Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
459
ชม
17
บท

ทศกัณฐ์ หวงความโสด และถูกเข้าใจผิดคิดว่าชอบผู้ชายด้วยกัน จันทร์จิราถูกไหว้วานให้ทำยังไงก็ได้ให้หลานชายของเรืองศักดิ์กลับมาเป็นชายชาตรีอีกครั้ง โดยที่เธอไม่รู้ลยว่ามันเป็นแผน

บทที่ 1 1

กลางเมืองหลวงที่มากมายไปด้วยผู้คนและรถ สวนทางกันไปมา ถึงแม้จะเป็นตอนเช้าแต่ในฤดูร้อนเช่นนี้ หญิงสาวรูปร่างสมสัดส่วนสวมชุดพนักงานเดินออกจากคอนโดมิเนียม ก้าวเท้าตามเส้นทางระหว่างคอยเพื่อนสนิทมาหาทุกเช้า

ดวงตากลมโตมองผ่านกรอบแว่นบางก่อนเบิกตากว้างตกใจรีบวิ่งเข้าไปพยุงร่างชายชราขึ้นจากพื้น แม่ค้าใกล้ ๆ พากันเดินออกมาดูพร้อมช่วยเหลือหยิบเก้าอี้มาให้นั่ง

“คุณปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”

หญิงสาวถามด้วยความตื่นตกใจ เพราะเธอเพิ่งเห็นรถมอเตอร์ไซค์วิ่งบนฟุตบาทเฉี่ยวคนแก่ล้มต่อหน้าต่อตา เหตุการณ์ในครั้งนี้มีหลายคนที่เห็น และต่างต่อว่ารถคันนั้นที่ขึ้นมาวิ่งบนทางเท้า

“ปู่เคล็ดสะโพก อูยยย”

“จีนเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ทัตตกรถามพร้อมเดินมาช่วยพยุงร่างชายชราก่อนจะยื่นถุงขนมส่งให้เธอถือ

“มีมอไซค์วิ่งบนฟุตบาทเฉียวคุณปู่ล้ม แกพาไปส่งโรงพยาบาลได้ไหม” เธอหันบอกเพื่อนชายสองคิ้วขมวดยุ่งแล้วก้มมองคนร้องโอ๊ยบนพื้น

“ได้สิ คุณลุงจำเบอร์ติดต่อลูกหรือหลานได้ไหมครับ”

“ปู่มีหลานชายอยู่แต่เขาคงทำงาน ถ้าไม่รบกวนพวกหนูเกิน ไปส่งปู่ที่โรงพยาบาลก็ได้” อีกฝ่ายขอร้องสีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเม็ดเหงื่อเต็มหน้าผากแสดงชัดว่าเริ่มไม่ไหวแล้ว

“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ” ทัตตกรพยุงอีกฝ่ายไปยังวินมอเตอร์ไซค์ที่อาสาพาไปส่งและช่วยตั้งแต่แรก หลังจัดการพาคุณปู่ขึ้นรถได้ เธอก็เดินไปหาเพื่อนพร้อมหมวกกันน็อค

“จะไปด้วยเหรอ” ทัตตกรถามย้ำพร้อมมองหน้าเธอ

“อื้อ ให้เราไปด้วยนะ” เธอไม่พูดเปล่ารีบสวมหมวกแล้วขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายให้สัญญาณออกรถ

หลังมาส่งโรงพยาบาลให้คุณหมอตรวจดูอาการ แจ้งว่าสะโพกเคล็ดให้รับยากลับบ้านเลยก็ได้ หรือจะอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนก็ได้เช่นกัน แต่ต้องแจ้งทางญาติให้มาเฝ้า เธอจึงขอรับยาแล้วให้เพื่อนสนิทโทรหาญาติให้มาแทน

“แฟนหนูเหรอ”

“ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนกัน” จันทร์จิรายกมือปฏิเสธ

“นี่ถ้าหลานชายปู่ชอบผู้หญิง ป่านนี้คงมีเหลนให้ปู่ไปนานแล้ว” เรืองศักดิ์พูดเสียงเศร้าหันออกไปมองทางอื่นพร้อมถอนหายใจ

“คุณปู่มีหลานคนเดียวเหรอคะ”

“ลูกพี่ลูกน้องเขามีอีกสองคน แต่ละคนยังไม่มีใครแต่งงานเลย ยิ่งคนโตสุดมันยิ่งไม่ชอบผู้หญิงปู่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ปู่อยากอุ้มเหลนก่อนตาย”

จันทร์จิราเห็นใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากความเพราะเป็นเรื่องในครอบครัว และเข้าใจว่าคนแก่มักยอมรับว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง ไม่ได้ปรับเปลี่ยนความคิดตามยุคสมัย

“ยาครับ ให้ผมไปส่งที่ไหนไหม” ทัตตกรเดินมาพร้อมกับถูกยาส่งให้อีกฝ่ายถือ

“ไม่เป็นไร ฉันโทรหาหลานชายให้มารับแล้ว ว่าแต่แม่หนูชื่ออะไรล่ะ”

“ชื่อจีนค่ะ คนนี้ชื่อบอมค่ะ” จันทร์จิราแนะนำตัวเองคร่าว ๆ ให้รู้จักรวมถึงงานที่ทำด้วย

“ขอบใจพวกเธอมากนะ ว่าแต่ขอเบอร์โทรได้ไหม เผื่อว่าครั้งหน้าฉันจะได้ตอบแทนถูก”

“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเต็มใจช่วย” จันทร์จิราทิ้งเบอร์โทรให้ ถึงแม้จะปฏิเสธไม่อยากได้ของตอบแทนหรืออะไรก็ตาม แต่ก็ทนลูกตื้อไม่ไหว ก่อนจะแยกจากอีกฝ่ายที่หน้าโรงพยาบาล

จันทร์จิรา หญิงสาววัยยี่สิบสองปีจากบ้านเด็กกำพร้า ไม่มีทั้งพ่อแม่ และไม่คิดออกตามหา เมื่อพวกเขาไม่ได้ต้องการเธอเข้าไปอยู่ในชีวิตแล้ว เธอก็เลือกเส้นทาง หลังสอบชิงทุนเรียนต่อได้สำเร็จ ก็ย้ายตัวเองออกมาอยู่ข้างนอก ทำงานหนักส่งตัวเองเรียนและเก็บออมส่งให้ทางมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้าที่เคยชุบเลี้ยง เมื่อตอนเป็นเด็กตอบแทนบุญคุณ ก่อนจะหันมาเก็บเงินเพื่อทำตามความฝันที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง

“วันนี้จะไปทำงานพาร์ทไทม์ต่อไหม” ทัตตกรมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ แล้วหันไปมองหน้าหญิงสาว ทุกเย็นเจ้าหล่อนจะออกไปทำงานเสริมหารายได้เพิ่มทั้งที่งานประจำนั้นเงินเดือนดีอยู่แล้ว อีกอย่างเธอตัวคนเดียวค่าใช้จ่ายไม่ได้หนักมากนัก

“ร้านหยุดปรับปรุงหนึ่งอาทิตย์ ฉันว่าจะหางานใหม่ทำระหว่างรอ”

“ทำงานอะไรเยอะแยะ ถ้าเงินไม่พอใช้เอาของฉันไปก็ได้”

“ไม่เอา แกก็ทำงานหาเงิน เหนื่อยกว่าจะได้แต่ละบาท และฉันก็มีเงินเก็บอยู่” จันทร์จิราบอก ความจริงที่เธออยากทำงานเพิ่มนั้นเพราะอยากซื้อบ้านที่เป็นชื่อของตัวเองไว้สักหลังเท่านั้น ดีกว่าเสียเงินเช่าคอนโดอยู่

“คิดอะไรอยู่”

“ปิดบังไม่ได้เลยสินะ” เธอก้มดูดน้ำผลไม้ปั่น “ฉันอยากเก็บเงินซื้อบ้าน”

“ดีเลย ขาดอีกเท่าไหร่ล่ะ”

“ถามแบบนี้ทำไม ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง” เธอมองหน้าเพื่อนพร้อมทำคิ้วยุ่ง

“ก็ไม่ได้ให้ฟรี ฉันให้เธอยืม แล้วก็มาผ่อนไง ตกลงขาดอีกเท่าไหร่”

“ก็เยอะแหละ” หญิงสาวก้มหน้าลง พอนึกถึงเงินที่เก็บได้รวมสองปีมานี้ก็สามารถวางเงินมัดจำได้ แต่มันเป็นเงินก้อนใหญ่เวลาจะหยิบมาใช้ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน

“โอเค ฉันให้ยืม แล้วเล็งที่ไหนไว้บ้าง”

จันทร์จิราส่ายหน้า “ยังเลย”

“อยากได้แบบไหน”

“ก็ประมาณ...” จันทร์จิราพูดรายละเอียดเรื่องบ้านที่อยากได้ให้ทัตตกรฟัง เธอไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่ เพราะอยู่คนเดียวกลัวจะเหงาด้วยซ้ำ พอพูดแบบที่อยากได้ ทัตตกรก็เสนอโครงการหนึ่งที่เขาขับรถผ่านประจำก่อนจะนัดไปดูบ้านกันเย็นวันนั้นเลย

ด้วยความไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการซื้อบ้านในโครงการเลย ทัตตกรอาสาหาวิศวกรมาตรวจบ้านให้ จัดการทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านตัวเอง ก่อนจะกำหนดวันทำสัญญาอีกครั้ง

ทว่าวันนัดส่งมอบกลับกลายเป็นว่าบ้านที่เธอลงทุนจ้างให้คนตรวจสอบและแก้ไขถูกขายให้คนอื่นไปแล้วในราคาที่สูงกว่า จากสีหน้าที่ดีใจตอนแรกเปลี่ยนไปทันทีพร้อมความโกรธเข้ามาแทนที่

“บ้านที่คุณจะเข้ามาจองพอดีว่ามีคนซื้อตัดหน้าไปแล้วครับ” เจ้าหน้าที่ที่ดูแลโครงการบ้านมาพร้อมกับอีกคนเดินเข้ามายกมือไหว้ยื่นกระเช้าของบำรุงและช่อดอกไม้แทนคำขอโทษ

พอได้ยินว่าบ้านถูกขายไปแล้ว ความดีใจที่มีบ้านหลังแรกก็ล่วงติดลบทันทีและแทนที่ด้วยความโกรธ แต่ก็เอาเรื่องไม่ได้เพราะบ้านถูกขายไปแล้ว

“ได้ไง พวกเรามาดูก่อน ทำไมคุณทำแบบนี้” ทัตตกรโมโหต่อว่าอีกฝ่ายที่ไร้จรรยาบรรณเสียงดัง

“เอ่อ คือพวกผมต้องขอโทษด้วยนะครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นโค้งกายขอโทษขอโพย และยังยืนยันไม่สามารถส่งมอบบ้านให้ได้ในวันนี้เสนอให้ไปดูหลังอื่นแทน

จันทร์จิราที่น้ำตาคลอทั้งเสียใจและโกรธ ไม่คิดว่าประสบการณ์การซื้อบ้านครั้งแรกจะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ พอได้คำขอโทษจากอีกฝ่ายแบบลวก ๆ และไม่มีการชดเชยอะไรให้มีเพียงช่อดอกไม้กับกระเช้าที่ไม่สามารถทนแทนได้ จึงพากันกลับ แต่ยังไม่ได้ไปไหนเสียงหนึ่งเอ่ยทักขึ้น

“เอ้า พวกเธอสองคนมาทำอะไรกันที่นี่เหรอ”

พอหันกลับไปมองก็เจอเข้ากับเรืองศักดิ์เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่เดินเลี่ยงไปทางอื่นแทน

“คุณปู่สวัสดีครับ พวกเรามาดูบ้านที่จอง แต่เจ้าหน้าที่บอกขายให้คนอื่นไปแล้ว” ทัตตกรบอกแล้วหันมองหน้าเจ้าหน้าที่พวกนั้น ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไป

“กลับกันเถอะ มันคงไม่ใช่บ้านฉัน” จันทร์จิรากระตุกชายเสื้อเพื่อนบอกเสียงโรยราอย่างหมดใจ ใบหน้าเศร้าหม่นหมองน่าสงสาร

ทัตตกรพยักหน้ารับ กำลังจะพาไปที่รถแต่ถูกเรืองศักดิ์ห้ามไว้อีกครั้ง

“เดี๋ยว ๆ ปู่มีอยู่ที่หนึ่ง ทำเลดีมาก หนูจีนต้องชอบแน่ ๆ สนใจจะไปดูไหมล่ะ ปู่รู้จักเจ้าของโครงการเคยไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ จะขอให้เขาลดราคาพิเศษให้”

สองหนุ่มสาวหันมองหน้ากัน

“เอาไง อยากไปดูไหม” ทัตตกรถามย้ำ

“อืม ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไปดูหน่อยก็ได้” เธอบอกอย่างสิ้นแรง

“ซื้อบ้านสร้างเรือนหอเหรอ”

คำถามนั้นทำให้คนเศร้าอยู่เบิกตากว้างหายใจสะดุดรีบปฏิเสธเสียงหลง

“แค่ก ไม่ใช่ค่ะ พวกเราไม่ได้เป็นแฟนกัน จีนอยากได้บ้านเป็นของตัวเองดีกว่าไปเช่าคอนโดอยู่ค่ะ บอมเลยอาสาพามาดู วันนี้นัดทำสัญญากันแต่บ้านถูกขายตัดหน้าไปแล้วค่ะ”

เรืองศักดิ์ยิ้มแย้มพยักหน้าเดินไปขึ้นรถตัวเองให้ทั้งสองขับตามตนไป

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ นามปากกา ญาตา

ข้อมูลเพิ่มเติม
เร้นรักเจ้าสาวจำเป็น

เร้นรักเจ้าสาวจำเป็น

โรแมนติก

5.0

“ทำอะไรกัน” มัลลิกาได้ยินเสียงลูอิสก็พยายามลุกขึ้นเดินไปหาเขา กำเสื้อเชิ้ตไว้ทั้งสองมือ “กลับมาแล้วเหรอคะ” “คุณดื่มเหรอ” ลูอิสก้มลงดมกลิ่นใกล้ ๆ เธอส่ายหน้าหันไปชี้ทางโดมินิกและอลิส “คุณหมอบอกเป็นยาบำรุงร่างกายค่ะ” ลูอิสมองหน้าเพื่อน คว้าเอวคอดไว้เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเซล้มไปทางอื่นให้ขยับมาพิงกายตัว แต่คนเมาดื้อยันมือออกห่างแถมยังใจกล้ากำเสื้อเขาไว้ “จริงไหมคะ” “เรื่องอะไรครับ” ลูอิสควงหญิงสาวไปทางโซฟารั้งเธอให้นั่งบนตัก มัลลิกาแกะมือที่จับเอวขยับขึ้นนั่งคร่อมสอดแขนคล้องลำคอมองหน้าเขาอย่างเรื่อง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังทำให้เก๊กขรึมหลุดภาพลักษณ์ “ก็คุณโดมินิกเล่าว่าคุณแอบซุกกิ๊กไว้ที่บริษัท ที่ให้พลอยอยู่แต่บ้านเพราะตัวเองจะได้มีความสุขส่วนพลอยก็นั่งโง่ ๆ ทำกับข้าวรอสามี รอนอนพร้อมคุณเท่านั้น” เธอชี้ไปทางคนเล่าที่ยกมือขึ้นฉับ ลูอิสมองหน้าเพื่อนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นขยับถอยห่าง “พวกเรากลับก่อนนะ” อลิสลุกขึ้นตามแรงสะกิดส่งยิ้ม “กลับแล้วเหยอ” คนเมาหันไปถามเสียงยาน “แล้วอลิสมาหาใหม่นะคะ” “ค่ะ บ๊ายบาย” มัลลิกาที่เมากรึ่มพยักหน้าโบกมือให้ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง ลูอิสมองอาการขู่เป็นลูกแมวแล้วยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มความเหนื่อยจากการทำงานถูกเธอช่วยชำระล้างอย่างง่ายดายอยู่ทุกวัน เสียงเตือนข้อความเข้า “อลิสบอกว่าวันนี้เหมาะที่สุดสำหรับการปั๊มลูก ฉันเอาใจช่วยนายนะ” มัลลิกาแย่งมือถือเขาแล้ววางไว้ข้างกาย กุมหน้าคมคายให้หันมาสนใจ “จริงไหมคะ” “เรื่องไหน” ลูอิสถามเธอพร้อมกระเตงร่างหญิงสาวขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปห้องนอน ทุกจังหวะการเดินมั่นคงหนักแน่น สายตาก็มองหน้าคนเมาแล้วยิ้มอารมณ์ดี ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง มัลลิกาก็เป็นคนที่สามารถทำให้เขารู้สึกดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย “ที่ไม่ยอมให้พลอยไปทำงานเพราะจะได้มีความสุขกับพวกหล่อน” มัลลิกาว่าพรางทำแก้มป่องสอดสองแขนคล้องคอ ลูอิสยิ้มชอบใจที่ได้เห็นอาการคล้ายหึงหวงตนจากเจ้าหล่อน ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงพร้อมสองกายเดินเข้ามาด้านใน สะโพกได้รูปถูกวางบนเตียงกายชายกำลังจะถอยออกห่างแต่ถูกแขนที่คล้องคอรั้งไว้ จนเขาต้องตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีแค่คุณ”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ยัยตัวร้ายกับนายแบดบอย NC18++

ยัยตัวร้ายกับนายแบดบอย NC18++

Me'JinJin
4.5

กาย กันต์ธีร์ พิสิฐกุลวัตรดิลก ฉายาราชาแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ หนุ่มหล่อแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกคอมพิวเตอร์ ปี 4 เขาหล่อ เขาเฟียร์ส เขาเฟี้ยว เขาซ่าส์ แต่โคตรทะลึ่ง และสุดแสนจะทะเล้น จีบหญิงไม่เก่ง แต่ผมเยเก่งนะครับที่สำคัญผมโสดสนิท!!แต่อยู่ดีๆดันมาเสียหัวใจให้กับยัยตัวร้ายแบบเธอ!!!อลิส อังสุมาลิน "รักนะไอ้ต้าวลิส" อลิส อังสุมาลิน ฐิศานันตกุล นิเทศศาสตร์ ปี 2 เธอสวย เธอเซ็กซี่ เจ้าแม่แห่ง Sex appeal ปากไม่แดงไม่มีแรงเดิน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอตบ!!หลงรักกายหนุ่มหล่อแสนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ๆก็มาจูบปากเธอ แถมเล่นเกินเบอร์เรียกเธอว่าเมีย!! น่ารักเบอร์นี้อลิสยินดีตกหลุมรักจ้ะพี่จ๋า ชาตินี้ไม่ได้พี่กายเป็นผัว อลิสจะโสดคอยดู!!ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก🥰มารยาหญิงร้อยเก้าเล่มเกวียนงัดมาให้หมด ☺️☺️ "รักนะน้อนพี่กาย"

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

เด็กน้อยคว้าฝัน
4.8

เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง

Oh my boss ร้ายกาจนักรักบอสจัง

ผลิกา(เลอบัว)
5.0

เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”

อุ้มรักเมียแสนชัง

อุ้มรักเมียแสนชัง

เนื้อนวล
4.9

ปรมะพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับนักศึกษาของตัวเองจนตั้งท้อง เขาจำใจต้องรับผิดชอบอย่างไม่มีทางเลือก แต่ผู้ชายระดับไฮเอ็นเช่นเขาไม่ยอมเข้าตาจนง่ายๆ หรอก ในเมื่อพลาดไปแล้วก็ช่างมัน รับแค่ลูกเอาไว้ และเขี่ยแม่ของเด็กทิ้งลงถังขยะ นี่แหละคือทางออกที่ยอดเยี่ยมที่สุด! ตัวอย่างเล่ม : ระหว่างที่รองเท้าสีดำเงาวับกำลังย่ำลงไปบนพื้นกระเบื้องราคาแพง เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาชนเข้าที่ขาด้านหลัง ปรมะหยุดเดิน และก็หมุนตัวกลับไปมองสิ่งที่พุ่งเข้ามาปะทะร่างกายของตัวเอง เด็กผู้หญิงถักเปียสองข้าง... เขายิ้มที่มุมปากน้อยๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งเผชิญหน้ากับเด็กตัวจ้อย “อย่าวิ่งซนนะครับเด็กดี...” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมามองเขา ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างดีใจ “คุณพ่อ...” เขาไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเด็กหญิงตรงหน้า แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจจนแทบช็อกคือใบหน้าของเด็กหญิงคนนี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเขาตอนเด็กไม่มีผิด ปรมะถึงกับอึ้งงันไป แต่เด็กน้อยยังคงยิ้มแถมยังยกมือขึ้นลูบหน้าของเขาไปมา “คุณพ่อจริงๆ ด้วย... ไข่มุกไม่ได้ฝันไป... เย้...” “หนู...” ตอนนี้แม้แต่จะพูดออกมาให้เป็นคำยังยากสำหรับปรมะเลย เด็กคนนี้เรียกเขาว่าพ่อ แถมยังมีหน้าตาถอดแบบมาจากเขาในตอนเด็กอีกต่างหาก ซีรีส์ในชุดที่เกี่ยวข้องกัน 1. ขายหัวใจให้ท่านประธาน 2. มลทินรัก CEO 3. คืนเผลอรัก 4. อุ้มรักเมียแสนชัง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ