Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ร้อยเล่ห์ อาวรณ์รัก

ร้อยเล่ห์ อาวรณ์รัก

นามปากกา ญาตา

5.0
ความคิดเห็น
65
ชม
11
บท

หนี้สินที่พ่อหยิบยืมเอามาลงทุนกับไร่ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งเงินต้นและดอก แต่โชคร้ายที่ปีนั้นขาดทุน ด้วยความรักลูกไม่อยากให้รู้เรื่องนี้จึงปิดไว้ แต่ความลับไม่มีในโลก! อวัสดาที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ตั้งใจกลับมาช่วยสืบทอดกิจการของที่บ้านต้องเจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิด เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยจำนวนเงินมากมายทำให้เธอหมดหนทางเลือก จำใจต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ให้รู้เรื่อง

บทที่ 1 1

ไร่อวัสดา กำลังตกอยู่ในขั้นวิกฤตหนัก เมื่อผลประกอบการช่วงปีที่ผ่านไม่ดีเอาเสียเลย ผลไม้เน่าเสีย ราคาตกต่ำไม่พอแม้จะจ่ายค่าจ้างต่าง ๆ ทำให้ชีวิตสะดุดไปมากนัก กระทั่งเขาต้องไปกู้หนี้ยืมเงินมาหมุนเวียนในไร่ แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้

ชรันตร์นั่งทำหน้ากลุ้มใจมองหน้าขุนพลลูกน้องพ่อเลี้ยงพันกร เมื่อครบกำหนดต้องชำระเงินตามสัญญา เอกสารสัญญาฉบับสำเนาถูกวางไว้ตรงหน้า

“เงินที่พ่อเลี้ยงยืมไปใกล้ถึงกำหนดคืนทั้งต้นและดอกแล้วนะ”

“ปีนี้ขาดทุน ผมไม่มีเงินคืนให้ ขอเป็นปีหน้าได้ไหม รับรองจะคืนทุกบาททุกสตางค์แน่นอน” เขาพูดด้วยความมั่นใจแม้จะไม่เต็มร้อยแต่ก็แน่ใจว่าต้องหาเงินมาคืนให้ได้แน่นอน

“ไม่ได้ กำหนดคือสิ้นเดือนนี้ถ้าไม่เอาเงินมาคืน พ่อเลี้ยงก็เตรียมตัวย้ายออกจากที่นี่ได้เลย”

“เงินมากมายแบบนั้นผมหาคืนให้ตอนนี้ไม่ได้หรอก ขอเวลาอีกหน่อยได้ไหมคุณเลขา ช่วยพูดกับพ่อเลี้ยงหน่อยนะ”

“ผมคุยให้คุณมาสามครั้งแล้ว พ่อเลี้ยงกำชับมาต้องได้สิ้นเดือนนี้”

ชรันตร์ทำหน้ากลุ้มใจ ยกมือขึ้นลูบหน้า อย่างจนหนทาง ไม่ใช่

เพียงแค่เขาต้องเสียไร่ ยังต้องรับผิดชอบชีวิตคนงานที่หลายสิบคนที่ต้องขาดรายได้ และยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับบุตรสาว

รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดด้านหน้าออฟฟิศในไร่ พร้อมร่างอวัสดาที่ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์ผู้เป็นพ่อก้าวเท้าลงมา ดวงตาสดใส ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มมองภาพตรงหน้า แม้จะเปลี่ยนไปไม่มากแต่ยังคงภาพเดิมเหมือนก่อนที่เดินทางไปเรียนต่างประเทศ

“ฉันกลับมาแล้ว” เธอเอ่ยกับสายลมพัดยามเย็น แสงสีทองจากฟากฟ้าสาดส่งกระทบกับสิ่งของ

“คุณหนู!” ปราบปลื้มที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ก็รีบวิ่งมาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจ

“โตขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่าเนี่ย” เธอมองเด็กหนุ่มที่สูงใหญ่กว่าเธอมากนัก จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เจอตัวไม่สูงไม่เท่าไหร่

“พี่เรียนจบแล้วเหรอ จะกลับมาอยู่ยาวเลย”

“ตั้งใจจะอยู่ช่วยงานที่นี่สักพักใหญ่เลย” เธอบอกพร้อมรอยยิ้ม แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยิ้มตามแถมยังมีความกังวลใจจนเห็นได้ชัด พอได้เห็นแบบนั้นในใจก็เริ่มเป็นห่วงผู้เป็นพ่อ “พ่ออยู่ไหน”

“อยู่ในห้องทำงานครับ เอ่อ คุณหนู”

“มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีครับ”

อวัสดาเดินเข้าไปในออฟฟิศผู้เป็นพ่อ ทันทีที่บานประตูเปิดกว้าง ดวงตากลมโตก็เห็นชายคนหนึ่งยืนตรงหน้าก่อนจะหลีกทางให้เธอเดินเข้ามาด้านในแล้วสวนออกไป ความสงสัยจากคำพูดของปลาบปลื้มและยังมาเห็นคนจากไร่พันกรที่นี่อีกยิ่งเพิ่มมากขึ้น

“เซอร์ไพรส์ค่ะ” เธอเดินเข้าไปส่งยิ้มกว้างให้ผู้เป็นพ่อแต่ต้องแปลกใจกับสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่าย “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ไม่มีอะไร ลูกมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนก่อนนะเดี๋ยวพ่อให้คนทำกับข้าวเลี้ยงต้อนรับ” ชรันตร์ฝืนยิ้มให้ เพราะไม่อยากให้ลูกสงสัย

“ขอบคุณค่ะ แต่หนูอยากเดินดูไร่ของเราก่อน”

“เอาสิ เดี๋ยวพ่อให้ปลื้มพาไปนะ” ชรันตร์บอกพยายามซ่อนพิรุธไว้

“พ่อไม่ได้มีอะไรปิดบังหนูจริง ๆ ใช่ไหมคะ” อวัสดาเปิดปากถามหลังรอให้อีกฝ่ายเป็นคนเล่า แต่ก็ไม่ยอมพูด

“ไม่มี เดี๋ยวพ่อเรียกปลื้มมาหานะ” ชรันตร์เดินไปเปิดประตูเรียกหาปราบปลื้ม

เธอไม่เล้าหลือต่อความยาว ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเก็บเงียบ ก่อนเดินไปสำรวจไร่ที่เคยอยู่อาศัยมาตั้งแต่เด็ก เห็นการเปลี่ยนแปลงไปมาก

อวัสดาเดินมาหยุดมองวิวภูเขาสูง เริ่มเห็นกลุ่มอากาศที่ลอยจับตัวกันเป็นวงสีขาว หญิงสาวหันมองหน้าปราบปลื้มที่กำลังสนใจของที่เธอซื้อมาฝาก ก่อนจะเดินไปแย่งมาถือไว้

“ปลื้ม ที่ไร่มีอะไรหรือเปล่า”

“เอ่อ”

“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปขายทิ้งให้หมด

ไม่สิเอาไปให้คนงานคนอื่นดีกว่า เผื่อว่าเขาจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น” อวัสดาหยิบป้ายราคาที่ยังติดอยู่กับตัวเสื้อขึ้นมาก่อนจะทำท่าเก็บใส่ถุง ทว่าถูกปราบปลื้มแย่งไป

“ผมบอกก็ได้ แต่พี่อย่าบอกพ่อเลี้ยงว่าผมเป็นคนพูดนะ”

ปราบปลื้มเล่าเรื่องที่พอทราบให้อีกฝ่ายฟังแม้จะลงรายละเอียดไม่ลึกมากนักแต่พอทำให้รู้ว่าไร่อวัสดากำลังตกที่นั่งลำบาก และพ่อของเธอกำลังแบกรับทุกอย่างเอาไว้

เย็นวันเดียวกัน หลังกินข้าวเสร็จเรียบร้อย อวัสดาเดินมานั่งข้างผู้เป็นพ่อที่กำลังตรวจสอบบัญชีอยู่ เธอมองหน้าอีกฝ่ายชั่วครู่แล้วเอ่ยปากถาม

“พ่อช่วยเล่าเรื่องให้แพทฟังหน่อยได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้นถึงต้องกู้เงินคนอื่นแบบนี้”

ชรันตร์ชะงักสิ่งที่กำลังทำอยู่ เงยหน้ามองบุตรสาวก่อนจะถอดแว่นตาลงถอนหายใจหนัก ๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาไม่อาจปิดบังลูกสาวคนนี้ได้เลย

“สามปีก่อน พ่อไปงานเลี้ยงที่อำเภอมีคนแนะนำให้คนที่จะช่วยบริหารจัดการด้านการเงินให้ พ่อหลงเชื่อให้เขาช่วยดูแล แต่สุดท้ายพ่อจับได้ว่าเขาไม่ได้ช่วย แต่โกงเงินพ่อไปจนหมด โชคดีที่คุณพันกรเข้ามาช่วยไว้ แต่พ่อมารู้ตัวก็สายแล้วพ่อต้องช่วยคนงานให้ยังมีงานมีเงินทำ” ชรันตร์เล่า พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็เจ็บใจทุกครั้ง แต่จะโทษใครได้ หากไม่ใช่ความโง่ หูเบาของตัวเอง

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ นามปากกา ญาตา

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ