น่าชอบว่าน้องอยู่เรื่อย” มะลิลาตวาด มุกสินีหน้างอในนึกเยาะ ป่านนี้ป่นปี้เชิดคอไม่ได้แล้วล่ะ ชิ

มุกสินีอิจฉาน้องสาวเพราะแม่แสดงความรักให้ฝ่ายนั้นจนไม่เห็นหัวเธอ บวกกับมุกตาภาเป็นที่รักของชายซึ่งเธอหมายปองมานานจึงคิดกำจัดให้พ้นทาง สมใจสาใจเหลือเกินที่มุกตาภาเข้าไปในห้องคุณคู่หมั้นเจ้านายแล้วไม่ออกมา เธอหวังให้เช้านี้ บ้านธนธรณ์ร้อนเหมือนไฟเพราะลูกรักของแม่

อีกเดี๋ยวเถอะแกโดนคนที่อยากให้เป็นพ่อฉีกอกแน่ๆ แกอย่าโกรธฉันเลยหาผัวให้หล่อขนาดนั้น! มุกตาภามองขึ้นไปบนตึก

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ลิขิตนางฟ้า

ข้อมูลเพิ่มเติม
รักเพียงใดก็ไร้สถานะ

รักเพียงใดก็ไร้สถานะ

โรแมนติก

5.0

อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ

ร้ายไม่เคยรัก

ร้ายไม่เคยรัก

โรแมนติก

5.0

เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ

ความผูกพันที่ไร้ค่า

ความผูกพันที่ไร้ค่า

โรแมนติก

5.0

เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง

ซ่อนรักซ่อนรอยร้าว

ซ่อนรักซ่อนรอยร้าว

โรแมนติก

5.0

เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง

Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง

ผลิกา(เลอบัว)
5.0

เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ