5.0
ความคิดเห็น
1.3K
ชม
28
บท

‘หอมดอกซ่อนชู้’ หญิงสาวที่มีเพียงความสวยเป็นเสบียงติดตัว เมื่อความเหงาเปล่าเปลี่ยวเพราะสามีไม่อยู่ บวกกับความเร่าร้อนของหญิงชายที่บังเอิญเห็น เธอจึงถลำเข้าไปในดงดอกซ่อนชู้ จนไม่อาจถอนความต้องการอย่างมากล้นออกมาได้ ดอกไม้กลีบบอบบางจึงกลายเป็นดอกไม้ประจำบ้าน ให้ชายทุกคนเชยชม ‘ชู้! ใครล่ะอยากมี หรือคุณอยาก? แต่เชื่อเหอะถ้าคุณได้กลิ่นแล้วจะติดใจ ‘ดอกซ่อนชู้’ น่ะ มันหอมแรง!!’ ‘โลดแล่นไปในห้วงแห่งกลิ่นหอมรัญจวน’

บทที่ 1 EP.01

กลิ่นอะไรบางอย่างที่โชยแผ่วมาตามลมทำให้ฝ่าเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ตัวบ้านถึงกับชะงัก ชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสันทัดใบหน้าหล่อเหลา คิ้วเข้ม ดวงตายาวรี จมูกโด่ง ริมฝีปากสีแดงสด คมคายตามแบบฉบับชายไทยเชื้อสายจีน หลับตาลงพร้อมแหงนใบหน้าขึ้นเพื่อสูดดมเอากลิ่นนั้นให้เข้าไปในปอดลึกๆ

‘หอม’ นั่นคือโสตสัมผัสที่รับรู้ได้ แต่หอมแบบนี้ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน หอมมาก หอมแรงและดูเหมือนว่าจะยิ่งแรงมากขึ้นๆ เมื่อเขาสูดดมความหอมนั้นจนเต็มปอด และทิศทางลมที่โชยมาก็บอกว่าต้นตอแห่งความหอมนั้นมาจาก ‘ห้องนอนของเขา’ และสิ่งที่แรกเห็นเมื่อเข้ามาในห้องนอนก็คือ

เธอที่นั่งหันหลังให้กับเขา แค่เห็นเบื้องหลัง เลือดลมในกายก็พลุ่งพล่านจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ร้อนจนอยากจะเหวี่ยงเสื้อผ้าทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ความสวยงามนั้นก็สั่งให้เขาหยุดเพื่อชื่นชมความงามที่ร้างราไปนานกว่า 1 สัปดาห์

ผิวขาวนวลอมชมพูที่โผล่พ้นเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณต้นคองามระหงที่มีเรือนผมดำยาวสยายนั้นขมวดรวมไว้อย่างไม่ค่อยบรรจง คงเพียงเพราะต้องการจะตัดรำคาญหรือไม่ก็เพื่อขับไล่ความร้อนอบอ้าว หัวไหล่ลาดเนียนที่เปิดเผยผิวสวยให้เห็นเพราะเสื้อนั้นเป็นคอปาดเข้ารูป หรือจะเป็นต้นแขนเรียวเสลาขยับหยิบจับอะไรบางอย่างด้านหน้าที่ดูว่าเธอจะพิสมัยกับมันนัก อีกทั้งบั้นเอวคอดกิ่วจนเขาอยากจะทาบฝ่ามือลงและจับโยกให้คลายคิดถึง

ดวงตายาวรีสำรวจมองไล่ลงมาถึงสะโพกผายที่สร้างความหวั่นไหวให้กับเขาในทุกครั้งเมื่อมันสะบัดพลิ้วไปมาเหนือร่างกายของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นเธอคนนี้ แม้เพียงด้านหลังก็ทำให้ผู้ชายทุกคนที่ได้มองคงไม่อาจจะถอนสายตาได้โดยง่าย และเขาเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ที่ไม่ใช่แค่มอง แต่ได้ครอบครอง ทั้งตัว หัวใจ และใบหน้างดงามที่ค่อยๆ หันช้าๆ มองมา

“เฮียเล็ก!” เสียงหวานร้องขึ้นอย่างไม่คาดฝัน แววตาไหวระริกด้วยความดีใจ ก่อนจะทิ้งดอกไม้ในมือแล้วโผเรือนร่างเข้ามาให้คนที่ยืนกางแขนรอรับไว้นั้นสวมกอดด้วยความคิดถึง

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไรจ๊ะ ซ่อนคิดถึงเฮียที่สุดเลย” ซ่อนกลิ่นซุกซบใบหน้างดงามราวจันทร์วันเพ็ญกับอกแกร่งของสามีด้วยความคิดถึงที่สุด

“เฮียก็คิดถึงน้องซ่อน คิดถึงที่สุดเหมือนกัน” จมูกโด่งซุกไซ้ไปตามเรือนผมหอมกรุ่นของเมียสาว เมียที่ทำให้เขาร้อนรุ่มอยากจะกลับมาให้ถึงบ้านเร็วๆ แต่งานที่ต้องไปซื้อข้าวที่ต่างจังหวัดครั้งละนานๆ มันทำให้เขาโหยหาเรือนร่างนี้จนแทบจะลงแดงตาย

“ซ่อนก็คิดถึงเฮียจ้ะ คิดถึงที่สุดเลย” เสียงหวานเอ่ยตอบวางทาบฝ่ามือกับอกแกร่งของผัว ยังคงกอดรัดเขา เพราะโหยหาเหลือเกินความอบอุ่นนี้

“น้องซ่อนทำอะไรอยู่จ๊ะ ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน หรือว่ารอเฮีย” ถามพร้อมสายตาซุกซนกวาดมองไปตามวงหน้าก่อนจะเรื่อยลงมาตามต้นคอระหงจนมาถึงหน้าอกอวบอิ่มที่พุ่งชูชันรอคอยให้เขาเอาหน้าลงคลุก

“ซ่อน... ก็รอเฮียแหละจ้ะ จำได้ว่าเฮียจะกลับวันนี้แต่ซ่อนก็ไม่รู้ว่าจะกี่โมงกี่ยามกัน ซ่อนก็เลยนั่งจัดแจกันดอกไม้ไปพลางๆ น่ะจ้ะ เผื่อเฮียมาจะได้รู้ว่าซ่อนรออยู่” ตอบคำถามทั้งที่ใบหน้านั้นเริ่มร้อนวูบวาบแดงระเรื่อจากสายตาของสามีที่แสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจน

“น้องซ่อนเมียรักของเฮียน่ารักที่สุด แล้วนี่ดอกอะไรเหรอจ๊ะ หอมมาก แต่เฮียไม่รู้จัก” ดอกไม้สีขาวนวลเป็นก้านยาวคล้ายกล้วยไม้ แต่มีดอกคล้ายปีบ ดอกเล็กๆ น่าทะนุถนอมที่ร้อยเรียงกันเป็นช่อดอกนั้นมีสีชมพูระเรื่ออยู่ตรงปลาย

“อิอิ... ก็ดอก...”

ซ่อนกลิ่นขยับกายออกห่างเล็กน้อย นิ้วชี้จิ้มปลายคางของตัวเองราวกับจะบอกว่าดอกไม้นั้นคือตัวเธอ แต่หัวคิ้วเข้มๆ ของเสี่ยเล็กที่ขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจก็ทำให้ริมฝีปากต้องเบะน้อยๆ กึ่งยิ้มกึ่งเง้างอนก่อนจะเฉลย

“ก็ดอกซ่อนกลิ่นยังไงล่ะจ๊ะ”

“หือ... ดอกซ่อนกลิ่น หอมขนาดนี้เชียวเหรอ”

“จ้ะ หอมมาก และซ่อนก็ชอบมากด้วย”

“ใช่ เฮียเห็นด้วย หอมมาก และเฮียก็ชอบ หอม... หอมที่สุด”

จมูกโด่งซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่น กลิ่นหอมที่ไม่รู้ว่ามาจากผิวกายเมียสาว หรือมาจากเจ้าช่อดอกสีขาวอมชมพูที่บางส่วนเสียบอยู่ในแจกันใบโต และบางส่วนยังทอดร่างแสดงความสวยงามของก้านดอกสีเขียวอ่อนอยู่บนโต๊ะไม้สักฝังมุกกันแน่ รู้แต่ว่ากลิ่นหอมแรงอย่างนี้มันทำให้เลือดลมของเขาฉีดพล่านดูจะร้อนรุ่มมากกว่าเดิม อยากพรมจูบ ลากริมฝีปากและจมูกไปทั่วทุกอณูผิวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อยากจะซึมซับเอาความหอมนี้ให้ชุ่มปอด อยากจะเคล้นคลึงเต้าอวบใหญ่ให้หายคิดถึง อยาก...

“อื้อ... เฮียก็ มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนสิจ๊ะ แล้วนี่เฮียกินข้าวกินปลามาหรือยัง ซ่อนจะได้ไปเตรียมให้” ถามเสียงสั่นบิดกายให้พ้นจากจมูกซุกไซ้และฝ่ามือที่ปะป่ายไปบนร่างเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ร้างราให้โหมขึ้น

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ชนิตร์นันท์

ข้อมูลเพิ่มเติม
คนงานบ้านนายฝรั่ง

คนงานบ้านนายฝรั่ง

โรแมนติก

5.0

หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย

รับ(ลับ)ฉบับมาดาม

รับ(ลับ)ฉบับมาดาม

โรแมนติก

5.0

#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
5.0

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

สยบแค้นรักซาตาน

สยบแค้นรักซาตาน

มุกดารินทร์
5.0

กฤษณะต้องมาปกป้องนักโทษคนหนึ่งที่พัวพันกับเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ให้รอดพ้นจากการถูกตามล่า หากแต่เธอคนนี้คือน้องสาวของฆาตกรที่ ฆ่/หั่nศwแฟนสาวของเขาอย่างโหดเหี้ยม แต่ยังไม่ทันได้แก้แค้นมันก็ชิ่งต/ยก่อน ความแค้นทั้งหมดจึงมาลงที่เธอเพียงคนเดียว นานวันเข้าความใกล้ชิดและผ่านอุปสรรคมาด้วยกันตลอดทางความรู้สึกนั้นก็แปรเปลี่ยนจากความแค้นเป็นความรัก "ปากนายนี่มันเลี้ยงสุนัขไว้ในนั้นกี่ตัวกันฮะ! ว่างๆก็แวะไปให้หมอฟันง้างปากลากมันออกมาปล่อยบ้างนะ” “พูดมากอยู่นิ่งๆแล้วก็มาทายาให้ฉันด้วยเพราะเธอคนเดียวฉันถึงได้เจ็บตัวแบบนี้”

ซ้อนกลรัก

ซ้อนกลรัก

Mookreang
5.0

เจ้าสาวหมาดๆ อย่างบัวบูชาตื่นมาบนเตียงชายอื่นในวันรุ่งขึ้นของการแต่งงาน เป็นคล้ายฝันร้ายที่กลายเป็นจริง เขาทำราวกับเธอเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานมนาน เขาลักพาตัวเธอมาจากหน้าเรือนหอในคืนวิวาห์ เพราะเข้าใจว่าเธอคือบุษบงกชคนรักเก่าที่หนีตามชายอื่นไป บัวบูชาอยากหนีไปจากเขา หรือบอกความจริงว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น แต่เพราะ คนรักเก่าที่เขาเกลียดชัง เคียดแค้น คือพี่สาวฝาแฝดของเธอที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำไปก่อนหน้า หญิงสาวตัดสินใจสวมรอยเป็นบุษบงกช เพื่อสืบหาความจริง โดยไม่รู้เลยว่าเดิมพันครั้งนี้สูงนัก เพราะมันหมายถึงทั้งชีวิต...และหัวใจ!

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ