Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
หวานดอกเหมย

หวานดอกเหมย

CloudSong

5.0
ความคิดเห็น
1.9K
ชม
14
บท

เมื่อตวนหวางผู้มีอาการเบื่อหน่ายต่อรสรักเดิมๆ ได้พบกับหงเหมยผู้ที่มาพร้อมกับระบำสามชุด 1. มองได้แต่สัมผัสไม่ได้  2. สุภาพบุรุษใช้ปากไม่ใช้มือ  3. ร้อยคำมิสู้หนึ่งสัมผัส ระบำเร่าร้อนของหงเหมยจะเยียวยารักษาอาการนี้ของเขาได้หรือไม่ ยามที่เขาได้ลิ้มรสดอกเหมยดอกนี้ จะรู้สึกหวานปานใด

บทที่ 1 ของขวัญพิเศษ

เสียงพิณกำลังบรรเลงอย่างครึกครื้น

ภายในโถงรับรองขนาดใหญ่ของวังตวนหวาง ยามนี้แสงไฟสว่างไสว มีชายหนุ่มนั่งชมการแสดงอยู่ที่โต๊ะเตี้ยที่ตั้งเรียงเป็นแถวสั้นขนาบสองด้าน เขาเหล่านี้ล้วนเป็นขุนนางรุ่นใหม่ที่ใกล้ชิดกับตวนหวาง

นางรำในชุดเสื้อกระโปรงสีฟ้าหวานเจ็ดคนกำลังกรีดกรายร่ายรำไปตามทำนองพิณและกลองอยู่ตรงกลางโถง แต่ละนางเกล้าผมสูงเผยให้เห็นลำคอเรียวระหง ทุกนางล้วนมีใบหน้างามสมส่วนที่ถูกแต่งเติมสีสันให้สะคราญยิ่งขึ้น เรือนร่างของพวกนางดึงดูดสายตาด้วยส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน อาภรณ์ที่สวมใส่บางเบาจนเห็นผิวกายขาวเนียนชวนลูบไล้ เสื้อชั้นในเป็นผ้าแถบเกาะอกสูงไม่ถึงคืบ ขอบบนต่ำเสียจนแทบจะเห็นอกอวบปลิ้นออกมา เสื้อชั้นนอกคอกว้างเนื้อบางเบาก็มิได้ช่วยปกปิดอะไร ยามพวกนางบิดกายสะบัดไหล่ตามจังหวะ อกอวบอิ่มก็กระเพื่อมจนผู้ชมรอบข้างต้องกลั้นหายใจตาม

และยามพวกนางโยกเอวส่ายสะโพก ยิ่งเน้นให้เห็นเอวคอดกิ่วและสะโพกกลมกลึง เรียวขายาวกรีดกรายไปมา แลเห็นเนื้อขาวเนียนวับแวมอยู่ภายใต้กระโปรงเนื้อเบาบาง

บรรดาชายหนุ่มที่นั่งชมอยู่ด้านข้างต่างเพ่งมองกันไม่วางตา

พวกนางเหมือนรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ตึงเข้มของผู้ชม ร่ายรำไปก็ค่อยๆ หมุนพลิ้วบิดกายตามจังหวะ เพียงไม่กี่ก้าว สาวงามหกคนก็มายืนเรียงกันหน้าแถวโต๊ะด้านข้าง เหลือเพียงนางที่งามที่สุดยืนโดดเด่นอยู่ตรงกลางด้านหน้าของตวนหวาง

พวกนางขยับกันอย่างพร้อมเพรียง ขาข้างหนึ่งงอเล็กน้อยจิกปลายเท้า สะโพกกลมกลึงแอ่นขึ้น พร้อมๆ กับมือทั้งสองก็ลูบไล้ขึ้นมาจากข้างสะโพก สายตาฉ่ำปรือจับจ้องที่ผู้ชมเบื้องหน้าพร้อมรอยยิ้มเย้ายวน คล้ายดึงดูดสายตาของผู้ชมให้มองตามมือทั้งสองที่ยังค่อยๆ ไล่ขึ้นมาจรดใต้เนินปทุมถัน เอวเล็กสะบัดสะโพกพลางยกขากรีดควงเป็นวง ผ้ากระโปรงบางเบาก็พลิ้วไล้ลงมาตามขาที่ถูกยกขึ้นสูงเผยให้เห็นน่องเรียวขาวก่อนที่พวกนางจะวางเท้าลงแล้วหมุนกายกลับหลังหันไป

จากนั้นพวกนางแอ่นอกเอนหลังเป็นสะพานโค้งครึ่งวง พลางสะบัดสะโพกและไหล่ไปตามจังหวะ แลเห็นอกอวบอิ่มชูชันส่ายไปมาพร้อมกับแถบเสื้อเกาะอกที่ร่นลงไปอีกนิด เรียกเสียงอุทานซี๊ดเบาๆ ดังขึ้นรอบด้านอย่างอดไม่ไหว ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้นต่างนั่งโน้มตัวมาข้างหน้า คล้ายกับอยากจะเข้าใกล้นางรำเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ พร้อมๆ กับบางอวัยวะที่เริ่มแข็งเกร็งขึ้นตามจินตนาการของแต่ละคน

แต่เจ้าของงานที่นั่งอยู่บนพื้นยกสูงที่หัวแถวกลับมองดูอย่างไม่มีอารมณ์ร่วม

มู่จวิ้นเจี๋ย หรือตวนหวาง เป็นชายหนุ่มรูปงามวัยยี่สิบต้นๆ ใบหน้าสมส่วนดุจรูปปั้น คิ้วหนาตาคมกริบ ดูเป็นที่น่าเกรงขามและดึงดูดเพศตรงข้ามได้ในเวลาเดียวกัน แต่บัดนี้สายตาที่มองนางรำเบื้องหน้ากลับดูเบื่อหน่าย

สองสัปดาห์มานี้ มู่จวิ้นเจี๋ยไม่มีอารมณ์เพศเอาเสียเลย ปกติเขาเป็นดั่งอาชาดุดันที่ควบได้อย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อยในแต่ละคืน วังหลังของเขาแม้มีชายาและนางบำเรอเพียงแปดคนซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับอ๋องและองค์ชายคนอื่นๆ แต่สตรีของเขาล้วนงามสะคราญ แต่ทว่ายามนี้เขากลับรู้สึกไม่เกิดอารมณ์กับสตรีใดในจวนของตนเลย

คืนนี้เป็นงานวันเกิดของเขาซึ่งซ่งเหอผู้เป็นสหายสนิทได้รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมีการแสดงพิเศษที่เขาจะต้องพอใจ เขาคาดว่าซ่งเหอจะส่งสตรีโฉมงามมาถวาย แต่นี่ก็ผ่านไปจนกว่าครึ่งงานแล้ว ยังมิเห็นนางใดดูโดดเด่นเป็นพิเศษเลย

เขาส่งสายตาขุ่นเคืองไปที่ซ่งเหอที่นั่งอยู่เยื้องลงไปทางด้านขวามือ

แต่ซ่งเหอมิได้มองมา สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่นางรำที่ยืนอยู่ตรงกลาง สายตาเขาดุจจะกลืนกินนางมิปาน เสียงเพลงจบลงแล้ว พร้อมๆ กับนางคนนั้นบิดกายมาทางซ่งเหอแล้วย่อกายค้างไว้ในท่าปิดการแสดง สองแขนเหยียดขึ้นพร้อมสองมือประกบกันอยู่เหนือศีรษะ เน้นให้สายตาคนดูจับอยู่ที่อกอวบอิ่มที่แอ่นมาข้างหน้าเล็กน้อย ผ้าเกาะอกไหลลงมาตามเต้าขาวสล้างจนแทบจะเห็นยอดปทุมถันทั้งสองข้าง สะโพกบิดไปยังด้านหลัง กายย่อลงเล็กน้อยพร้อมขาข้างหนึ่งเหยียดเฉียงออกมาด้านหน้า แลเห็นเรียวขาขาวรำไรภายใต้ผ้าบาง สายตาฉ่ำเยิ้มสบตาเขาอยู่อึดใจหนึ่งอย่างมีนัยแล้วจึงหรุบต่ำอย่างสะท้านเมื่อเห็นสายตาหื่นที่มองกลับมา

มู่จวิ้นเจี๋ยกระแอมเสียงดัง ซ่งเหอพลันรู้สึกตัว เขาขยิบตาให้นางรำคนงามก่อนนางจะถอยออกจากโถงไป จากกนั้นจึงหันมากล่าวกับมู่จวิ้นเจี๋ย “หวางเหยี่ย กระหม่อมมีของขวัญจะถวายพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียง ซ่งเหอปรบมือสองครา ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาพร้อมๆ กับร่างเล็กบางในเสื้อคลุมปิดมิดชิดของสตรีนางหนึ่งก็ก้าวเข้ามา นางย่อกายทำความเคารพ “ถวายบังคมหวางเหยี่ยเพคะ”

เสียงกังวานใสมีจังหวะจะโคนชวนฟัง เป็นเสียงที่น่าจะขับร้องได้ไพเราะยิ่ง

... สตรีในเสื้อคลุมปิดมิดชิด? ซ่งเหอกำลังเล่นพิเรนท์อะไรอยู่?... มู่จวิ้นเจี๋ยคิด

“ลุกขึ้น ไหนเจ้าลองเงยหน้าขึ้นมาให้เราดูซิ” เขากล่าว เสียงทุ้มดังกังวาน

สตรีร่างเล็กลุกขึ้นยืนอย่างสงบเสงี่ยมพร้อมเงยหน้าขึ้น เพียงแสงไฟจับที่ใบหน้าของนาง ทั้งโถงก็เงียบลงในบัดดล

ใบหน้าเพรียวหวานรูปไข่ หน้าผากโหนกรับกับจมูกโด่งและคิ้วบางโก่งดุจใบหลิ่ว ตาคมโตเรียวขึ้นดั่งปีกหงส์ ดวงตานางดำขลับดั่งบ่อน้ำลึกแต่ดูฉ่ำหวาน ประกายตาระยิบระยับดั่งกำลังเชื้อชวนให้คนที่มองนั้นก้าวเข้ามาใกล้ คล้ายดั่งว่านางมีความลับชวนให้ค้นหา ผิวนางขาวเนียน แก้มแตะแต้มด้วยสีแดงระเรื่ออย่างธรรมชาติ ปากบางได้รูปกระจับแต่ริมฝีปากอวบอิ่ม ยามนี้ริมฝีปากคู่นั้นเผยอออกเล็กน้อยชวนให้จินตนาการถึงความหวานชุ่มภายใน รอยยิ้มหวานสะเทิ้นอายระบายอยู่บนใบหน้าสะคราญนั้น

เสื้อคลุมเนื้อไหมละเอียดทิ้งน้ำหนักลงไปบนร่างเล็กบาง แลเห็นส่วนโค้งส่วนเว้าและความอวบอิ่มเกินความบางของร่างเล็ก ปลายเท้าเล็กเปลือยเปล่าโผล่ออกมาจากใต้เสื้อคลุม ท่าทางนางที่ยืนตรงดวงหน้างามสะคราญดูไว้ตัว หากแต่ดวงตาและริมฝีปากของนางกลับชวนให้บุรุษจินตนาการถึงบทรักที่ดุดัน

อย่างนี้สิเล่าที่เขาเรียกว่า ‘งามสยบเมือง’!

มู่จวิ้นเจี๋ยชะโงกกายไปข้างหน้าอย่างอดไม่ได้ ดวงตาเย็นชาคล้ายปรากฏแววพึงพอใจ มุมปากหยักขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงอาการคึกคักที่กำลังกลับคืนมาพร้อมๆ กับเลือดที่สูบฉีดในร่างกาย

“เจ้าชื่ออะไร? ไฉนแต่งกายเยี่ยงนี้?” เสียงทุ้มถาม

“หม่อมฉันมีนามว่าหงเหมยเพคะ” เสียงใสตอบคำถามของมู่จวิ้นเจี๋ย ประโยคแรกฉะฉาน แต่ประโยคที่ตามมาคล้ายลังเล “หม่อมฉันมีระบำมาถวายหวางเหยี่ยเพคะ”

“โอ๋ว ระบำอันใดใยแต่งกายเยี่ยงนี้?” มู่จวิ้นเจี๋ยถาม ด้วยสายตาที่เชี่ยวชาญกับเรือนร่างของสตรี เขาเห็นแล้วว่านางผู้นี้สัดส่วนดูไม่เลวเลย

“ชุดของหม่อมฉัน... ชุดของหม่อมฉันมีไว้ให้หวางเหยี่ยทอดพระเนตรแต่เพียงผู้เดียว ไม่เหมาะสำหรับสายตาผู้อื่นเพคะ”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ฉันนี่แหละเศรษฐี

ฉันนี่แหละเศรษฐี

Abelard Evans
5.0

ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี

ไม่เป็นทาสรักอีกต่อไป

ไม่เป็นทาสรักอีกต่อไป

Frannie Bettuzzi
5.0

คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

Elsworth Underwood
5.0

เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"

หยางเสี้ยว หนูน้อยหัวใจแกร่ง

หยางเสี้ยว หนูน้อยหัวใจแกร่ง

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ