ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
ตอน อุปสรรคของรักแรก
หนุ่มสาวนับสิบต่างทยอยเดินออกจากร้านอาหารด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ด้วยท่าทางเป็นสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อการตรากตรำร่ำเรียนหนักมาสี่ปีเต็มๆ จบสิ้นลงเรียบร้อยแล้วหลังผลการเรียนประกาศออกมาว่าไม่มีใครตกวิชาไหน
จึงนัดกันเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่ได้เป็นว่าที่บัณฑิต เพราะต่างคนต่างรู้ดีว่าอีกนานกว่าจะได้พบเจอกันอีก ในเมื่อหลายคนต้องวิ่งสมัครงานกันให้วุ่นหลังเรียนจบ
ส่วนคนที่พ่อแม่ร่ำรวยก็เตรียมตัวไปเรียนต่อเมืองนอก โดยไม่ต้องดิ้นรนเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ‘ราฟฟาเอ็ลโล่ ปริญ เอตามัส-โตเอลเวร่า’ หนุ่มผู้ถือสองสัญชาติไทยและอิตาเลียนก็เป็นหนึ่งในสี่ของเพื่อนในกลุ่มที่จะไปเรียนต่อระดับปริญญาโทด้าน Laws and Diplomacy ที่มหาวิทยาลัยทัฟส์ สหรัฐอเมริกา
หลังจากจบ IR หมาดๆ มาแล้ว เพื่อเตรียมเดินตามเส้นทางการเป็นนักการทูตเหมือนพ่อของเขาใฝ่ฝันไว้ แต่ก็ยังคว้ามาไว้ในมือไม่สำเร็จก็ต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสถานอัครราชทูตอิตาลี ณ กรุงอังการา ประเทศตุรกีในระดับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทูต (Diplomatic Staff) ขณะดำรงตำแหน่งอัครราชทูตที่ปรึกษา (Minister Counsellor) ด้วยอายุสี่สิบห้าเท่านั้น
นั่นเป็นเหตุให้เขากับแม่ต้องย้ายกลับเมืองไทยหลังจากเสียพ่อได้ไม่กี่เดือน แน่นอนว่าเขาเป็นความหวังเดียวที่จะสานต่อความฝันของพ่อกับทุกคนในครอบครัวเอตามัส-โตเอลเวร่า เขาเองก็ไม่คิดจะขัดขืนใดๆ
ด้วยรู้ดีว่าตัวเองชอบสายงานของพ่อมาก แถมยังได้ย้ายไปอยู่หลายๆ ประเทศ ได้เห็นได้ศึกษาผู้คนไม่ซ้ำแบบไปเรื่อยๆ ทำให้ชีวิตมีเรื่องต้องเรียนรู้เสมอๆ
แต่เรื่องที่เขากำลังจะขัดขืนความต้องการของทุกคนด้วยการดื้อแพ่งไม่ยอมไปเรียนต่อที่ไหนทั้งสิ้น หากครอบครัวไม่ยอมให้เขาแต่งงานกับ ‘พลอยหยก บุญอันดา’ หญิงที่เขารักจนหมดหัวใจ
จนไม่คิดจะรักใครได้อีกก่อน ซึ่งเขาเข้าใจว่าวิธีนี้จะทำให้ได้คนรักมาแนบครอบโดยไม่ยากเย็นนัก ก็ในเมื่อทุกคนในบ้านรักและตามใจเขาจะตายไป
“ไว้ค่อยเจอกันพรุ่งนี้นะ กู๊ดไนต์เพื่อนรัก”
พลอยหยกว่าที่บัณฑิตวารสารศาสตร์โบกมือลาสองเพื่อนรักที่ได้นัดแนะกันไว้แล้วว่าจะไปสมัครงานด้วยกันในวันพรุ่ง
“เอ่อๆ อย่าไปสายนะยัยหยก เราจะต้องไปถึงที่บริษัทอย่างช้าเก้าโมงนะยะ”
ดาริกาสาวเปรี้ยวที่จบคณะเดียวกันก็โบกมือลาเพื่อนปากก็กำชับอีกคำรบ
“ใช่ๆ ถ้าหล่อนช้าพวกฉันจะไม่รอ! ปล่อยให้ไปหาสมัครงานคนเดียวทั้งวัน”
รัตติกาลเพื่อนรักหนึ่งในสามของแก๊ง ‘เปรี้ยวเฉี่ยวชี๊ด’ ก็โบกมือให้เพื่อนเช่นเดียวกัน ขณะเดินไปขึ้นรถของเพื่อนร่วมรุ่นเพื่ออาศัยให้ไปส่งกลับบ้าน เพราะไม่อยากนั่งรถของปริญที่จะไปส่งพลอยหยกทุกครั้งที่กลับดึกอยู่แล้ว จะได้ไม่เป็นก้างเวลาสองคนจู๋จี๋อี๋อ๋อกัน
“รู้แล้วล่ะน่า! ย้ำจริง! รับรองว่าฉันจะไปยืนรอพวกหล่อนก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงเลยเอา แล้วเจอกันนะ บ๊ายบาย”
พลอยหยกไม่ได้ถือสาเพื่อนเพราะรู้ว่าตัวเองไปสายบ่อยครั้งเนื่องจากบ้านอยู่ไกลถึงปทุมธานีคลองสี่ กว่าจะขึ้นรถเมลมาได้ก็กินเวลาเป็นชั่วโมงๆ รวมทั้งแฟนหนุ่มที่จะต้องขับรถไปส่งในค่ำคืนนี้ด้วย ขากลับด้วยที่เขาจะต้องนั่งมาคนเดียวตามเคย
“พรุ่งนี้ให้เราพาไปก็ได้นะหยก ไม่เห็นจะต้องโหนรถเมล์เลย เหนื่อยจะตาย เหงื่อออกด้วย เดี๋ยวไม่สวยตอนไปสมัครงานนะ”
ปริญเสนอตอนออกรถจากลานจอดของร้านอาหาร
“ความจริงไม่เห็นจะต้องสมัครงานเลย บอกแล้วว่าเราจะแต่งงานกันจากนั้นก็ไปเรียนต่อด้วยกัน ถ้าหยกอยากทำงานจริงตอนอยู่โน่นก็เรียนด้วยทำงานด้วยยังได้เลย”
เรื่องนี้เขาเคยคุยกับแฟนสาวแล้วหลายครั้ง แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะหางานเอาไว้ก่อนอยู่ดี
“เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมัครแล้วจะได้งานหรือเปล่า อีกอย่างกว่าจะถึงเวลาไปเรียนตั้งหลายเดือน ถ้าได้ทำงานก่อนก็จะดีกว่านะ จะได้มีเงินเก็บหน่อยไง”
พลอยหยกอยากจะบอกว่า ‘ถ้าญาติๆ ทางฝ่ายเขายอมรับเธอผู้ซึ่งเป็นสาวไร้ภาษีสังคมไปเป็นสะใภ้อย่างที่หวังไว้’ มากกว่าแต่ไม่อยากจะตัดความหวังที่ทั้งร่วมกันวาดเอาไว้ตั้งแต่เริ่มคบหาดูใจกันเมื่อสามมาแล้ว
แม้ในใจลึกๆ เธอไม่อยากหวังว่ารักจะไร้ปัญหา ด้วยเคยเห็นสายตาของผู้แม่กับย่าเมื่อคราวได้ไปทำรายงานในบ้านที่ใหญ่โตราวพระราชวังของเขาในหลายๆ ครั้งมาแล้ว
“ตอนนี้เราก็พักผ่อนสิหยก เรียนหนักมาตั้งหลายปี ไม่เห็นต้องรีบทำงานเลยนี่นา จะได้เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวแสนสวยของเราด้วย ถ้าขืนไปทำงานหน้าดำคร่ำเคร่งถ่ายรูปออกมาแล้วไม่สวย อย่ามาโทษเรานะ”
“พูดเหมือนจะได้แต่งกันง่ายๆ อย่างนั้นล่ะปริญก็”
ทั้งเธอและเพื่อนๆ ในคณะไม่มีใครเรียกชื่อแรกของเขาเลย ส่วนใหญ่จะเรียกชื่อนี้ ‘ราฟฟ์! เรียกแล้วมันรู้สึกจั๊กจี้ว่ะ ขอเรียกปริญดีกว่านะง่ายและไทยๆ ดี ต่อให้แกหน้าออกฝาหรั่งก็เหอะ แต่แกทำตัวติดดินยิ่งกว่าคนไทยอีก’
เพื่อนส่วนใหญ่มักจะให้เหตุผลแบบนี้ เขาเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนักใครอยากเรียกแบบไหนก็ตามสบาย
“ได้สิ พรุ่งนี้เราจะคุยกับคุณแม่แล้วก็กับอาเลย ถ้าอ้างว่าเรายังเด็กไม่พร้อมอีกตามเคย เราจะขู่ว่าจะไม่ไปเรียนถ้าไม่ยอมให้เราแต่งกับหยกก่อน รับรองว่าไม่มีใครกล้าขัดได้หรอก หยกเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเลย ไม่ต้องทำงานที่ไหนแล้ว”
ปริญไม่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดจะไกลเกินที่จะเป็นความจริงได้ เพราะแม่กับย่ารักเขามาก การจะดื้อแพ่งด้วยการหยิบยกเอาเรื่องแต่งงานมาเป็นข้อแม้ไม่ไปเรียนต่อนั้นย่อมมีความเป็นไปได้ล้านเปอร์เซ็นต์ทีเดียว เขาจึงสบายใจไร้กังวล
บทที่ 1 1
16/09/2022
บทที่ 2 2
16/09/2022
บทที่ 3 3
16/09/2022
บทที่ 4 4
16/09/2022
บทที่ 5 5
16/09/2022
บทที่ 6 6
16/09/2022
บทที่ 7 7
16/09/2022
บทที่ 8 8
16/09/2022
บทที่ 9 9
16/09/2022
บทที่ 10 10
16/09/2022
บทที่ 11 11
16/09/2022
บทที่ 12 12
16/09/2022
บทที่ 13 13
16/09/2022
บทที่ 14 14
16/09/2022
บทที่ 15 15
16/09/2022
บทที่ 16 16
16/09/2022
บทที่ 17 17
16/09/2022
บทที่ 18 18
16/09/2022
บทที่ 19 19
16/09/2022
บทที่ 20 20
16/09/2022
บทที่ 21 21
16/09/2022
บทที่ 22 22
16/09/2022
บทที่ 23 23
16/09/2022
บทที่ 24 24
16/09/2022
บทที่ 25 25
16/09/2022
บทที่ 26 26
16/09/2022
บทที่ 27 27
16/09/2022
บทที่ 28 28
16/09/2022
บทที่ 29 29
16/09/2022
บทที่ 30 30
16/09/2022
บทที่ 31 31
16/09/2022
บทที่ 32 32
16/09/2022
บทที่ 33 33
16/09/2022
บทที่ 34 34
16/09/2022
บทที่ 35 35
16/09/2022
บทที่ 36 36
16/09/2022
บทที่ 37 37
16/09/2022
บทที่ 38 38
16/09/2022
บทที่ 39 39
16/09/2022
บทที่ 40 40
16/09/2022
หนังสืออื่นๆ ของ สนพ. อิ่มรัก
ข้อมูลเพิ่มเติม