Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
827
ชม
18
บท

สุภาษิตสอนหญิงยุคไฮเทคว่าไว้ แรด! เท่านั้นที่ครองโลก จริงเปล่าหว่า? เอาเป็นว่าเราอย่าไปสนใจมันเลยนะ มาลุ้นกันดีกว่าว่า ‘รัชนี’ เลขาสาววัยดึก จะทำยังไง ‘ชานนท์’ บอสสุดหล่อจึงจะสนใจเธอ เธอต้อง แรด!! ขนาดไหน บอสถึงจะชวนเธอขึ้นเตียง เอ... หรือว่าขึ้นโต๊ะทำงานดี อย่างไหนนะ จะแรดกว่า คำเตือน!!! อย่าหวังสาระกับนิยายเรื่องนี้ (เพราะไม่มี) แค่รักแล้วต้องเอาให้ได้ แรด!! เท่านั้นที่ครองโลก จริงปล่าว? แล้ว ‘นอ’ ของแรดนี่มีไว้เพื่อพุ่งชนจริงๆ ใช่มั้ย? ถ้าอยากรู้ก็ต้องตามมา อิอิ...

บทที่ 1 EP.01

“อา... ซี้ด... โอว... ซี้ด... อูย... โอว... ซี้ด... โอว...”

เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องที่ปิดทึบด้านในทำให้ ‘รัชนี’ ต้องกุมฝ่ามือเข้าหากันแน่น แต่ไม่ใช่เพราะตกใจ ตื่นกลัว หรือตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก แต่มันมาจากความรู้สึกโทษตัวเอง ว่าควรจะหาทางป้องกันเสียงด้านในไม่ให้เล็ดลอดออกมาด้านนอกให้มากกว่านี้

เพราะขณะนี้ไม่ใช่เธอที่ยืนอยู่ลำพัง ณ ด้านหน้าห้อง แต่ยังมี ‘หนูดี’ ผู้ช่วยของเธอยืนอยู่ด้วย และจากสีหน้าของหนูดีที่แดงแจ๋นั้น รัชนีก็เดาได้ว่าสาววัย 30 ที่เพิ่งผ่านการแต่งงานไปไม่ทันถึงปี คงจะเดาได้ว่าคนข้างในนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ แต่เธอล่ะ...

“พี่นีคะ บอสไม่น่าทำอย่างนี้เลยนะคะ ประเจิดประเจ้อที่สุด นี่ลูกค้าก็จะมาอยู่แล้ว แทนที่จะเตรียมตัวต้อนรับลูกค้า แต่บอสกลับ...”

รัชนีมองหนูดีที่ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดมองค้อนเข้าไปในห้องกระจกปิดทึบ ราวกับว่าสิ่งที่ ‘ชานนท์’ หรือ บอสหนุ่มหล่อลากดินของพวกเธอกำลังทำอยู่นี้มันน่ารังเกียจจริงๆ หนูดีอาจจะคิดแบบนั้น แต่สำหรับเธอ...

“เรื่องของเจ้านายน่ะหนูดี ไม่ใช่เรื่องของเรา พี่ว่าเราควรคิดที่จะหาทางให้บอสออกมาดีกว่านะ และก็คิดเผื่อไปถึงเรื่องทำห้องเก็บเสียงด้วย ทำยังไงก็ได้ ไม่ให้เสียง... เอ่อ... เสียงพวกนั้นเล็ดลอดออกมาอีก”

รัชนีแทบจะกัดฟันพูดเมื่อเสียงนั้นยังดังประสานกับเสียงพูดของเธอไม่หยุด และดูท่าจะดังมากขึ้นๆ เสียอีกด้วย

“พี่นี! หนูดีไม่เข้าใจพี่เลย พี่จะไปทำห้องเก็บเสียงให้บอสทำไมคะ พี่นีควรจะเตือนบอสว่าเสียง... ไอ้เสียงซี้ดซ้าดนั่นน่ะ มันดังทะลุออกมาข้างนอกแล้วนะ บอสจะได้ไม่ทำอีก นี่พี่นีทำเหมือนกับว่า... พี่นีสนับสนุนบอสให้ทำอย่างนั้นอ่ะ”

รัชนีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อหนูดีทำท่าจะมีอารมณ์ขึ้นมาจริงๆ ทั้งที่มันสมควรมั้ยล่ะ ใช่สิ... มันสมควรมั้ยที่ชานนท์ทำอะไรแบบนี้ในที่ทำงาน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทว่ามันหลายต่อหลายครั้งแล้วที่เธอต้องมาคอยตามเช็ดตามล้าง ต้องทำแม้กระทั่งเก็บถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วไปทิ้งถังขยะ

เรียกได้ว่าที่ไหนก็ได้ที่ลับตาคนอื่น ขอเพียงไม่มีคนเห็น ชานนท์ก็พร้อมจะทะลุทะลวงเคหาสวาทของคู่ขาได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ แต่นั่นไม่รวมเสียงนะ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมา มันกลายเป็นว่าเธอต้องคอยกันคนไม่ให้เข้ามาเห็น ไม่ให้ใครมาได้ยินเสียง ส่วนเธอล่ะ...

“พี่นีคะ... พี่นี!”

“ฮ่ะหนูดีว่าไง”

“พี่นีเป็นอะไรคะ หนูดีเรียกตั้งนาน”

“ว่าไงเหรอ”

“แล้วจะเอายังไงคะ นี่ลูกค้าใกล้จะมาแล้วนะคะ ใครจะเข้าไปทำให้บอสหยุด หยุด... กิจกามนั่นอ่ะ”

หนูดีหน้าตาบอกบุญไม่รับเมื่อเสียงจากด้านในยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังรัวเร็วเป็นจังหวะกระชั้นถี่มากขึ้นไปอีก เสมือนว่าคนด้านในที่ตีตั๋วทัวร์ไปสวรรค์กำลังจะถึงอยู่รอมร่อ แต่เวลาที่กระชั้นถี่มากกว่านี่แหละที่ทำให้ร้อนใจจนจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว

“หนูดีไปดูแลความเรียบร้อยในห้องประชุมป่ะ เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง”

“จริงเหรอคะ พี่นีจัดการได้จริงๆ เหรอคะ”

“เออน่า... ไปเถอะ หรือว่าเราจะเป็นคนไปจัดการล่ะ”

“ไม่อ่ะค่ะ เชิญพี่นีตามสบาย หนูดีไปล่ะค่ะ ขืนอยู่ตรงนี้อีกนาทีเดียว มีหวังหนูดีคงต้องขอลากลับบ้านแน่”

“ทำไมล่ะ ทำไมต้องกลับบ้าน นี่เราโมโหบอสจนอยู่ไม่ไหวเลยเหรอ” รัชนีถามพลางขยับแว่นเพื่อมองใบหน้าของหนูดีให้ชัดมากขึ้น เพราะผู้ช่วยของเธอในตอนนี้ทำท่าขนลุกขนพอง แต่ใบหน้านั้นกลับแดงก่ำดั่งคนอยู่กลางแดดมาเป็นเวลานาน

“โธ่! พี่นีคะ ก็เสียงขึ้นสวรรค์เชิญชวนซะแบบนั้น หนูดีก็อยากไปมั่งสิคะ ใครไม่อยากก็ตายด้านแล้วล่ะค่ะ”

หนูดีเดินไปไกลแล้ว แต่รัชนียังคงยืนอึ้งกับสิ่งที่ผู้ช่วยบอก ‘ใครไม่อยากก็ตายด้านแล้วล่ะค่ะ’ นั่นหนูดีว่าเธอใช่มั้ย เธอใช่มั้ยที่เป็นคน ‘ตายด้าน’ อย่างนั้นเหรอ เธอเป็นคนตายด้านอย่างนั้นเหรอ

รัชนีส่ายใบหน้าไปมา ในหัวสมองมีแต่เพียงเสียงของหนูดีที่ดังซ้ำๆ กันไปมา แต่แล้วเสียงจากด้านในที่ดังกลบเกลื่อนทุกความคิดก็ทำให้ร่างอวบอิ่มต้องเร่งเข้าไปด้านในโดยเร็ว ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะระเบิดออกมาเพราะคำว่า ‘ตายด้าน’ คำนั้น

เพียงประตูเปิดแย้มพอแค่ร่างเธอจะแทรกเข้าไปได้ ภาพที่เห็นเด่นชัดอยู่ในมุมที่ตรงกันข้ามกับประตูก็ทำให้รัชนีต้องชะงักค้าง ตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออก เพราะภาพที่เห็นนั้นคือ ผู้ชายที่มีโครงร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากชายต่างชาติ กำลังส่งอัดความแข็งแกร่งกึ่งกลางกายใส่ร่างของหญิงสาวที่เห็นเพียงท่อนขากางห่างออกจากกัน

จังหวะกระแทกกระทั้นรุนแรงทำให้รัชนีถึงกับเผลออ้าปากค้าง ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียไล้ที่ริมฝีปากเพื่อลดทอนความแห้งผากนั้นได้บ้าง เพราะเขายังอยู่ในชุดสูทสากล เรียบหรู ราคาแพง ทว่ามันมีแต่เพียงท่อนบนน่ะสิ ท่อนล่างน่ะเหรอ ก็กองเรี่ยราดอยู่กับพื้น

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ชนิตร์นันท์

ข้อมูลเพิ่มเติม
คนงานบ้านนายฝรั่ง

คนงานบ้านนายฝรั่ง

โรแมนติก

5.0

หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย

รับ(ลับ)ฉบับมาดาม

รับ(ลับ)ฉบับมาดาม

โรแมนติก

5.0

#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

จิตวิญญาณข้าถูกผนึก

จิตวิญญาณข้าถูกผนึก

โรแมนติก

5.0

อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน

ต้องมนต์บุปผา

ต้องมนต์บุปผา

โรแมนติก

5.0

หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ