Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ปริศนารอยสวาท

ปริศนารอยสวาท

B.J.

5.0
ความคิดเห็น
11.4K
ชม
93
บท

พงศ์... ชายหนุ่มผู้มีความรักมั่นคงให้แก่บัว หญิงสาวที่เขามีความผูกพันด้วยตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามเพียงใด จะกี่ภพกี่ชาติ เขายังรักเธอไม่เสื่อมคลาย และพร้อมจะฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างเพื่อจะให้ครองคู่อยู่กับเธอ บัว... หญิงสาวที่รักเดียวใจเดียว มีรักมั่นคงให้เขาแก่พงศ์ เพื่อนวัยเด็ก พี่ชายที่แสนดี และชายหนุ่มที่เธอจะมอบตัวมอบใจให้ทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เธอจะขอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

บทที่ 1 1

บัวเป็นบุตรสาวของคหบดีผู้ร่ำรวยในอยุธยา หญิงสาวมีชายคนรักนามว่าพงศ์ ได้ผูกสมัครรักใคร่กันตั้งแต่ยังเยาว์วัย เธอมาถึงยังที่นัดหมายนานแล้ว แต่เห็นเขาทอดสายตามองแม่น้ำลำคลองอย่างเพลินตา จึงถือโอกาสแอบมองอีกฝ่ายเสียเลย แม่น้ำสายแห่งนี้เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านบ้านของเธอและบ้านของเขา บ้านของเขาอยู่ตรงข้ามกับวัด ส่วนบ้านของเธออยู่ บริเวณใกล้ๆ กับวัดเก่าแก่ของที่นี่ ที่ท่าน้ำหน้าวัดแห่งนี้เป็นที่นัดหมายและพบเจอกันเป็นประจำ เธอชอบทำบุญและเขาก็ชอบทำบุญด้วยเช่นกัน เจดีย์ที่ทำด้วยทองคำ สะท้อนแสงกับพระอาทิตย์มีประกายระยิบระยับในน้ำ

“พี่พงศ์” เสียงหวานที่เอ่ยเรียกมาจากทางด้านหลังทำให้พงศ์หันไปมองแล้วเผยยิ้มกว้าง

หญิงสาวใบหน้าผุดผาดที่เอ่ยเรียกคือคู่หมั้นและคนรักที่รู้จักกันมาแต่เล็กแต่น้อย บิดามารดาของเขาเป็นเพื่อนกับบิดามารดาของเธอเธอสวมผ้าโจงกระเบน บนศีรษะมีผ้าคาดผมสีเดียวกับเสื้อระบายลูกไม้สีชมพูอ่อน ปลายแขนเสื้อเป็นชั้นๆ ยาวถึงข้อมือมีผ้าสไบพาดไหล่รอบตัว ในมือถือกระเป๋าใบเล็กงดงามตามสมัยนิยม ส่วนสาวใช้คนสนิทนามว่าสาลี่ยืนอยู่ใกล้ๆ หลังจากหุบร่มที่กางให้เจ้านายสาว

“แม่บัว” เขาก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะกุมมือของเธอเอาไว้อย่างทะนุถนอม สายตานั้นมองด้วยความรักใคร่และหวงแหน เธอดึงมือออกอย่างขัดเขินสะเทิ้นอาย เขายอมปล่อยอย่างแสนเสียดาย คิดถึงเธอเหลือเกิน ไม่ได้เห็นหน้าหลายวัน

“เข็มกลัดที่พี่ให้ แม่บัวใช้แล้วรึ” พงศ์มองเข็มกลัดที่เขาซื้อให้เธอเมื่อหลายวันก่อน ติดอยู่ตรงหัวไหล่กับผ้าสไบซึ่งปล่อยหย่อนลงมา แล้วรวบชายสไบไว้ข้างตัว

“สวยมากค่ะพี่พงศ์” เธอไหว้เขาอย่างอ่อนช้อยเป็นการขอบคุณกับของขวัญและของกำนัลที่เขามักซื้อติดไม้ติดมือมาฝาก เมื่อไปค้าขาย

“แม่บัวชอบพี่ก็ดีใจ นี่ของฝากจากทางใต้” เขามอบของฝากอีกชิ้นให้เธอ

“อะไรหรือคะ”เธอเอ่ยถาม ยกมือไหว้เขาอย่างอ่อนช้อยก่อนยื่นมือไปรับ

“เปิดดูสิ” บัวรับของที่เขาให้มาเปิดดู

“เครื่องประดับและของเล็กๆ น้อยๆ พี่คิดว่าแม่บัวคงชอบ” เธอเปิดดูก็เห็นเครื่องประดับเป็นต่างหูมุก สร้อยไข่มุก สร้อยข้อมือมุกเข้าชุดกัน ผ้าสไบสีต่างๆ และที่คาดผมหลายชิ้นอยู่ด้านใน

“สวยจังเลยค่ะ” เธอไหว้เขาอีกครั้ง พงศ์ยิ้มอ่อนโยนให้หญิงสาวคนรักและคู่หมั้นแต่เยาว์วัยของเขา สิ่งใดที่เธอชอบเขามักจะหามากำนัลไม่เคยขาด เพราะนั่นคือความสุขของเขาด้วย ที่ได้เห็นคนที่รักมีความสุข

“ดีใจที่แม่บัวชอบ”เขามองเธอไม่วาง ดวงตาเต็มไปด้วยความรักความเสน่หา

“ของที่พี่พงศ์ให้ บัวชอบทุกอย่างค่ะ เพราะเป็นของของพี่พงศ์” เธอพูดกินนัย คนฟังยิ้มกว้างขวาง หัวใจพองโต

“ชื่นใจ”

“พี่พงศ์มานานแล้วรึคะ”บัวเอ่ยถามเสียงอ่อนหวาน รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา อาจเพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ และรักมากเหลือเกิน

“พี่เพิ่งมาถึงครับ”พงศ์อินทร์ตอบกลับอย่างสุภาพ เขามองเธอด้วยแววตารักใคร่อยู่เสมอ

“ฉันนึกว่ามาสายเสียอีก กว่าจะหลบพี่ชัยมาได้”

“พ่อชัยตามมาตอแยแม่บัวอีกแล้วรึ” พงศ์ไม่ใคร่จะสบายใจนักเมื่อได้ยินเช่นนั้น ชัยนั้นเป็นชายหนุ่มที่มาชอบพอบัว อีกฝ่ายเป็นนักเลง ชอบข่มเหงรังแกคนอื่น เขานึกหวั่นว่าหญิงสาวคนรักจะถูกหักหาญน้ำใจเอาได้

“ใช่ค่ะ ฉันพยายามหลบพี่ชัยแล้ว แต่บางครั้งก็ไม่พ้น”

“พี่จะรีบให้คุณหญิงแม่จัดการเรื่องของเราให้เร็วที่สุด ต่อไปเราจะได้อยู่ด้วยกัน พี่จะได้ดูแลแม่บัวอย่างใกล้ชิด พี่กลัวเหลือเกินว่าไอ้ชัย มันจะทำเรื่องไม่ดีกับแม่บัว”

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ฉันจะระวังตัวให้มาก” บัวบอกอีกฝ่ายให้คลายใจชัยเป็นลูกผู้รากมากดี แถมยังมีเงินทองฐานะ เป็นธรรมดาที่จะเบ่งและอวดบารมีไปเสียทั่ว เพราะมารดาตามใจเหลือเกิน ครั้นนึกถึงบิดาของชัยนั้น ท่านก็เป็นคนดีมีคุณธรรม ซื่อสัตย์ยุติธรรมนัก เธอนับถือท่านเพราะท่านเป็นเพื่อนกับบิดามารดาของเธอ แต่เมื่อหลายปีก่อน ท่านมาด่วนจากไปเสียก่อน คราวนี้ก็ไม่มีคนห้ามปรามลูกชายเมื่อทำผิด เพราะคนเป็นแม่นั้นให้ท้ายลูกเหลือเกิน

บัวมองชายคนรักด้วยสายตาชื่นชม เขาจัดว่าเป็นผู้ชายหน้าตาและผิวพรรณดี เป็นที่หมายปองของสาวๆ พงศ์อยู่ในชุดตามสมัยนิยม เสื้อราชประแตนและนุ่งผ้าโจงกระเบนเขาเป็นชายร่างสูงสง่าภูมิฐานเป็นลูกชายคนโตของพระยาพันศักดิ์และคุณหญิงจันทร์ เขามีนิสัยสุภาพเรียบร้อย ชอบงานศิลปะ มีฝีมือในการวาดภาพเป็นที่ประจักษ์ พงศ์นั้นเป็นหนุ่มรูปงามสมชายชาตรี สาวๆ ในเมืองจึงแอบพึงพอใจเขาเป็นอันมาก หลังจากเรียนจบก็เข้ารับราชการทหารรับใช้แผ่นดิน

“ยังไงพี่ก็เป็นห่วงแม่บัว กลัวคนพาลอย่างพ่อชัยจะรังแกเอา”

“พี่พงศ์อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ฉันดูแลตัวเองได้จริงๆ ยังไงพี่ชัยก็คงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับฉันหรอกค่ะ วันนี้พี่พงศ์บอกว่าจะวาดรูปฉันไม่ใช่รึคะ” บัวเปลี่ยนเรื่องเสียเพราะไม่อยากให้เขาเป็นกังวล

“สัญญาก่อนว่าจะรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี หลีกเลี่ยงเสียให้ห่างจากพ่อชัย คนพาลอย่างนั้นไม่ควรเข้าใกล้” เขาคงต้องเร่งให้มารดาจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อย ในเมื่อเขาเรียนจบแล้ว เข้ารับราชการแล้ว หาใช่เด็กที่ยังรับผิดชอบอะไรไม่ได้ดังเช่นสมัยก่อน

“ฉันสัญญาจ้ะ พี่พงศ์อย่ากังวลให้มากนักเลย คุณพ่อกับบ่าวไพร่ของฉันก็ยังอยู่ ไม่มีใครยอมให้พี่ชัยมาทำอะไรฉันได้หรอกค่ะ”

“ถึงกระนั้นพี่ก็ยังไม่โล่งใจแม้แต่น้อย ขอให้พี่สะสางงานทุกอย่างให้เสร็จสิ้นเสียก่อน แล้วจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย”

“ฉันจะรอพี่นะคะ ยังไงก็ไม่ปันใจให้ใครหรือยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ เป็นแน่ค่ะ” บัวให้สัญญาอย่างมั่นเหมาะ เธอนึกไปถึงตอนที่บิดาของชัยยังไม่สิ้น ก็ยังปรามลูกชายคนโตได้อยู่ แต่พอท่านสิ้นไปแล้ว ชัยก็ถูกมารดาตามใจ จนตอนนี้ชักหนักข้อขึ้นทุกวัน ชัยนั้นเป็นนักเลงโรงบ่อน คบคนขี้ยา พวกติดฝิ่น กินเหล้า และมีลูกน้องเป็นนักเลงหัวไม้ ใครกล้าหือก็จะโดนหนัก จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชัยนัก

“อุ๊ย!” เขารวบมือเธอเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตหลังมือเบาๆ

“อายบ่าวไพร่จะแย่” เธอบอกอย่างขัดเขิน

“ที่ไหนกันล่ะ สาลี่กับเชน หนีเราสองคนไปพรอดกันอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้” เชนเป็นคนสนิทของพงศ์ และมีใจสมัครรักใคร่กับสาลี่คนสนิทของบัว

“แน่ะ! พี่พงศ์นี่เจ้าเล่ห์เหลือเกินค่ะ” เธอดึงมือหนี ก้มหน้างุดอย่างเขินอาย

“คิดถึงเหลือเกิน”เขาอยากทำมากกว่านี้ แต่รู้ดีว่าไม่เหมาะสม ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะที่ควร

“ฉันก็คิดถึงพี่พงศ์ค่ะ” เธอบอกความรู้สึกจากใจ ก้มหน้ามองมือตัวเองแล้วหน้าแดง

“พี่ไม่อยากเอาเปรียบแม่บัว เพราะพี่รักแม่บัวจากใจจริง” เขาอยากทำมากกว่าจับมือ แต่เพราะไม่อยากให้เธอเสียหายไปมากกว่านี้

“ฉันก็รักพี่พงศ์ค่ะ” เพราะรู้จักกันมานาน เธอกับเขาจึงรู้ใจกันที่สุด

“พี่อยากวาดรูปแม่บัวเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก” เขาบอกความประสงค์

“จะวาดที่ไหนคะ” เธอเอ่ยถาม รู้ดีว่าชายคนรักมีฝีมือในการวาดรูป

“ไปที่บ้านแม่บัวก็ดีนะ พี่อยากไปกราบคุณพ่อของบัวด้วย” เขาและเธอนั่งรถลากไปยังบ้านริมคลอง พงศ์เข้าไปกราบเพิ่มซึ่งเป็นบิดาของบัว และอยู่คุยกันอีกพักใหญ่ ก่อนขอตัวลงมาวาดรูปหญิงคนรัก เพิ่มซึ่งเป็นบิดาของบัวมีความนิยมชมชอบในตัวของพงศ์เป็นอันมาก ท่านเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน เพราะอีกฝ่ายไม่เคยทำอะไรให้เสียหาย แต่มีสัมมาคารวะ และให้เกียรติบุตรสาวของท่านเสมอ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.

ข้อมูลเพิ่มเติม
หวานใจเฮียเจ้า

หวานใจเฮียเจ้า

โรแมนติก

5.0

โปรย หวานใจเฮียเจ้า ปิ่นเพชรยืนมองประตูห้องน้ำอย่างลังเล เขากำลังอาบน้ำเช่นนี้ เธอควรจะเข้าไปดูแลเขาไหมนะ เขาไม่เคยเรียกร้อง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ถ้าเขาจะทำอะไรก็ควรทำสักที เธอมาอยู่กับเขาเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ ตัดสินใจได้ดังนั้น ปิ่นเพชรก็ทะลึ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำของเขาในทันที เจ้าทัพตกใจเมื่อจู่ ๆ เธอก็โผเข้ามากอดเขาเอาไว้ทั้งตัว ในขณะที่เขาเองก็กำลังเปลือยเปล่าอยู่ “มีอะไร” เขาเอ่ยถามเหมือนเพิ่งหาเสียงเจอ ไม่คิดว่าเธอจะโผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ “คือปิ่นจะมาช่วยอาบน้ำให้คุณน่ะค่ะ” คนบอกว่าจะมาช่วยอาบน้ำกอดเขาเอาไว้แน่น ไม่กล้าผละออกห่างหรือเงยหน้ามองเขาเพราะอาย “จะมาช่วยอาบน้ำให้ผม แต่กอดผมเอาไว้ซะแน่นแบบนี้จะอาบได้ยังไงกันครรับ” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม พลางกลั้นยิ้มเอาไว้ “ก็คุณโป๊อยู่” “มาช่วยผมอาบน้ำก็ต้องรู้สิครับว่าผมโป๊” “เอ่อ...” เธออึกอัก เขาจึงค่อย ๆ ดันเธอออกห่าง ก่อนจะมองหน้าเธอไม่วาง เจ้าทัพทาบริมฝีปากลงไปหาริมฝีปากน้อยสั่นระริกของเธอ เธอเกร็งตัวหลับตาแน่น จิกมือเข้าที่บ่าของเขา ท่าทีของเธอบอกว่ากำลังหวาดกลัว และไม่พร้อม ทำให้เขาต้องละริมฝีปากออกห่าง เมื่อเขาจูบลงไปแต่เธอกลับปิดปากแน่น “คุณไม่ต้องฝืนใจตัวเองหรอกนะ ผมไม่บังคับคุณจนกว่าคุณจะเต็มใจ” ประโยคของเขาทำให้เธอชะงักและอึ้งไป

หวานใจเฮียเจตน์

หวานใจเฮียเจตน์

โรแมนติก

5.0

“เดี๋ยวพลอยไปเอาเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วกันค่ะ” เขาทำท่าจะตามมา เธอเลยรีบปรามเอาไว้ “พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพลอยดีกว่า ยืนรอตรงนี้มันหนาว” “ไม่ได้ค่ะ” “กลัวพี่เหรอ” “กลัวค่ะ” เธอตอบตามตรง จะไปอวดดีว่าไม่กลัวเขา เดี๋ยวก็เจอดีเข้าหรอก “พี่ไม่ทำอะไรหรอก ถ้าพลอยไม่ยอม” “แน่ใช่ไหม” เธอพูดอย่างไม่ไว้ใจ “แน่ครับ” เขาเอานิ้วไปเกี่ยวไว้ทางด้านหลัง ก่อนจะฉีกยิ้มให้เธออย่างบริสุทธิ์ใจ “พลอยไม่ไว้ใจพี่เจตน์หรอกค่ะ พี่น่ะเสือผู้หญิง รออยู่นี่แหละค่ะ พลอยจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้” เธอรีบตัดบท ไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ พลอยไพลินเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดให้เขา พอหันมาก็ต้องสะดุ้ง “อุ๊ย! พี่เจตน์เข้ามาตอนไหนคะ พลอยบอกว่าให้รออยู่ข้างนอกไง” “ห้องน้องพลอยเรียบร้อยจังเลยครับ หอมด้วย” เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากห้องนอนของเธอ “ชุดพี่เจตน์ค่ะ” เธอยื่นให้เขา เขาก็รับมาถือเอาไว้ “ชุดน้องพลอยหอมจังเลยครับ” เจตน์ยกขึ้นมาดม ก่อนจะยิ้มหวานให้เธอ “เวลาพี่เจตน์จีบผู้หญิงก็ใช้มุขนี้เหรอคะ” “พี่ไม่เคยจีบผู้หญิง” “จะบอกว่าผู้หญิงวิ่งเข้าหาพี่เองเหรอคะ” “น้องพลอยเห็นยังไงก็อย่างนั้นแหละ” “...” เธอเงียบไม่ได้ตอบโต้ “หึงพี่เหรอ” เขาเดินเข้าหา ก่อนจะใช้มือดันไปที่ตู้เสื้อผ้า ทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ใครจะไปหึงพี่กันล่ะคะ” “น้องพลอยก็เปียกไปหมดแล้ว เปลี่ยนชุดพร้อมพี่ไหม” “อุ๊ย! อย่ามาลามกกับพลอยนะคะ” เธอยกขึ้นกอดอกเมื่อเขาหลุบสายตามองต่ำลง “ยังไม่ตอบเลยว่าหึงพี่เหรอ” เขาขยับเข้าไปใกล้ พลางกระซิบถามตรงริมหู ลมหายใจร้อนแรงของเขาเป่ารดอยู่ตรงพวงแก้มหอมกรุ่น “ไม่ได้หึงค่ะ” เธอตอบเขาออกไป ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด การใกล้ชิดกับผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือร้ายแบบเขา ทำให้เธอใจสั่น พยายามจะอยู่ให้ไกลจากเขา เพราะรู้ว่าหัวใจตัวเองคงทานทนไม่ไหว แต่ก็เผลอเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาในชีวิตอยู่ร่ำไป “อย่าค่ะ” เธอดันใบหน้าของเขาออกห่าง เมื่อเขาทำท่าจะก้มลงมาประทับริมฝีปากกับกลีบปากหวานฉ่ำของเธอ

ยังคงรักกันอยู่ไหม

ยังคงรักกันอยู่ไหม

โรแมนติก

5.0

โปรย ยังคงรักกันอยู่ไหม ความรักที่หวานชื่นจบลงเพราะความหลอกลวง หัวใจเจ็บปวดชอกช้ำเจียนตายเมื่อวันที่เขาเลือกอีกคน เธอกลับรักเขาหมดใจ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ทำไมถึงชอบเซ้าซี้ รู้ไหมว่ามันน่ารำคาญ” “พี่ปราบ” พลอยฟ้าสะอึกอึ้ง เพราะปราบไม่เคยพูดจาแบบนี้กับเธอ “พลอยขอโทษค่ะ” “พี่ไปละ อย่าทำตัวน่าเบื่อน่ารำคาญแบบนี้ได้ไหม” “ที่รีบไปเพราะจะรีบไปกินข้าวเช้ากับผู้หญิงในรูปคนนั้นใช่ไหมคะ” พลอยฟ้าเอ่ยถามทั้งน้ำตา “นี่อย่างี่เง่าได้ไหม” ปราบเท้าสะเอวมองคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา “พี่ปราบเคยรักพลอยจริงไหมคะ” “ไม่เอาน่าพลอย” ปราบแพ้น้ำตาผู้หญิง เขาจึงเข้าโอบกอดเธอเอาไว้ “พี่ปราบตอบมาสิคะ” “ถ้าไม่รักพี่จะแต่งงานเหรอคะ แต่พลอยอย่าร้องไห้แบบนี้ได้ไหม พี่รู้สึกแย่” “ขอโทษค่ะที่พลอยทำให้พี่ต้องอึดอัดใจ” ************************************************* ทำไมพี่ใจร้ายแบบนี้” พลอยฟ้าเอ่ยถามเสียงสั่น ทำไมผู้ชายที่เธอรักถึงเป็นไปได้ขนาดนี้ “พี่ก็คิดว่าจะเลี้ยงดูเธอให้ดี ในฐานะเมียอีกคน เธอก็ไม่น่าไปอาละวาดในงานแบบนั้นเลย” “พลอยอาละวาดตรงไหนคะ พลอยถามดี ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พี่ต่างหากที่ไม่ชัดเจน รักพี่เสียดายน้องอยู่ได้” “พี่เปล่า” ปราบปฏิเสธ เพราะเขาไม่ได้ทำแบบนั้นเลย พยายามให้เธอกลับไปก่อนก็แค่นั้นเอง “คนเลวแบบพี่กล้าปฏิเสธหน้าด้าน ๆ” พลอยฟ้าฉุดอารมณ์ไม่อยู่ “นี่จะมากไปแล้วนะ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอที่มาด่าว่าพี่เลว” ปราบบีบแขนของเธอจนจบ ก่อนที่จะเขย่าจนร่างแรง ๆ “โอ๊ย! พลอยเจ็บนะพี่ปราบ” “อย่ามาปากดีกับฉันอีก” ปราบผลักร่างของพลอยฟ้าออกห่างด้วยความโมโห “ทำไมพี่เลวแบบนี้” “ก็เธอยั่วโมโหพี่ก่อน ผู้หญิงจืดชืดแบบเธอได้พี่เป็นผัวก็ดีแค่ไหนแล้ว” “พี่คิดแค่นี้จริงน่ะเหรอ คิดแค่นี้จริง ๆ ใช่ไหม” พลอยฟ้าเอ่ยถามทั้งน้ำตา รู้สึกหนักอึ้งไปหมดทั้งอก “หยุดร้องไห้ได้แล้ว” “พี่ปราบเลือกเธอใช่ไหม” “ใคร” “แก้วอัปสร” พลอยฟ้าเอ่ยถามเป็นครั้งสุดท้าย “ต้องการคำตอบแบบไหนล่ะ” เขายังเล่นลิ้น ไม่ชอบให้ใครคาดคั้น ด้วยว่าหล่อเลือกได้ ผู้หญิงคนไหนก็อยากได้เขาด้วยกันทั้งนั้น “ถ้าพี่เลือกเธอพลอยจะไปค่ะ จะไม่มาให้เห็นหน้าอีก พลอยจะยอมหย่าให้พี่ดีๆ แบบไม่เรียกร้องอะไร” พลอยฟ้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “นี่กล้าท้าเลิกกับผัวเชียวหรือพลอยฟ้า คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถ้าหลุดจากพี่ไปจะมีผู้ชายหน้าโง่คนไหนมาเอาผู้หญิงเชย ๆ แบบเธออีก” “นี่คือสิ่งที่พี่คิดมาตลอดเลยใช่ไหมคะ” เขาเคยทำเหมือนเธอเป็นผู้หญิงที่รัก มีคุณค่าประดุจดั่งเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ของเขา แต่นี่คือเนื้อแท้ก้นบึ้งหัวใจที่เขาคิดอย่างนั้นเหรอ “รู้ไหมว่าตอนนี้เธอน่ารำคาญมาก ถ้าพี่จะเลือกใครก็เป็นสิทธิ์ของพี่ พี่เป็นฝ่ายเลือก เธอเป็นฝ่ายถูกเลือกก็ต้องรอ” “งั้นพลอยไม่รอแล้วค่ะ เราหย่ากันให้เรียบร้อย พลอยคืนอิสรภาพให้พี่ตอนนี้เลย ใบหย่าพลอยจะจัดการส่งไปให้นะคะ” เธอเอ่ยกับเขาเสียงสั่นแต่มุ่งมั่น “เธอเลือกเองนะพลอยฟ้า พี่ให้โอกาสเธอแล้ว เธออยากเป็นแม่หม้ายผัวทิ้งก็ตามใจ” “ค่ะ” พลอยฟ้ารับคำอย่างหนักแน่น หมุนกายพร้อมเดินออกมาจากชีวิตของเขา ม่านน้ำตารินไหล แต่เธอไม่คิดที่จะหันกลับไปมองผู้ชายที่เป็นรักแรกอีก ผู้ชายที่ใจร้ายที่สุด

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

โรแมนติก

5.0

"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด “ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้” ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ

นางเอกสุดโหด

นางเอกสุดโหด

โรแมนติก

5.0

เธอเป็นหมอเก่งๆ ระดับสากล เป็นประธานของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุด และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีอันดับหนึ่ง... ไม่นานมานี้ เจี่ยนอู่ ผู้มีความสามารถแข็งแกร่งกลับปกปิดตัวตนของนางและแต่งงานกับชายหนุ่มยากจนคนหนึ่ง โดยไม่คาดคิดก่อนวันแต่งงาน คู่หมั้นของเธอกลายเป็นนายน้อยที่หายไปจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่เพียงเสียใจกับการหมั้นหมายเท่านั้น แต่ยังปราบปรามและทำให้เธออับอายด้วยทุกวิถีทางอีกด้วย เมื่อความจริงถูกเปิดเผย อดีตคู่หมั้นของเธอตกตะลึง และขอร้องให้กลับมาคืนดีกัน ผู้คนใหญ่โตที่ร่ำรวยและน่านับถือคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเจี่ยนอู่ "นี่คือภรรยาของผม ใครกล้าหวังกับเธอ"

ติวสวาท ปิศาจร้อนรัก

ติวสวาท ปิศาจร้อนรัก

มหาเศรษฐี

5.0

“คุณช่วยสอนเรื่องอย่างว่าให้ฉันได้ไหม?” “ห๊ะ?!” ทันทีที่เธอพูดจบ ออสตินก็อย่างตกใจจนเกือบจะพลัดตกเก้าอี้แล้วด้วย ไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดเรื่องนี้กับเขา ออสติน เบรเดน ปิศาจหนุ่มผู้เจนจัดในเรื่องเริงรัก ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยินคำขอสุดพิศดารพันลึกจากปากของดรัลพร แก้วกานต์ เมื่ออยู่ๆ เธอก็บุกมาถึงห้องทำงานแล้วขอให้เขาช่วยรับหน้าที่ “ติวเตอร์” เพื่อสอน “บทเรียนพิศวาส” ให้เธอเป็น “ผู้หญิงเร่าร้อน” ในแบบที่เขาชอบ และเขาคงจะรับหน้าที่ดังกล่าว หากว่าเธอไม่ใช่น้องสาวของเพื่อนสนิท และเป็นคนที่เขาพยายามเก็บไม้เก็บมือให้อยู่ห่างจากเธอมาตลอด เพราะเขาดันรู้สึกอยากครอบครองเธอตั้งแต่เธออายุได้เพียงสิบสามปีเท่านั้น! ทว่าคนอย่างดรัลพรผู้มุทะลุมีหรือจะยอมให้เขาปฏิเสธคำขอเธอง่ายๆ เมื่อเธอยั่วยวนเขาด้วยท่าทีไม่ประสีประสาจนเขาต้องหลวมตัวตกปากรับคำว่าจะเป็น “คุณครูกิตติมศักดิ์” สอนบทเรียนแสนพิเศษนั้นให้กับเธอ เพียงแต่เธอต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแพงลิบลิ่ว ด้วย “พรหมจรรย์” ที่เพียรรักษามานานของเธอ “คราวหลัง... อย่าได้คิดจะอ่อยผู้ชายคนอื่นอีก เข้าใจไหม?!” เขาถามเมื่อฟาดแส้ลงมาอีกครั้ง “แยกขาออกเดี๋ยวนี้!” “อื้อ!” ดรัลพรร้องอีกครั้งเมื่อเขาฟาดแส้ลงมาเพื่อเป็นการทำโทษและตักเตือนถึงผลของการขัดคำสั่งของเขา

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ