Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เหมันต์กระสันรัก

เหมันต์กระสันรัก

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
1K
ชม
48
บท

“ลูกจันทร์ไม่มีใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมเป็นแฟนพี่เหนือ เสียหน่อย” “ตอนนี้ไม่ยอม แต่เดี๋ยวยอมไปเอง” “มั่นใจจริงๆ นะคะ” “พนันกันไหม” เขามองสบตาเธอ ศศิก็มองสบตาเขาไม่หลบ ก่อนจะ เสไปมองทางอื่น เพราะสู้แรงตาเขาไม่ไหว “ไม่ค่ะ ไม่พนัน ไม่อะไรทั้งนั้น” เธอพูดเสียงสั่นๆ เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน “กลัวแพ้เหรอ” “ไม่ค่ะ ลูกจันทร์ไม่อยากพนัน” เธอกลัวหัวใจตัวเองมากกว่า แค่นี้ก็ ใจสั่นสะท้านจะแย่อยู่แล้ว “กลัวตกหลุมรักพี่เหรอ” “ไม่ใช่เสียหน่อย” เธอรีบปฏิเสธลิ้นพันกัน

บทที่ 1 1

“ทำอะไรน่ะ!” เสียงแข็งๆ ที่เรียกเอาไว้ทำเอาคนที่กำลังปีน ต้นชมพู่อยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว

“เฮ้ย!” เธอร้องเสียงหลง ก่อนจะพลัดตกลงมาจากต้นชมพู่เพราะตกใจ

“เฮ้ย!” คนที่ร้องเฮ้ย! รอบนี้คือเหมันต์ เขาถลาไปยังร่างที่ตกลงมา เพื่อจะรับเธอเอาไว้ ร่างของเขาจึงโดนเธอทับเอาไว้

“โอ๊ย!” เหมันต์ร้องเสียงหลง ในขณะที่ศศิหลับตาแน่นเพราะคิดว่าคง ตกลงมาแข้งขาหัก แต่ปรากฏว่าเธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย พอลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนทับอยู่บนร่างหนา

“อุ๊ย! เป็นยังไงบ้างคะพี่เหนือ” เธอกับเขารู้จักกันตั้งแต่เด็ก เพราะบิดามารดาเป็นเพื่อนกัน บิดาของเธอรับราชการเลยต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ พอบิดาเกษียณแล้วป่วยหนักจนถึงแก่ชีวิต มารดาจึงพาเธอย้ายกลับมาอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นบ้านเก่าแก่ที่ถูกปิดมาหลายปี

ก่อนที่เธอจะย้ายตามบิดาไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นบิดามารดา ของเธอกับบิดามารดาของเหมันต์อยากให้เธอกับเขาหมั้นหมายกัน แต่เหมันต์ปฏิเสธ ผู้ใหญ่เลยไม่ได้บังคับ เธอเองก็ไม่อยากหมั้นทั้งที่ไม่ได้รัก อยากคบหา ดูใจกันมากกว่าจะโดนคลุมถุงชน หลังจากนั้นเธอกับเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

“เจ็บน่ะสิ” เขาบอกเธอ ในขณะที่ศศิตะกายร่างลุกจากการทาบทับร่างของเขาอยู่ เหมันต์ยังนอนอยู่ที่เดิม เขามองเธอนิ่งๆ อย่างใช้ความคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นใคร

“ลูกจันทร์เหรอ” เขาถามออกมาเหมือนไม่แน่ใจ เธอผิดแผกแตกต่างจากเด็กสาววัยสิบแปดที่อ้วนฉุ แก้มยุ้ย น่ารักคนนั้นอย่างสิ้นเชิง ผู้หญิงตรงหน้าคือหญิงสาวแสนสวย รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นบอบบาง

“ลูกจันทร์เองค่ะ” เธอยื่นมือให้เขา เหมันต์ยอมรับความช่วยเหลือจากเธอ แต่กลับแกล้งกระตุกจนร่างน้อยหล่นลงมาในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง

“อุ๊ย!” ศศิร้องเสียงหลงเมื่อตกเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง เธอกับเขามองสบตากัน แก้มสาวแดงเรื่ออย่างปัจจุบันทันด่วน

“ปล่อยค่ะพี่เหนือ” เขาโอบกอดเธอเอาไว้แบบนี้ทำเอาเนื้อกายแนบชิดเข้าหากันเกือบจะทุกสัดส่วน

“โดนเด็กขี้เหร่ทับ ปวดไปหมดทั้งตัวเลยครับ”

“คะ?” เธอมองเขาสีหน้าแปลกใจที่โดนเขาแหย่ เหมันต์มองใบหน้าน่ารักนั้นไม่วางตา

“อ้าว... เด็กๆ ทำอะไรกันอยู่ล่ะนั่น” เสียงของคุณนีรนุชทำให้ศศิ รีบตะกายร่างหนีอีกครั้ง เหมันต์ยอมปล่อยร่างน้อยแต่โดยดี ค่อยๆ ลุกขึ้น อย่างเชื่องช้าด้วยท่าทีไม่รีบร้อน

“คือหนูตกจากต้นชมพู่น่ะค่ะ พี่เหนือเลยมาช่วย” เธอรีบบอกในขณะที่หน้าแดงเล็กน้อย

“อ้อ... แล้วเราขึ้นไปบนต้นชมพู่ทำไมล่ะ” คุณทับทิมถามบุตรสาว

“ลูกนกมันตกลงมาน่ะค่ะ หนูเลยเอามันขึ้นไปไว้ในรังเหมือนเดิมน่ะค่ะ”

คนตอบยิ้มให้มารดา

“สวัสดีครับคุณน้า” เหมันต์ยกมือไหว้ทับทิมซึ่งเป็นเพื่อนรักของมารดา ไม่ได้เจอกันหลายปี ท่านยังดูสวยไม่เปลี่ยน

“ไหว้พระเถอะจ้ะ ไม่ได้เจอเหนือหลายปีเลยนะ”

“ครับ” เขารับคำ ผู้ใหญ่จึงพากันเดินเข้าบ้าน ชายหนุ่มเดินตามไปเงียบๆ แอบมองหญิงสาวที่เดินอยู่ตรงหน้าเขาเป็นระยะๆ

“น้าทับทิมจะกลับมาอยู่บ้านแล้วนะ” คุณนีรนุชพูดกับลูกชาย บีบมือเพื่อนเบาๆ เพื่อให้กำลังใจเพื่อนรัก ประพงศ์ซึ่งเป็นสามีของทับทิมนั้นเสียชีวิตกะทันหัน ท่านช่วยเรื่องเงินทำบุญ แต่ไม่ได้ไปร่วมงานเพราะติดธุระ ลูกชาย ก็เดินทางไปต่างประเทศพอดี ท่านได้รับข่าวคราวจากเพื่อนรักปีหนึ่งไม่กี่ครั้งแต่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยมา

“ครับ” เหมันต์รับคำ ยิ้มให้ท่าน

“กลับมาอยู่บ้านใกล้ๆ กันก็ดีนะ จะได้ช่วยเหลือกัน” นีรนุชนั้นดีใจที่เพื่อนรักจะกลับมาอยู่ใกล้ๆ กัน ย้ายตามประพงศ์ไปก็ไปอยู่บ้านพักที่ทางราชการจัดให้ พอสิ้นประพงศ์ไปก็ต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านของตัวเอง ดีที่ยังมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่เช่นนั้นคงลำบากน่าดู

“น้องเรียนจบแล้ว แต่ยังไม่มีงานทำ เราพอจะฝากฝังน้องให้ทำงานที่บริษัทไหนได้บ้างล่ะเหนือ” คุณนีรนุชเอ่ยถาม จริงๆ ลูกชายก็มีบริษัทเป็นของตัวเองร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ แต่ท่านก็ไม่อยากบอกว่าฝากให้ทำงานด้วยกัน ในอดีตเหมันต์เคยปฏิเสธการหมั้นหมายกับศศิ คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะอึดอัด ถ้ายัดเยียดให้ไปทำงานด้วยกัน

“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า ลูกจันทร์ว่าจะหางานทำเองน่ะค่ะ ไปสมัครไว้ หลายที่เลย” ศศิรีบบอกคุณนีรนุชด้วยรอยยิ้ม เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเหมันต์นัก กลัวเขาจะหาว่าเธอไปวุ่นวายเป็นภาระเขาอีก

“พอดีเลขาฯ ของผมกำลังจะคลอดน่ะครับ ก็เลยขาดเลขาฯ กำลังจะรับสมัครอยู่พอดี ถ้าลูกจันทร์สนใจ สมัครกับผมก็ได้ครับ” เหมันต์พูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ศศิหันไปมองเขา ก่อนจะกล่าวปฏิเสธทันที

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เหนือ ลูกจันทร์ไม่อยากรบกวนค่ะ” เธอเกรงใจเขาจริงๆ ที่สำคัญอยากใช้ความสามารถของตัวเองเสียมากกว่า

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รสสวาทเขยบำเรอกาม

รสสวาทเขยบำเรอกาม

กาสะลอง
5.0

“อ๊ะ… อ๊อย... ” ดวงตาของฝ้ายคำหลับพริ้ม เม้มปากแน่น เมื่อโดนสามีกดใบหน้าแนบเน้นซุกไซ้เข้าหาความเป็นสาว ฉั่วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงลิ้นสากเฉาะรัว ลากเลียเลยขึ้นเป็นจังหวะยาวๆ ตามรูปทรงของกลีบสวาท เบียดกันแน่นเป็นพูงามอร่ามอะร้าอยู่ตรงง่ามขาของหญิงสาวที่เข่าสองข้างโดนดันแบะอ้า แอ่นร่องสวาทให้สามีเบิร์นอย่างดิบเถื่อน “อ๊า... ซี้ด... อูย... เสียวค่ะ... ฮึ่ก” ทั้งที่หล่อนพยายามกัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นเสียงคราง กลัวว่าจะหลุดออกมาน่าอาย หากความเสียวซ่านก็ทำให้เสียงของคนโดนเลียร่องหอย เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก ปลายลิ้นของอลังค์จุ่มจ้วงทะลวงเลียกลีบมาลีสีชมพูสดสวยอย่างโหยหา “อ๊า... อ๊า... อ๊า... ” หญิงสาวร้องครางตามจังหวะลิ้นปาดเลียรัวๆ สลับลากเสยขึ้นๆ ลงๆ ตามแนวความยาวของร่องสวาท เรียกน้ำเสียวของหญิงสาวให้สาดทะลักออกมาอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ “อ๊า... ที่รักจ๋าฝ้ายเสียวเหลือเกิน... ซี้ดอูย... สะ... เสียวมาก” คนโดนจู่โจมหนอกเนินสวาท เปล่งเสียงร้องครางครวญออกมาอย่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ปลายลิ้นของอลังค์เสียบรัวเข้าใส่กลีบบอบบาง โดนแบะบีบจนเบ่งบวมขึ้นมารับปลายลิ้น บดขยี้ลงบนความนุ่มอ่อน ไชชอนสำรวจซอกหลืบอย่างมีลีลา สมกับเป็นสายเบิร์นตัวจริง อลังค์ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง ทำเอาผู้หญิงสามคนที่กำลังมองดูภาพของการเล้าโลมสุดเร่าร้อนผ่านหน้าจอมอนิเตอร์จนเกิดอาการน้ำเดินไปตามๆ กัน

ซีรี่ย์.ชุด ลุง

ซีรี่ย์.ชุด ลุง

วรดร
5.0

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจนฉันต้องลดหนังสือในมือลงชะเง้อคอมองไปที่ถนน “เสียงท่อรถแบบนี้ ผ่านด่านตรวจมาได้ยังไงวะ?” ความรู้สึกแรกหลังได้ยินเสียงแสบหู ท่อไอเสียที่ถูกตัดแต่งเพิ่มเสียงให้ดังมากขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินเกิดความรำคาญ และฉันเป็นหนึ่งในหลายคนที่เบ้ปากร้องยี๋ แต่ฉันอาจจะอาการหนักกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็ได้ เพราะฉันกำลังติดพันกับหนังสือนวนิยายที่เพิ่งได้มา มันเป็นหนังสือนิยายทำมือของนักเขียนท่านหนึ่งแต่ติดเรท ที่ฉันพยายามหลบๆ อ่าน เพราะบางทีสายตาของคนอื่นตอนที่มองปกหนังสือก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กๆ ฉันคิดในใจทุกครั้งหากสายตาคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หนังสือในมือฉัน ฉันซื้อมาด้วยสตางค์ที่หาได้ ไม่ได้ไปใครขโมยใครมา แล้วทำไมล่ะ ความชอบส่วนตัวของฉันจึงไปขัดตาคนอื่น จบเรื่องนั้นกันก่อนเถอะค่ะ เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ไอ้รถบิ้กไบค์คันนั้นดันมาจอดใกล้ๆ แปลที่ฉันนอนซุ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่นี่สิ!!

เมีย(คู่นอน)พาร์ทไทม์

เมีย(คู่นอน)พาร์ทไทม์

คุณธิดา
5.0

ฟาเบียน ฟรองซัว (ฟา) 32 ปีลูกเสี้ยว ไทย-ฝรั่งเศส-จีนผู้กว้างขวาง และร่ำรวยจากการทำชิปปิ้งตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของไทยชายหนุ่มที่ขาดเรื่องบนเตียงไม่ได้แต่เขาเบื่อผู้หญิงที่จ้องจะจับเขา ทิพย์ดารา นวลพรรณ (ดาด้า) นางแบบและนักแสดงสาวมากความสามารถกำลังหัวเสียที่เธอถูกฟาเบียนตัดความสัมพันธ์เธอนั่งบ่นให้กับช่างประจำที่ร้านฟังฟาเบียนบอกเธอว่า "ถ้าผมหิว ผมจะซื้อกินเอง" เพราะคำว่าแต่งงานหรือผูกมัดไม่ใช่ทางของเขา ปองรัก พลอยรัตนา (จิล) 22 ปีเธอกำลังต้องการเงินเพื่อไปช่วยครอบครัวที่กำลังถูกฟ้องและถูกหุ้นส่วนโกงจำนวนเงินอาจจะไม่มากเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้ครอบครัวที่เคยอยู่เย็นเป็นสุขต้องเดือดร้อน แทบหมดตัวอีกอย่างตอนนี้เธอก็ยังเรียนไม่จบเหลืออีกเทอมเดียวเท่านั้นด้วยความบังเอิญเธอได้บัตรกำนัลทำผมที่ร้านแห่งหนึ่ง..ฟรี จากเพื่อนรักสุจิรา เดชธนาดล (จิรา)ลูกเจ้าของร้านเพชรชื่อดังในเมืองไทย ชื่อและประวัติของ ฟาเบียนทำให้จิลเห็นทางออกหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ เธอจะทำยังไงให้ครอบครัวกลับมาอยู่ดีเหมือนเดิมได้เธอยินดี...ทำเธอเดินเข้าไปเสนอขายพรหมจรรย์ให้กับเขาเงินที่เธอร้องขอ สำหรับ ฟาเบียน แค่เศษเงินแค่เห็นหน้าเธอ เขาก็ปิ๊งเสียแล้วฟาเบียน รับข้อเสนอและให้เธอมาเป็น...เมียพาร์ทไทม์ เริ่มต้นก็สนุกเสียแล้ว พลาดได้ไง ขอฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจของนักอ่านที่น่ารักด้วยนะคะ

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ