Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
น้ำผึ้งไร้ปีก

น้ำผึ้งไร้ปีก

56040789

5.0
ความคิดเห็น
45.4K
ชม
133
บท

อดีตผิดหวังจากความรักที่มืดมนเหมือนท้องฟ้าที่มืดดำ “เขา...” ต้องหนีความเจ็บปวดเดินทางท่องเที่ยวไปทุกที่หวังรักษาแผลในใจที่เน่าเฟะ อตีตอันเลวร้ายของเธอเปรียบเสมือนกำไรชีวิตพลักดันให้เธอ “หญิงสาวชาวป่า” อย่างเธอต้องดิ้นรน ความผิดหวังจากความรักความเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า แผลในใจที่คิดว่าหายสนิท แต่มันยังไม่หายดีมันยังเป็นแผลเหวอะเน่าเฟะ และเจ็บทุกครั้งเมื่อนึกถึง สายฝนที่ตกลงมาปรอยๆ คือสายฝนแห่งรักแท้ สายลมพัดมากับปรอยฝนพัดเอาเขาและเธอให้มาพบกันท่ามกลางบรรยากาศของเมืองเชียงใหม่ “เธอ...” หนีความผิดหวังจากบ้านเกิดมาอยู่ไกล เพื่อมารักษาแผลในใจ และหวังจะสร้างชีวิตใหม่ ทิ้งเรื่องราวในอดีตที่ขื่นขมไว้เป็นเพียงความทรงจำอันเจ็บปวด “เขา...” ผิดหวังจากรักครั้งแรกจะเป็นจะตายเพราะรักไม่สมหวัง อับอายเพื่อนฝูง จนเลือกเดินหันหลังให้กับชีวิตที่สมบูรณ์สุขสบาย เลือกที่จะลองใช้ชีวิตที่ธรรมดา ออกท่องเที่ยวไปทุกที่ “Thailand” คือประเทศที่เขาเลือกเดินทางมาเที่ยวและนี่คือจุดเริ่มต้นของคนทั้งสองที่มาพบเจอกัน “เขาคือ...หมอวิเศษที่คอยเยียวยารักษาแผลใจที่เน่าเฟะของเธอจนหายสนิท” “เธอคือ…ช้างเท้าหลังที่เดินตามรอยเท้าของเขาไปทุกที่ เป็นแสงตะเกียงคอยส่องทางให้เขาเดิน” ความรักไม่ต้องมีเรื่องชนชั้นเชี้อชาติกำเนิดมากั้นขวาง ขอให้มีแค่สองหัวใจเป็นหนึ่งเดียว สำหรับสองชีวิตที่มีแผลในใจเหมือนกัน “เขาและเธอ” ที่โหยหายาวิเศษมาสมานแผลให้กันและกัน ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นที่ทั้งสองสร้างขึ้นมาจึงเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า “ครอบครัว”

บทที่ 1 chapter1

1

รักเเรกของน้ำผึ้ง

“รักแรก แรกรัก”

กริ๊งงงๆ...

เสียงกดกระดิ่งรถจักรยานเก่าดังรัวซ้ำๆ กันไปตามซอยเล็กๆ ในหมู่บ้านอยู่ห่างไกลจากความเจริญที่อยู่ติดตีนภูเขาสูงใหญ่ในเขตจังหวัดพิษณุโลก ติดเขตแดนกับจังหวัดเพชรบูรณ์ สองขาสลวยถีบปั่นจักรยานไปตามทางถนนลูกรังที่เป็นดินสีน้ำตาลสองข้างทาง บ้างก็มีบ้านเรือนที่ปลูกสร้างติดกัน บ้างก็เป็นทุ่งนามีต้นข้าวปลูกเต็มท้องนาเขียวขจี กลิ่นหอมของต้นข้าวผสมกับไอดินเปียกน้ำหมอกตอนเช้า แสงแดดจากดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นส่องแสงอ่อนๆ รับกับท้องฟ้ายิ้มสดใส

หญิงสาวใส่ชุดเสื้อกางเกงแขนยาวม่อฮ่อมเก่าสีดำ สวมงอบใบใหญ่ที่สานด้วยใบจาก เธอฮัมเพลงแผ่วเบา ไปกับเสียงดนตรีที่ดังมาจากวิทยุคู่ใจในตะกร้ารถจักรยาน ซึ่งเป็นวิทยุที่มารดาของเธอซื้อให้เป็นของขวัญ

“สงสารคุณแม่แกส่งฉันเรียน ฉันก็พากเพียรตั้งเเต่เริ่มเรียนอนุบาลชั้นประถม ก็สมกับความต้องการ ทุกชั้นนั้นหนาสอบผ่าน ไม่คิดว่ามารจะมาผจญ พอเริ่มมัธยมได้ไม่กี่ปี หนูก็เริ่มมีความรักเข้ามาปะปน ด้วยมีหนุ่มนั้นทำงานเกษตรตำบล มาพูดจะให้รถยนต์ เลยหลงกลอันที่แนบเนียน พอเรียนมัธยมได้แค่ ม.ศ. ต้องน้ำตานอง เพราะต้องถูกออกโรงเรียน ทนอยู่ไม่ไหวท้องไส้มันเริ่มอาเจียน ต้องออกโรงเรียน ออกเพราะความจำเป็น ออกมาหวังพึ่งคนรักที่มี เขากลับแอบหนี ไม่ยอมให้เรานี้เห็น ขอเตือนรุ่นน้อง อย่าลองเดี๋ยวต้องลำเค็ญ อย่ารักกลางเรียนขอเน้น เดี๋ยวจะเป็นดั่งเช่นนี้เอย ”

“เอ๊ย!...ผึ้ง มาแต่เช้าเลยนะวันนี้...”

“จ้ะลุง...ผึ้งกลัวพ่อกับแม่หิวน่ะจ้ะ เลยออกมาแต่เช้า” เสียงร้องทักของลุงแก่เพื่อนบ้านที่กำลังก้มๆ เงยๆ...

น้ำผึ้งสาวน้อยหน้าหวานวัย 17 ปี แต่อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะ 18 ปีเต็ม หญิงสาวชาวนาหน้าตาสวยหวานเรียบร้อย ผมดำเป็นเงายาวสลวยถึงเอวคอดเล็ก ใบหน้าเรียวงามดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย เอวบางร่างน้อย สูง 150 เซนติเมตร ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวบ้านป่าอย่างเธอจะมีผิวพรรณเรียบเนียน

น้ำผึ้งทราบถึงความทุกข์ยากลำบากของบิดามารดา เธออยากเรียนหนังสือมีความรู้สูงๆ ใฝ่ฝันอยากเป็นคุณครู อยากสอนหนังสือที่โรงเรียนใดสักแห่งหนึ่ง แต่ความฝันที่หวังไว้ก็พังลง หญิงสาวต้องลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมปีที่หนึ่ง เพราะความจนของครอบครัวที่ต้องหาเช้ากินค่ำ

ไหนจะน้องๆ อีกสองคนที่กำลังกินกำลังนอนและเรียนหนังสือ เธอผู้เป็นพี่ต้องจำใจลาออกจากการเรียนกลางคัน ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่งชุดนักเรียนหัวใจของเธอก็ห่อเหี่ยว

หญิงสาวสงสารบิดามารดาที่ต้องทำงานหนักเพื่อเธอและน้องๆ สิ่งไหนที่ทำได้ เธอไม่เคยเกี่ยง งานเล็กงานใหญ่ก็รับทำเพื่อให้ได้เงินมาจุนเจือครอบครัว ไร่นาที่พ่อแม่เธอทำกินก็เช่าที่ดินคนอื่นเขาทำ เมื่อทำงานได้ข้าวได้เงินมาก็ไม่คุ้มกับแรงงานที่ทำลงไป ไหนจะเป็นหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตร

รวมทั้งหนี้สินที่พ่อแม่ไปหยิบยืมเพื่อนบ้านมาต่อทุน น้ำผึ้งรู้ว่าพ่อแม่ของเธอมีหนี้สินเยอะแยะ ในใจของเธออยากจะออกไปหาเงินมาช่วยจุนเจือพ่อแม่เหลือเกิน วันนี้เป็นอีกครั้งที่เธอจะขอพ่อแม่ไปเรียน ก.ศ.น.

“สาธุๆ... ขอให้ความฝันของเราเป็นจริงและได้เรียนด้วยเถอะเพี้ยง!...” เธออธิษฐานในใจอย่างมุ่งมั่น

“พ่อจ๋าแม่จ๋า... ผึ้งมาแล้ว” หญิงสาวเปรยเสียงใสเรียกบิดามารดา มือบางเล็กทั้งสองข้างก็จัดแจงยกจักรยานคันเก่าขึ้นไปพิงไว้กับต้นไม้ใหญ่ แล้วเดินถือปิ่นโตและวิทยุที่อยู่หน้ารถจักรยานตรงไปยังกระท่อมปลายนา เธอนั่งพับเพียบลงบนแคร่ไม้ไผ่ จัดเตรียมอาหารไว้รอบิดามารดา

“เเม่จ๋า น้ำเย็นจ้ะ” หญิงสาวเดินไปตักน้ำที่อยู่ในกระติก แล้วคลานเข้ามาหามารดาแล้วยื่นให้มารดา

“นังหนูวันนี้ทำไมมาเร็วจังล่ะ น้องๆ ไปโรงเรียนกันแล้วเหรอ?” นางบัวเดินเข้ามาในกระท่อมมือแห้งกร้านถอดงอบใบเก่าขาดออกจากศีรษะ แล้วใช้พัดบรรเทาความร้อนอบอ้าว นางหันไปถามลูกสาวพลางเข้าไปนั่งพักเหนื่อย

“เรียบร้อยแล้วจ้ะแม่ ผึ้งทำไข่เจียวให้กินกัน แล้วห่อให้ไปกินที่โรงเรียนให้เงินไปกินโรงเรียนคนละบาทจ้ะ...”

“เอ๋ย...ดีแล้วลูก ยังไงวันนี้ก็กลับบ้านบ่ายๆ ก็แล้วกันนะ น้องๆ ไปโรงเรียนไม่มีใครอยู่บ้านด้วยก็อยู่ช่วยกันที่นานี่แหละ...”

“จ้ะพ่อ... เดี๋ยวผึ้งจะไปหาเก็บผักบุ้งและงมเก็บหอยขมเอาไว้แกงเอาะ พรุ่งนี้ด้วย”

หญิงสาวหันไปยิ้มหวานให้บิดาที่เดินเข้ามาสมทบ มือบางเล็กก็ยังแกะนั่นแกะนี่ออกจากหูปิ่นโตใหญ่ หญิงสาวพูดไปยิ้มไป

“วันนี้ผึ้งทำน้ำพริกปลาทูกับผักนึ่งแล้วก็ไข่เจียว มีปลากระป๋องผัดเส้นหมี่ด้วยจ้ะ” หญิงสาวตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานสังกะสีเก่าให้บิดาและมารดา เธอคลานเข้าไปทางด้านหลังของมารดา ตักน้ำในกระติกมาวางไว้ข้างๆ บิดาและมารดา อาหารที่ทำทานกันทุกวันอาจจะไม่ได้หรูหรา ที่นั่งกินข้าวก็ไม่ใช่โต๊ะที่งามเลิศเลอ แต่สามพ่อแม่ลูกก็ทานข้าวพูดคุยกันอย่างมีความสุข

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ 56040789

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ