Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เล่ห์รักรานใจ

เล่ห์รักรานใจ

ลิลเอง

5.0
ความคิดเห็น
395
ชม
33
บท

“ไอ้พี่ระยำ! แกทำอะไรแววฉันจะฆ่าแก! แล้วนี่แววอยู่ไหนหา! บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเอาแววไปไว้ไหน?” “นั่นเสียงคุณทศนี่?” นอกจากความงุนงงว่าทศยุทธ์มาได้ยังไง ความสงสัยใคร่รู้ยังมากพอที่จะชะงักเท้าที่เกือบจะวิ่งออกไปหาชายหนุ่มทั้งสอง เมื่อมีเสียงถามฟังใจเย็นขัดขึ้น “ทำไมนายถึงคิดว่าอวภาส์จะมาอยู่ที่นี่?” “ไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ไหน เจ้าของร้านขายข้าวที่อยู่ข้างหอพักแววบอกว่าเห็นแววขึ้นรถมากับผู้ชายคนหนึ่ง จากที่ฟังบรรยายรูปร่างหน้าตาไม่น่าเป็นคนอื่นไปได้ พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไง...” “ฉันทำอะไรไม่ทราบ?” “ยังจะถามอีกรึก ก็ที่คิดจะแก้แค้นผม อาจจะรวมถึงแม่ของผมด้วยผ่านแววนะสิ อย่านึกว่าผมไม่รู้เท่าทันนะ พี่กับคุณแม่ของพี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก เห็นแก่ตัว ใจดำ! ใครจะเป็นจะตายไม่สนขอให้ตัวเองได้สะใจเป็นพอ พี่รู้ว่าผมรักแววใช่ไหมล่ะ? พอผมไม่อยู่ก็เลยฉวยโอกาสหลอกล่อให้แววหลวมตัวหลวมใจ พอได้สมใจแล้วก็คงเขี่ยทิ้ง จะความสาวความบริสุทธิ์อะไรยังไงก็คงไม่มีความหมายสำหรับพี่ ในเมื่อสิ่งที่พี่ต้องการคืออยากให้ผมเจ็บใจ อาจจะหวังเลยไปว่าถ้าผมไม่มีความสุข แม่ผมก็คงพลอยทุกข์ไปด้วยล่ะสิ!” “ก็ดูเหมือนว่านายจะมองอะไรๆ ได้ทะลุปรุโปร่งนี่” เสียงที่เคยมีกังวานทุ้มนุ่มน่าฟัง บัดนี้นอกจากจะฟังกระด้างเย็นชา ยังเต็มไปด้วยแววหยันเยาะ “คุณยอมรับอย่างนั้นหรือคะ ว่าที่ผ่านมาคุณมีวัตถุประสงค์แค่ให้ได้ตัวแวว เพื่อคุณจะได้แก้แค้นคุณทศ ซึ่งแววก็ไม่รู้ว่าคุณสองคนมีเรื่องแค้นเคืองอะไรกัน?” “แวว...” ทศยุทธ์แทบจะผวาเข้าไปหาหญิงสาว “ถ้าอยากเชื่ออย่างนั้นก็ตามใจ” มัชฌันหันมาตอบคนที่เข้ามาหยุดอยู่เบื้องหลังเขาด้วยเสียงห้วน ประกายตาไม่เหลือแววหวานๆ หรือแม้แต่กระแสอ่อนเอื่อยอีกต่อไป อวภาส์เห็นว่าการที่เขาไม่แก้ตัว เท่ากับเป็นการยอมรับ หล่อนมองเขาอย่างไม่เชื่อตา <> หล่อนไม่คิดจะรักใครง่ายๆ แต่จำต้องยอมรับกับตัวเองว่า หัวใจที่เคยอิสระไม่ยอมแม้แต่จะแง้มเปิดรับชายใด บัดนี้ ไม่เพียงแต่แง้มรับ หากเปิดกกว้างให้ผู้ชายคนนี้ก้าวเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย แล้วเขาก็ทำให้หล่อนดำดิ่งสู่นรกานต์ ฝากนิยาย “พันแสงจันทร์” ด้วยนะคะ^^__^^

บทที่ 1 ตอนที่ 1

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวที่เพิ่งเดินเข้าประตูเลื่อนเปิด-ปิด อัตโนมัติได้ไม่กี่ก้าวชะงัก

สีหน้าที่ปรากฏเพียงแวบแล้วเลือนหายไวยิ่งกว่าแสงฟ้าแลบ... เอือม ระคนหงุดหงิด ปนขันนิดๆ หลังจากดูหน้าจอเครื่องมือสื่อสารทันสมัยที่ควักจากกระเป๋าเสื้อนอกด้านใน

คงจะเป็นสายเรียกเข้าที่ไม่สามารถตัดทิ้ง หรือทำเป็นไม่ได้ยินเสียงสัญญาณเรียกเข้าได้ จึงหยุดรับ

“ผมอยู่ที่พาราไดซ์ บรีซ ... ครับ... คนเดียว อ้อ! มีเหมือนกันครับ สาวๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลย”

ดวงตาคมสีสนิมเหล็กกล้าตวัดมอง ‘สาวๆ สวย’ ทำเอาเหล่าบรรดาผู้แอบมอง เนื่องจากความชื่นชมในร่างสูงตรงผึ่งผาย รวมไปถึงใบหน้าสะอาดคมสัน เริ่มจะปรากฏเงาเขียวจางๆ ของไรหนวดเคราบริเวณคาง สันขากรรไกร ถึงกับพากันทำหน้าเขินๆ

“ยังไม่รู้เลยครับ...”

เสียงมีกังวานน่าฟังพูดเรื่อยๆ ในระดับความดังปกติของเสียงพูดคุยทั่วๆ ไป พอที่ใครเดินเฉียดเข้ามาใกล้ในรัศมีเมตรสองเมตรจะพลอยได้ยิน

“โธ่...แม่ครับ ผมโตแล้วนะ หมดเวลาที่จะต้องรีบเข้านอนก่อนสี่ทุ่มมาหลายปีดีดัก”

หญิงสาวสองคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งทั้งมองและเงี่ยหูฟังตั้งแต่แรกเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามากระทั่งหยุดรับโทรศัพท์ พากันลอบถอนใจ...โล่งอก เมื่อรู้ว่าคนที่โทรมา และชายหนุ่มก็ตอบกลับไปคล้ายรายงานตัวกรายๆ คือมารดาของเขา ... คุณแม่ ... ไม่ใช่แม่คุณ

“เถอะครับ...”

เสียงมีกังวานชวนฟัง ผ่านหูผู้คนที่เดินไปมา รวมถึงสองสาวเบื้องหลังโต๊ะประชาสัมพันธ์

“ไม่ต้องรอ กลับเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น... ครับ ... ครับ! ผมรู้... แค่นี้นะฮะ”

นอกจากจะกดตัดสายทันทีที่จบประโยค โทรศัพท์มือถือยังถูกปิด ตัดการติดต่อสื่อสารทุกรูปแบบ

ดวงตาสีน้ำตาลคมจัดๆ แต่กลับถูกหล่อไว้ด้วยธารน้ำผึ้งหอมหวาน ช่างเป็นดวงตาที่มีอานุภาพให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่สบด้วยสะทกสะท้านเอาง่ายๆ กวาดมองไปรอบๆ ก่อนกลับมามองสองสาวที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

รอยยิ้มเก๋แฝงแววขันนิดๆ ปรากฏบนริมฝีปากบางได้รูปงาม ราวจะมอบเป็นกำนัลทดแทนแววนิยมชมชื่นวาบไหวบนดวงตาของสองสาว ก่อนลำขายาวตรงจะก้าวยาวๆ นำร่างสูงเพรียวไปยังทิศทางที่ตั้งใจไว้แต่แรก ปล่อยให้สองหญิงผู้นิยมในความหล่อเหลาพากันถอนใจเฮือก... แล้วก็อีกเฮือกตามไปพร้อมหัวใจที่ทำท่าจะลอยตาม

เพียงก้าวแรกที่ย่างเข้าไปใน บลู-มูน ดินเนอร์คลับ ก็ปะทะเข้ากับบรรยากาศอันหวานหอม

เสียงท่วงทำนองหวานระคนเศร้า‘ซัม แวร์ มาย เลิฟ’ กำลังพลิ้วจากแกรนด์ เปียโนสีดำเป็นมันที่มุมห้อง ซึ่งเป็นที่ตั้งของวงออร์ฟิอุสในค่ำคืนนี้

บนเปียโนหลังนั้นมีแก้วคอนยัคใบโตปากกว้างตั้งอยู่ เขาเห็นธนบัตรหลายใบซ้อนกันอยู่ก้นแก้ว

เทียนสีแดงห้าเล่ม ปักเรียงอยู่บนเชิงเทียนทองเหลืองมันวับ

แสงเทียนทั้งห้าเล่ม จับซีกหน้าคนที่กำลังเล่นเปียโนแจ่มชัดพอสมควร

หล่อนเป็นสาว...ที่ดูยังไม่เต็มสาว ผิวนวลจัด ดูเนียนแน่นละเมียดละไม ผมดำยาวถูกรวบโหย่งๆ ไว้เบื้องหลัง ปล่อยให้บางส่วนรุ่ยร่ายเหมือนจงใจที่ข้างแก้มและซอกหู เน้นใบหน้าเพรียวคมมีเครื่องหน้าที่เหมาะเจาะรับกันไปหมดอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าไรคิ้วสวยโค้งไปตามแนวเปลือกตาทั้งคู่ สันจมูกโด่งงามรับกับริมฝีปากบางอ่อนช้อยดูพริ้มเพราสีชมพู

เรือนร่างโปร่งบาง... บางจนดูระเหิดระหง อยู่ในชุดสีชมพูจางเกือบขาว แบบเรียบง่าย แต่ก็ดูสะอาด บริสุทธิ์ไปทั้งตัว

มีคนเดินไปที่เปียโน ธนบัตรในมือถูกหย่อนลงในแก้วคอนยัค

ชายหนุ่ม เจ้าของร่างเพรียว สูงตรงผึ่งผาย ทรุดตัวลงนั่งเงียบๆ

เทียนสีแดงเดี่ยวบนโต๊ะส่องแสงในวงจำกัด กลิ่นหอมของกุหลาบแดงจรุงอยู่ในอากาศ

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคมระคนแววหวาน มองเลยไปยังนักดนตรีบนเวทีคนอื่นๆ ที่ล้วนแต่เป็นชาย และอายุอานามก็ล่วงเลยวัยกลางคนแทบทั้งนั้น ตั้งแต่คนเล่นเบส สีไวโอลิน เล่นกีตาร์ และอีเล็กโทน ที่ดูหนุ่มหน่อยก็มือกลอง แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าจะเลยสามสิบไปหลายปี

ชายหนุ่มเลื่อนสายตากลับมายังคนที่กำลังพรมนิ้วอยู่บนคีย์ขาวสะอาด แล้วหยุดนัยน์ตาทั้งคู่ไว้ที่นั่น หาได้เลื่อนเลยไปยังจุดอื่นใดอีกต่อไป

แสงเทียนทั้งห้าเล่มเหมือนจะส่องสว่าง เจิดจรัสขึ้นอีกเท่าตัวในความรู้สึกของเขา

‘เมโลดี้ ออฟ เลิฟ’ เพิ่งจะเริ่มต้น ... เขาหยิบกระดาษเช็ดมือ เขียนชื่อเพลงเป็นภาษาอังกฤษลงไปบนนั้น ก่อนส่งให้บริกรที่ยกเครื่องดื่มมาวางบนโต๊ะ

เขายกแก้วใสบรรจุแชมเปญขึ้นจิบ ตามองตามบริกรเดินตรงไปยังเปียโนสีดำมุมห้อง

ไม่นานเลย หลังจาก ‘เมโลดี้ ออฟ เลิฟ’ จบอย่างสวยงาม ... ‘วาย ดู ไอ เลิฟ ยู โซ’ ที่สุดแสนหวานก็พลิ้วแผ่วขึ้น

ชายหนุ่มปล่อยให้รอยยิ้มซ่านปรากฏที่มุมปากและดวงตาอย่างลืมตัว ขณะบอกตัวเองว่าฝีมือหล่อนไม่เลวเลย

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ลิลเอง

ข้อมูลเพิ่มเติม
ปรารถนาเมียในเงา

ปรารถนาเมียในเงา

โรแมนติก

3.0

“เธอแน่ใจหรือดาวว่าเธอท้องกับฉันไม่ใช่คนอื่น” ‘ดาว’ คือชื่อที่เขารู้จัก และเขาก็ไม่เคยพยายามจะถามหล่อนซอกแซก ไปกว่ายอมรับในชื่อที่หล่อนบอกเขา “แน่ใจค่ะ ดิฉัน...ดาวไม่มีใครอื่นนอกจากคุณ” เขาหัวเราะเสียงกระด้างอย่างไม่นึกขัน พูดเสียงบาดลึกหัวใจคนฟัง “ตลกไปหน่อยมั้งสาวน้อย มีอย่างหรือที่ผู้หญิงอาชีพอย่างเธอจะมีแค่ฉันคนเดียว จู่ๆ หล่อนก็เงยหน้าขึ้น มองสบตาเขาด้วยแววตาเอ่อไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่เจ้าตัวคงพยายามจะไม่ให้ไหลรินออกมาสร้างความขายหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ “คุณเข้าใจผิดนะคะ” หล่อนตอบเสียงดังขึ้นคล้ายลืมตัว ก่อนรีบลดเสียงลงเท่าเดิม “ดาว... ดิฉัน ไม่ได้มีอาชีพอย่างที่คุณคิด” “ยิ่งแย่ไปใหญ่” อภิศรส่ายหน้า พยายามจะพูดกับสาวน้อยตรงหน้าเขาอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงยังออกกังวานหยันเยาะ “นี่แน่ะดาว เธอคงไม่ลืมใช่มั้ยว่าที่ฉันได้ตัวเธอไปนอนด้วยในคืนนั้น ก็เพราะเธอเป็น... เธอขายความสาวของเธอให้กับฉันมีคุณวิมลฉวีเป็นตัวกลางในการซื้อขายระหว่างเรา เธอคงไม่ลืมเธอได้เงินจากฉันขณะที่ฉันได้ความสุขจากเธอด้วยธุรกิจประเภทอย่างว่า” “ค่ะ” หล่อนรับ ปากสั่น แก้มซีดซับสีเรื่อ “ดิฉันมะ...ไม่เคยลืม เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่ดิฉันต้องบากหน้ายอมทนอายเพราะไม่มีทางเลือกดีไปกว่านั้นด้วยความจำเป็นบีบบังคับ” เขามองดวงตาสีน้ำตาลกลมโตนั้นแล้ว ก็คิดว่าหล่อนพูดจริง เกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องมาทำอาชีพที่ผู้หญิงดีๆ คงไม่คิดเฉียดกรายไปใกล้ถ้ามีทางเลือกอื่น “สามหมื่น” เขาบอกจำนวนเงินที่ต้องแลกกับความสุขที่ได้จากหล่อน “ไม่ถึงหรอกค่ะ คุณวิมลฉวีหักค่านายหน้าไปเจ็ดพันบาท” นัยน์ตาเข้มคมวาบขึ้นแล้วก่อนแสงเมื่อเกิดความเวทนาสายน้อยเบื้องหน้าจับใจ แต่แค่เวทนาจะเพียงหรือไม่ที่เขาจะต้องแต่งงานรับหล่อนเป็นเมียตามกฎหมาย

สัมผัสรักลวงใจ

สัมผัสรักลวงใจ

โรแมนติก

5.0

เขา...พ่อเลี้ยงผู้แสนลึกลับ รูปลักษณ์หน้าตาไม่เคยปรากฏบนสื่อต่างๆ ทั้งที่กิตติศัพท์ทั้งทางบวกและลบเป็นที่เลื่องลือในแวดวงธุรกิจทั้งสีขาวและสีเทา เธอ...คือผู้ได้รับมอบหมายให้กระชากหน้ากาก และเผยแพร่ตัวตนของบุคคลลึกลับที่ผู้คนเรียกขาน 'พ่อเลี้ยง' โดยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า เป้าหมายที่เธอกำลังพุ่งเขาหาจะนำพาย้อนคืนอดีตในวัยเยาว์ <> สองเมตรครึ่ง... สองเมตร เมตรครึ่ง...หนึ่ง สอง....สาม! สิ้นเสียงนับคำนวณระยะในใจ นักข่าวสาวหัวเห็ด ก็กระโดดออกจากมุมที่หลบอยู่ พุ่งปราดเข้าหาร่างสูงๆ ของคนเดินกลาง มือถือเทปยื่นนำไปก่อน ตามด้วยคำแนะนำตัวและคำถามติดๆ กัน “พ่อเลี้ยงคะ... ดิฉัน มนิลา นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ ‘ไทยรายสัปดาห์’ มีคำถามจะถามค่ะเกี่ยวกับโครงการนำเที่ยวทางเรือสำราญ ล่องแม่น้ำโขงที่พ่อเลี้ยง...โอ๊ย!” เสียงร้องดังเกิดจากการที่จู่ๆ เทปสัมภาษณ์ถูกกระชากไปจากมือนั่นเอง ไม่ใช่โดยคนที่หล่อนตั้งใจจะสัมภาษณ์ แต่จากองครักษ์หนึ่งในสี่ของเขา พอหันขวับ ก็เจอเข้ากับสีหน้ากระด้างของนายยักษ์ ที่เคยปะทะกันมาแล้วหนึ่งในสองเต็มตา ที่ยังไม่รู้ว่าระหว่างนายคนนี้ กับอีกคนที่คุมเชิงอยู่ คนไหนชื่อกร และคนไหนชื่อตรี “เชิญพ่อเลี้ยงขึ้นรถเถอะครับ ผมจะคุมคุณนักข่าวไว้ก่อน จะได้ไม่ตามตอแยพ่อเลี้ยงให้รำคาญ” พร้อมกับที่บอกเจ้านาย มือแข็งๆ ก็จับไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนไว้มั่น “ปล่อย...เธอเถอะ ตรี” เสียงห้าวมีกังวานทุ้มนุ่มพูดขึ้น อ้อ! นายยักษ์ที่จับไหล่หล่อนไว้ ชื่อตรี ตรีทำท่าลังเล หน้านิ่วคิ้วขมวดไปทีเดียวกับคำสั่งเรียบๆ ของเจ้านายหนุ่ม แต่ยังไม่ยอมละมือจากไหล่โปร่งบาง กระทั่งเสียงห้าวเริ่มจะฟังห้วน สำทับขึ้นอีก “บอกให้ปล่อย... คุณนักข่าวยังไงล่ะ ตรี ไม่ได้ยินหรือ?” เมื่อนายจะเอาอย่างนี้ ตรีก็ยอมละมือจากไหล่เล็กๆ อย่างอดไม่ได้ โดยนิสัยที่ชอบวางท่ายียวนกวนประสาทคน จึงแกล้งกระดิกนิ้วปัดฝุ่นที่มองไม่เห็นตรงหัวไหล่ทั้งสองข้าง ที่ถูกมือแข็งๆ จับมั่นเมื่อสักครู่ เกือบจะคิดว่าหูฝาด เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากคนตัวสูง เจ้าของดวงตาคมจัดๆ ที่ทำเอาหล่อนเกิดอาการประหลาด เมื่อเผลอสบเข้าอย่างจังครั้งแรก ทั้งนี้เพราะไม่คิดว่าในสถานการณ์เยี่ยงนี้ เขาจะยังมีอารมณ์ขัน แต่เสียงหัวเราะทุ้มๆ ก็ฟังว่าเจ้าตัวเกิดอารมณ์ขันขึ้นมาจริงๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงถามที่ฟัง...ถ้า จะใช้คำว่าอบอุ่น และเป็นกันเอ๊ง-กันเอง คงจะไม่เกินไป “อยากสัมภาษณ์ผมนักหรือ มนิลา” ความที่มัวแต่ตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าจะได้รับคำถามที่ก่อให้เกิดความหวังมากขึ้นว่า งานที่รับมอบหมายจะเรียบร้อย ทำให้ไม่ทันได้จับกระแสเสียงที่ค่อนข้างจะอ่อนโยนในยามปล่อยชื่อหล่อนพ้นริมฝีปากงามได้รูปที่ดูแข็งแรง “ค่ะ ดิฉันต้องการสัมภาษณ์คุณจริงๆ ค่ะ พ่อเลี้ยง และหวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธถ้าหากคุณแน่ใจว่าธุรกิจนำเที่ยว โครงการล่าสุดของคุณไม่มีอะไรแอบแฝง” บอกออกไปแล้วก็รออยู่ว่าจะมีคำตอบมากลับอย่างไร “ตกลงว่าอยากสัมภาษณ์ผม และต้องสัมภาษณ์ให้ได้” “ค่ะ และถ้าเป็นไปได้ ดิฉันก็อยากให้คุณ เอ้อ...พ่อเลี้ยง นัดวันเวลาและสถานที่มาเลยจะดีมาก คุณ...พ่อเลี้ยงยอมให้ดิฉันได้สัมภาษณ์เร็วเท่าไหร่ ดิฉันก็จะไปพ้นหูพ้นตาพ่อเลี้ยงเร็วเท่านั้น” “ก็ไม่แน่ บางทีผมอาจจะอยากเห็นใบหน้าคุณอีกนานๆ ก็ได้” “เอ๊ะ! ตกลงคุณจะเอายังไงแน่? จะยอมให้ดิฉันสัมภาษณ์ดีๆ หรือว่าต้องคอยตามสะกดรอยไปเรื่อยๆ ก็ว่ามา พูดจาวกวนอยู่ได้” บรรดาองครักษ์พิทักษ์นายที่ล้วนแต่ร่างใหญ่โต เกือบลืมตัวเผลอทำคอย่น เพราะแน่ใจว่า โดนวาจาลักษณะนี้เข้า พ่อเลี้ยงของพวกเขา ปรี๊ดแน่ เลยอ้าปากค้างไปตามๆ กัน เมื่อนายของพวกเขายังกลั้วหัวเราะน้อยๆ คล้ายๆ จะเอ็นดูคนตัวเล็กที่ขึ้นเสียงอย่างฉุนเฉียว “ใจร้อนจริง แล้วพูดจาท่าทางอย่างนี้ ไม่กลัวหรือว่าจากที่คิดอนุญาตให้สัมภาษณ์ได้ ผมอาจเปลี่ยนใจ” “หมาย...หมายความว่า คะ... คุณ เอ่อ... พ่อเลี้ยงยอมให้ดิฉันสัมภาษณ์?” “ครับ” “พูดแล้วไม่กลับคำนะ?” “ผมพูดคำไหนคำนั้น” “เมื่อไหร่ ที่ไหนคะ? อ้อ ถ้าจะกรุณา ดิฉันต้องขอถ่ายรูปประกอบคำสัมภาษณ์ด้วยนะคะ” “อย่างนี้เขาเรียกได้คืบจะเอาศอก” เสียงว่าขันๆ มาก่อนตอบคำถาม “พรุ่งนี้ สัก...สิบโมงครึ่ง คงไม่เช้าเกินไป รอที่ล็อบบี้โรงแรมที่คุณพัก ผมจะให้คนของผมเอารถไปรับ” “คุณ...พ่อเลี้ยงรู้ด้วยว่าฉันพักที่ไหน?” “ผมยังรู้อีกหลายอย่างที่... คุณอาจคิดไม่ถึง เป็นอันตกลงนะครับ พรุ่งนี้เจอกัน อ้อ คุณเรียกผมตามสบายเถอะ ไม่จำเป็นต้องเรียกพ่อเลี้ยงตามคนอื่นๆ ก็ได้ จะว่าไป ผมยังมีอีกหลายชื่อให้คุณเรียก ถ้าคุณสนใจวันหลังผมจะบอก” “บอกตอนนี้ไม่ได้หรือคะ ฉันจะยังไม่เปิดเทปบันทึกเสียงคุณก็ได้” “พรุ่งนี้ครับ” “สถานที่สัมภาษณ์ละคะ พอจะบอกได้มั้ยว่าที่ไหน” “คุณอยากรู้เรื่องเรือสำราญของผมไม่ใช่หรือ ผมก็จะพาคุณไปที่นั่นแหละ นั่งสัมภาษณ์กันบนเรือเลยให้ได้บรรยากาศ” ส้มหล่นทั้งเข่งขนาดนี้ ปฏิเสธก็โง่แล้ว!

เล่ห์รักร่ายริษยา

เล่ห์รักร่ายริษยา

โรแมนติก

3.0

หัวใจที่เคยแกร่งกร้าวของเขามีอาการไหววาบ แรงจนเขารู้สึก ชายหนุ่มบอกตัวเอง....ต่อให้เขาสูญเสียความทรงจำ ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง แต่จะไม่มีวันลืมดวงตาดำใหญ่ งามยิ่งกว่าดาวบนฟ้าคู่นั้น ....คนธรรพ์ เทวาธร <> หน้าคมสันของเขาชวนมอง แก้มคางที่ปรากฏเงาเขียวจางๆ ใต้ผิวท่าจะสากมือนุ่มของหล่อน เครื่องหน้าทุกชิ้นของเขา เริ่มเจนตาและเจนใจหล่อน ไม่ว่าจะเป็นจมูกโด่งขึ้นสัน ดวงตาคมลึกในวงล้อมแผงขนตาดกหนาเป็นตับ ปากได้รูปบางตึงมุมปากหยักขึ้นหุบสนิทแต่ก็พร้อมที่ยิ้มทุกเมื่อด้วยรอยยิ้มเก๋บาดใจ ในสายตาของอคิราภ์เห็นว่าผู้ชายคนนี้ทั้งสง่า ภาคภูมิย่างหาตัวจับยาก ไม่ว่าขณะอยู่ในชุดทำงานประจำวัน คือกางเกงยีนส์เป็นหลัก กับเชิ้ตแขนยาวที่มีทั้งแบบลายสลับสีและที่เป็นสีพื้น สอดชายกางเกงไว้ในบู้ทยาวถึงใต้เข่า หรือแต่งสูททั้งเต็มยศและลำลอง เขาไม่ใช่ผู้ชายสำรวย ไม่ถึงกับหล่อเฟี้ยวอย่างดาราพระเอกหน้าสวยบางคน แต่ก็คมสันชวนมอง ออกลักษณะชายชาตรีขนานแท้ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างดีมากคนหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแต่งกายอย่างไหนก็มองเห็นไหล่กว้าง อก แขน ล่ำสัน ลำขายาวตรง แข็งแรง สะโพกเพรียวแกร่งไปหมดตลอดสัดส่วน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีมาด มีบุคลิก น่าเกรงขาม ออกลักษณะชวนศรัทธา ก่อให้เกิดความอบอุ่นแก่ผู้ใกล้ชิด เขาไม่ดูน่ากลัวสำหรับมิตร แต่เชื่อได้เลยว่ากับศัตรูที่หมายเข่นฆ่าให้อาสัญ เขาจะร้ายกาจได้น่ากลัวชวนขนหัวลุกทีเดียว ....อคิราภ์ <> “คุณว่าเอ๋ยต่างๆ ที่ท้อแท้และยอมรับความสิ้นหวังง่ายๆ ตัวคุณเองละคะ ไม่ทันไรก็จะ...ยอมแพ้ ไม่ยอมตั้งความหวังอะไรเสียแล้ว” “อคิราภ์...” เสียงคนธรรพ์ฟังคล้ายสำลัก “พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า?” “รู้สิคะ ดิฉันไม่ได้กำลังเพ้อเพราะพิษไข้นี่นาจะได้ไม่รู้ตัว” “แต่ก็ยังพูด...” “ที่พูด เพราะอยากบอกคุณว่า... บอกว่า...” “ว่าอะไร?” “บอกว่า... คุณไม่ควรสิ้นหวังแต่เริ่มต้น คุณเป็นคนดี มีน้ำใจ ใครจะอยากเห็นคุณดีๆ อย่างคุณผิดหวังคะ” “ถ้าเธอจะพยายามตอบแทนบุญคุณฉัน...” เสียงห้าวกลับห้วนขึ้นอีก หน้าก็ขึงตึง “ก็ขอบอกว่าฉันไม่ต้องการ!” “แล้วถ้าไม่ใช่เป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่เป็น... เป็นการทำตามที่หัวใจตัวเองเรียกร้องเหมือนกันละคะ คุณจะว่ายังไง” หน้าคมสันที่เมินจากหน้าหล่อนหยกๆ หันขวับมา “เธอเด็กเท่านี้จะไปรู้อะไรเรื่องหัวใจ? จะรู้ได้ยังไงว่าหัวใจตัวเองเรียกร้องอะไร อย่ามาพูด...” “ทำไมจะไม่รู้!” คนถูกกล่าวหาว่ายังเด็กเกินกว่าจะเรื่องเกี่ยวกับหัวใจเถียงคอขึ้นเอ็น “คุณคิดว่าคุณเป็นคนเดียวหรือไง ที่เที่ยวปล่อยใจรักคนอื่นทั้งที่เห็นว่าไม่สมควร ยังไม่ถึงเวลา และทั้งๆ ที่มองเห็นความแตกต่างจนไม่กล้าแม้แต่จะคิด ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไงกับตนบ้าง” หน้าเชิดๆ สะบัดไปยังทิศทางที่ไม่มีร่างสูง “เอาล่ะค่ะ ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เชื่อเอาจริงๆ ว่าคนอายุขนาดดิฉันไม่น่าจะรู้ใจตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองมีใจผูกพันอยู่กับใคร ดิฉันก็ไม่พูดอะไรอีกแล้ว และจะไม่ขอรับความช่วยเหลือใดๆ อีกต่อไป แม้แต่ทุนการศึกษาจากผู้ใจบุญที่ไม่ประสงค์จะออกนามที่ช่วยให้ดิฉันได้เรียนต่ออย่างสบายๆ นั่นด้วย ดิฉันจะกลับไปบอกแม่อธิการว่าดิฉันไม่ขอรับ” “เกเรใหญ่แล้ว!” เสียงพูดมาฟังกลั้วหัวเราะ “แล้วใครบอกเรื่องทุนการศึกษา ฉันจำได้ว่าไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอเลยนะ” “ถึงคุณไม่บอก ดิฉันก็รู้ คนที่บอกก็ไม่ใช่แม่อธิการด้วยละ” “งั้นก็ต้องยายวิ ไม่ไหว ไม่รู้จักรักษาความลับซะมั่งเลย น่าถูกงดค่าขนมพิเศษนักเชียว” “ใครว่าวิบอก คุณคันธรสต่างหากที่บอก” เห็นว่าเพื่อนกำลังถูกเข้าใจผิด ทำให้โพล่งออกไป คนธรรพ์นิ่งไปพักใหญ่จึงพูดขึ้น “เพราะอย่างนี้เองหรือ ถึงไม่อยากเห็นฉันผิดหวัง ความสำนึกในบุญคุณ?” “ถ้าคุณยังเข้าใจอย่างนั้น ก็ไม่ขอพูดด้วยแล้ว!” ว่าแล้วก็หันหลังให้ แต่ไม่ทันก้าวได้สักกี่ก้าว ร่างโปร่งบางก็ปลิวกลับ ก่อนถูกมัดแน่นด้วยสองแขนที่ทั้งแข็งแรงและทรงพลัง

กลลวงอสูรซ่อนใจ

กลลวงอสูรซ่อนใจ

โรแมนติก

5.0

หลังจากเข้าสู่โหมดครอบครัวแสนสุข ดร.ทรงพิชิต ธันยธร กับภรรยาสุดที่รักก็มีทายาทที่เป็นดั่งสายเลือดรักด้วยกันสองคน “กลลวงอสูรซ่อน” เป็นเรื่องของลูกสาวคนโตของพระ-นางในเรื่อง “อุบัติรักใต้เงาอสูร” (มีทั้งอีบุ๊กและหนังสือเสียงให้โหลด ท่านใดยังไม่เคยผ่านตาก็ลองเข้าไปโหลดฟังหรืออ่านตัวอย่างได้ฟรีในMebค่ะ) สำหรับเรื่องราวของพชรดนัย หรือ เพชร น้องชายนางเอกเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องยาว ออกแนวทะเลทราย ถ้าชีวิตราบรื่นก็คงได้อ่านกันภายในปีนี้ ตอนนี้อ่านเรื่องราวของหนูจุ๋ม ลูกสาวสุดที่รักของพ่อทรงแม่พจีไปก่อนนะคะ ด้วยรักและขอบคุณ ^^__^^ พันแสงจันทร์ <>สปอย<> “ปากจุ๋มดูน่าจูบจัง” “อะ...อะไรนะคะ?” “อยู่ใกล้กันแค่นี้ยังไม่ได้ยินอีก พี่ไม่ได้พูดเป็นกระซิบซะหน่อย” “ได้ยินค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินถูกต้อง” “ถ้าจุ๋มได้ยินพี่ชมปากจุ๋มน่าจูบ ก็ถือว่าเป็นการได้ยินที่ถูกต้องแล้วล่ะ อะไร? ไม่เคยมีใครบอกเลยเหรอว่าปากจุ๋ม...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องย้ำอีกก็ได้” หล่อนค้อนเขาตรงๆ ตามด้วยเสียงเสียงบ่นอุบ “จริงๆ เลยนะ คุณนี่ ทำไมถึงชอบพูดให้จุ๋มตีหน้าไม่ถูกเรื่อยเลย แล้วสุภาพบุรุษน่ะเขาไม่พูดหรือแสดงอะไรให้ผู้หญิงขัดเขินหรอกนะคะ” “พี่ยังไม่เคยพูดสักทีว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ แล้วถ้าการเป็นสุภาพบุรุษจะทำให้ชมผู้หญิงสักคนตามความรู้สึกไม่ได้ พี่ก็ไม่อยากเป็นหรอก” “ไม่อยากเป็นสุภาพบุรุษ แล้วอยากเป็นคนเถื่อนอย่างนั้นหรือคะ อันที่จริงมาดคุณก็ให้อยู่นะ ถ้าจะแสดงตัวเป็นมนุษย์ยุคหินอาศัยอยู่ตามถ้ำ นุ่งหนังสัตว์แทนเสื้อผ้าอย่างคนศิวิไลซ์แล้ว” “เป็นได้ก็ดีสิ ชอบผู้หญิงคนไหนก็เอากระบองตีหัวลากเข้าถ้ำไปเลยไม่มีความผิด” “แหม! คิดอยู่เรื่องเดียวเองหรือคะ” “ใครบอก พี่คิดหลายเรื่องเลยละ แต่พูดไปจุ๋มก็จะยิ่งว่าพี่ไม่เป็นสุภาพบุรุษนะสิ”

อุบัติรักใต้เงาอสูร

อุบัติรักใต้เงาอสูร

โรแมนติก

5.0

**ฝากคู่พี่ทรงกับหนูพจีด้วยนะคะ ท่านใดชอบแนวรักโรแมนติกผจญภัยน่าจะชอบเรืองนี้ อารัมภบท หลังการการหายตัวไปของบิดา ชีวิตอบอุ่น เต็มไปด้วยความสงบสุขของพจีจำเรียงไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนไป แต่ยังเป็นจุดเริ่มนำพาเธอสู่วังวนที่เต็มไปด้วยภยันตราย แล้วใครล่ะ จะเข้ามาช่วย? เขา...หรือ? ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักทว่าเธอกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว แม้จะยังวางใจเขาได้ไม่สนิท เพราะรู้สึกว่าเขายังปิดบังตัวตนที่แท้จริง และที่น่าคลางแคลง ดูเหมือนภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอจะมาพร้อมกับเขา <>สปอย<> พจีจำเรียงมีความสุขที่ได้เต้นรำกับคนที่หล่อนรัก และดูเหมือนว่าเขาเองก็มีความรู้สึกระดับเดียวกับหล่อน แม้จะยังไม่พูดออกมาตรงๆ ทรงพิชิตกอดหล่อนแน่นขึ้น เมื่อเป็นเพลงวอลซ์ หล่อนเองเลื่อนมือที่แตะต้นแขนเขา เป็นสอดโอบรอบเอวเขาตอบ แต่แล้วก็นิ่วหน้า เมื่อมือสะดุดสะดุดเข้ากับอะไรแข็งๆ ซ่อนอยู่ใต้เสื้อนอกบริเวณสีข้างเขา หล่อนเงยมองเขาขวับ เมื่อบอกตัวเองว่า สิงที่มือของหล่อนบังเอิญไปสัมผัสเข้านั้นคือ...ปืน! ศีรษะหล่อนกระแทกปลายคางเขาดังกึก ทำเอาทรงพิชิตผงะเล็กน้อย “มีอะไร?” เขาถาม เมื่อมองตาหล่อน คงเห็นหล่อนเผยอปากแต่ไม่มีเสียง “คุณพกปืน?” หล่อนตอบเป็นกระซิบ มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ พจีจำเรียงมาคิดย้อนหลังดูแล้ว ก็เห็นว่าทรงพิชิตอาจจะทำตัวเปิดเผย หล่อนถามอะไรเขาก็ตอบอย่างไม่ลังเล แต่สิ่งที่เขาบอกแก่หล่อนนั้น อยู่ในอดีตของเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าเรื่องครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง และงานที่เขาทำ และดูเหมือนว่าเขาจะเลี่ยง ไม่พูดถึงงานปัจจุบันของเขา เขาบอกว่าเขาได้พัก เลยคิดจะมาพักผ่อนเงียบๆ สบายๆ คนตั้งใจมาพักผ่อนเฉยๆ ทำไมจึงมีคนคอยสะกดรอยตาม? หล่อนเคยพยายามจะถามเขา เขาก็พูดปัดๆ ไป แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลับพกปืนติดตัว ซึ่งออกจะขัดกันอยู่กับการแสดงออกของเขาที่ดูจะไม่กังวลอะไรเลย “อย่ามองผมอย่างนั้น” เขาพูด ปากเม้มเข้าหากันก่อนคลาย “คุณโกหกฉัน?” หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวหาเขาเลย แต่ดูเหมือนคำพูดฟังกล่าวหาของหล่อนจะทำให้เขาสะเทือนไม่น้อย เพราะคลายแขนที่โอบรัดรอบตัวหล่อนออกทันที สีหน้าสุขสงบ เปลี่ยนเป็นขรึมเครียด “เรากันกลับกันเถอะ อยู่ไปก็ไม่สนุก” เขาบอกด้วยสุ้มเสียงฟังว่ากำลังพยามระงับอารมณ์ แต่จะเป็นอารมณ์ชนิดใดก็บอกไม่ถูก ที่แน่ๆ เห็นจะไม่ใช่อารมณ์รักอารมณ์ใคร่ “แหม! ใจตรงกันเลยค่ะ” หล่อนต่อตาเขาไม่หลบอย่างท้าทาย เขาขบฟัน จนเห็นรอยนูนของสันขากรรไกรที่ข้างแก้ม เมื่อกลับออกมาจากคลับกันนั้น พจีจำเรียงไม่มีอารมณ์ใส่ใจกับสิ่งใด เดินนำหน้าชายหนุ่มกระทั่งถึงห้องพัก หล่อนเดินผ่านห้องนั่งเล่นกะทัดรัด ไม่คิดจะหยุดบอกราตรีสวัสดิ์เขา แต่ก่อนที่หล่อนจะทันเอื้อมมือเปิดประตูห้องนอน ก็ถูกกระชากกลับ ร่างโปร่งบางหมุนเป็นครึ่งวงกลม ก่อนส่วนหน้าทั้งหมดจะปะทะเข้าร่างสูงแข็งแรง หล่อนได้สำนึกว่า ไม่บังควรเล่นกับไฟ ก็เมื่อถูกเขาจูบเหมือนจะดูดลมหายใจไปจากหล่อนจนหมด หล่อนตัวอ่อนระทวย อย่างคนไร้เรี่ยวแรง เมื่อเขาถอนจุมพิต ถอยใบหน้าออกห่างเพื่อมองหน้าหล่อนชัดๆ “พจีควรจะรู้นะ ไม่ควรทำให้ผมลืมตัว” “แค่นี้เองหรือคะที่คุณพูดได้?” หล่อนสบตาเขาอย่างน้อยใจระคนกล่าวหากึ่งตัดพ้อ ที่เขากำลังทำเอาหล่อนสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะไว้ใจเขา หรือไม่พึงไว้ใจดี “ก็พจีจะเอาแค่ไหนล่ะ หรือถึงขั้นผมต้องเปิดเปลือยวิญญาณ ถึงจะเชื่อใจว่าผมไม่เคยคิดร้าย หรือแม้แต่หวังร้ายต่อพจี?” “ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ แค่คุณตรงไปตรงมา ไม่มีลับคมนัยก็พอแล้ว” “บางอย่างก็ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะต้องพูด หรือบอก” “เมื่อไหร่ละคะ จึงจะถึงเวลาที่ว่า เวลาที่คุณจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?” “ผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรนี่ ความเป็นมายังไงก็บอกไปหมดแล้ว” พจีจำเรียงส่ายหน้า “ไม่หรอก คุณยังไม่ได้บอกอะไรเลย” “จะไม่บอกอะไรเลยได้ยังไง อะไรที่ถามผมไม่เคยไม่ตอบ” ทรงพิชิตนิ่วหน้า มือจับไหล่โปร่งไว้มั่น “งั้นช่วยตอบคำถามอีกสักคำถามซีคะ” “คำถามอะไร?” “คนระดับศาสตราจรย์ มีพีเอช. ดี อย่างคุณ ทำไมจะต้องมีคนสะกดรอย ถ้าที่คุณบอกเป็นความจริง คือแค่สอนหนังสือ หรืออาจจะได้รับเชิญไปเล็คเชอร์ตามมหาลัยต่างๆ ไม่มีอะไรลึกลับ?” ทรงพิชิตไม่ตอบ ปล่อยมือจากไหล่โปร่ง โดดผึงไปที่บานหน้าต่างขวามือของห้องนั่งเล่น ที่เปิดแง้มนิดๆ ซึ่งก่อนออกไปยังปิดอยู่ มืดกำหมัดของเขาพุ่งไปก่อน เพื่อกระแทกบานหน้าให้เปิดกว้าง จากนั้นตัวเขาก็โจนเหยียบกรอบหน้าต่าง แล้วโดดลงสู่พื้นดิน ซึ่งไม่สูงเท่าไหร่ ออกวิ่งตามเจ้าของใบหน้าวอบแวบทางหน้าต่าง

กับดักเสน่หาอาญาอสูร

กับดักเสน่หาอาญาอสูร

โรแมนติก

5.0

ทันทีที่ลิ้นนุ่มของหล่อนถูกแตะสัมผัสโดยลิ้นแปลกปลอมของชายหนุ่มและถูกกระหวัดรัดดูด หล่อนก็แทบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ตัวเองยังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว แม้แต่ชื่อตัวเองก็ยังนึกไม่ออก ร่างอรชรนุ่มนิ่มแอ่นโค้งขึ้นราวคันศรเมื่อมือหนาอุ่นซ่านข้างหนึ่งของชายหนุ่มคลำเปะปะจากแผ่นหลังวกมาข้างหน้ามุ่งเข้าเนินคู่ครัดเคร่งแห่งวัยสาวขณะมือหนาอีกข้างยังกางออกรองรับแผ่นหลังบอบบางเอาไว้อย่างมั่นคง ขวัญณภัทรไม่แน่ใจนักว่าเสียงครางรัญจวนที่ได้ยินเกิดจากชายหนุ่มหรือมาจากหล่อน แต่อย่างไรก็ตามเสียงประหลาดฟังแปร่งหูนี้ก็ช่วยกระชากสติสัมปชัญญะที่กำลังเตลิดเปิดเปิงคืนมาได้ “พอแล้วค่ะ” แทบไม่น่าเชื่อว่านั่นคือเสียงของหล่อนเพราะสั่นทั้งพร่า วินภวัตชะงัก มองสบตากลมโตที่แม้จะมีแววตื่นตระหนกแต่เขาก็ยังเล็งเห็นแววรัญจวนของความปรารถนาระคนอยู่ เขาถอนใจ ยอมปล่อยมือจากกายนุ่ม จากนั้นก็ขยับออกห่าง ถอนใจอีกเฮือกเมื่อเห็นหญิงสาวดึงเสื้อผ้าตัวเองให้เข้ารูปเข้ารอยวุ่นวายขณะใบหน้าแดงก่ำไปหมด <> “การที่ผมคิดถึงผู้หญิงแปลกหน้าที่บังเอิญได้สบตาด้วยไม่ถึงสิบวินาที ได้แตะหลังมือไม่ถึงอึดใจมาเป็นเดือนๆ ดีใจแทบลุกขึ้นร้องไชโยโห่ฮิ้วเมื่อได้เจออีกครั้งราวปาฏิหาริย์ถ้าเพียงเจ้าหล่อนจะไม่เนื้อตัวอาบเลือด หมดสติจากการโดนยิง...นี่นะหรือที่คุณว่าอาจจะเป็นแค่อารมณ์หวือหวาวูบวาบ แล้วผู้หญิงอื่นที่ไหน ที่คุณเอามาเปรียบว่าผมอาจจะเห็นคุณแตกต่างไปจากเขา จะบอกให้นะ ผมน่ะ เกือบคิดว่าตัวเองกามชาด้านกระมั่งได้เจอคุณ ตั้งแต่นั้นมาแค่คิดถึงริมฝีปากของคุณ ผิวราวกับกลีบดอกลำดวนของคุณผมก็แข็งขึงพร้อมลุกขึ้นฟัด”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

พระชายาของข้าคนเดียว

พระชายาของข้าคนเดียว

โรแมนติก

5.0

เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"

เกิดใหม่อีกครากลายเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก

เกิดใหม่อีกครากลายเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก

โรแมนติก

3.5

ภารกิจสำคัญของนักเขียนที่ข้ามเวลามาเกิดใหม่ในยุคโบราณคือการเป็นผู้ช่วยมารดาหลบหนีจากบิดาไร้หัวใจ และพามารดาไปพบโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันงดงาม เมิ่งสืออีถูก ย่าและอนุของหานชางเหยียนผู้เป็นสามีรังแกจนเกือบจะต้องตายไปพร้อมกับลูก ในเวลานี้สามีที่จากไปรบที่ชายแดนกลับมาแล้ว หวังในใจว่าสามีที่กลับมาจะคอยปกป้องดูแล ทว่านางกลับได้รับความเจ็บช้ำที่มากยิ่งกว่าจนแทบทนไม่ไหวและคิดหนี กรุณาอ่านตัวอย่างก่อนกดซื้อ ซื้อหน้าเว็บถูกกว่าแอปเปิ้ลค่ะ กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะที่อุดหนุน

คุณหมอขอรักนะคะ

คุณหมอขอรักนะคะ

โรแมนติก

5.0

เมื่ออาจารย์หมอรูปหล่อว่าที่สามีในอนาคตกำลังจะถูกจับแต่งงาน เธอซึ่งเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงมานานจึงต้องแสดงตัว กลเม็ด หรือน้ำมันพราย เธอไม่เกี่ยง ขอเพียงแค่ให้ได้คุณหมอสุดหล่อมาเป็นสามีก็พอแล้ว “ท่อนชายถูกไถไถลไปมากับร่องชุ่ม เม็ดสวาทถูกหัวเอ็นบดขยี้หลายครั้งจนนิวารินร้องไม่เป็นภาษา และวินาทีที่รอคอยก็เดินทางมาถึง ท่อนชายพุ่งทะยานเข้ามาสุดแรง และมิดด้าม “อ๊ะ... ซี๊ดดดด” “โอ้วววว... แน่นมากนิว... แน่นที่สุด โอ้วววว” “ขยับค่ะพี่หมอ.... ขยับนะคะ นิว... นิวอยากเสร็จกับท่อนพี่หมอ... อ๊า... อา... ซี๊ดดด” “ร้อนแรงเหลือเกินคนสวยของพี่... อืมมม” บั้นเอวของวชิรวิชญ์ขยับเคลื่อนไหวแรงระรัว ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กระแทกกระทั้นเข้าสู่โพรงหวาน จนกระทั่งสวรรค์ทั้งผืนถล่มลงมาใส่ เสียงครางเสียวซ่านของนิวารินถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งจนเหลือแต่เสียงอู้อี้ ก่อนที่พายุสวาทจะผ่านพ้นไป

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

โรแมนติก

4.9

ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ

ฮัวฟู่หรง ฮูหยินร้ายแม่ทัพทมิฬ

ฮัวฟู่หรง ฮูหยินร้ายแม่ทัพทมิฬ

โรแมนติก

4.9

เมื่อฮัวฟู่หรงถูกวางแผนฆาตกรรมให้จบชีวิตลงบนสะพานข้ามแม่น้ำเฉียนถัง สาเหตุเพราะได้รับบทฮูหยินฮัวของแม่ทัพอินลี่ซานผู้เลื่องลือแห่งต้าฉิน ที่นำมาทำละครฟอร์มยักษ์แห่งปี ซึ่งบทดังกล่าวตกมาเป็นของฮัวฟู่หรง ดาราสาวน้องใหม่ที่กำลังมาแรงในวงการบันเทิงจีน และมีชื่อแซ่ที่ดันไปตรงกับตัวละคร ครั้นหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตัวเองมาอยู่ในอดีตยุคของขุนพลเทพแห่งต้าฉิน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือแม่ทัพทมิฬอินลี่ซานที่กำลังพลิกแผ่นดินตามล่าค้นหาฮูหยินที่หายสาบสูญไป และเธอก็คือฮูหยินฮัวที่หายสาบสูญไปของแม่ทัพทมิฬ ที่สตรีทั่วหล้าต่างพากันริษยา หากแต่การกลับมาครั้งนี้ของฮัวฟู่หรง ดารา่สาวชื่อดังเธอไม่ได้ไร้เดียงสาดั่งเช่นในอดีตอีกต่อไป แต่เธอร้ายและก็ถือสากับทุกๆ คนที่ทำให้คนรอบข้างที่เธอรักต้องเจ็บและตายจากอย่างไม่หวนคืน ร้ายรักให้ถึงที่สุด ร้ายลึกทะลุไปจนสุดขั้วหัวใจ แต่ถึงร้ายอย่างไรก็เป็นหนึ่งในหัวใจของแม่ทัพทมิฬ เพราะแม่ทัพผู้กล้ารักมั่นต่อสตรีร้ายกาจนางนี้ยิ่งนัก

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เล่ห์รักรานใจ
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1

17/01/2022

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2

17/01/2022

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3

17/01/2022

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4

17/01/2022

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5

17/01/2022

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6

17/01/2022

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7

17/01/2022

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8

17/01/2022

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9

17/01/2022

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10

17/01/2022

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11

13/06/2022

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12

13/06/2022

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13

13/06/2022

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14

13/06/2022

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15

13/06/2022

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16

13/06/2022

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17

13/06/2022

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18

13/06/2022

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19

13/06/2022

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20

13/06/2022

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21

13/06/2022

22

บทที่ 22 ตอนที่ 22

13/06/2022

23

บทที่ 23 ตอนที่ 23

13/06/2022

24

บทที่ 24 ตอนที่ 24

13/06/2022

25

บทที่ 25 ตอนที่ 25

13/06/2022

26

บทที่ 26 ตอนที่ 26

13/06/2022

27

บทที่ 27 ตอนที่ 27

13/06/2022

28

บทที่ 28 ตอนที่ 28

13/06/2022

29

บทที่ 29 ตอนที่ 29

13/06/2022

30

บทที่ 30 ตอนที่ 30

13/06/2022

31

บทที่ 31 ตอนที่ 31

13/06/2022

32

บทที่ 32 ตอนที่ 32

13/06/2022

33

บทที่ 33 ตอนที่ 33

13/06/2022